CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    หวานมันส์ .... ชำแหละหนัง: Vantage Point, เป็นการนำส่วนผสมระหว่าง 24 และ Rashomon มาเข้ากันได้ลงตัวกว่าที่คาดไว้!(SPOIL)

      10 - 9.5 / 10 (6 คน)
      9 - 8.5 / 10 (9 คน)
      8 - 7.5 / 10 (4 คน)
      7 - 6.5 / 10 (3 คน)
      6 - 5.5 / 10 (2 คน)
      5 - 4.5 / 10 (0 คน)
      4 - 3.5 / 10 (0 คน)
      3 - 2.5 / 10 (0 คน)
      2 - 1.5 / 10 (0 คน)
      1 - 0 / 10 (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 24 คน

     25.00%
     37.50%
     16.67%
     12.50%
     8.33%
     0.00%
     0.00%
     0.00%
     0.00%
     0.00%


    .... สำหรับคนที่ไม่เคยดู Rashomon หรือ Pulp Fiction หรือ Memento แล้วมาดูหนังเรื่องนี้ทันที แล้วยังคิดว่าแนวคิดหนังเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกใหม่มากๆ ความจริงหนังเรื่องเป็นลูกผสมแนวใหม่ที่หนังแนวแอ็คชั่นทั่วไปไม่ค่อยใช้กันนักเท่าไหร่ ยกเว้นซีรี่ส์เรื่อง 24 ที่มีไอเดียเล่นเรื่องเวลาซะมากกว่า แต่คำถามก็คือว่า ความแปลกใหม่ของหนังเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหน คำตอบที่ผมให้ได้ก็คือ "ลูกผสมที่ยืมจากเรื่องนู้นเรื่องนั้นมาผสมในแบบใหม่เข้าด้วยกัน" ทำให้เรารู้สึกเรื่องนี้อารมณ์มันยังสดและความแปลกใหม่ยังมีอยู่ในระดับที่สามารถทำให้เราตื่นตาตื่นใจได้

    .... Rashomon เป็นหนังคัลต์ต้นตำรำและอาจจะเป็นการเปิดกรุของหนังในคัลต์ก็ว่าได้ ด้วยการเล่าเรื่องมุมมองของต่างคนในสถานที่หรือเหตุการณ์เดียวกัน ที่มีผู้คนมากมาย แล้วย้อนให้ดูทีละขั้นทีละขั้น ให้คนดูเข้าใจมุมมองในแต่ละตัวละครในสิ่งที่อยู่ในหัวของพวกเขา และในเมื่อมีการเปิดหนังแนวนี้ก็มีหนังในลักษณะแบบนี้ก็สร้างตามมา อย่างไม่เสื่อมคลายและมีลูกเล่นเรื่องราวเวลาไม่ต่างจาก Rashomon เช่นกัน ไม่ว่าจะ Pulp Fiction หนังเลือกเล่นเรื่องราวไม่ได้บิ๊กอะไรมาก แต่เน้นการเล่าเรื่องที่ไม่ปะติดปะต่อตามใจผกก. แต่กลับรู้สึกว่าเรายังดูเรื่องตามหนัง ถึงแม้เนื่องเรื่องอาจจะไม่บิ๊กอะไรจนน่าแปลกใจมากก็ตาม แต่ส่วนตัวนี่เป็นหนังระดับคลาสสิคคัลต์เลยก็ว่าได้ เพราะเล่าเรื่องอีกแบบที่ชวนแปลกใจ และมีวิวัฒนาการมาจาก Rashomon ขณะที่ Memento เป็นการเคารพวิธีการเล่าเรื่องแบบ Rashomon อยู่ก็จริง แต่หนังมีเนื้อเรื่องที่น่าคิดว่า มันอะไรกันแน่ และทุกอย่างมันจะจบลงอย่างไร ???? หนังเล่าเรื่องราวเป็นขั้นเป็นตอนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ให้คนดูเข้าใจในสิ่งที่พระเอกได้ประสบมาตลอดเรื่อง และเมื่อจุดหักเหคุณจะทึ่งจนรู้สึกอยากอ้าปากค้าง ฉะนั้นหนังเหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มของการชมภาพยนตร์ยุคใหม่ ที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าไม่ซ้ำแนวเก่าและมีความแปลกใหม่ตลอดเวลา

    .... ซีรี่ส์เรื่อง 24 เป็นซีรี่ส์แอ็คชั่นที่จับนำความเป็นจริง หรือ Reality ทำให้คนดูรู้สึกว่าเรื่องนี้เล่าเรื่องแบบ 1 วันเต็มๆ หมายความว่า เป็นการจับนำเรื่องราวทั้งหมดของทั้งซีซั่น ที่มีทั้งหมด 24 ตอน ตามเวลา 1 วันจริงๆ ให้คนดูได้สัมผัสและได้ระทึกกับเหตุการณ์ที่พระเอกของเรื่อง Jack Brurer เป็นคนประสบมาในตลอดวันที่อันเหนื่อยล้า กับชีวิตที่โคตรบัดซบของเขา ฉนั้นเรื่องราวแต่ละตอนของซีรี่ส์คือ 1 ชม. ของ 1 วัน และ 1 ซีซั่นต่อ 1 วัน และถ้าให้ดีจะดูให้ให้ได้อรรถรสก็ควรจะดู ปะติดปะต่อกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่สัปดาหฺเว้นสัปดาห์ ไม่งั้นอารมณ์ของคุณอาจจะรู้สึกค้างขณะที่ดู

    และเมื่อนำหนังคัลต์แบบ Rashomon หรือ Pulp Fiction หรือ Memento มาบวกกับ ซีรี่ส์แอ็คชั่นตามเวลาจริงๆแบบ 24 สิ่งที่คุณจะได้ก็คือ ความแปลกใหม่ในภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องไหนๆไม่เคยทำได้มันส์และระทึกเท่ากับเรื่องนี้ นั่นก็คือหนังที่ผมกำลังจะพูดถึงตอนนี้ Vantage Point

    ความจริงแล้วหนังเรื่อง Vantage Point นั้น เหตุการณ์เรื่องราวของหนังมีความยาวอยู่แค่ 23 นาที หรือไม่ก็ภายใน 1 ชม. แต่ที่หนังนำมาตีแผ่ให้มีความยาวภายใน 90 นาทีนั้น ก็คงเป็นเพราะว่าหนังเลือกเรื่องราวการดำเนินเรื่องแบบมุมมองของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์มากมาย แต่หนังจำเอาตัวละครสำคัญประมาณ 8 คน และแตกฉานอีกทีเป็น 6 มุมมอง ไปทีละขั้น ทีละขั้น ให้คนดูได้เข้าใจที่มาที่ไป และในเมื่อมุมมองนึงเล่าไปเรื่อยๆ มันก็จะปริศนาใหม่ให้คนดูรู้สึกสงสัย จนปริศนานั้นมันน่าไปสู่เรื่องชวนน่าสงสัยในมุมมองต่อไป

    หนังเริ่มต้นทีมุมมองของ ทีมนักข่าว GNN เพื่อเป็นการปูทางเริ่มต้นให้คนดูได้เข้าใจเหตุของมันควรจะเริ่มอย่างไร ที่น่าสำคัญก็คือเป็นแนะนำคนดูสู่โลกในหนังอย่างเต็มรูปแบบ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศสเปนมีการจัดการแถลงการณ์อย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศของทั้งสเปนและเมกา เป็นการประกาศเอกราชด้วยกัน ขณะที่เหตุการณ์น่าจะไปได้ กลับไปใช่อย่างนั้นเมื่อกล้องบันทึกเหตุการณ์ไปจำภาพที่ ประธานาธิบดีสหรัฐนั้นถูกลอบยิงแบบต่อหน้าต่อหน้าตาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และคนทั่วโลกที่ชมการถ่ายทอดสด และแน่นอนเหตุการณ์ต่อมาหลังจากการลอบยิงทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนกอย่างสุดขีด และก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นยังไม่จบแค่นี้ กลับมีการระเบิดครั้งใหญ่ในเหตุการณ์แบบไม่มีใครรู้ตัวมาก่อน ทำให้เป็นโศกนาษฐกรรมที่ควรแก่การจะรึกอีกครั้ง แน่นอนทุกอย่างมันก็ไม่จบแค่นี้ มันยังมีการเชื่อมโรงต่อไปเรื่อยๆ จากมุมมองแรกจบไปแล้ว ก็ถึงเวลาส่งต่อไปที่อีกมมุมอง เพราะในมุมมองแรกมีการเปิดโยงประเด็นไปในมุมมองต่อไป สู่มุมมองของ Thomas Barnes องครักษ์ระดับอวุโสประจำให้กับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ

    ในมุมมองของ Thomas Barnes เปิดเรื่องที่เขาเคยมีแผลเก่าเมื่อปีก่อนหลังจากเคยปกป้องประธานาธิบดีจากการลอบยิง ซึ่งก็เป็นแผลใจที่เขาต้องใช้เวลาเยียวยา แต่ด้วยหน้าที่ของเขาเข้ารู้ว่า ยังไงเขาก็ไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ของเขาได้ จึงขอออกมาปกป้องประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักของคนทั้งประเทศรวมถึงตัวเขา แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อขณะที่สังเกตุการณ์ในช่วงที่รัฐมนตรีกำลังปราศัย มีอะไรบางอย่างแปลกๆอยู่ตรงบริเวรเหตุการณ์ เขาอาจะเกิดอาการประสาทหลอนจากแผลเก่าของเขา ก็อาจจะทำให้เขานั้นเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆแบบที่จิตใจของเขายังเยี่ยวยาไม่เสร็จ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เขาครุ่งคิดนั้นเป็นจริง เมื่อประธานาธิบดีของเขานั้น ถูกลอบยิงแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัว เขาจึงอยู่ในช่วงอาการสับสนขณะที่เขาปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดอย่างไม่คาดฝันนั้น ทำให้เขานั้นทำให้เขายิ่งควบคุมอะไรไม่ได้ แต่ยังดีที่คู่หูของ Thomas ได้ตามรอยของผู้ร้ายของเหตุการณ์นี้ได้แล้ว แต่ขณะเดียวกันเขาต้องหาหลักฐานอะไรที่ชี้วัดจากการรอบยิงครั้งนี้ โดยการที่ขอเข้าไปในรถถ่ายสดของช่องข่าว GNN เผื่อจะหาอะไรบางอย่างมัดตัวคนที่ลอบสังหารได้ แต่แล้วขณะที่เขากำลังติดต่อจนท. Taylor คู่หูของเขา เขาก็พบอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกช็อค และมันก็ทำให้เขาทำใจไม่ได้ที่ต้องตามล่าในตัวการครั้งนี้ ในมุมมองของ Thomas Barnes จบลง มุมมองนี้ก็เป็นโยงมุมมองไปอีกบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่คราวนี้โยงไปถึง 2 บุคคล ซึ่งทั้ง 2 คนนี้นั้น คนนึงเป็นนักท่องเที่ยวชาวเมกันที่เก็บภาพได้ ชื่อ Howard Lewis และอีกคนเป็นจนท.ตำรวจองค์รักษ์จากรัฐมนตรีสเปนโดยตรง จนท. Enrique

    และก็โยงในมุมมองของจนท. Enrique ซึ่งในมุมมองของ Thomas ได้สร้างให้คนอยู่ในมมุมองแบบผู้ก่อการร้าย แต่ความจริง เขาเป็นตำรวจที่ส่งมาโดยตรงจากท่านรัฐมนตรีสเปนมาดูแลบริเวรความปลอดภัยของเหตุการณ์ เริ่มต้นจากการที่เขาเข้าไปในเหตุการณ์ เขาได้พบคนรักของเขารักของเขาฝากรอบจุมพิษให้กับไอ้หนุ่มหน้าไหนไม่รู้ เขาจึงเริ่มไม่ไว้ใจคนรักของเขา แต่คนรักของเขาก็ได้แต่บอกไปว่า "อย่ากังวล ไม่มีอะไรน่าหึง" ความจริงคำพูดของคนรักเขาก็ทำให้เขารู้สึกใจเย็นลง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันก็ยังมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ดี และเหตุการณ์นั้นได้ผ่านไปเรื่อยๆ เขาก็ยังครุ่ยคิดอยู่ว่า ต้องมีอะไรบางอย่างกับคนรักเขาแน่ๆ จึงการลอบสังหาร ประธานาธิบดีสหรัฐเกิดขึ้น ทำให้เขาต้องรีบเข้าไปดูท่านประธานาธิบดี แต่ก็ถูกพวกองค์รักษ์สะกัดเอาไว้ แถมยังถูกต้องสงสัยว่าเป็นคนร้าย ทั้งๆที่เขาได้พูดความจริงกับพวกองค์รักษ์ แต่แล้วเขาก็เห็นคนรักของเขาได้โยนระเบิดเข้าไปในใต้เวทีของการปราศัย เขาพยายามจะเตือนแต่ก็ไม่มีใครฟัง ระเบิดก็เกิดขึ้น เขาขัดขืนและรีบวิ่งไปหาคนรักของเขา และสุดท้ายแล้วเขาก็รู้คนรักของเขาเป็น 1 ในขบวนการผู้ก่อการร้ายด้วย เขาพยายามจะวิ่งไปหาสะพานที่ๆคนรักของเขานั้น นัดเจอกับผู้ชายคนนึงที่คุยกับคนรักของเขาก่อนการศับจะเริ่มต้น และเมื่อเขาไปถึงสะพาน เขาก็เข้าไปที่หน้ารถคันนึง และทักไปว่า "แปลกมั๊ยที่เจอกรู ?"

    โยงไปที่มุมมองของ Howard Lewis นักท่องเที่ยวธรรมดาชาวอเมริกาที่มาเที่ยวในสเปนพร้อมก็แฮนดี้แคมติดตัวเขาและก็เข้ามาฟังการแถลงการณ์ระหว่างสเปนและเมกันในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่การแถลงการณ์จะเริ่มต้น เขาได้พบกับ Suarez คนที่อ้างว่าเป็นนักท่องเที่ยวอีกคนนึง และก็เข้ามาฟังการแถลงการณ์ครั้งนี้ ซึ่งจู่ๆจากการที่ Suarez เข้ามาทัก Lewis แบบแปลกๆ Lewis ก็ไม่ได้สังเกตุทีท่าอะไรของเขา จากนั้นเขาเจอกับ Marie และ Anna แม่ลูกคู่นึงที่มาฟังการแถลงการณ์ครั้งนี้เช่นกัน ซึ่ง Lewis ก็ค่อนข้างทำท่าสุภาพต่อแม่ลูกคู่นี้ และก็ค่อนข้างพยายามจะเอ็นดูยัยหนู Anna พอการแถลงการณ์เริ่มต้น Lewis ที่กำลังถ่ายภาพด้วยแฮนดี้แคมอยู่ ก็เห้นท่าทางแปลกๆของจนท.องค์รักษ์ Thomas สังเกตุอะไรบางอย่างจากหน้าต่างข้างๆในสถานที่นั่น Lewis ก็แลไปสังเกตุดูแต่ไม่ทันไร ก็เกิดการลอบยิงประธานาธิบดีเกิดขึ้น แน่นอนเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกับผู้คนในเหตุการณ์ แต่จนท. Thomas ก็เห็นว่า Lewis ได้ถ่ายเหตุการณ์ทั้งหมด จึงขอดูภาพในแฮนดี้แคม และสิ่งที่เขาเห็นก็คือ มีผู้หญิงคนนึงได้โยนระเบิดเข้าไปในใต้เวที เขาจึงพยายามที่จะเตือนภัยว่ามีระเบิดแต่ก็ไม่ทัน หลังจากเกิดเหตุระเบิด Lewis ก็เห็น Anna อีกครั้ง พลัดหลงกับแม่ของเขา Lewis จึงพา Anna ไปหาที่ปลอดภัยฝากให้ตำรวจท้องถิ่นแถวนั้นดูแล ขณะเดียวกัน Lewis พยายามตามรอย จนท. Enrique และพบว่าจนท.คนนี้เป็นตำรวจจริงๆ แต่แล้วเรื่องก็ไม่เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ Lewis เห็น Enrique โดนยิงแบบซึ่งๆหน้า และ Anna ที่เห็นแม่ของตัวเอง กำลังตามหาตัวเอง ก็ตามแม่ไป และ Anna ก็ตามไปจนถึงสุดถนน Anna พยายามจะข้ามถนนเพื่อไปหาแม่ แต่รถวิ่งเร็วมากๆ มีรถคันนึงพยายามจะชน Anna เมื่อ Lewis เห็นจึงทำเวลาเพื่อช่วย Anna

    ในมุมมองต่อมา คือมุมมองของท่านประธานาธิบดี Ashton ซึ่งในมุมมองนี้ได้เฉลยว่า ปธน.ที่ถูกสังหารไปนั้น เป็นตัวปลอม (ซึ่งความจริงมันก็เฉลยในส่วนนี้ตั้งแต่ตัวอย่างหนังแล้ว) เนื่องจากในเหตุการณ์การปราศัยในครั้งนี้เริ่มมีเค้าว่าจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นกับท่าน ปธน. ฉนั้นเขาจึงถูกเปลี่ยนตัว และให้ไปหลบอยู่บนโรงแรมระดับ 5 ดาว ข้างๆสถานที่การปราศัย ขณะเดียวกันได้ข้อมูลพวกผู้ก่อการร้ายว่าเป็นพวกไหน และรู้ด้วยว่าพวกมันอยู่แห่งไหน (แต่ที่ไม่รู้ก็คือว่าพวกสายที่พวกมันส่งมานั้น อยู่แห่งใดในสถานที่การปราศัย) และเมื่อเกิดการลอบยิงตัวปลอมอย่างต่อหน้าต่อตา ทำให้ทางผู้ช่วยท่านต้องบอกให้ออกคำสั่งจู่โจมกลุ่มก่อร้ายจากข้อมูลที่ทางหน่วยได้มา แต่จะจู่โจมได้อย่างไรในเมื่อ ตัวปลอมท่านพึ่งถูกยิงอยู่หยกๆ แถมก็เกิดเหตุการณ์ซ้อนเมื่อใต้ตึกโรงแรมที่ท่านหลบอยู่มีการระเบิดอย่างน่าประหลาดเกิดขึ้น ทำให้ท่านต้องตัดสินใจอย่างหนักว่าต้องทำอย่างไร แต่แล้วก็มีผู้ก่อการร้ายจู่โจมเข้ามาถึงห้องท่าน และเข้ามาจับตัวท่าน

    (มีต่อ)

    จากคุณ : billy bob - [ 7 เม.ย. 51 03:13:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom