CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" ... GTH(อีกแล้ว) กับ [4 in 1] หนังรักใสๆ หัวใจ Feel Good

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (23 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (48 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (5 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (3 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 79 คน

     29.11%
     60.76%
     6.33%
     3.80%


    แม้ส่วนตัวผมจะกล้ายอมรับได้เต็มปากว่าเป็น สาวก GTH ...เท่าที่จำได้ น่าจะแทบไม่เคยพลาดหนังจากค่ายนี้มาสักกะเรื่อง

    แต่ถ้าให้ถามใจตัวเองแต่แรก ที่เห็นหนังเรื่องใหม่อย่าง "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" นั้น ...ก็คิดแบบโกงไปเองว่า มันไม่มีอะไรใหม่ๆที่ดูสดกว่านี้แล้วหรือ เห็นหน้าหนังก็มองออกว่ามันดูซ้ำจนช้ำไปแล้ว แล้วยิ่งถ้าคิดย้อนกลับไปถึงสองมาสเตอร์พีซสุดประทับใจอย่าง "เพื่อนสนิท" กับ "Season Changes" อีกต่างหาก ก็ไม่กล้าคิดว่าหนังที่มาใหม่จะทำออกมาได้แหล่มเท่าสองเรื่องนั้นไปได้ ...นี่ยังไม่รวมกับกรณีที่อาจสายเกินไปแล้ว สำหรับการทำหนังไทยอีกสักเรื่องที่ว่าถึงความรักรอบตัว ให้ได้ความโดนที่ตราตรึงใจเท่า "รักแห่งสยาม" ...ยิ่งในข้อหลัง ยิ่งไม่อยากตั้งความหวังอะไรเลยทีเดียว (กลัวถ้าคิดแล้วมันไม่เท่า ..จะกลายเป็นเปลืองกำลังใจลุ้นเปล่าๆ)

    แต่ในเมื่อผมยังขึ้นชื่อว่าเป็นสาวก ที่รักผลงานของค่ายนี้จริงและจัง (ล่าสุดเพิ่งตอกย้ำด้วย "กอด" ที่โดนใจเป็นยิ่ง) ก็อดไม่ได้ที่ไม่ดู ... ถึงไม่หวังอะไรให้ดีเยี่ยม ก็ขอเพียงแค่อย่างน้อยๆ ให้หนังดูเพลินๆ สร้างความผ่อนคลายใจ ตามสไตล์ Feel Good ที่ถนัด ก็นับว่าโอเค

    แต่แล้วที่ผมคาดหวังไว้เพียงให้หนังสนุก ก็ได้อะไรเกินกว่าที่คิดกลับมา ...หนังสั้นๆ 4 เรื่อง รักของวัยรุ่น 4 รส ที่ตัดสลับเวียนวนละคนกัน ใน ปิดเทอมใหญ่ฯ ยังมีอะไรที่เรียกว่า 'ดี' เกินความหมายมุ่งอยู่ในนั้น

    รักต้องแย่ง ...พูดถึง เด็กชายม.ต้น 2 คน "พุ" และ "ไม้" ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ...พวกเขาใช้หน้าตาและเล่ห์เหลี่ยมที่มีสร้างเกมๆหนึ่งขึ้นมาท้าทายกัน โดยต้องแข่งขอเบอร์โทร.สาวมาเก็บเอาไว้ในสต๊อก เพื่อแสดงถึงความเนื้อหอมของแต่ละคน ...แต่แล้วเกมๆนี้ ก็เริ่มระอุขึ้นมาอีกระดับ เมื่ออดีตเพื่อนสาววัยอนุบาล "นานา" กลับมาเที่ยวบ้าน พร้อมด้วยหน้าตาอันสะสวยขึ้นจนจำไม่ได้ ...และด้วยความที่มีหน้าเป็นภาชนะหุงต้มนี่เอง ที่นำพาทั้ง 2 ต้องท้าทายกันจีบเธอคนนี้ให้ติด และถ้าใครขอเบอร์มาได้ก่อน ผู้นั้นก็จะชนะไปอย่างใสสะอาด

    รักต้องกรี๊ด ...พูดถึง เด็กสาววัยใส "โอ๋เล็ก" ผู้คลั่งไคล้นักร้องเอเชียอย่างไม่สามารถห้ามอาการออกนอกหน้าได้ ...เธอฝันจะมีสักครั้งหนึ่้งในชีวิตที่อยากจะได้พบกับ "ตี่ตี๋" ขวัญใจของเธอแบบตัวเป็นๆเห็นกับสองตา และโอกาสนั้นก็ได้มาถึงเมื่อเขาจะจัดคอนเสิร์ตมาเยือนที่ไทย ...แต่ก่อนที่จะได้พบเขาอย่างใจระทึก เธอจำต้องฟันฝ่ากับการเรียนภาษาจีนให้พ้นไป เพียงหวังจะได้ร้องเพลงของตี่ตี๋คลอตาม โดยรู้ความหมายของเนื้อเพลงนั้นอย่างเข้าใจ

    รักต้องเผย ...พูดถึง ความสนิทสนมของหนุ่มสาวในฐานะเพื่อน ที่มีคนใดคนหนึ่งคิดไม่ซื่อจนเกินเลยจากบรรทัดฐานนั้นไป ..."โจ้" คือคนๆนั้น ที่คิดอะไรมากไปกว่า กับ "ซี" เพื่อนสาวที่เขาแอบรัก ...และเขาก็เลือกจะไม่กักเก็บความรู้สึกนั้นในใจเงียบๆเพียงผู้เดียว หากแสดงออกกันตรงๆ ด้วยกลวิธีที่เขาคิดว่าน่าจะเวิร์ค แต่มันกลับให้ผลที่ตรงกันข้าม เมื่อเพื่อนสาวของเขาไม่เล่นด้วย

    รักต้องห้าม ...พูดถึง หนุ่มสาวที่ได้คบหากันเป็นแฟนมาแล้ว 3 ปี... "เหิน" และ "นวล" อาจดูจะเป็นคู่รักที่รักกันดี ไม่่น่ามีปัญหาใดๆมาขอข้องเกี่ยว หากแต่ลึกๆแล้่ว ความหื่นของเหิน ก็ไม่อาจจบลงได้ และเขาเลือกจะระบายมันผ่านการดูหนัง X ...และแล้วความปลาบปลื้มนางเอกในหนังที่ไม่ได้จบลงแค่ในจอ ก็ก่อปัญหาให้แดงขึ้นมา เมื่อเขาไป
    จ๊ะเอ๋กับ "Sora Aoi" เข้าจังๆบนรถไฟสายเดียวกับจุดหมายที่จะไปเที่ยวหา นวล ...เพราะด้วยเหตุฉะนี้แล้ว มีหรือที่ เหิน จะอดไม่หวั่นไหวหัวใจและหัวไข่ ไปกับสาวสวยขวัญใจตรงหน้าได้

    ถึงแม้ว่าหนังจะแยกเรื่องความใส แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบอย่างชัดเจนและแตกต่าง ...แต่ถ้ามองในแง่ที่หน้าหนังพยายามจะนำเสนอ ก็ยากจะเลี่ยงข้อครหาที่ดูซ้ำไปได้ แล้วที่อดไม่ให้คิดถึงไม่ได้ ก็คือ การเป็นหนังที่แตกหน่อต่อยอดมาจากความสำเร็จของ 2 งานข้างต้น จากเพื่อนในกลุ่ม "แฟนฉัน" ด้วยกัน... ถึงจะแตกต่างในเรื่องราวและตัวหนังก็ตาม แต่ด้วยสไตล์ที่มาจากเนื้อผ้าเดียวกันแล้ว ก็ไม่อาจเบี่ยงเบนประเด็นความคล้ายคลึงไปได้ง่าย

    แม้ส่วนตัวจะไม่นิยมกับความซ้ำที่ดิ้นไม่หลุด แต่ในความ Feel Good แบบฉบับ GTH ก็ถือว่ายังมีเสน่ห์ที่แจกจ่ายขายคนดูได้ ...เมื่อรู้ว่าผู้บริโภคหนังต้องการอะไรเมื่อมาดูผู้สร้างเจ้าของแบรนด์นี้ก็สามารถให้ความสุขสนุกสนานกับเราได้ จะมากจะน้อย จะท่วมท้นหรือแห้งแล้ง ก็แล้วแต่คนดูจะหยิบจับไปได้... โดยส่วนตัวที่ดูหนังค่ายนี้มา ก็ยังมีที่เรียกว่า ผิดหวัง อย่างเต็มปากเต็มคำอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ติดใจ ก็คือ การไม่เสียดายค่าตั๋วเลยสักครั้ง (ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว "โกยเถอะโยม" ที่ดูจบแล้วอดด่าตัวเองไม่ได้)

    แล้วเมื่อเทียบกับงานหนังเรื่องก่อนอย่าง "เด็กหอ" (แม้เป็นหนังดี ...แต่ผมไม่ค่อยชอบนัก)... ผู้กำกับ "ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์" ก็บินเดี่ยว ทำหนังได้อยู่มือมากขึ้น ควบคุมเรื่องราวและความสนุกสนานได้ลงตัวกว่า... ทั้งยังสามารถบิดความเดิมๆ ของเนื้อหนังที่ดูซ้ำ ไม่ให้ออกมาซ้ำซากกับภาพพจน์เก่าๆของหนังมาก่อนที่ยังคงจดจำได้... แล้วถ้าแบ่งแยกสิ่งที่ต้องการของคนดู ส่วนที่ให้ความหรรษาคอมเมดี้ ก็ทำหน้าที่เสริมความเพลินของตัวหนังได้อยู่ ขณะเดียวกันตัวเรื่องที่ดำเนินไปก็มีความเข้มข้น น่าติดตาม ที่ค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นมา จนทำให้เราอยากรู้ว่าหนังจะหาทางออกเช่นไร ให้หนังสั้นทั้ง 4 จบลงได้ Feel Good เช่นเคยๆ ...แม้อาจไม่ยากเกินคาดเดา แต่หนังก็ทำเอาลุ้นได้ตามน้ำไปพอสมควร

    แต่แล้วก็มาเกิดความเสียดายกับความดีข้างต้น ด้วยสาเหตุของความ Smooth ในการส่งต่อเรื่องแต่ละเรื่องตามๆไป ยังไม่แม่นยำ และดูสะดุดจนเปลี่ยนอารมณ์ผันตามแทบไม่ทัน ...ทั้งๆที่เคยมีเครดิตในช่วงแรกซึ่งถือว่าทำได้ดีค่อนข้างเยี่ยมเลย ในการใช้เทคนิคเป็นสัญลักษณ์ภาพและเสียงส่งต่อ แต่ช่วงท้ายๆ สิ่งที่เคยได้ผลนั้นกลับหายไปเสียเฉยๆ แล้วถึงให้ดูพินิจพิเคราะห์ในมุมไหนๆอย่างไร ก็เห็นชัดว่ามันดูเป็นเพียงการตัดแล้วต่อ ที่ส่งทอดอารมณ์ไม่เนียนเท่าไหร่นัก

    ความไม่เนียนของอารมณ์อาจดูเป็นปัญหาที่มีผลลดความอินต่อหนังไปชัดๆแล้ว ...แต่อีกสิ่งที่เป็นปัญหาจนชัดเจนกระจ่างใจกว่า ก็คือ การเดินเรื่องราวของหนังที่มุ่งเน้นไปหาจุดจบอย่างเร่งและเร็วเกินไปในช่วงท้าย ...มันเกิดความเสียดายที่ตอนแรกๆ ของหนังสั้นแต่ละเรื่องนั้นก็ล้วนใส่เนื้อกับน้ำของตัวเองลงไปได้อย่างถี่ถ้วนพอควรจะรู้แล้ว จนเมื่อเราอิน ติดตามติดใจมาถึงตอนจบ การหาทางออกของเรื่องแต่ละเรื่อง ก็ดูเป็นง่ายไป ด้วยเหตุผลที่หนังไม่สามารถเก็บรายละเอียดที่ควรจะมีไว้ แต่กลับเลือกให้ขาดหายไป ...ซึ่งมันเป็นความรู้สึกโหวงๆ อันก่อให้เกิดช่องว่างเล็กๆที่ทำให้เรานึกฉงนว่า อะไร ทำไม ด้วยเหตุไฉน ตัวละครจึงคิดอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ยุ่งยากอะไรนักที่จะใส่มันเข้าไปเพื่อเพิ่มเวลาอีกสักนิด ...หากถ้าหนังเลือกจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ ฉากจบที่ทำได้ดี และจี๊ดใจอย่างที่เป็นอยู่ ก็คงจะมีมูลค่าที่น่าจดจำไปมากกว่านี้ได้อีก

    แต่ในกรณีของข้อตำหนิที่ว่าตอนจบไม่จี๊ดสุดๆนั้น ...โดยส่วนตัวและใจของผม ขอยกเว้นและโอนเอียงให้กับ พาร์ทเรื่อง 'รักต้องเผย' ...เพราะเท่าที่ผมนึกภาพอย่างต่อเนื่องร้อยเรียงกันไป ลองให้นับหนึ่งถึงร้อย ก็รู้สึกว่า มันเล่าได้ครบและสมบูรณ์ดีแล้ว อีกทั้งด้วยความเอียงจากกรณีที่ตัวเองเคยเกิดเรื่องราวพรรค์นี้ขึ้น (อาจไม่เหมือนในวิธีทำ แต่ก็ค่อนข้างคล้ายวิธีคิด) ก็นับว่าจี๊ดเหลือแสน ที่หนังหาทางออกได้ถูกต้องและไม่มีขัดใจ (ฉากที่ล้อเลียนหนังรักชื่อดังเรื่องหนึ่ง อาจจะดูว่าลอกกันชัดๆ แต่ก็มีกลวิธีเล็กๆน้อยๆที่หักเหไปแล้ว ยังน่ารักไม่หยอก...หากในท้ายที่สุดผลลัพธ์ของมันก็กลายไปเป็นการหักมุมที่น่าสะเทือนใจแทนนัก)

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 25 มี.ค. 51 17:22:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom