CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น , อีกหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นดีๆ ที่ว่าด้วย 'ความรักของวัยรุ่น' >>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (39 คน)
      ชอบ (68 คน)
      เฉยๆ (31 คน)
      ไม่ชอบ (8 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (5 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 151 คน

     25.83%
     45.03%
     20.53%
     5.30%
     3.31%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป พร้อมอ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมต่อที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=23-03-2008&group=14&gblog=82


    ... จากจุดเริ่มต้น 'แฟนฉัน' สร้างกลุ่มผู้กำกับที่น่าจับตามองให้กับแวดวงหนังไทย จากนั้น แต่ละคนก็หันไปสร้างผลงานฉายเดี่ยวของตัวเอง บ้างก็รุ่ง เช่น เพื่อนสนิท บ้างก็ร่วง เช่น หมากเตะฯ ฯลฯ

    ในบรรดาหนังฉายเดี่ยว เรื่องที่ผมรักมากที่สุดคือ ซีซั่นเช้นจ์ และ เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นก้าวย่างที่ไปได้ไกลกว่าจุดสตาร์ทมากที่สุดคือ เด็กหอ ของ ผู้กำกับทรงยศที่เป็นเจ้าของ ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น

    ... จุดเด่นของปิดเทอมใหญ่ฯ ที่น่าสนใจคือการที่หนังไม่จำเพาะเจาะจงเหมารวมวัยรุ่นแบบเดียว แต่แตกแขนงช่วงวัยเล่าไปตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น (early adolescent) กินยาวไปจนถึงช่วงวัยรุ่นตอนปลาย (late adolescent) ด้วยวิธีการเล่าสลับไปมาเหมือนสไตล์หนังหลากชีวิตเช่นใน Love actually ที่นำเสนอความรักหลากหลายรูปแบบที่ช่วงวัยนี้ต้องเผชิญ



    วัยที่เพิ่งสลัดความเป็นเด็กและกำลังจะก้าวเข้าเป็นหนุ่มสาว


    ...ในช่วงม.3 ของ ไม้ พุ และ นา ที่เป็นตัวแทนของเด็กผู้ชายที่กำลังจะใช้คำว่า ‘นาย’ นำหน้าชื่อ เราจึงเห็นภาพของเด็กที่เริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่ บ้างก็ทำตัวโตเกินวัยแต่แท้จริงข้างในยังเหมือนเด็ก (pseudomaturity) บ้างก็ละล้าละลังยังเลือกไม่ได้ว่าการทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต้องทำเช่นไร

    ช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เริ่มต้องการ การยอมรับจากคนอื่น รูปแบบที่เห็นจึงเป็นเช่น ไม้กับพุ ที่แข่งกัน จีบสาว แข่งขันเอาชนะใจอีกฝ่าย หรือ นา เด็กหญิงที่เริ่มต้นเข้าวัยสาว ก็ย่อมยินดีกับการเป็นที่สนใจ เพราะมันก็เหมือนกับได้รับการยอมรับว่าตัวเองนั้นสวยพอหรือดีพอ



    วัยรุ่นตอนต้นถึงตอนกลางอย่าง โอ๋เล็ก


    ที่เป็นตัวแทนวัยรุ่นจำนวนมากที่มักจะมี idol ของตัวเอง บ้างก็เป็นนักร้อง บ้างก็เป็นดารา หรือ บ้างก็เป็นนักกีฬา และ idol เหล่านั้น บ่อยครั้งที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญหนึ่งต่อช่วงชีวิตวัยรุ่น เช่น บางคนเรียนดนตรีเพราะอยากเป็นอย่างนักร้องในฝัน หรือ โอ๋เล็กที่เลือกเรียนภาษาจีนด้วยหวังที่จะฟังเพลงของตีตี๋ นักร้องในดวงใจให้อินยิ่งขึ้น

    ดังนั้น หากพัฒนาไปได้ถูกทางการมี idol ก็เป็นปัจจัยหนึ่งของการสร้างความฝันและช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่หากหลงหมกมุ่นมากเกิน วัยรุ่นก็จะจมอยู่กับภาพลักษณ์แต่ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้เติบโต

    ความรักเช่นนี้มักมีปัญหาตามมา เพราะเมื่อพ่อแม่เริ่มกังวลว่า idol จะสำคัญกว่า พ่อแม่พี่น้อง ทำให้พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจเด็กๆรีบกีดกันปิดกั้น โดยไม่ทันเข้าใจว่า ทั้ง idol และ peer group(กลุ่มเพื่อน) เป็นกลุ่มบุคคลสำคัญในช่วงวัยนี้และมักจะมีอิทธิพลกับเด็กทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ท้ายที่สุดครอบครัวก็ยังสำคัญที่สุดอยู่ดี



    วัยรุ่นที่ความเป็นผู้ใหญ่ฉายชัดมากขึ้น ของ โจ้


    นักศึกษาน้องใหม่ที่กำลังเผชิญภาวะ แอบรักเพื่อนสนิท กับ ซี เพื่อนร่วมคณะ โจ้หวังพิชิตใจซี ด้วยวิธีการจากหนังรักในดวงใจ Love actually วิธีการของโจ้ราบรื่น แต่เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าความสัมพันธ์เกินขอบเขตความเป็นเพื่อน ทุกความปรารถนาดีของโจ้ก็ต้องถูกเบรก เพราะอีกฝ่ายมองเขาเป็นแค่ เพื่อนคนหนึ่ง ไม่มากไปกว่านั้น

    การเริ่มสนใจเพศตรงข้ามหรืออยากมีแฟน ในช่วงวัยนี้ เป็น พัฒนาการปกติธรรมดาที่ความรักจาก puppy love ตอนเด็กๆ จะเริ่มหันเห มาสู่ความรักที่เริ่มอยากจะมีพันธะผูกพันมากขึ้น มีความคาดหวังกับอีกฝั่งมากขึ้น ดังนั้น ภาวะอกหักรักคุดแล้วทำใจไม่ได้ทำร้ายตัวเองหรือตามรังควานอีกฝ่าย จึงเริ่มเกิดในช่วงวัยนี้




    วัยรุ่นที่กำลังจะก้าวพ้นวัยเด็กและไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ของ เหิร


    ...ผู้ต้องเผชิญกับบททดสอบหัวใจว่าจะหนักแน่นมั่นคงได้เพียงใด ระหว่าง ความรักที่ผูกพันกันมาสามปีกับหญิงสาวผู้แสนดีที่นัดหมายจะเจอกันในวันครบรอบเดท กับ หญิงสาวในสเป็คที่พบเจอระหว่างเดินทางไปหาแฟน

    ซึ่งความหนักแน่นมั่นคง ก็เป็นบทพิสูจน์สำคัญของพัฒนาการทางสังคมที่ช่วงวัยนี้เริ่มต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ การที่จะต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงความรู้สึกกับชีวิตของคนรัก ของลูกๆ ของลูกน้อง




    ... สี่ช่วงวัยที่เห็นในหนัง คือ ข้อดีของวัยรุ่น ที่วัยอื่นต้องอิจฉา นั่นคือ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ และ แน่นอนว่าทุกๆก้าวย่างของการเรียนรู้ย่อมต้องพบเจอกับอุปสรรค ต้องเคยผิดพลาด ต้องเคยผิดหวัง ต้องเคยหลงทาง แต่ วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่มีเวลามากกว่าวัยอื่นๆที่จะพลิก ความผิดพลาด เหล่านั้น เป็น บทเรียนให้ใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปให้ดีกว่าเดิม

    เช่น

    ...บทเรียนของการขี้โกงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หรือ ภาวะเลือกแบบไม่ฟันธงจนสุดท้ายต้องเล่นน้ำเพียงลำพัง ใน Part ไม้ พุ นา ทำให้พวกเขาเรียนรู้กติกาการใช้ชีวิต และ ความรักของคนเป็นผู้ใหญ่ได้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องอื่นๆด้วยเช่นกัน

    ...บทเรียนที่ไม่เหมือนสมัยเด็กๆที่แค่ขยันก็จะสอบได้คะแนนดี แต่สอนให้รู้ว่าเมื่อเราโตมากขึ้น การจะสมหวังหรือผิดหวัง มีปัจจัยอื่นคอยควบคุมมากกว่า ‘ความพยายาม’ และ เราจะสามารถรับมือกับความผิดหวังได้ดีเพียงใด หากความฝันที่ทุ่มไว้ต้องสิ้นสุดลง ใน Part โอ๋เล็ก

    ... บทเรียนของความรักที่คนอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่มีให้นอกจากเรา ในวัยเด็กจะอย่างไรพ่อแม่ก็รักเรา แต่เมื่อโตขึ้นหากเรารักใครถึงจะทุ่มใจให้เต็มที่ก็ใช่ว่า จะได้รับรักนั้นตอนแทน แต่ บางคนเมื่อเจอความผิดหวังจากความรัก ก็เลือกทำร้ายตัวเองกับคนรอบข้าง บางคนเลือกที่จะพยายามต่อไปไม่สิ้นสุด และ บางคนก็เลือกที่จะเรียนรู้ที่จะรักในอีกรูปแบบ เช่น เป็นเพื่อนที่ดี และ เก็บความรักที่ยังมีไว้กับใจ ใน Part ของโจ้

    ... บทเรียนของการปล่อยให้ความหลงความใคร่ชั่ววูบ มาทำลายความสัมพันธ์ดีๆ เพราะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งยั่วเย้าก็จะทวีมากขึ้น ดังนั้น เมื่อไรที่ขาดความหนักแน่นมั่นคง ย่อมตามมาด้วยการชักจูงกิเลสอื่นๆตามมา และ ยิ่งอ่อนแอก็จะยิ่งหยุดยั้งมากขึ้น (เหมือนในหนังที่ เริ่มต้นแค่พูดคุย ตามต่อด้วย ลงจากรถไฟ ตามต่อด้วย การโกหกอีกฝ่าย แน่นอนย่อมคาดเดาได้ว่า สุดท้ายจะไปลงเอยที่ใด) และ เมื่อเราได้ทำผิด ทำร้ายจิตใจคนที่เรารักขึ้นมา การจัดการกับ ความผิดนั้นก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ใน Part ของเหิร


    ซึ่งสุดท้ายความผิดพลาด ความผิดหวัง ของแต่ละ Part แต่ละคนได้รับไปนั้น ก็กลายเป็น บทเรียนที่พวกเขาจะได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น และ พร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น มิใช่ โตแต่ตัวตามอายุเพียงอย่างเดียว



    ....การโยงเรื่องราวหลากชีวิตในหนังตระกูลนี้ที่มักจะประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับฝีมือผู้กำกับที่จะร้อยเรียงเรื่องราวหลากชีวิตนั้นให้จับกลุ่มเกิดความสมดุล มีความต่อเนื่องทั้งเนื้อหาและอารมณ์ รวมทั้งไม่ทำให้เรื่องใดต้องเด่นหรือห่วยชนิดแปลกแยก

    สำหรับ ปิดเทอมใหญ่ฯ ในส่วนการร้อยเรียงเนื้อหานั้นไม่สะดุด แต่ อารมณ์ของหนังกลับพาไปได้ไม่สุดและขาดความต่อเนื่อง อีกทั้งการเขย่ารวมแต่ละตอนให้เป็นเนื้อเดียวกันยังไม่ลงตัว สังเกตได้ชัดถึงการเล่าเรื่องแบบเพลินมือ เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง ที่ บางตอนใช้เวลามากไป และ บางตอนก็ทิ้งช่วงห่างเกินไปจนเกือบลืม



    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 51 12:04:43

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 24 มี.ค. 51 11:58:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom