CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... Vantage point , ฉลาดขยัก(ความลับ) ฉลาดคาย(ความจริง) (ตกม้า)ตายตอนจบ >>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (19 คน)
      ชอบ (20 คน)
      เฉยๆ (12 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 53 คน

     35.85%
     37.74%
     22.64%
     1.89%
     1.89%


    เลือกอ่านบทความนี้ พร้อมอ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมต่อที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2008&date=09&group=14&gblog=86


    ...ระยะหลังผมจะอ่านข้อมูลหนังใหม่น้อยมาก คือดูแค่คร่าวๆว่าใครเล่นใครกำกับ แล้วถ้าไม่รู้จักผู้กำกับ ไม่แน่ใจว่าตัวหนังจะออกหัวหรือออกก้อย ก็จะไปประเมินคะแนนจากเว็บเมืองนอกก่อนว่า คุ้มค่าน่าตีตั๋วหรือเปล่า อย่าง Vantage point  ก็รู้เพียงว่า เป็นหนังลอบสังหารประธานาธิบดีที่เล่าผ่านหลายมุมมอง



    หนังเปิดฉากที่การรายงานข่าวถ่ายทอดให้เห็น ขบวนรถของประธานาธิบดีเดินทางมาถึงใจกลางเมืองในสเปน ผู้คนมากมายและนักท่องเที่ยวที่รอต้อนรับ เมื่อเริ่มต้นปราศรัย เสียงปืนสองนัดทำประธานาธิบดีกระเด็นจากแท่น ตามด้วยเสียงระเบิดสองลูก จากนั้น ความโกลาหลอลหม่านก็เกิดขึ้น

    ช่วงเวลายี่สิบนาทีแห่งหายนะยังไม่ทันเฉลยความจริงใดๆ หนังก็เหมือนถูกกดปุ่ม rewind จากรีโมท แล้วย้อนเหตุการณ์ถอยหลังไปยี่สิบนาทีไปยัง จุดเริ่มต้นก่อนการลอบสังหาร เพื่อเล่าเหตุการณ์เดิมแต่เปลี่ยนมุมมองของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น บอร์ดี้การ์ดของปธน. , ผู้ก่อการร้าย , นักท่องเที่ยว ฯลฯ



    เสียงอุทานในใจที่เกิดตอนหนังย้อนไปรอบแรกคือ "เจ๋งวะ" เพราะ ปกติ หนังฮอลลีวูดจ๋าๆที่แบกต้นทุนสูงๆมักจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรแหวกๆเท่าไหร่ ทั้งที่ว่ากันตามจริงแล้ว การเล่าเรื่องที่เก๋ไก๋สไลเดอร์แบบนี้ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ๆในวงการภาพยนตร์ เพราะหนังคลาสสิคเมื่อสิบกว่าปีก่อนอย่าง Rashomon  ก็เป็นต้นแบบของหนังที่เล่าเรื่องราวการสังหารผ่านมุมมองของคนในเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน

    หรือ ปีสองปีก่อนหนังชื่อเรื่องกิ๊บเก๋ 11:14 ที่เล่าเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกับความตายและอุบัติเหตุ /  A Stranger of mine หนังจารกรรมสัญชาติญี่ปุ่นที่แสนสนุกสุดฮา ก็อาศัยวิธีเล่าแบบกดปุ่ม rewind ย้อนหลัง พูดถึงเหตุการณ์เดียวกันแต่ผ่านมุมมองที่แตกต่าง ก็ล้วนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ



    … Vantage point หยิบยกจุดเด่นของหนังเก๋ไก๋สไลเดอร์เก่าๆเอามายำให้เข้ากับยุคสมัย โดยนำเสนอเรื่องราวผ่านมุมมองที่แตกต่างจาก Rashomon ใช้กระบวนการเล่าแล้วย้อนถอยหลังที่จุดเดิมๆ ทุกครั้งผ่านตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันใน 11:14  และควบคุมให้เวลาดำเนินไปข้างหน้าแบบ real time เหมือนซีรี่ส์ 24  หรือ phonebooth

    ...งานกำกับหนังใหญ่ชิ้นแรกของผู้กำกับ Pete Travis ได้โชว์ความสามารถในการคุมฉากแอคชั่นให้ตื่นเต้นฉับไว และ ฉลาดที่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้’ความเป็นฮอลลีวูด มาผสมผสานกับ ความเก๋ไก๋ของหนังเก่าๆได้อย่างลงตัว นั่นคือ

    ใช้ทุนมหาศาลสร้างเหตุการณ์อึกทึกคึกโครม ระดม CG สร้างฉากขับรถไล่ล่าได้ทั้งเว่อร์ทั้งมันส์ สร้างสรรค์ระเบิดหรือจับรถมาชนกันเปรี้ยงปร้างสมจริง ระดมดาราฟอร์มยักษ์ปักหลักประชันบทบาท
    (เดนนิส เควด หลังเลิกกับเม็ก ไรอัน ได้บทเด่นๆและเล่นดีมาตลอด ส่วนแฟนๆของหมอแจ๊ค จาก Lost ก็ได้โอกาสสัมผัสตัวจริงหลังออกมาจากเกาะประหลาดเพื่อมารับจ๊อบเป็นบอดี้การ์ดในหนัง ไม่ใช่แค่นั้นยังมีทั้ง ฟอเรสต์ วิทเทเกอร์ , ซีกัวนี่ย์ วีเว่อร์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนก็มาในบทที่สมทบธรรมดาๆเสียด้วยซ้ำ)


    และไม่ใช่ แค่มีทุนหนาเท่านั้น งานในส่วนที่ไม่ต้องใช้เงินมากอย่างตัวบทก็เขียนออกมาได้เด็ดทีเดียว โดยเฉพาะความสามารถในการขยัก(ความลับ)สลับคาย(ความจริง) ที่กระตุ้นเร้าความอยากรู้ของคนดูเหมือนตอนจบของซีรี่ส์ประเภท cliffhanger endings แบบ 24  ที่ชอบทิ้งให้คนดูทุรนทุราย ได้ดีเหลือเกิน ในการปิดตอนท้ายของแต่ละตอนด้วยการให้ ตัวละครเห็นอะไร ตัวละครตัวนั้นกำลังจะทำอะไร แล้วก็ตัดจบให้คาใจคนดู (ความลับเดียวที่หนังขยักไม่ค่อยดี คือ ตัวร้ายที่ ลับ ลวง พราง ไว้ เพราะบทหนังอ่อยให้ชวนสงสัยเกินไปหน่อย)

    การเล่าเรื่องแบบ ย้อนถอยหลัง / เล่าซ้ำ / เปลี่ยนมุมมอง นั้นว่ายากแล้ว ที่เด็ดขาดเป็นอย่างยิ่งคือ การกำหนดให้เรื่องราวเป็นแบบ real time ยิ่งต้องพิสูจน์ฝีมือมากยิ่งกว่า สำหรับการที่จะต้อง set เหตุการณ์ set ฉาก set นักแสดง ให้ไปพร้อมๆกันเพื่อนำเสนอซ้ำๆผ่านหลายมุมมองตามเวลาเกิดขึ้นจริง แต่หนังก็เตรียมพร้อมมาอย่างดี ไม่มีหลุด



    ... ถึงแม้การกรอถอยหลังในรอบที่สี่ที่ห้า จะเริ่มเบื่อๆบ้างเพราะหลายช็อตหลายฉากก็ซ้ำๆกับของเดิม แต่ด้วยสไตล์หนังประเภทลักปิดลักเปิดความลับ จึงทำให้ความอยากรู้อยากเห็นไม่ลดน้อยลง นับได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์เรื่องหนึ่งของปีนี้ที่ผมดูด้วยความสนุกสนาน ลุ้นระทึก และ ชื่นชมตัวหนังอารมณ์ใกล้เคียงกับที่ได้ดูหนังแอคชั่นชั้นดีจากฮอลลีวูดอย่าง Bourne ultimatum

    แต่ โอละหนอ เอวัง เมื่อหนังเข้าสู่ มุมมองสุดท้าย ความฉลาดของบทเหมือนจู่ๆก็หมดอายุขึ้นมา แล้ว มันก็พาให้หนังไปสู่บทสรุปเดียวกับ หนังฮอลลีวู๊ดเบๆนับร้อยนับพันที่เคยดู

    ทั้งๆที่ ความเว่อร์และเหตุบังเอิญทั้งหลายที่หนังเล่ามาตลอดยังอยู่ในระดับที่รับได้ เช่น ตัวละครเอกแต่ละคนล้วนอึดระดับคนเหล็ก , ท่านประธานาธิบดีที่ฮีโร่จ๋าๆบวกการโปรอเมริกันแบบสุดเลี่ยน , รถที่พระเอกขับช่างเกาะถนนอย่างน่าอัศจรรย์ และ กล้องโซนี่แฮนดิแคมก็เย้ายวนชวนให้อยากถอนตังค์มามีไว้ติดตัวซักหนึ่งตัว ฯลฯ

    แต่ บทสรุปที่ความบังเอิญมาประจวบเจอกันในฉากสุดท้าย เป็นการตั้งใจ จับยัด ทื่อๆ และ มักง่าย ถึงจะไม่ได้ห่วยหรือเลวร้ายเกินรับ แต่ กับความกล้าหาญและชาญฉลาดที่ทำได้ดีเหนือเกินมาตรฐานมาตลอดในตอนต้น เหมือนถูกตอนจบมาทำลายความรู้สึกดีๆเหล่านั้นลง จนอดคิดว่าถ้าให้ตัดฉากจบทิ้งแบบไม่ต้องมีเลยยังอาจจะดีเสียกว่า


    สรุป  ... เป็นหนังที่ทำดีและสนุกมากมาเกือบ แปดสิบนาที แต่ตกม้าตายและทำร้ายตัวเองในช่วงสิบนาทีสุดท้าย



    บทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
    (บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

    24 : ชีวิตบัดซบของ แจ๊ค บาวเออร์ + คู่มือเอาตัวรอดเมื่อคุณหลุดเข้าไปอยู่ใน 24
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=22-08-2007&group=14&gblog=20

    สุดยอด ห้ามพลาด ฉลาด สมจริง << The Bourne Ultimatum >> หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของปี
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=13-08-2007&group=14&gblog=15

    แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 51 14:42:02

    แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 51 10:29:16

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 10 เม.ย. 51 10:28:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom