CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<< "Always 2 : Sunset on Third Street" ... ความสุขที่ยังไม่สิ้นสุด กับภาคต่อของหนังญี่ปุ่นที่ผมรักเป็นที่สุด >>>

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (28 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (3 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (1 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 33 คน

     84.85%
     9.09%
     3.03%
     3.03%


    ติดตามอ่านรีวิวของภาคแรก คลิกที่นี่...
    "Always : Sunset on Third Street" ... ความสุขทางใจ หาได้จากหนังเรื่องนี้
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=23-06-2006&group=2&gblog=35


    ยังจำได้ไหม... เมื่อ 2 ปีก่อน เคยมีหนังญี่ปุ่นอยู่เรื่องหนึ่ง เข้ามาแอบฮิตอยู่เงียบๆ ในบ้านเรา และเคยกลายเป็นที่พูดถึงของผู้คนในแวดวงหนังเล็ก ซึ่งแม้จะถูกฉายจำกัดโรง แต่เสียงวิจารณ์อันดีที่ดังลั่นก็มีเข้ามาอย่างท่วมท้น

    ถ้าคุณยังจำได้ว่า หนังเรื่องนั้นคือ "Always : Sunset on Third Street" ...ในปีนี้ ชาวบ้านบนถนนสายที่ 3 แห่งกรุงโตเกียวจะกลับคืนจออีกครั้ง กับเรื่องราวในภาคสอง ...ที่สานต่อความหวังอันสวยงามจากภาคแรก มาสู่การดำเนินชีวิตที่ยังไม่อาจสิ้นสุดลงได้ ของพวกเขาเหล่าตัวละครที่เรายังรักและผูกพัน

    แม้ส่วนตัวจะยังรู้สึกว่า ตัวหนังในภาคแรกนั้น สามารถหาจุดจบเรื่องราวทุกอย่างได้ลงตัว สร้างความน่าประทับใจจนเปี่ยมล้น อิ่มเอมในอารมณ์ไปแล้ว ...แต่การถือกำเนิดเดินตามออกมาของภาคสอง ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าปฏิเสธกัน
    ซะทีเดียว เพราะถ้ามองในส่วนเรื่องราวของภาคแรกที่จบลงไปโดยมีปลายเปิดอยู่หน่อยๆนั้น ก็ถือเป็นจุดเล็กจุดน้อย ที่ก่อความค้างคาในใจอยู่นิดๆ โดยเฉพาะกับเรื่องราวความรักของหนุ่มนักเขียน และสาวร้านเหล้า ที่ยังไม่เชิงสมหวัง เหมือนกะจะให้เราสรุปกันเองในจินตนาการ ...ถึงผมก็ชอบที่หนังจะให้คิดอย่างนั้น แต่การมีเรื่องราวต่อจากนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำให้แน่ใจในตอนจบของคนคู่นี้ โดยแท้จริง

    ถึงจะยังมีข้อแม้ที่แน่ใจได้อยู่อย่างว่า อยากตามรอยความสำเร็จอย่างเดิมๆ ...แต่ในความรู้สึกของคนรักหนังเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ย่อมไม่อาจมีคำโต้แย้งใดๆ จะเอามาตัดพ้อทีมผู้สร้างในความพยายามอีกหนึ่งหนนี้

    Always 2 ...เล่าความหลังจากภาคแรก ในเวลาอีก 4 เดือนให้หลัง กับช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังพยายามพลิกฟื้นตัวหลังจากพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ฝ่ายสัมพันธมิตร (ซึ่งมีมหาอำนาจอเมริกันเป็นผู้นำ) ...แม้ตัวประเทศเองจะยังบอบช้ำอย่างหนักหนา ยากต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงทางใจ แต่สำหรับผู้คนประชาชนกลุ่มที่เล็กลงมา ทางเบื้องบนก็ไม่อาจจะห้ามไม่ให้พวกเขามีความสุขกันเองได้

    โดยเฉพาะกับ ชาวบ้านบนถนนสายที่ 3 แห่งกรุงโตเกียว ที่ไม่เคยอยากเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องราวอันเจ็บสาหัสของสังคมโดยรวม ...พวกเขากลับเลือกจะมีชีวิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข จากสิ่งที่มีเพียงพอ อย่างพอดี และใส่ใจในเรื่องของสังคมเพื่อนบ้าน ที่ยังคงผูกมิตรสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ปรองดอง อยู่ร่วมด้วยรักและสามัคคี ไม่เสื่อมคลาย แม้กระทั่งในช่วงวันเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอยก็ตามที

    "ครอบครัวซูซุกิ" ...ยังคงตั้งหน้าตั้งตา เปิดร้านซ่อมรถต่อไป อย่างไม่คิดทะเยอทะยาน ..แม้ตัวผู้นำครอบครัวจะยังคงใฝ่ฝัน ว่าอยากเห็นร้านของเขาก้าวหน้าเป็นบริษัทอันใหญ่โตบิ๊กเบื้ม (และมีน้ำโหอย่างบ้าคลั่งทุกๆที ที่มีคนดูถูกบริษัทซ่อมรถของเขา) แต่สิ่งที่เขามีอยู่กับมูลค่าที่ไม่มากมายในวันนี้ ก็พอดีแล้ว สำหรับครอบครัวเล็กๆ ที่ต้องการเพียงให้ พ่อ แม่ ลูก อยู่พร้อมหน้ากันตลอดไป

    "โรขุจัง" ...ยังคงอยู่อาศัยกับครอบครัวซูซุกิ และพึงพอใจในหน้าที่เลขาของท่านประธาน ที่ต้องยอมเหนื่อยทำทุกอย่าง แม้กระทั่งลงมือซ่อมรถ ที่ไม่ใช่งานผู้หญิงก็ตามที

    "ฮิโรมิ" ...หลังจากจำใจต้องจากลาผู้ชายที่เธอรัก พร้อมกับแหวนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไป ..ชีวิตในหน้าที่การงานของอดีตสาวเจ้าของร้านเหล้า ก็รุ่งเรืองในทางแสงสีวงการคาบาเรต์ กลายเป็นสาวเต้น ที่ถึงจะมีคนหมายปองมาก
    มาย แต่ใจดวงเดิมก็ยังคงภักดีต่อหนุ่มนักเขียนที่ไม่เอาไหนคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

    "ริวโนะสุเกะ-จุนโนะสุเกะ" ...จากที่เคยไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ในเวลานี้ความสัมพันธ์ของน้า-หลานโดยจำเป็น ก็เปลี่ยนเป็นความรักอันถาวร ที่ชายนักเขียนพร้อมจะทุ่มเทดูแลเด็กน้อยต่างสายเลือด เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้พ่อตัวจริงได้เห็นว่า คนจนๆอย่างเขาก็มีเรี่ยวแรงกำลังจะใส่ใจลูกคนรวยได้เหมือนกัน

    ในความสัมพันธ์ของพวกเขาเหล่านี้ ยังคงเป็นเหมือนเช่นวันวานเมื่อถึงฉากจบจากภาคแรก ที่แต่ละคนต่างก็ลงเอยด้วยดีโดยมีความเข้าใจมอบให้แก่กันและกัน ...เรื่องของปัญหาในการอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามายึดมั่นถือมั่นอีกแล้วในวันนี้ สังคมของพวกเขาที่โยงใย กลายมาเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวเหนียวแน่น ที่อาจยากจะมีอะไรมาทลายให้แตกหัก

    แต่ในเมื่อน้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน... ความเข้มข้นของหนังภาคสอง จึงได้เปลี่ยนหัวข้อมาว่าถึงเรื่อง การโดนสิ่งเร้าภายนอก มากระตุ้นให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง...ต่อให้ฉับพลัน หรือจะเชื่องช้า ผลลัพธ์ของมันก็ต้องการเพื่อให้ระดับความสัมพันธ์ของผู้คนลดน้อยถอยร่นลงไปเรื่อย

    ด้วยข้ออ้างจากสงครามที่เพิ่งสงบ แต่เศรษฐกิจกำลังดุเดือดในทางลบ ...พ่อของจุนโนะสุเกะ ได้นำเรื่องปัจจัยทางการเงินมากล่าวข่มเพื่อหวังให้ ริวโนะสุเกะ มีสติและคืนลูกตัวเองกลับมาให้เขาได้ดูแลเอง ...เพราะเขาคิดเชื่อไปเองว่านักเขียนไส้แห้งอย่าง ริวโนะสุเกะ คงไม่มีปัญญาส่งเสียให้ จุนโนะสุเกะ ได้เรียนดีๆ อย่างลูกคนมีตังค์คนอื่นเขาแน่

    เมื่อภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายกำลังเข้าสู่จุดเจ๊งถึงที่สุด พร้อมกับมีบริษัทห้างร้านต่างๆมากมายพากันพังล่ม ...ญาติของซูซุกิซึ่งหวังจะหาที่พึ่งอันมั่นคง จากคนที่ยังยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง จึงจำเป็นจะต้องฝากฝังปล่อยให้ครอบครัวซูซุกิช่วยดูแลลูกสาวคนเดียวของเขาแทน ในช่วงเวลาสักพักหนึ่ง ...และด้วยความที่เป็นคนหัวดื้อ หัวสูง ด้วยฐานะที่เคยมีอันจะกินแต่ก่อนเก่า ก็ทำให้หลานสาว(จำเป็น)ของนายและนางซูซุกิ ตั้งต้นเป็นศัตรูกับลูกคนจนอย่าง "อิปเป" แต่แรกพบ

    จากปัญหาอันมีผู้คนจำนวนมากกำลังตกงาน เนื่องด้วยพิษเศรษฐกิจที่ล้มเหลวเป็นทอดๆนั้น ...เพื่อนชายคนบ้านเดียวกันของโรขุจัง ที่ใสซื่อ มีฝันจะเป็นกุ๊ก(พ่อครัว)ใหญ่ ก็โดนสิ่งชั่วร้ายยั่วยุ ให้เขาต้องมาทำงานด้านมืด และเป็นหนึ่งในเบื้องหลังที่หลอกลวงให้เหล่าชาวบ้านที่มีความหวังดี อยากกระทำการบางอย่างเพื่อเป็นกำลังใจให้ ริวโนะสุเกะ ต้องพานพบความผิดหวังในท้ายที่สุด

    เพียงเพราะน้ำคำของหญิงสาวเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีมุมมองความรักในแง่ลบต่อผู้ชายที่มีศักดิ์เป็นนักเขียนอันเป็นอาชีพพึงมีฐานะ(ในยุคสมัยนั้น) ...ส่งผลให้ใจของ ฮิโรมิ ต้องเรรวนต่อ ริวโนะสุเกะ ที่ถึงจะมีข้อแม้แตกต่างที่ยังเป็นคนจนในวันนี้ แต่หากเมื่อเขาร่ำรวยเมื่อไหร่ ก็อาจจะทิ้งเธอผู้ต่ำต้อยไปเพื่อเจอคนที่ดีกว่าเธอก็ย่อมได้

    เมื่อเรื่องราวของ Always 2 มาพร้อมกับปัญหามากมายที่จำต้องคาราคาซังเพราะปัจจัยของสังคมภายนอกนำพา ...แล้ว สังคมภายในของชาวบ้านบนถนนสายที่ 3 แห่งนี้ จะกระทำกันด้วยวิธีเช่นไร เพียงเพื่อจะให้พวกเขาทั้งหมดเดิน
    หน้าไปสู่จุดจบที่เปี่ยมล้นด้วยความสุขอันสวยงามอีกครั้งหนึ่ง ...นี่คือ เรื่องของความเข้มข้นที่คอหนังภาคแรก ต้องมาดูและสัมผัสด้วยตัวเอง ...ถึงอาจจะเดาได้ไม่ยาก แต่มันคือ ความน่าติดตาม ที่ยั่วยวนให้พวกเราทุกคนจำเป็นต้องกลับมายิ้มทั้งน้ำตาอีกหนหนึ่งโดยพร้อมเพรียง

    จากเอกลักษณ์ดั้งเดิม ของความเป็นหนังดรามาปนคอมเมดี้อิ่มอุ่น ที่เคยทำให้ใครหลายต่อหลายคนยังจำภาคแรกได้แม่น ...กับการโฟกัสถึงความสัมพันธ์ของผู้คนในละแวกบ้านเดียวกัน แล้วจับจดลงลึกไปยังรายละเอียดของตัวละครแต่ละตัวที่ต่างก็มีเรื่องมีราวที่ต้องเผชิญหน้ากับตัวเอง ...มาในภาคที่สองนี้ แนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ก็ยังกลับมาคงเดิม พร้อมกันกับตัวละครจากภาคก่อน ที่ถูกตามมาร่วมบทบาทอย่างครบครัน ไม่ขาดหาย หรือเปลี่ยนแปลงหน้าตา ...อีกทั้งก็มีคนใหม่เข้ามา เพิ่มกลุ่มกำลังของทีมที่แข็งปั๋ง ให้แน่นเนื้อในมนต์เสน่ห์ได้อีก

    ถ้าภาคแรกว่า เคยประทับใจกับ บรรดาการแสดงของทีมนักแสดง Always ชุดนี้ อย่างเต็มรัก ...ในภาคนี้ ก็ไม่มีใครที่ทำให้ผิดหวัง และพวกเขาก็ยังพร้อมที่จะทำให้เรารักในคาแรกเตอร์เหล่านี้ได้อยู่เหมือนเคย

    แต่ถ้ามาถามว่าภาคสองนี้ ทำดีกว่าหรือเทียบเท่าภาคที่แล้วได้หรือไม่นั้น ก็สามารถที่จะบอกกันตามตรงไปเลยว่า 'ไม่'

    ถึงแม้ว่าเรื่องราวในภาคสองยังคงจะมีรสชาติเดิมๆอย่างครบถ้วน เท่าที่ภาคแรกเคยมีไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป (จะเปลี่ยนสักหน่อยก็ตรงสัดส่วนของความเป็นดรามา ที่เข้มข้นกว่าคอมเมดี้อย่างชัดเจน) ...แต่ด้วยความที่ภาคแรกเอง ก็เคยปรุงรสส่วนประกอบเหล่านั้นได้อย่างเข้มข้น ลงตัว และเต็มที่เต็มตัวไปแล้ว จึงยากมากที่ความประทับใจในระดับเพดานซึ่งตั้งไว้สูงมาก จะมาถูกทำลายลงได้เพียงเพราะหนังเดินด้วยกรรมวิธีเดิมถ้วนๆเช่นนี้ ...มันดูเป็นมุขที่เก่าซึ่งยังใช้ได้ผลก็จริงอยู่ แต่เรื่องของความเก๋าคงมิอาจเข้มข้นได้เท่า และในเมื่อภาคแรกก็ได้ชื่อว่าเป็น หนังคลาสสิค ไปแล้ว ...ต่อให้พยายามเข็นภาคต่อ แล้วเล่าเรื่องแบบนี้ ใช้มุขแบบนี้ พ่วงนักแสดงคนเก่า มาพร้อมผู้กำกับคนเดิม ก็มิอาจจะทำให้รู้สึกเต็มอิ่มได้สุดๆ เท่าต้นฉบับที่ขึ้นหิ้ง

    ที่ผมพูดนั้นไม่ได้หมายความรวมๆว่า หนังภาคต่อ ไม่มีทางจะทำเยี่ยมกว่าหรือดีเทียบเท่าตัวหนังภาคก่อนๆได้ เรื่องนี้มันยังเป็นไปได้ (ตัวอย่างที่แตกต่างอย่างเด่นชัดในใจผม อาทิ The Bourne Ultimatum , The Lord of the Rings 3) ...แต่สำหรับกรณีของ Always ผมต้องพูดอย่างใจร้าย ไม่ถึอว่าอยู่ในแนวนั้น

    แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 51 13:28:16

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 7 เม.ย. 51 13:23:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom