PANTIP.COM : A6583755 พายุที่พัดถล่มประเทศพม่า... [วิทยุ-โทรทัศน์]

ความคิดเห็นที่ 16

หากกล่าวถึงความหายนะอันเกิดจากพายุที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คนไทยคงพอจำกันได้กับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช และที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะนั่นคือ หายนะอันเกิดจาก "พายุหมุนเขตร้อน" (Tropical Cyclone)โดยแท้ แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจว่า พายุหมุนเขตร้อนคืออะไร

คำว่า พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "พายุไซโคลน" (Cyclone) ดูเหมือนจะเป็นชื่อที่สร้างความสับสนให้กับคนที่ฟังพยากรณ์อากาศโดยทั่วไปอยู่พอสมควร แต่ถ้ากล่าวถึงชื่อ "พายุดีเปรสชั่น" (Tropical Depression) "พายุโซนร้อน" (Tropical Strom) และ "พายุไต้ฝุ่น" (Typhoon) หลายคนก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อเหล่านี้ดีพอควร สำหรับผู้ที่ติดตามการพยากรณ์อากาศเป็นประจำก็อาจพอจะรู้ว่า พายุหมุนเขตร้อนก็คือชื่อเรียกโดยรวมของพายุไต้ฝุ่น พายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชั่น นั่นเอง

พายุหมุนเขตร้อนจะมีความรุนแรง (ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง) ต่างๆ กัน พายุหมุนเขตร้อนจึงถูกแบ่งเป็น 3 ระดับตามความรุนแรงคือ ถ้ามีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน 61 กม./ชม.(33 นอต)เรียกว่า "พายุดีเปรสชั่น" (Tropical Depression) ถ้ามีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางระหว่าง 62-117 กม./ชม.(34-63 นอต)จะเรียกว่า "พายุโซนร้อน" (Tropical Storm) และถ้ามีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 118 กม./ชม. (64 นอต)ขึ้นไปจะเรียกว่า "พายุไต้ฝุ่น" (Typhoon) โดยจะเรียกว่า พายุไต้ฝุ่น เฉพาะกรณีที่เกิดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้น

แม้ประเทศไทยจะอยู่ภายใต้เขตอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ประเทศไทยโชคดีกว่าประเทศอื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้รับความเสียหายจากพายุหมุนเขตร้อนเหมือนกับประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น เพราะตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2550) พายุหมุนเขตร้อนที่ผ่านเข้าถึงประเทศไทยได้เกือบทั้งหมด (มากกว่าร้อยละ 90) จะอยู่ในระดับของพายุดีเปรสชั่น เพิ่งมีพายุเพียง 11 ลูกเท่านั้นที่เป็นพายุหมุนระดับพายุโซนร้อนและพายุไต้ฝุ่น

สำหรับพายุไต้ฝุ่นที่เข้าถึงประเทศไทยได้นั้นมีเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์คือ "พายุไต้ฝุ่นเกย์" (Gay) ซึ่งขึ้นฝั่งที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ส่วนพายุโซนร้อนที่เข้าถึงประเทศไทยและเป็นที่จดจำกันได้ดี เพราะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอันมากก็ได้แก่ "พายุโซนร้อนแฮเรียส" (Harrios) ซึ่งขึ้นฝั่งที่แหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2505 โดยเป็นพายุโซนร้อนที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้มากเกือบเท่ากับพายุไต้ฝุ่นเกย์ นอกจากนี้ก็มี "พายุโซนร้อนฟอร์เรสท์" (Forrest) ซึ่งขึ้นฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2535 และ "พายุโซนร้อนลินดา" (Linda) ซึ่งขึ้นฝั่งที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2540 แต่ก็สร้างความเสียหายไม่มากนัก เนื่องจากมีการเตรียมการรับภัยพิบัติไว้ค่อนข้างดี เพราะประเทศไทยเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากพายุโซนร้อนแฮเรียสและพายุไต้ฝุ่นเกย์

จากสถิติของกรมอุตุนิยมวิทยา เดือนตุลาคมจัดเป็นเดือนที่มีพายุหมุนเขตร้อนเข้าถึงประเทศไทยได้มากที่สุด (มีแทบทุกปี) แต่พายุหมุนมักมีเส้นทางเดินผ่านประเทศเวียดนามและลาว หรือกัมพูชา ก่อนเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ลดความรุนแรงลงเหลือระดับแค่พายุดีเปรสชั่นเท่านั้น ความเสียหายที่ประเทศไทยอาจได้รับก็คือ ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และอาจมีดินถล่มในบางจุด

เดือนพฤศจิกายนมีพายุหมุนเขตร้อนเข้าถึงประเทศไทยได้มากรองลงมาราวครึ่งหนึ่ง แต่เดือนนี้นับว่าเป็นเดือนอันตรายที่สุด เพราะบรรดาพายุหมุนที่เคยสร้างความหายนะให้กับประเทศไทยล้วนเกิดขึ้นในเดือนนี้ทั้งสิ้น เนื่องจากเส้นทางเดินของพายุมักอ้อมแหลมญวนเข้ามาทางอ่าวไทย โดยไม่ผ่านผืนแผ่นดินของประเทศเวียดนามและลาว หรือกัมพูชาเลย พายุหมุนจึงมีความรุนแรงและมีโอกาสสร้างความเสียหายได้มาก พื้นที่เสี่ยงของเดือนนี้คือ ภาคใต้ตอนบนลงไป

และเดือนธันวาคม แม้ตามสถิติจะมีพายุหมุนเขตร้อนเข้าถึงประเทศไทยได้ไม่ถึง 10 ลูก ในรอบ 50 ปี และยังไม่เคยเกิดความเสียหายร้ายแรงเหมือนที่เคยเกิดในเดือนพฤศจิกายนก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบเส้นทางเดินพายุหมุนในอดีตจะพบว่า เดือนธันวาคมเป็นอีกเดือนหนึ่งที่เส้นทางเดินของพายุหมุนมักอ้อมแหลมญวนเข้ามาทางอ่าวไทย โดยไม่ผ่านผืนแผ่นดินของประเทศเวียดนามและกัมพูชาเช่นเดียวกัน แต่จะมาขึ้นฝั่งแถบภาคใต้ตอนล่าง เดือนธันวาคมจึงถือเป็นเดือนอันตรายอีกเดือนหนึ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย

การที่พื้นที่แถบนี้ยังไม่เคยเกิดความเสียหายร้ายแรงจากพายุหมุนมาก่อนเหมือนแถบภาคใต้ตอนบน จึงนับเป็นจุดอ่อนประการหนึ่งในการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า เพราะประชาชนขาดความรู้และประสบการณ์ แต่ภาครัฐจะต้องไม่ประมาทในเรื่องนี้ การให้ความรู้และการกระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักต่อภัยพิบัตินี้เป็นเรื่องที่ต้องกระทำ ภาครัฐต้องไม่ปล่อยให้เหมือนกับกรณีของ "สึนามิ" (Tsunami) ที่มีคนออกมาเตือน แต่แทนที่คนของภาครัฐจะได้ตระหนัก กลับออกมาด่าคนเตือน (ดร.สมิทธ ธรรมสโรช)ให้เสียความรู้สึก

แม้ทำเลที่ตั้งของประเทศไทยจะมีทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นเสมือนกำแพงคอยป้องกันอิทธิฤทธิ์ของพายุหมุนเขตร้อนให้กับประเทศไทย แต่จุดเปราะบางของประเทศไทยในเรื่องนี้ก็คือ พื้นที่ภาคใต้ (โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย) ความตระหนักต่อภัยพิบัตินี้จะต้องมีอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี และนี่ก็เป็นคำเตือนอีกเรื่องหนึ่งที่มีถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยความห่วงใยต่อประชาชนชาวใต้ในฐานะคนไทยด้วยกัน

ผศ. สุพจน์ เอี้ยงกุญชร
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

วันที่ 25/11/2007
http://www.naewna.com/news.asp?id=84092

จากคุณ : otto - [ 7 พ.ค. 51 09:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17

ได้ไปเจอข้อมูลดีดี ที่น่าสนใจ....จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง..........

พายุหมุนหรือพายุไซโคลน (cyclone) ที่มีถิ่นกำเนิดเหนือมหาสมุทรในเขตร้อนแถบละติจูดต่ำ
บริเวณที่พายุหมุนปกคลุมแคบกว่าบริเวณพายุหมุนในเขตอบอุ่น
พายุดังกล่าวเมื่ออยู่ในสภาวะที่เจริญเติบโตเต็มที่จะเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาพายุ
ที่เกิดขึ้นในโลก มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ใหญ่นักประมาณตั้งแต่ 100 กม.ขึ้นไป
เกิดขึ้นพร้อมกับลมลมที่พัดรุนแรงมาก

ระบบการหมุนเวียนของลมเป็นไปโดยพัดเวียนเป็นวงทวนเข็มนาฬิกา (cyclonically) ในซีกโลกเหนือ
ส่วนทางซีกโลกใต้พัดเวียนตามเข็มนาฬิกาเข้าสู่ศูนย์กลางพายุ
ยิ่งใกล้ศูนย์กลางลมจะหมุนเกือบเป็นวงกลมและมีความเร็วสูงที่สุด

ลมที่ใกล้ศูนย์กลางมีความเร็วตั้งแต่ 117 กม./ชม. (64 นอต) บางครั้งมีความเร็วลมเกินกว่า 300 กม./ชม.
(175 นอต) ความกดอากาศต่ำสุดที่บริเวณศูนย์กลางพายุโดยทั่วไปต่ำกว่า 1,000 มิลลิบาร์
มีความชันของความกดอากาศ (pressure gradient) และความเร็วลมแรงกว่าพายุหมุนนอกเขตร้อน (extratropical
storms)

มีลักษณะอากาศร้ายติดตามมาด้วย เช่น ฝนตกหนักมากกว่าฝนปกติธรรมดาที่เกิดในเขตร้อนมาก
บางครั้งมีพายุฟ้าคะนองเกิดขึ้นด้วย ฝนและเมฆมีลักษณะไม่เหมือนกันนักในพายุแต่ละลูก
ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นแนวโค้งหมุนเข้าหาศูนย์กลางหรือตาพายุ มีเมฆประเภทคิวมูลัส (cumulus)
และคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ที่มีฝนอยู่ด้วย เกิดคลื่นสูงใหญ่ในทะเลและน้ำขึ้นสูง

ตรงบริเวณศูนย์กลางพายุมีลักษณะคล้ายกับมีตาเป็นวงกลมอยู่มองเห็นได้ชัดเจนจากภาพถ่ายจากดาวเทียม
เรียกว่า "ตาพายุ - eye" เป็นบริเวณเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลางของตาพายุเพียงแค่เป็นสิบๆ กิโลเมตร
เท่านั้น (ประมาณ 15 - 60 กม.)
ภายในตาพายุนี้เป็นบริเวณที่มีอากาศแจ่มใสมีเมฆบ้างเล็กน้อยเท่านั้นและมีลมพัดอ่อน
พายุหมุนเขตร้อนนี้เกิดขึ้นหลายแห่งในโลก
โดยทั่วไปเกิดทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรในเขตร้อนบริเวณใกล้ศูนย์สูตร (ยกเว้นมหาสมุทรแอตแลนติคใต้
และทางด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิคใต้) เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก
ทำความเสียหายให้แก่ทวีปต่างๆ ทางด้านตะวันออก

พายุหมุนเขตร้อนนี้มีชื่อเรียกต่างๆ กันแล้วแต่ท้องถิ่นที่เกิด เช่น

ถ้าเกิดในบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิคและในทะเลจีนใต้เรียกชื่อว่า "พายุไต้ฝุ่น -
typhoon"

ถ้าเกิดในบริเวณมหาสมุทรแอดแลนติคเหนือ ทะเลคาริบเบียน
อ่าวเม็กซิโกและฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศเม็กซิโก (ด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ)
เรียกชื่อว่า "พายุเฮอร์ริเคน - hurricane"

ถ้าเกิดในอ่าวเบงกอลและทะเลอาราเบียนในมหาสมุทรอินเดีย เรียกกว่า "พายุไซโคลน - cyclone"

ถ้าเกิดในแถบทวีปออสเตรเลียเรียกกว่า "วิลลี่ - วิลลี่ - Willy - Willy"

ถ้าเกิดในประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า "บาเกียว" หรือมีชื่อเรียกไปต่างๆ กัน
ถ้าเกิดในบริเวณอื่น

1. ดีเปรสชันเขตร้อน (tropical depression) มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางน้อยกว่า 34 นอต ( 63 กม./ชม. )
2. พายุโซนร้อน (tropical storm) มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 34 ถึง 64 นอต ( 63 - 117
กม./ชม.)
3. พายุไต้ฝุ่น หรือเฮอร์ริเคน (typhoon or hurricance) มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 65 นอต
หรือมากกว่า หรือตั้งแต่ 118 กม./ชม. ขึ้นไป

(จาก Glossary of Meteorology, American meteorological society, 1959)

จากคุณ : otto - [ 7 พ.ค. 51 09:39:54 ]