CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<< ดูแล้วมาคุยกัน ... Always: Sunset on Third Street 2 , บางสิ่งที่ไม่สามารถซื้อหา และ มีคุณค่ามากกว่าเงินทอง >>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (12 คน)
      ชอบ (6 คน)
      เฉยๆ (2 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 21 คน

     57.14%
     28.57%
     9.52%
     4.76%
     0.00%


    เลือกอ่านบทความนี้ พร้อมอ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมต่อที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=03-04-2008&group=14&gblog=83


    ...ผมเองเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบหน้าม้า หาคนดูเข้าไปชม เพราะประทับใจกับความรู้สึกอิ่มอุ่นที่หนังมอบให้ ดั่งหลักฐานที่เขียนไว้ใน blog นี้


    รักคุณ ขออาสาเป็นหน้าม้า ขออาสาเป็นป๋าดัน เชียร์หนัง .. Always: Sunset on Third Street (หนังของเขาดีจริงๆ)
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=5&month=04-2006&date=24&blog=1



    ... แม้หนังจะอยู่ในกลุ่มที่ บิวท์สุดฤทธิ์ แต่ผมก็ไม่ขัดข้องหาก การบิวท์นั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะโน้มน้าวให้เราคล้อยตามที่จะรักและอินไปกับมัน ดั่งที่เขียนไว้ใน blog นี้

    love Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2006&date=13&group=1&blog=1



    ... ความจำสุดท้ายเมื่อสองปีก่อน คือ ความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ผมไม่อยากให้สร้างภาคต่อ เพราะ ภาคแรกจบสมบูรณ์ในตัวเองแล้ว แต่เมื่อผู้สร้างทีมเดิมคิดจะสร้างภาคสองขึ้นมาจะให้พลาดได้อย่างไร


    ...เรื่องราวในภาคสอง สานต่อภาคแรกแบบไม่ทิ้งช่วงไปนาน นับตั้งแต่ ฮิโรมิรับแหวนที่มองไม่เห็นหนีไปเป็นนางระบำ ส่วน ริวโนะสุเกะก็รับอุปการะเด็กที่ชื่นชมเขาไว้ดูแลดั่งลูกชาย จุดเริ่มต้นของภาคนี้คือเมื่อพ่อตัวจริงของ จุนโนะสุเกะ หวนกลับมาเพื่อต้องการรับลูกกลับไปเลี้ยงเอง เพราะเชื่อว่า นักเขียนไส้แห้งคงไม่สามารถดูแลลูกเขาได้ดีพอ

    ธีมหลักในภาคนี้พูดแบบชัดแจ้งตรงไปตรงมาผ่านปากตัวละครพ่อผู้เป็นนักธุรกิจตั้งแต่ต้นเรื่อง เกี่ยวกับ ‘บางสิ่งที่ไม่ได้สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินตรา กับ การปรับตัวของญี่ปุ่นผ่านยุคสงคราม’


    ...จากนั้น หนังก็เริ่มนำเสนอตัวละครใหม่ๆ+พล็อตย่อยๆ เช่น

    พฤติกรรมต่อต้านแกมแก่แดด จากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ , การใช้ชีวิตแบบรู้สึกผิดในฐานะผู้อยู่รอด (survivor guilt) ของอดีตทหารเก่า , การก้าวเข้ามาของเด็กหนุ่มในชีวิตของโรขุ , อดีตรักฝังใจของหญิงสาวที่ต้องพลัดพรากเพราะสงคราม

    เรื่องราวใหม่ๆเหล่านี้ถูกแต่งแต้มเข้ามาในหนังภาคสอง เพื่อขับย้ำธีม ‘บางสิ่งที่ไม่ได้สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินตรา กับ การปรับตัวของญี่ปุ่นผ่านยุคสงคราม’ ที่หนังต้องการสื่อสาร แต่ เรื่องราวใหม่ๆที่ใส่เข้ามา ส่วนที่เด่นที่สุดในหนังภาคนี้ก็ยังมาจากพล็อตเก่าในภาคแรก นั่นคือ ส่วนของนักเขียนหนุ่ม กับ เด็กผู้ชาย และ หญิงสาว

    ...สามคนนี้คือตัวละครสำคัญที่ตบประเด็น บางสิ่งที่มีคุณค่าสำคัญกว่าเงินตรา  ให้ชัดเจนเรียกน้ำตาอีกครั้ง เมื่อ ชายหนุ่มพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าแม้ไม่มีเงินทองแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้คนดูถูกโดยไม่ทำอะไร และ พยายามเต็มความสามารถที่จะรั้งคนที่รักไว้ให้อยู่กับตัว จนถึงสุดท้ายหากรู้ว่าตัวเองไม่สามารถดูแลคนที่รักได้ดีพอ ก็พร้อมจะปล่อยให้เขาไปมีอนาคตที่ดีกว่า

    ด้วย ความรักและความดี ที่ไม่สามารถตีค่าเป็นราคาได้นี้เอง จึงทำให้ พ่อที่แท้จริง ไว้วางใจและเชื่อมั่นที่จะฝากลูกตัวเองไว้ต่อไปแม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม เช่นเดียวกับ หญิงคนรักที่สัมผัสได้ถึง ความรักและห่วงใยอันแท้จริง ซึ่ง แหวนที่มองไม่เห็น ย่อมมีคุณค่ามีราคามากกว่า ทรัพย์สมบัติของคนที่เธอไม่ได้รักมอบให้

    ประเด็นในส่วนนี้ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนักให้ประเด็นที่สอง นั่นคือ หลังญี่ปุ่นถูกสงครามทำลายลง แม้ผู้คนจะยังยากจนกำลังก่อร่างสร้างตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฟื้นฟูประเทศหาใช่เงินทอง แต่เป็น ความดีงามและความรักของผู้คนต่างหากที่สำคัญ

    เพราะมันเป็นพลังสำคัญในการก่อเกิด ความหวังอันเรืองรองเฉกเช่นแสงสว่างที่ทุกคนเฝ้ามองบนหอคอยโตเกียว เช่นเดียวกับที่พ่อของจุนโนะสุเกะมองเห็นในตัว นักเขียนไส้แห้งยากจนคนหนึ่ง


    ....ภาคนี้หากมองอย่างไม่เปรียบเทียบ ก็จัดได้ว่า เป็นหนังอิ่มอุ่นหัวใจอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทำออกมาได้ไม่ขัดเขิน มี CG ที่เนียนตา มีการแสดงที่เรียกเสียงฮาและเรียกความประทับใจ

    แต่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แฟนๆต้องคิดถึงภาคแรก ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อภาคแรกลอยขึ้นมา ภาคนี้ถือว่าด้อยกว่าในทันที เพราะ ตัวละครใหม่ๆที่ใส่เข้ามาไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ติดตรึง พล็อตย่อยๆที่กระจายในภาคนี้ไม่มีน้ำหนักน่าสนใจใกล้เคียงส่วนของ นักเขียนหนุ่ม

    ซึ่งต่างจากภาคก่อน ที่พล็อตย่อยชีวิตอื่นๆบนถนนสายที่ 3 แห่งนี้ สามารถเรียกน้ำตาและความประทับใจได้ไม่แพ้กัน เช่น เราร้องไห้ให้กับเด็กสองคนที่กลับบ้านช้า เราเสียน้ำตาให้กับแหวนที่มองไม่เห็น เราน้ำตาซึมให้กับเด็กสาวที่คิดว่าครอบครัวไม่รัก ฯลฯ


    ...ภาคนี้ถึงจะมี ความพยายามบิวต์อารมณ์ น้อยกว่าภาคแรก แต่ ปัญหาคือ ภาคแรกอาจจะจงใจใส่ความรู้สึกดีเต็มที่แต่มันก็มีศักยภาพมากเพียงพอที่เราจะฟีลกู๊ดตามไปกับหนัง แต่พอผกก.ลดพลังตรงจุดนี้ไป เรากลับเริ่มรู้สึกถึงความเลี่ยนๆเรื่อยๆแบบไม่อินดีเท่าไหร่นัก บทที่เขียนมาให้บุคลิกตัวละครกับซับพล็อตในภาคนี้ยังไม่มีพลังขยี้อารมณ์ได้มากพอ

    ยังดีที่ช่วงท้าย หนังตีตื้นรีดน้ำตาขึ้นมาได้บ้าง เมื่อหนังกลับมาบิวท์ได้มีประสิทธิภาพเหมือนภาคแรก คือ ถึงเราจะรู้ว่ามันน้ำเน่าหนักหนา มันเมโลดราม่าสุดฤทธิ์ แต่เราก็ยินดีที่จะปล่อยใจให้คล้อยตามก่อนจะปิดฉากลงอย่างสวยงาม จะน่าผิดหวังเล็กน้อยก็ตรง ภาคนี้ดูเหมือนอะไรต่อมิอะไรจะบอกกันจะๆแจ้งๆไม่ปล่อยให้คนดูได้คิดแล้วอิน เช่น ตอนจบของภาคแรก หนังไม่ได้มีบทสรุปให้ทุกชีวิต แต่ มอบความหวังทิ้งไว้ให้จินตนาการคนดูได้เติมเต็มด้วยตัวเอง แต่ ตอนจบของภาคนี้ค่อนข้าง บอกบทสรุปเบ็ดเสร็จชัดเจนโดยไม่เหลือช่องว่างใดๆให้กับคนดู


    สรุป ... ดูภาคแรกมาแล้ว ภาคนี้ย่อมห้ามพลาด แต่ยังไม่เคยดูซักภาค น่าจะหาภาคแรกมาดูก่อน


    smile จขกท.ขอเชิญชวนเพื่อนผู้อ่านในกระทู้ ใน Blog และ ใน Book มาเยี่ยมเยือนพูดคุยและบังคับรับลายเซ็น ที่ บูธซีเอ็ด ใน งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสองโมง จ้า (อย่าปล่อยข้าพเจ้านั่งหง่าวเพียงลำพังเลย)

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 3 เม.ย. 51 13:33:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom