| เกรด A -> 9-10 คะแนน (17 คน) |
| เกรด B -> 6-8 คะแนน (18 คน) |
| เกรด C -> 3-5 คะแนน (3 คน) |
| เกรด D -> 1-2 คะแนน (1 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 39 คน |
"The Forbidden Kingdom" ...อาจจะเป็นโปรเจกต์ในฝันของใครๆหลายคน ที่เคยวาดหวังจะอยากได้เจอ "เฉินหลง" และ "เจ็ท ลี" มาอยู่ร่วมจอ ในหนังเรื่องเดียวกัน ...แต่สำหรับผมนั้น ค่อนข้างจะเฉยๆ แม้กระทั่งตอนที่โปรเจกต์มีภาพให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก
ถ้าถามในเรื่องของความชอบที่มีต่อเสือเอเชียนักสู้ทั้งสอง ผมอาจจะเคยเทความพิศวาสมาให้ ฝั่ง เฮียแจ๊คกี้ มากกว่า (ถ้าเป็นช่วงที่ยังเยาว์วัยไม่ประสีประสา) แต่ในวันนี้ ผมก็ไม่ได้เกิดความอยากชมงานของสองคนนี้มากมายอะไร หากหนังเรื่องนั้นๆไม่มีส่วนไหนที่ทำให้เกิดห้วงสนใจได้
ซึ่งสำหรับ The Forbidden Kingdom ก็อาจจะควรแก่การเข้าข่ายไม่ได้รู้สึกรู้สาอยากดูอะไรมากนักก็ยังเป็นได้ หากไม่มีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งที่น่าสนใจ(แกมบังคับ)ให้อยากรู้ว่า... อดีตผู้กำกับหนังเด็กๆ ดูได้ทั้งครอบครัว อย่าง "ร็อบ มินคอฟฟ์" จะมาทำอะไรได้บ้างในหนังกำลังภายในทุนฮอลลีวู้ดมีฟอร์ม(เพราะดารานำ)เรื่องนี้
จากผลงานที่เคยประทับใจอย่างตราตรึง ในอีกหนึ่งคลาสสิคดีสนีย์ "The Lion King" และการสร้างตัวละครซีจีน่ารักน่าจำอย่าง "Stuart Little" ...การพลิกภาพลักษณ์กำกับหนังใสๆ มาเป็นหนัง(ใช้วิทยายุทธ์ผลัก)ไสๆ ก็ทำให้ผมอยากจะเห็นมุมมองการทำหนังต่อสู้ สไตล์ตะวันออกให้ออกมามีรสชาติตะวันตก ...มันจะเข้ากันได้สักกี่น้ำกัน หรือให้ต้องซดสักกี่จอก ถึงจะได้รู้สึกว่ามันอร่อยและกลมกล่อมกำลังดี
The Forbidden Kingdom ... ได้เค้าโครงเรื่องของ ตำนาน ไซอิ๋ว อันเคยคุ้นชาวเรา มาถูไถแถกถัน ผสมโรงกับเรื่องเล่าในตำนานจีนอีกเยอะแยะตาแปะไก่ ที่ยกกรุพงศาวดารเอามา ตั้งแต่ ตาเฒ่าหมัดเมา , แม่ทัพหยก , นางพญาผมขาว และอื่นๆ(ซึ่งนึกไม่ออก) ...แต่เมื่อนำมาเอามาเล่าเป็นภาษาหนัง ดันกลับด้นจุดเริ่มต้นให้ เด็กหนุ่มมะกันคนหนึ่ง มาเป็นตัวเดินเรื่องหลักซะอย่างงั้น
"เจสัน" เป็นเด็กหนุ่มมะกันคนหนึ่ง ที่เข้าข่ายคลั่งไคล้การชมหนังกังฟูเชื้อสายจีน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นมวยอะไร และไม่เคยกล้าจะต่อสู้กับใครๆ จนแล้วก็นำพาความเดือดร้อนมาให้กับตาเฒ่าเจ้าของร้านเช่าหนัง ต้องได้รับอันตรายจากผู้ประสงค์ร้าย ...แต่ก่อนที่ตาเฒ่าจะซี้ม่องเท่งจากไป ก็มิวายจะฝากฝังให้ เจสัน ช่วยนำไม้พลองสีทอง ท่อนหนึ่ง ไปมอบยังเจ้าของที่ห่างเหินจากมันมานานแสนนาน ...ซึ่งเจ้าของไม้พลองท่อนนั้น ก็มิใช่ของใครอื่น นอกไปจาก ราชาวานร นาม "ซุนหงอคง" ที่เรารู้จักกันดี
ที่เล่าไปสั้นๆ ก็เป็นเพียงรายละเอียดส่วนแรกๆ ที่จะนำมาสู่การย้อนเวลาข้ามมิติ ...ที่สุดท้ายหลังจากความเป็นไปไม่ได้(ที่ไม่ต้องพึ่ง ไทม์แมชชีน) ก็ไม่เหลืออะไรให้คาดเดากันอีก ถึงจุดจบที่แท้จริงของมัน (คงไม่น่าใจร้าย..ใช่ไหม? ถ้าจะ SPOIL กันซึ่งๆหน้าตรงนี้เลย) ...และความเดิมๆ ที่ไม่แปลกใหม่อะไร ก็ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ผมไม่ใคร่จะอยากหวังกับหนังให้มากนัก หากจะขอกันจริงๆเอาจังๆ ก็แค่ให้ตัวหนังมีความสนุก ที่จะทำให้เราอยากรู้สึกติดตามไปกับมันแค่นั้นพอ
แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ผมขอเป็นสำคัญกับหนังเรื่องนี้ ก็ยังไม่อาจให้คืนกลับมายังความรู้สึกเท่าที่ต้องการไว้ ...และสิ่งที่ได้มาจริงๆจังๆนั้น ก็คือ ความค่อนข้างจะเฉยชาไปตามเรื่องราวที่เดินหน้าแบบเชื่องๆซึมๆพิกล ...นี่ยังไม่รวมไปถึง ส่วนของบทหนังที่พิกลยังอาจน้อยไป หากควรแก่จะใช้คำว่า พิการ ย่อมมากกว่า
ปัญหาที่เกิดจาก ความอ่อนในเรื่องของเหตุผล และรายละเอียดปลีกย่อยที่ใส่เข้ามาแบบไม่ครบถ้วน ...ก็ยังคงเป็นเรื่องหนึ่งเรื่องสำคัญที่เหมือนจะแก้กันไม่ตกสำหรับหนังแอ๊คชั่นฮอลลีวู้ดจำนวนมากที่เน้นขายความฉูดฉาดจากฉากบู๊มากกว่าการใส่ใจเนื้อความ ...ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นให้เห็นใน The Forbidden Kingdom ก็เป็นเรื่องที่เห็นได้เด่นชัด และรู้สึกได้ถึงความสะดุดที่มีหลุมมีบ่อมากมาย โผล่พรวดตามเส้นเรื่องที่ดำเนินไป ...แม้อาจจะยังไม่พูดได้เต็มปากว่า บทเขียนออกมาอย่างย่ำแย่ เพราะมุมที่มีความพอดีก็ยังมีอยู่บ้างบางจังหวะ แต่ก็มิอาจมองข้ามภาพรวมเหล่านั้นไปได้หมดสิ้น ยังไงมันก็มีผลกระทบจะทำให้มวลความสนุกของตัวหนังต้องลดลง
ความอ่อนย่อมเป็นเรื่องหนึ่งที่อาจจะไม่มีผลอะไรมากมายเลยก็ได้ ถ้าหนังเรื่องนั้นสามารถถมเอาความเพลิดเพลินลงไปปิดจนมิด ...แต่ The Forbidden Kingdom ก็ยังไม่ใช่หนังเรื่องนั้น(สำหรับผม)ที่จะถมเอาความเพลิดเพลินมาช่วยหนังอะไรไว้อย่างหมดจด ...มันก็แค่มีอยู่บ้าง ที่พอทำให้สนุก แต่ตัวสัดส่วน ความงั้นๆ มันก็ยังมากกว่า ความน่าติดตาม
ส่วนที่ทำให้ผมพอสนุกกับมันได้ ...ก็คงไม่พ้นไปจาก บรรดาฉากแอ๊คชั่น ที่ได้มืออาชีพแห่งหนังกังฟูอันดับต้นๆ อย่าง "หยวนวูปิง" เมคขึ้นมา ภายใต้การร่วมประสานงานของ สองเสือ Jacky&Jet ...บวกกับการถ่ายภาพ(จากมือกล้อง Crouching Tiger, Hidden Dragon) ที่ฉวัดเฉวียนเนียนๆไปกับจังหวะลุ้น ที่อาจไม่ถึงกับหนักแน่น แต่ก็พอทำให้ตาตื่นๆ ตัวตึงๆ ได้บ้าง
ส่วนความรู้สึกที่งั้นๆ แทบทั้งหมด ...ก็คงต้องโทษไปยัง ตัวบท ที่อ่อน ร่วมผสานกับการกำกับของ มินคอฟฟ์ ที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าเขา จะเข้าใจในวิถีของหนังวิทยายุทธ์เอเชียได้ดีพอ ...ยิ่งพอมาจับผสมด้วยกลิ่นอายความเป็นฮอลลีวู้ดทุนหนักลงไป ก็ชวนให้อดคิดถึง "Memoirs of a Geisha" ไม่ได้ ...เพราะทั้งสองเรื่องก็ ล้วนแต่เป็นความพยายามที่ไม่สมควรแก่การแหวกประเพณีไม่ว่าจะมองในมุมที่สมจริง หรือว่ามันเป็นเพียงหนังที่ไม่จำเป็นต้องถูกต้องในทุกกระบวนท่า
เมื่อดู The Forbidden Kingdom จนจบครบถ้วน(ด้วยความพยายามที่ค่อนข้างสูง) ...ก็อยากจะจริงใจ ขอให้ มินคอฟฟ์ กลับไปย้ำรอยเดิมๆ ในหนังครอบครัวขายความประทับใจ ยังน่าจะอยู่ตัวดีกว่า การผันเปลี่ยนมือมาสร้างหนังมีฟอร์มทุนสูง แล้วอาจไม่เข้าใจในองค์ประกอบที่จะทำให้มันสนุกได้อย่างเท่าเทียมสำหรับทุกคน และทุกวัย
การเจอะกันของสองเสือเป็นครั้งแรก อาจไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก ในแง่ความตื่นเต้น ...แต่จากสิ่งที่ได้เห็นในการประยุทธ์ ต่างก็ดูเซียนอย่างเท่าเทียม มิสามารถประเมินคะแนนว่าใครจะมากหรือน้อยกว่า (แต่ถ้ารวม การใช้ลวดสลิงเกี่ยวขึงประคองความชรา ลงไปด้วยอีกหนึ่ง ..ก็คงจำใจต้องตัดคะแนนจ๊าบเจ๋งของเสือน้อยทั้งสองไปไม่น้อยๆเลยทีเดียว 555+) ...การแจมความสวยเทพของสองสาว "หลิวอี้เฟย" และ "หลี่ปิงปิง" สามารถช่วยหนังไว้ได้มาก ในเรื่องของความเพลินตาสำหรับบรรดาหนุ่มๆผู้หื่นกระหายความงามนัยน์ตามังกร ...ส่วนฝรั่งหนึ่งเดียวอย่าง "ไมเคิล แองการาโน่" ...ต่อให้มีบทบาทมากกว่าใครสักเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นความสำคัญอะไรที่จะเรียกเขาว่าเป็นพระเอกเล้ยยยยย
"The Forbidden Kingdom" ... อาจเป็นอีกหนึ่งหนังที่ดูเอาเพลินสำหรับใครๆที่อยากเจอการประทะของสองเสือผู้ยิ่งใหญ่ แต่การสร้างความรู้สึกอยากเพลินในมุมของผม กลับเจอความลำบากนานาที่พาลทำให้ไม่สะดวกใจจะสนุกอะไรหนักหนา ...ถ้าจะพูดว่าผิดหวัง(ทั้งๆที่ไม่ได้หวัง) ก็อาจจะถูก แต่ถ้าประเมินจากการเสียตังค์ ก็ยังไม่ถึงกับเสียดาย เพียงแค่ ยังไม่คุ้มค่าเท่าที่ต้องการ
เกรด B-
UPDATE!!! : เพิ่งทราบมาว่า หนังฉบับเต็มๆในอเมริกาฉายใช้เวลา 1 ชั่วโมง 54 นาที ...แต่ในบ้านเรา ถูกค่ายเสี่ยเจียงตัดหั่นซอยเล็มซะม่อต๊อ เหลือแค่ชั่วโมงครึ่ง (เหตุผลก็คงจะเลี่ยงไปจาก...การหาเรื่องทำให้รอบฉายเยอะ ทำเงินมากขึ้นไปได้)
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ...เรื่องที่ติไปเสียส่วนใหญ่ คงไม่ใช่เรื่องผิดของตัวหนังมันแล้ว แต่ผิดที่คนจำหน่ายในบ้านเรา มันเห็นแก่ได้จนเกินเลย
ต่อไปนี้คงฝากความหวังไว้ใจอะไรกับ ...สหมงคล ไม่ได้แล้วละมั้ง
ปล. ตอนนี้ผมคงต้องโฆษณา..ให้รอ DVD กันไปเลยจะดีกว่าละมั้ง
2 หนังเกรด A ...ที่ผมขอเชียร์ให้ไปดูตอนนี้ :
"ดรีมทีม" ...สั้นๆง่ายๆ ...หนังเรื่องนี้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก ...เป็นกล้วยทอด!!! ไร้น้ำมัน ที่เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย จริงๆครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&month=04-2008&date=08&group=2&gblog=124
"Horton Hears a Who!" ...อีกหนึ่งโปรแกรมที่เด็กดูก็ได้สนุก ผู้ใหญ่ดูก็เพลิดเพลินเจริญสมอง ...กับหนังอนิเมชั่นที่ตีหน้าขำอำความจริง ...ขอบอกว่านี่เป็น Ratatouille เวอร์ชั่นขายขำฮากลิ้งที่มีอะไรให้เกิดความประทับใจกับทุกคนในครอบครัว ...ขอสวมหัวช้างน้อย ชักชวนไปหนุกกัน แปร๋นนนน!!!
สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."
ขอบคุณครับ รักคนอ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 51 18:18:33