CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<<<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... The Forbidden Kingdom , เมื่อฝรั่งมาทำหนังกังฟู >>>>>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (11 คน)
      ชอบ (13 คน)
      เฉยๆ (9 คน)
      ไม่ชอบ (4 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (5 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 42 คน

     26.19%
     30.95%
     21.43%
     9.52%
     11.90%


    ...เลือกอ่านบทความนี้ พร้อมอ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมต่อที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=20-04-2008&group=14&gblog=89


    ผมไม่ใช่แฟน เฉินหลง หรือ เจ๊ตลี

    ผมไม่เคยดูหนังจีนชุดในทีวี ผมจึงไม่ใช่แฟนคลับหลิวอี้เฟย

    ผมตั้งอคติล่วงหน้าว่า 'โถ ฝรั่งทำหนังกังฟู ดูไม่น่าจะเวิร์ค'

    ผมทำนายว่าผู้กำกับ ร็อบ มินคอฟฟ์ที่ฝากผลงานไว้แต่หนังเด็กๆอย่าง Stuart little คงถนัดเฉพาะทำหนังจับ target group รุ่นคุณหนู


    ....อ่านมาสี่บรรทัดแล้วอาจสงสัยว่าแล้วผมจะยังเสียตังค์ไปดูทำไม เหตุผลมีง่ายๆแค่อาทิตย์นี้ไม่มีหนังน่าสนใจให้เลือกมากนัก และ ผมก็อยู่ในอารมณ์เบื่อๆเซ็งๆ จะไปดูหนังตลกอย่าง Superhero movie ก็กลัวว่า ถ้าไม่ฮาจะพาลอารมณ์เสีย(ดายตังค์)

    ก่อนเข้าโรงไปดู หนังที่เน้นโชว์ศิลปะการต่อสู้ (Martial arts) หรือ หนังกังฟู “ฮ้า ว๊าก หวา อะจ๊ากกก” แบบนี้ ก็เผื่อใจไว้ล่วงหน้าที่จะไม่หวังการแสดงแบบมีมิติซับซ้อน หรือ บทที่มีความลึกซึ้ง สำหรับเนื้อเรื่องที่มาในแนว

    “พระเอกยุคปัจจุบันเป็นไอ้ขี้แพ้ถูกกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ เกิดจับพลัดจับพลูทะลุมิติไปประกอบภารกิจสำคัญในอดีต แล้วก็กลับมาเป็นคนใหม่ที่ได้เรียนรู้อะไรต่างไปจากเดิม”

    ... การนั่งดูพล็อตซ้ำๆสุดแสน clich&eacute; รอบที่ร้อยยี่สิบหก สิ่งที่หวังมีเพียงขอให้หนังทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีสำหรับมอบความบันเทิงในเวลาสองชั่วโมง ซึ่งอันที่จริงพล็อตเก่าแก่แบบเป็นสูตรสำเร็จประเภทนี้ เป็นบททดสอบชั้นดีของผู้กำกับ ว่าจะปรุง 'เหล้าเก่าในขวดใหม่' อย่างไร ให้คนชิมแล้วรู้สึกว่ายังอร่อยอยู่อีก



    ... The Forbidden Kingdom เปิดเรื่องด้วย opening title สุดเก๋ไก๋ทำให้ผมประทับใจและแอบเพิ่มความคาดหวังมากขึ้นว่า ตัวหนังน่าจะมีอะไรดีๆตามมา ช่วงแรกของหนังที่พระเอกอยู่ในโลกปัจจุบันยังไม่มีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจนัก จนเมื่อเข้าบรรยากาศยุคโบราณอันเป็นช่วงเวลาที่หวาดหวั่นว่า ฝรั่งทำหนังกังฟู จะให้กลิ่นออกมาปุเลี่ยนๆหรือไม่

    ปรากฎว่า การถ่ายทอดกลิ่นอายฝั่งตะวันออก อาจจะไม่ได้ถึงแก่นแท้ระดับชอว์บราเธอร์ แต่ก็จัดได้ว่าไม่เลวนัก สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ทำการบ้านจากหนังกังฟูในอดีตมาดี ไม่แพ้ความคลั่งไคล้ในกังฟูของตัวพระเอกในหนัง ทำให้ ภาพออกมา ไม่ fake ไม่ออกมาเป็นติ๋มซำใส่เนยจนเกินจะรับได้

    ซึ่งไม่แน่ใจว่า เป็น เพราะความคลั่งไคล้ในหนังแนวนี้จริงๆของตัวผู้กำกับและทีมผู้สร้างอยู่ก่อน หรือเป็น อิทธิพลของ หยวนวูปิง ที่แจ้งเกิดในฮอลลีวูดแบบเต็มตัวจากการออกแบบฉากต่อสู้ใน The Matrix และรับจ๊อบมาเรื่อยจนถึงเรื่องนี้ที่ขึ้นแท่นเป็นexecutive producer คู่กับ ออกแบบฉากต่อสู้ ที่ทำให้ ภาพคนจีนพูดฝรั่งได้ในหนัง ไม่สร้างความรู้สึกแปร่งๆหรือตะขิดตะขวงเท่าตอนที่ดูฝรั่งทำหนังเอเชียอย่าง Memoir of geisha



    ...พิจารณาจากบทหนัง ถึงจะไม่ได้ลึกซึ้งซับซ้อน แม้จะมีตัวร้ายชนิดแบนราบมิติเดียวที่ออกมาทำหน้าเหี้ยมลูบคลำสาวๆแบบหื่นๆแล้วก็ฆ่าลูกน้องอย่างไร้เหตุผล แต่เชื่อว่า หลายๆคนก็มินำพา เนื่องว่า ความสนุกของบทหนังเรื่องนี้ มิได้มาจาก ความลึกซึ้งแยบยล แต่มาจาก การจับโน่นจับนี่มาผสมใส่ทำให้คนดูรุ่นเก่าๆหรือแฟนหนังกังฟูกำลังภายใน สนุกที่ได้เห็น ตำนานไซอิ๋วดัดแปลง เห็นเห้งเจียดึงขนเพิ่มร่าง , ได้ศึกษาวิชาหมัดเมาที่ลือลั่น , ได้เจอนางพญาผมขาวคืนชีพ ฯลฯ แถมยังตัดแปะมารวมๆกันแบบลงตัวเสียด้วย ไม่ใช่แค่สักจับๆมารวมกัน

    ตัวหนังแอบเล่นประเด็นเหยียดสัญชาติผ่านการสลับมิติได้น่าสนใจ จากตอนต้นเรื่องที่ในโลกปัจจุบันฝั่งตะวันตก ฝรั่งดูถูกเอเชีย ดูถูกกังฟู แต่พอโลกเปลี่ยนไปในอีกยุคสมัย ที่ผู้เป็นใหญ่คือเอเชีย ฝรั่งอย่างพระเอกก็โดนดูถูกจากเหล่าจอมยุทธที่มองพระเอกไร้น้ำยา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อคติหรือการแบ่งแยกเหยียดชนชั้นนั้น มีติดตัวมาแทบยุคสมัยทุกสัญชาติ ในเวลาที่มนุษย์คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่เหนือกว่าคนอื่น ความรู้สึกดูแคลนคนที่แตกต่างก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ


    ...อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ว่า หนัง'เหล้าเก่าในขวดใหม่'แบบนี้ เป็นโอกาสสำคัญในการโชว์ฝีมือของผู้กำกับฝีมือ ซึ่ง ร็อบ มินคอฟฟ์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับการเล่าเรื่องที่น่าพึงพอใจ จับจังหวะหนังได้ดี แม้จะติดๆขัดๆไปบ้าง (ซึ่งมีข่าวแว่วว่าเกิดจากการตัดต่อหนังอีกรอบโดยค่ายหนังในบ้านเราซึ่งไม่รู้จริงเท็จประการใด) แต่ยังทำให้ออกมาดูสนุก มุกตลกในหนังมีไม่บ่อยแต่ก็ทำให้ขำได้ เช่น ทำจอกให้ว่าง , ฝากนักบวชวิ่ง ฯลฯ

    การพบกันครั้งแรกของ เจ๊ท ลี กับ เฉินหลง ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวือหวาตื่นตา แต่ก็ยังคุ้มค่าที่ได้เห็นสองดารามาประชันกัน โดยเฉพาะฉากงัดวิทยายุทธมาประลองกันในถ้ำเป็นฉากที่แฟนๆหนังกังฟูน่าจะประทับใจไปมิใช่น้อย เจ๊ท ลี ในบท เห้งเจีย ดูเป็น การแสดงที่น่าสนใจสำหรับตัวเขาที่หลังๆมักผันตัวไปรับบทประเภทหน้าตายอยู่เรื่อยๆ ส่วน เฉินหลง ดูจะอ่อนพลังไปพอสมควรในหนังเรื่องนี้ บทไอ้หนุ่มหมัดเมาที่เขารีเทิร์นกลับมาเล่นอีกครั้ง เป็น ความน่าผิดหวังเล็กๆ สู้ที่รับบทเจ้าของร้านไม่ได้ แม้จะโผล่มาชราใกล้ฝั่งไม่กี่นาที ยังดูน่าสนใจกว่า

    ในขณะที่ บทของสองสาวในหนัง เป็นบทไม้ประดับที่ผู้กำกับพยายามจะหาช่องทางให้แจ้งเกิด ด้วยตัวบทที่ไม่เอื้อให้ทั้งคู่ได้แสดงฝีมืออะไรมากนัก แต่ หลิวอี้เฟย ก็น่ารักและขึ้นกล้องมาก หากเธอหวังจะก้าวไกลในระดับโกอินเตอร์ต่อไป คงต้องเพิ่มพูนทักษะการแสดงให้มากกว่านี้อีกพอสมควร เพราะ การแสดงของเธอยังดูยังโอเวอร์แอคติ้งนิดๆไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก (ส่วนที่ขัดใจเพิ่มเติมแบบไม่เกี่ยวกับหนังคือ สองสาวสุดสวยในเรื่อง ช่างผอมบางเสียเหลือเกิน)

    สรุป ... ก่อนดูคาดว่าน่าจะงั้นๆ พอได้ดูกลับรู้สึก สนุกเพลิดเพลินมิใช่น้อย เป็นหนังที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ก็เป็น หนังที่รู้จักตัวเองดีว่าหน้าที่ของหนังแนวนี้มีแค่ไหน และ ก็นำเสนอออกมาได้ตามมาตรฐาน


    ป.ล. ... คำถามที่พระเอกถามอาจารย์เจ๊ทลี ว่า หากตอนสู้กันจริงๆเกิดเขาขลาดเขลา หรือ ช็อคยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกจะทำอย่างไร คำตอบจากท่านอาจารย์คือ "ขอแค่อย่าลืมหายใจเป็นพอ" เป็นข้อคิดที่ใช้ได้จริง เพราะฟังผ่านๆอาจดูเป็นปรัชญางงๆ แต่ความจริง คือ หากลนลาน ขาดสติ ทำอะไรไม่ถูก การรู้ตัวว่ายังหายใจ การกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก เป็น การเรียกสติที่ดีที่สุด เพราะ ลมหายใจของเราเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดที่บ่งบอกว่า เรายังมีชีวิตอยู่ เรายังมีโอกาสสู้ต่อไป เรายังไม่ได้ถูกทำลายลง


    love หมายเหตุ : เชียร์สุดใจให้ไปดู Horton Hears a Who! แอนิเมชั่นช้างน้อย ที่ ภาพสวยเหลือหลาย มุกตลกฉลาดมากมาย บทคมคายแต่ดูง่ายเพราะเคลือบความน่ารัก มีตัวละครน่าประทับใจ เด็กๆดูเอาสนุกก็สนุกได้ ผู้ใหญ่ดูก็สนุกไปอีกขั้นกับเนื้อหาที่มีอะไรมากไปกว่า ช้างน้อยช่วยเพื่อน

    Horton Hears a Who! ,เสียงที่มองไม่เห็น --> เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย & ประชานิยมหมักหมมปัญหา --> ปิดหูปิดตาประชาชน
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=21-04-2008&group=14&gblog=90



    บทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
    (บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

    Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=02-2006&date=09&group=1&blog=1

    แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 12:00:55

    แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 51 09:59:40

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 21 เม.ย. 51 09:44:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom