ความคิดเห็นที่ 23
ประวัติศาสตร์ที่ไทยเขียนไว้ มีทั้งส่วนจริงและไม่จริงครับ การจะศึกษาประวัติศาสตร์ไทยให้ดี ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง (ทั้งฝ่ายหัวใหม่ และ หัวเก่า) จะต้องประกอบด้วยเอกสารชั้นต้นจากของทุก ๆ ผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งของ ไทย พม่า มอญ จีน ฝรั่ง จะอ้างเอกสารใดเป็นหลักย่อมมิได้ ซึ่ง คิดว่าทั่วโลกก็คงทำแบบนี้ หลังจากที่ได้มาแล้ว ก็ต้องโละวิธีคิดแบบปัจจุบันทิ้งไปให้หมด แล้วเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ ต้องคิดแบบคนโบราณจริง ๆ ไม่ใช่เอาตรรกะของคนสมัยใหม่ไปใส่กรอบเพื่อพิสูจน์สมมติฐานของตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว เพราะไม่เช่นนั้น ก็คงจะต้องเถียงกันจนวันตาย ยกตัวอย่างที่ Classic อย่างหนึ่ง คือ กรณีของ การทำยุทธหัตถีของ สมเด็จพระนเรศวร กับ พระมหาอุปราช เอกสารของไทย รวมถึง ฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยว่าไว้อย่างหนึ่ง (ของฝรั่งกับของไทย ก็ยังต่างกันอีกว่า ตกลงทรงกระทำยุทธหัตถีที่ไหนกันแน่ ?) ของพม่าว่าไว้อีกอย่าง (ไม่มีการกระทำยุทธหัตถี เพราะพระมหาอุปราชต้องกระสุนปืนใหญ่สิ้นพระชนม์) ก็ต้องนำข้อมูลที่ได้มาจากทั้งของ พม่า และ ของไทย มาพินิจพิเคราะห์กันตามจริงว่า จะจริงหรือไม่อย่างไรเป็นต้นครับ นักประวัติศาสตร์มืออาชีพสมัยใหม่ พอมีกระแสใหม่ ๆ ออกมาก็เห่อไปตามเขาเสียอย่างงั้น เอากรอบในสมัยพุทธศตวรรษที่ 25 ไปจับแนวคิดในพุทธศตวรรษที่ 21 เสียอย่างงั้นไป ซึ่งมันไม่ถูกต้อง อีกประการ ตรรกะ ส่วนตัวจากการตีความเอกสารคงไม่ถูกต้องทั้งหมด ถ้าจะให้ดี ต้องรวม วิชาแขนงต่าง ๆ เข้าไปด้วย ทั้งเรื่องของ ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา , จิตวิทยา ,รัฐศาสตร์ ฯลฯ เข้าไปด้วย มันจึงจะได้เหตุผลที่เหมาะสม และถูกต้องมากที่สุด ข้อเสียอีกประการของการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ก็คือ ไม่เน้นหาคำตอบที่ชัดเจน แต่เน้นที่จะตั้งเป็นคำถามปลายเปิด ปล่อยไว้เฉย ๆ ซึ่งมันไม่มีผลดีอะไรเลย เพราะจะทำให้คนรุ่นหลัง ๆ มาทะเลาะกันเปล่า ๆ ครับ
จากคุณ :
อะจริงดิ
- [
21 เม.ย. 51 11:38:39
A:58.10.222.74 X: TicketID:025907
]
|
|
|