CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "Speed Racer" ... เร็ว แรง และแซงทุกโค้ง ..อย่างคาดไม่ถึง!!!

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (48 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (3 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (2 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (5 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 58 คน

     82.76%
     5.17%
     3.45%
     8.62%


    ถ้าบังเอิญผมไม่รู้อะไร แล้วมีคนมากระซิบบอกผมว่า "Speed Racer" เป็นผลงานกำกับเรื่องใหม่ของพี่ "ไมเคิล เบย์" ผมว่าจะเต็มใจยอมเชื่อสักร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลย ...เพื่อแลกกับความจริงที่ได้รู้อยู่ว่า นี่เป็นหนังเรื่องใหม่ล่าสุดของ สองพี่น้องคูู่หู เชิดชูปรัชญา หนักหนาบานตะไท นามว่า "แอนดี้-ลาร์รี่ วาชอว์สกี้"

    ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ The Matrix หรอกนะ (ออกจะแปลกแยกกว่าคนอื่นด้วยซ้ำที่ชอบ Reloaded..มากกว่าต้นฉบับ ทั้งยังดีกว่า Revolutions หลายขุม)... แต่กับการที่สองพี่น้องเลิกซีเรียส แล้วหันมาเล่นหนังสบายๆ ไว้ขายเด็กอย่างนี้ มันดูจะไม่ใช่แนววอชอว์สกี้เท่าไหร่ ...จากเรต R เต็มสตรีม ผันมาสร้าง PG นิ่มๆ มันก็ช่างเป็นภาพพจน์ที่ดูขัดแย้งชอบกล

    แต่เอาเหอะ ...ถึงจะหักมุมตีลังกาโค้งหักศอกกันอย่างไร ขอให้ได้ชื่อว่า พี่น้องวาชอว์สกี้ ก็ยังอยากจะเชื่อมือพี่ทั่นทั้งสองอยู่ ...อย่างล่าสุดที่เป็นแค่เบื้องหลังเขียนบทให้ V for Vendetta ก็แสดงความเป็นตัวตนออกมาซะคล้ายว่ากำกับเองด้วยซ้ำ

    Speed Racer ...เป็นอีกครั้งที่ฮอลลีวู้ดเงินหนัก นำเอาหนังการ์ตูนยุ่นปี่ มาเมคให้เป็นหนังมะกันคนจริง (ก่อนหน้า ก็.. Transformers และหลังจากนี้ จะมี.. Dragonball) เล่าเรื่องราวของ "สปีด เรซเซอร์" นักแข่งมืออาชีพ ผู้สิงสถิตตีนผีอยู่ในรถ 'Mach-5' ขาวเลื่อง แดงเด่น ...ชีวิตของเขามีจุดเริ่มต้นมาจากความฝัน ที่หวังจะตามรอยพี่ชาย ผู้เป็นยอดของนักซิ่งที่ครอบครัว เรซเซอร์ ภูมิใจ แต่มาวันหนึ่ง เมื่อพี่ชายจากไป แล้วเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ความเศร้า ..สปีด ก็วิ่งหน้าเต็มอัตรา กับการสวมบทแทนที่ และกลายมาเป็น หนึ่งในดาวเด่นของวงการรถแข่ง ที่ทุกคนจับตามอง

    ในเมื่อได้มีชื่อว่า เด่น และ ดัง แล้ว เรื่องของงานก็ต้องเข้าเป็นของธรรมดา... และงานที่ สปีด ต้องเจอในที่นี้ ก็คือ การได้รับข้อเสนอมูลค่าแสนงามจาก "รอยัลตัน อินดัสทรี" บริษัทผลิตรถแข่ง ที่หวังจะเอาความดังของดารานักแข่ง มาเป็นตัวล่อผลประโยชน์ต่างๆนานาให้โถมเข้ามาสู่บริษัทอย่างบ้าคลั่ง

    เมื่องานนี้ จบสิ้นอาญาลงด้วยการปฏิเสธ โดยมีเหตุผลยึดเอาเรื่องของครอบครัวมาก่อนหน้า ...สปีด และสมาชิก เรซเซอร์ ก็ถึงคราวประสบวิบากหนักในทันที กับการโดนเล่นงานเสียๆหายๆ ทุกวิถีทางอย่างสกปรก ...จนแล้วจนรอด เพียงเพื่อความยุติธรรมที่ไม่อาจได้มา กับการรอชะตาฟ้าลิขิต จึงนำพาให้ สปีด ต้องออกโรงซิ่ง พร้อมจะชิ่งกลับทุกกรณี ที่ศัตรูจอมอาฆาตประเคนใส่พานมาถวาย ...และหนทางเดียวที่มียื่นมาให้เขาเลือกจะเอาคืน ก็คือ การทำสิ่งที่ถนัดที่สุดในชีวิต

    ในขณะที่ สปีด ทำสิ่งที่ถนัดที่สุด คือ การขับรถแข่ง ..สองพี่น้องวาชอว์สกี้ ก็ทำสิ่งที่ถนัดที่สุด ด้วยการพัฒนางานเทคนิคหนัง ไปสู่อีกขั้น ที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงมากไปกว่า การขายมุขสโลว์-โมชั่นเท่ห์ๆ ... Speed Racer เป็นเหมือนของเล่นชิ้นใหม่ ที่สองพี่น้องคู่นี้ได้ร่วมมือกันละเลงโครงสร้าง แล้วเอามาร่างเป็นแบบ สุดท้ายจึงประดิษฐ์เป็นรูปให้เห็นเป็นภาพ และส่งมันมาสนองneed ให้กับบรรดาคอหนังแอ๊คชั่นที่เน้นความตื่นตาตื่นใจเข้าว่า ...แต่กับคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงาน ใช้ชื่อว่า นักวิจารณ์ ย่อมเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้needอะไรมันมาก หากแต่want ความน่าเชื่อถือ มากกว่าสิ่งอื่นใด

    ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ Speed Racer จำต้องประสบ จึงเป็นอะไรที่ต้องทำใจกันสถานเดียว ในเมื่อมันไม่อาจเป็นที่ต้อนรับของผู้คนที่มีอาชีพดูหนังเพื่อถามหาความสมจริง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ หนังขายเทคนิคเป็นใหญ่ หลายๆเรื่องจะโดนพบประสบการณ์ไม่น่าเยินยอมาแล้วแทบตลอด ..แต่ถึงกระนั้น การโดนวิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียไปทางลบ ก็ยังย่อมไม่ได้หมายความ ว่าหนังเรื่องนั้นๆจะเป็นอะไรที่หาดีไม่มีสำหรับเราคนดูทั่วๆไป ...และในกรณีของเรื่องนี้ มันกลับเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ จากความคาดหวังที่ลดน้อยถอยลง แล้วมาจบลงเอาด้วยความรู้สึกที่ อัศจรรย์

    ถ้าวัดเอาเรื่องสุดจะเลิศเลออันล้ำลึกในปรัชญา แห่ง The Matrix มาเทียบเคียง กับการทำหนังครอบครัวเนื้อหาเบาๆสไตล์พี่น้องวาชอว์สกี้ เช่นนี้แล้ว ย่อมแน่นอนที่จะผิดหวัง ...หากแต่ในเมื่อ Speed Racer พยายามจะขายความสด และใสแบบเด็กๆ เป็นของหลักๆอยู่แล้วแต่ต้น จึงไม่น่าจะไปคาดหวังอะไรกับการได้คิดตีความ หลายซับหลายซ้อน ซึ่งก็คงไม่มีเหตุผลกลใดที่จะน่าให้เด็กๆ เข้าโรงมานั่งเก้อเขินเพื่อพบเจอ บทสนทนายาวยืด ฟังไม่รู้ความ ซึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สนุก และมันก็น่าอึดอัด(สำหรับผู้ใหญ่เราๆที่พาเขาไปดูนีแหละ)

    อย่างที่ผมเกริ่นไว้แต่ต้น มันก็คือความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่ผมดูหนังเรื่องนี้ ราวๆ 2 ชม.นิดๆ ...นั่นทำเอาผมแทบลืมไปเลยว่า นี่คือ งานของพี่น้องวาชอว์สกี้ และอาจจะยอมเชื่อด้วยซ้ำ ว่านี่ควรจะเป็น หนังเล่นของจากฝืมือผู้กำกับที่ช่ำชองการทำมิวสิควิดีโอในวันนี้ ...ด้วยลูกบ้าทางเทคนิคภาพที่มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การตัดต่อ การเชื่อมโยง หรือซ้อนทับ ทั้งยังจะอลังไปด้วยช็อต CG ที่พยายามจะทำให้มันเป็นภาพเลียนหนังการ์ตูนมากกว่าเอาสมจริงสมจัง ...ฉะนั้นแล้ว โปรดอย่าคิดถึงเรื่องของตรรกะอะไรให้มาก เพราะมันจะมีผลให้ ความเชื่อที่มีต่อเหตุการณ์ในหนังลดลงอย่างแน่นอน

    ด้วยความที่มันเล่นเทคนิคกันเต็มที่ อัดลูกไม้กันเต็มสตรีม แบบไม่ปรานีซึ่งสายตาคนดูที่ต้องทนแจดจ้าไปกับความละลานแห่งสีสัน ที่ชวนให้หิวขนมลูกกวาด... Speed Racer ขายมันออกมาได้ถึงคุณภาพที่น่าซื้อ งานที่เต็มไปด้วยลีลา ลวดลาย แสง สี เสียง ในมุมมองแห่งวาชอว์สกี้ ชิ้นนี้ ถือว่า เทพ ...มันอาจจะไม่ถึงกับสุดยอด เหมือนไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนก็จริง แต่ถ้าไม่เอาไปเทียบกับใครเขา ความโดดเด่นของมันก็เตะตาเข้าอย่างจังเบอร์

    ยิ่งเมื่องานเทคนิคเทพๆ เหล่านี้ มาพร้อมกับฉากแอ๊คชั่นที่ฉับไว และมันส์เหวี่ยง แบบฉบับวาชอว์สกี้สุดขั้ว อย่างนี้ด้วยอีก ...การแข่งรถที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ในที่นี้ จึงเป็นอะไรที่โคตะระบันเทิง แบบที่ไม่จำเป็นต้องคิดหาความเป็นจริงอะไรบนโลกนี้ให้มากมาย (ขอทำให้เท่ห์เข้าไว้ ประมาณเดียวกับ Transformers นั่นแล)

    แต่กระนั้นที่อาจว่า สนุกแบบหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มใหญ่สักเรื่อง แล้ว ... Speed Racer ก็ถือเป็นหนังดูเอาบันเทิงอีกเรื่องที่แฝงไว้ซึ่งสาระดีๆ ทั้งกับสมาชิกตัวน้อย ไปถึงตัวใหญ่ในครอบครัว ได้อย่างเต็มเปี่ยม ...แม้มันจะมาพร้อมกับพลอตง่ายๆ สไตล์เก่าๆ ที่เราเคยคุ้นจากหนังครอบครัวอีกเป็นร้อยพัน แต่คู่พี่น้องวาชอว์สกี้ ก็ยังจะสามารถคั้นอารมณ์ออกมาได้ละเอียดอ่อน นับว่ากินใจ ...เริ่มมาตั้งแต่การปูเรื่องตอนต้น ที่หนังประยุกต์ใช้ลูกเล่นงานเทคนิค มาทำเป็นตัวบิวต์อารมณ์ร่วมแก่คนดู ได้อย่างเยี่ยมยุทธ์ ..ยันมาถึงฉากไคลแม็กซ์ ที่ใจนึงก็ลุ้นกับเหตุการณ์บีบหัวใจ แต่อีกใจก็ยังแอบแบ่งพื้นที่ ให้ความขนลุกเข้าควบคุมน้ำตา นำพาไหลออกมาด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มใจ

    และที่ประทับใจมากที่สุด กว่าสิ่งอื่นใด ก็คือ คาแรกเตอร์ตัวละคร ของ ครอบครัว เรซเซอร์ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อันชวนให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจ อีกยังพาลวาดหวังอยากจะมีครอบครัวแบบนี้บ้าง ...ซึ่งส่วนหนึ่ง ต้องยกความดีให้พี่น้องวาชอว์สกี้ ในฐานะผู้เขียนบทที่เข้าใจในความเป็นครอบครัว ...และอีกส่วน ก็เป็นความชอบของเหล่านักแสดงที่สามัคคีกลมเกลียวเป็นหนึ่ง ทำให้คนดูเกิดอารมณ์เชื่อในภาพความรักของพวกเขา

    ถ้าเน้นๆ เอาเป็นพิเศษกว่าใครสักหน่อย ...ผมประทับใจโดนๆกับ "ซูซาน ซาแรนดอน" ในบท "มัม เรซเซอร์" ผู้เป็นกำลัง(ใจ)สำคัญของครอบครัว โดยฉากที่เธออยู่ร่วมจอกันสองคน นับได้สองหนกับ สปีด (เอมิล เฮิร์ธ) สามารถทำเอาผมน้ำตาร่วงในความรักได้ทั้งสองครั้งสองครา ...ส่วนตัวขโมยซีนดีเด่นแห่งปีนี้ ก็คงไม่พลาดที่จะไม่มี ชื่อของ "สไปร์เทิล" และเจ้า "ชิมชิม" เป็นแน่ ..ความต๊องของสองศรีลิงกะเด็ก คือ คู่เสน่ห์ที่เรียกเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากจากเด็ก และผู้ใหญ่ ได้พร้อมเพรียงอย่างเป็นเอกฉันท์ (ในโรงหนังที่ผมดู)

    แม้ Speed Racer จะมีการแสดงชูโรงของ ครอบครัว เรซเซอร์ เป็นตัวมอเตอร์สำคัญที่เดินเครื่องได้อย่างไหลลื่น แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเหมารวมว่า ทีมนักแสดงเรื่องนี้ แน่นปึ้กครบเซ็ต ...ในแง่ความรู้สึกที่ไม่ชอบ ก็นำพาความสะดุดตามลู่ทาง ให้กระทบใจจนไม่อาจปล่อยข้ามในจุดอ่อนของหนังไป ...ซึ่งจุึดอ่อนเหล่านั้น ก็ล้วนมีต้นเรื่องมาจาก การเฉลี่ยบทของคนนอก(ครอบครัว เรซเซอร์) ที่ทำละเอียดออกมาหยาบๆ แบบว่า บทจะให้มาก็มา พอจะให้ไปก็หมดหน้าที่แต่บัดนั้น...

    ตัวอย่างเด่นๆ(ในแง่ลบ) ที่เห็นได้ชัด ก็คงเป็นคาแรกเตอร์ "เทโจ" ของ พี่ "เรน" (คนๆเดียวที่ชาวไทยตามตลาดน่าจะรู้จักมักคุ้นมากที่สุด..และนั่นก็เป็นเหตุให้จำต้องโปรโมตให้เด่นเท่าเทียมพระเอกตัวจริงอย่างเลี่ยงไม่ได้) ที่เคยมีบทบาทค่อนข้างคุ้ม(สำหรับบรรดาแฟนคลับ)ในช่วงกลาง แต่ตอนท้ายๆก็กล้าจะทิ้งขว้างอย่างหมดความหมาย ...หรือกระทั่ง(อีกคนที่ต้องยกมาพูด เพราะเกินจะรับไหวจริงๆ) "ฮิโรยูกิ ซานาดะ" ที่อยากจะเอาหน้าแหกจอ เข้าไปถามน้าแกว่า "มาทำไม?" ..หรือแกก็แค่ต้องการมายืนนิ่งๆ ทำเท่ห์ในหนังฮอลลีวู้ดอีกสักเรื่องหรืออย่างไร ห๊าาาาาา!!?

    "Speed Racer" ... สนุกอย่างเร็ว เทคนิคอย่างแรง และแซงทุกโค้ง อย่างคาดไม่ถึง ด้วยอารมณ์ประทับใจแบบหนังครอบครัว ที่เล่าบ้านๆ แต่ให้ผลโดนใจยิ่งคฤหาสน์ อย่างน่าอัศจรรย์ ...สำหรับใครที่อยากจะดูหนังซึ่งให้ความบันเทิงได้เต็มสูบ ถือเป็นเรื่องหนึ่งแห่งซัมเมอร์นี้ ที่(น่าจะ)เซอร์ไพรส์ คุณได้เป็นอย่างดี..เยี่ยม!

    ขอแนะนำ...ครับ

    เกรด A-

    ปล. ถ้าอยากจะได้อรรถรสบาดตาบาดใจของสีลูกกวาด ...แนะนำให้ดู Digital
    ปล.2 แต่ถ้าอยากจะประหยัดตังค์ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ต้องกิน ส้มตำ ประทังชีวิต เป็นเพื่อนกับท่านหมัก ...ดูโรงธรรมดา ก็น่าจะเพียงพอ 555+

    หนังเกรด A ...ที่ผมขอเชียร์ให้ไปดูตอนนี้ :

    "Tokyo Towers" ...นี่คือ หนังอุ่นไอรักสุดงดงามแห่งปี สำหรับลูกที่รักและเทิดทูนแม่ ...นี่คือ หนังดรามาความสัมพันธ์แม่-ลูก ที่ทำได้กัดกินเซาะใจได้ถึงที่สุด ต่อให้คุณอาจจะเป็นคนที่ชอบทำร้ายจิตใจแม่ ก็ต้องรู้สึกรู้สานึกถึงบุญคุณความห่วงใยที่ผู้เป็นแม่เคยมีถึงคุณเสมอมา ...และ นี่คือ หนังที่ "ต้องดู" สำหรับทุกๆคนครับผม (ฉายที่ "Apex สกาลา" และ "House" นะครับ)

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=07-05-2008&group=2&gblog=131

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 51 18:10:37

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 16 พ.ค. 51 18:06:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom