Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    The Way of Love บุษกร-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์

    กลายเป็นตำนานเล็กๆสำหรับคู่รักหวานจนใครๆอิจฉาวันนี้เขาและเธอเปลี่ยนสถานะเป็นพระเอก-นางเอก ในชีวิตจริงของกันและกันเสียแล้ว แม้ทั้งสองออกตัวว่ามีเรื่องราวความรัก “ธรรมดา” เหมือนคนทั่วไป แต่เชื่อว่าหนุ่มสาวหลายคนคงอยากพบเจอความรักที่ “ธรรมดา” อย่างนี้บ้าง

               ถ้าย้อนไปดูจุดเริ่มต้น คงไม่มีอะไรกล้ารับรองว่าเรื่องราวของทั้งสองคนจะมาบรรจบกันได้ เพราะอย่างที่หน่อยเล่าว่า ก่อนหน้าคำว่าวงการบันเทิงอยู่ไกลตัวมาก

               “ตอนเรียนหนังสือ หน่อยคิดว่าจบแล้วจะเป็นแอร์โฮสเตสเพราะคุณพ่ออยู่การบินไทย บ้านอยู่ตรงข้ามสนามบิน วิ่งเล่นอยู่แถวดอนเมืองมาตลอด แต่ตอนเด็กๆอยากเป็นครู เพราะอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแต่งตัวสวย เปรี้ยว แต่จะเข้าใจผิดว่าหน่อยแก่นเปรี้ยวนะคะ ตรงกันข้ามเป็นเด็กเรียบร้อยมาก คุณแม่ไม่ยอมให้ไปไหนเลย รู้จักแค่เส้นทางจากบ้าน คือดอนเมืองมาเรียนที่หอวังเท่านั้น เรียกว่ารู้จักเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ถือว่าเดิร์นสุดๆแล้ว ขนาดเข้ามหาวิทยาลัยจำได้ว่าวันแรกนั่งรถเมล์สาย 59 ไปลงสุดท่าที่ถนนท่าพระอาทิตย์ แล้วยังต้องถามคนแถวนั้นว่าธรรมศาสตร์อยู่ไหน

               “จากนั้นจึงได้เริ่มทำกิจกรรมเชียร์ลีดเดอร์ แล้วประกวดสาวแพรว ที่เริ่มจากเพื่อนอ่านหนังสือสุดสัปดาห์แต่ไม่ประกวดเองเพราะตัวเล็ก จัดการรูปเราไปเสร็จสรรพ ยังงงว่าเข้ารอบมาได้ยังไงเหมือนทุกอย่างพาไป ถือรางวัลขึ้นรถเมล์กลับบ้านแบบงงๆ แล้วจากนั้นก็เริ่มงานเดินแบบ ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา เงินก้อนแรกได้จากถ่ายโฆษณาพอนด์ ยืนอยู่บนชั้นหนังสือแล้วหันมายิ้มหวานๆ ได้ 4 หมื่นบาท ใจเราตอนนั้นโอโห งานนี้ง่ายจัง แป๊บเดียวได้สตางค์แล้ว แต่หลังจากนั้นจึงรู้ว่าที่ยากๆ ที่สาหัสก็มีเยอะ”

    เล่าหน่อยสิคะ

               หน่อยได้ประสบการณ์เยอะ เพราะความที่เป็นคนอะไรก็ได้ ถ่ายแบบไกลๆ ตากแดดร้อนอยู่ในทุ่งนาได้ ไม่เกี่ยง ไม่บ่น ทรหด อดทน พี่ๆ เลยชอบพาไปถ่ายแบบที่เมืองนอก เคยนั่งรถ 7 ชั่วโมง หาโลเกชั่น สองข้างทางไม่เจออะไร มีแต่ปั๊มน้ำมันเก่าๆ เหมือนเป็นเมืองผีสิง ก็ไม่เดือดร้อน ยังสามารถนั่งคุยกับพี่ๆ ทีมงานได้อย่างสบายใจ

               อาชีพนักแสดงก็ไม่สบาย บางทีตีสี่ยังต้องนั่งดมควันระเบิดกันอยู่ ซึ่งด้วยบุคลิกหน้าตาด้วย ชีวิตนี้จึงไม่ค่อยได้เล่นละครสบายๆเลย ยังเคยบ่นขำๆ ในกองว่า ทำไมไม่ให้เล่นบทอยู่บ้านใหญ่โต อยู่ในห้องแอร์ เป็นคุณนายเหมือนคนอื่นบ้าง ทำไมต้องมาอยู่กับไร่สับปะรด หรือถ้าเล่นอยู่ในบ้านก็ต้องร้ายกาจ มีสามีหลายคน อย่างเป็นผกา ใช้รากราคะค่ะ (หัวเราะ) บ่นไปอย่างนั้นละ ความจริงหน่อยชอบเล่นบทแปลกๆ สนุกๆอยู่แล้ว ถ้าเรียบๆคงไม่มีความสุข

               (เคนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของตัวเองบ้าง) ผมไม่เหมือนคุณหน่อยเพราะอยู่ในกองถ่ายตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่พาไปด้วยเสมอ ซึ่งผมไม่ชอบเลย ยังคิดว่ามีลูกจะไม่พาไปเด็ดขาด รู้สึกว่าไม่ใช่ที่ของเด็กโดยเฉพาะเด็กแบบผม ปกติถ้าอยู่บ้านผมจะวิ่งเล่นหรือได้เล่นอะไรตามจินตนาการของผมไป แต่พอไปกองถ่ายต้องนั่งรอพี่สาวทำกิจกรรมที่แม่สรรหามาให้ เช่น เรียนเปียโน จึงมีแรงต่อต้านเล็กๆ อยู่ตลอดเวลา เป็นเด็กดื้อเงียบที่ไม่ชอบวงการบันเทิง (หัวเราะ) ยิ่งพอแสดงละครมีคนจำได้ เพื่อนที่โรงเรียนรู้ยิ่งอาย ไม่รู้ทำไม คงเพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจแบบนั้น

    แต่ตอนไปเรียนต่อก็เลือกเรียนเกี่ยวกับงานบันเทิงนะคะ

               ผมเลือกเรียนเกี่ยวกับงานเบื้องหลังภาพยนตร์ คิดว่าคงซึมซับจากพ่อ บวกกับนิสัยชอบถ่ายรูป ชอบดูหนัง ใจอยากเป็นช่างภาพสารคดีสัตว์ประมาณนั้น

               ตอนอยู่เซนต์ดอมินิกเรียนไม่เก่งเท่าไหร่ อยู่อเมริกาก็ยังไม่เก่งแต่ไม่เหลวไหล ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีหรอก คงเพราะต้องทำหน้าที่ดูแลคนอื่นเสมอมา จึงไม่อยากอยู่ในสภาพอย่างนั้น เลยไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนัก ผมเรียนอย่างเดียว พยายามใช้เงินเท่าที่จำเป็น ประหยัดไม่ใช่อะไร ขี้เกียจทำงานพิเศษ (หัวเราะ) จนถึงช่วงฟองสบู่แตก รู้สึกสงสารแม่ที่ส่งให้เรียนเยอะแล้ว และจึงตัดสินใจทำงาน คงได้แค่ค่ากินอยู่ ไม่พอค่าเรียนซึ่งแพงมาก เลยกลับมาตั้งหลักก่อน รอให้เศรษฐกิจดีแล้วค่อยกลับไปเรียน ซึ่งอย่างที่รู้ว่าไม่ได้กลับไปอีกเลย

               ตอนนั้นแม่พาไปฝากให้ทำงาน ชิ้นแรกๆ มีมิวสิควีดีโอ งานโฆษณา  เป็นงานเบื้องหน้าที่ยังคงไม่ชอบอยู่ดี แต่ทำได้ไม่ใช่พูดเพราะถ่อมตัวนะ ผมรู้ตัวว่าไม่หล่ออย่างที่เขาพูดกัน มองกระจกก็รู้ รู้สึกว่าคนที่หล่อจริงต้องแบบ ชาคริต แย้มนาม หรือ โดม ปกรณ์ ลัม สำหรับตัวเองคิดว่าอยู่ในระดับปกติ ไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ใช่แบบเป็นพระเอก ทุกวันนี้ยังคิดเหมือนเดิม รู้สึกว่าผลงานทำให้คนเห็นว่าหล่อ หรืออาจจะโตขึ้นแล้วดูดีกว่าสมัยวัยรุ่นขึ้นมาบ้าง ซึ่งไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ใช่แบบหล่อมาตั้งแต่เกิด หรือไม่ว่าทำอะไรก็หล่อ

    แล้วเมื่อไหร่รู้สึกชอบงานแสดงคะ

               หลังจากผ่านไปสักพัก แต่ถ้าให้พูดจริงๆคือ ทุกวันนี้ทำไปก็เบื่อ (หัวเราะชอบใจ) อย่าเข้าใจผิดนะครับ หมายถึงว่าผมเป็นคนประเภทไม่มีจุดตายที่แน่นอน จึงไม่มีแบบที่ว่าตอนนั้นเบื่อมาก ตอนนี้ชอบมาก แต่คละกันไป อย่างทีแรกแม่อยากให้เล่นละคร ส่วนผมพยายามทำนู่นทำนี่ดูว่าอย่างไหนดี ลองเดินแบบ เป็นงานที่จบเร็ว อายนิดหน่อย แต่ไม่ต้องท่องบท เมื่อได้เล่นละครก็ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ และไม่เดินแบบอีก หลังจากนั้นค้นพบว่าการเดินแบบต้องมั่นใจพอตัว เพราะเวลาพรีเซนต์เสื้อผ้าต้องคิดว่าหล่อ เท่ แล้วเดินออกไป  ไม่ได้ว่าคนอื่นนะ แต่เวลาเดินแบบต้องคิดอย่างนั้น จริงๆ สุดแล้วก็ชอบละครนั่นละ ยังอายอยู่ แต่เมื่อมีสมาธิ มีบทมีตัวละครอื่นๆก็ทำได้

    ขี้อายแล้วทำไมกล้าจีบคุณหน่อยล่ะคะ

    ถ้าเป็นสิ่งที่ชอบจะกล้าครับ (หัวเราะสนุก) ผมชอบจัดการอะไรด้วยตัวเอง ไม่ใช่แบบที่ชอบใครแล้วบอกเพื่อน ผมชอบคุณหน่อยเพราะรู้สึกว่าเธอสวยแบบสบายๆ ดี ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่กล้า หลังจากที่เริ่มรู้จักสักพักแล้ว เล็งแล้วว่าคุยด้วยได้ จึงค่อยๆคืบไป ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า

    (คุณหน่อยช่วยเล่าต่อ)ตอนนั้นเขาเงียบๆไม่พูดกับใคร มีโลกส่วนตัวสูง ขณะที่หน่อยพูดมาก เฮฮา ชอบซื้อขนมไปแจกทุกคนในกองถ่าย ตอนเจอเขาแรกๆ เคยนั่งเมาท์กับเพื่อนว่า เคนเนี่ยหน้าใสเนอะ ฟันก็ขาว ยิ้มสวย ไม่เหมือนตอนแรกที่อายุ (ยุวดี ไทยหิรัญ) ให้หน่อยช่วยดูรูปว่า พระเอกสองคนระหว่างเอส-วรฤทธิ์ กับอีกคน เคน-ธีรเดช ที่มาจากโฆษณาอะไรสักอย่างหัวยุ่งๆ จะเลือกใครมาเป็นพระเอกเรื่อง “ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกัน” หน่อยเชียร์เอส แต่อายุ บอกว่า เคนก็ดีดูมีความคิด มีอะไรในตัวเอง เคยอ่านบทสัมภาษณ์แล้วชอบ แล้วเรียกทั้งสองคนมาคุย สรุปว่าได้เล่นทั้งคู่ เราคงตาไม่ถึง เพราะตัวจริงเคนดูดีกว่าในรูปมาก ในรูปจะเหมือนโดนบังคับมา หน้าไร้ความรู้สึกมาก ตอนหลังถึงรู้ว่าเขาไม่ชอบถ่ายรูป ไม่ชอบแสดงออก จากนั้นก็เล่นละครเรื่อง “คนของแผ่นดิน” ด้วยกัน ทีแรกไม่คิดอะไร หน่อยยังพูดเล่นกับเขาเลยว่า ถ้าเคนเกิดเร็วกว่านี้สัก 7 ปีนะ...(หัวเราะ)

    แล้วเขาเริ่มจีบอย่างไรคะ

               ตอนนั้นเป็นช่วงที่ต่างคนต่างว่าง ไม่มีแฟนทั้งคู่ ได้เจอกันทุกวัน แล้วไปไหนด้วยกันตลอด ไปถ่ายละครที่ภูเก็ต  ตะกั่วป่า ขึ้นเชียงราย เห็นกันจนเริ่มสนิท เวลาหน่อยไปไหนกับแก๊งยูม่าเคนจะโทร. มาถามว่าอยู่ที่ไหน แล้วตามมาแจม สักพักเคนเริ่มไม่ขับรถ แต่นั่งแท็กซี่มากองถ่าย แล้วขอติดรถหน่อยกลับบ้าน

               บ้านหน่อยอยู่ดอนเมือง ส่วนบ้านเคนอยู่สุขาภิบาล 3 เขาจึงต้องลงแถวหลักสี่แล้วนั่งรถต่อไปอีก เคยถามว่าทำไมไม่ขึ้นทางด่วนกลับบ้านรวดเดียวเลย เขาบอก “ไม่เป็นไรครับ กลับทางนี้ก็ได้”  วันหนึ่งเริ่มคุยโทรศัพท์กันยาวๆ เขาชวนคุยเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งถูกคอเพราะเราชอบเดินทางต่างประเทศ เขาก็เล่าสารพัดว่า  เคยไปที่โน่นที่นี่มา เรียกว่าเปิดแผนที่โลกคุยกันเพลินถึงตีสามตีสี่ไม่รู้ตัว

               พอปิดกล้องละคร เขาไปเที่ยวอังกฤษ 3 อาทิตย์ยังโทร.หาทุกวัน จนวันหนึ่งอายุรู้เรื่อง จึงบอกด้วยความเป็นห่วงว่าอย่าเลย หน่อยอายุมากกว่า อาจทำให้ดูไม่ดี พอเคนโทร.มาเลยบอกเขาไปว่าเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันดีกว่า ประโยคนั้นทำให้เขาอึ้งอยู่เหมือนกัน

               (เคนเล่าถึงความรู้สึกนั้นบ้าง)ผมเข้าใจคุณหน่อยนะผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย ถ้าจะมีอะไรผิดพลาด และตอนนั้นเราก็แค่ชอบกัน ยังไม่มีความมั่นคงรับประกันให้ หรือมองไกลขนาดแต่งงาน แต่วันนั้นผมมั่นใจพอและบอกคุณหน่อยว่า เราชอบกันไม่ได้คิดร้ายทำลายกัน และมีความสุขดี ไม่ใช่ทะเลาะกันจนคนอื่นบอกว่าเลิกเถอะ ทุกอย่างเพิ่งเริ่ม ฉะนั้นถ้าจะเลิกก็ให้เป็นด้วยตัวเราเอง เหมือนผมขอโอกาส ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร

    จากวันนั้นเคยพบปัญหาที่ทำให้สงสัยลังเลใจกันอีกไหมคะ

               (คุณหน่อยอาสาเล่า) หลังจากที่คบกันแล้ว ก็รู้สึกดีมาตลอดว่าตัดสินใจไม่ผิด เพราะเคนเป็นคนที่รับผิดชอบ ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่อยากเอาชนะชั่ววูบ เขามีความคิด มีเหตุผล ดูโตมากว่าหน่อยอีก และบางที่ก็ช่วยสอนเราหลายอย่างเหมือนกัน ที่สำคัญเขาไม่สร้างภาพเลย ไปยืนโบกแท็กซี่อยู่ทองหล่อโดยไม่ใส่แว่นตาดำหรือหมวก ชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ไปออกกำลังกาย มีความสุขกับการนั่งรถไฟฟ้า บางทีหน่อยหิว เคนไปยืนรอซื้อหมูปิ้งให้ หรือนึกอยากกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็ลงไปนั่งกิน คนแถวนั้นจะกรี๊ดฮือฮา.....

     
    ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือแพรว  ฉบับเดือนมกราคม 2551

    http://www.wedding.in.th/wp_justmarried/specialscoop/specialscoop_bussakorn.php

    ผีเสื้อ ใครมีต่อมั่งคะ ... อยากอ่านต่อจัง

     
     

    จากคุณ : [[babeberry]] - [ 27 เม.ย. 51 05:39:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom