CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<< ดูแล้วมาคุยกัน ... Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull , งานคืนสู่เหย้า ของ เรา และ คนทำหนัง >>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (13 คน)
      ชอบ (22 คน)
      เฉยๆ (10 คน)
      ไม่ชอบ (3 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 49 คน

     26.53%
     44.90%
     20.41%
     6.12%
     2.04%


    ... เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่   http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=27-05-2008&group=14&gblog=95



    ... เกือบยี่สิบปีก่อน พ่อพาผมเข้าไปรอต่อคิวซื้อตั๋วหนังเรื่องหนึ่งซึ่งคนดูเยอะมาก จนเหลือแค่ที่นั่งเสริมเป็นเก้าอี้พับ และยังมีตั๋วผีขาย เชื่อว่า ประสบการณ์แบบนี้มันคงไม่มีเหลืออีกแล้วในยุคที่มัลติเพลกซ์ผุดเบ่งบานทั่วเมือง การไปดูหนังกับพ่อที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อลูกผจญภัยเป็นความทรงจำที่ดีที่ยังคงหลงเหลือถึงปัจจุบัน และ หนังเรื่องนั้นของผมคือ Indiana jones and the last crusade

    พอโตขึ้นมาหน่อย ผมก็ตระเวนล่าสองภาคก่อนๆมาดูจนครบ แต่ก็ยังประทับใจใน ภาคสามมากที่สุด เพราะรู้สึกว่ามันสนุกที่สุดแม้ ทุกๆสำนักวิจารณ์จะบอกว่า ภาคนี้ด้อยกว่าสองภาคแรกก็ตาม เช่นเดียวกับ ตอน Star wars ที่ผมสนุกกับภาค 3 มากที่สุด ทั้งๆที่เป็นภาคที่อ่อนที่สุดอีกเช่นกัน

    เหตุผลที่พอจะอธิบายได้คือ หนังภาคสาม ของทั้งสองไตรภาค อาจไม่สุขุมคัมภีรภาพ แต่ ความโฉ่งฉ่างเอะอะมะเทิ่งของมันทำให้เราสนุกได้มากกว่าที่จะมาวิเคราะห์ถึงความดีไม่ดีในแง่ของความเป็นภาพยนตร์ เช่นเดียวกับ ปัจจัยที่เป็นรักแรกพบ หรือ ประสบการณ์ฝังใจ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เรานั้นรักสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบหัวปักหัวปำ แม้จะได้เจอสิ่งที่ดีกว่า บางครั้งก็มักรู้สึกเสมอๆว่า ยังไม่สามารถทัดเทียม ความประทับใจครั้งแรก





    ...ถึง Indy จะไม่ใช่เรื่องแรกของหนังตระกูล << ผจญภัย / ไขปริศนา / ล่าสมบัติ >> แต่ความสำเร็จที่เกิดจากการร่วมมือของสามทหารเสือ( จอร์จ ลูคัส / สปีลเบิร์ก / แฮริสัน ฟอร์ด) ทำให้ไตรภาคของอินดี้แทบจะเป็น หนังต้นแบบที่ว่าด้วยพล็อตประเภท

    "พระเอกเป็นอาจารย์หรืออาชีพที่ดู nerdๆ แต่อีกด้านกลับเป็นนักผจญภัยที่อาศัยความรู้ของตัวเองไปประยุกต์เพื่อตามหาขุมสมบัติ โดยต้องผ่านปริศนาหลากหลายที่มากั้นกลาง พร้อมๆกับศัตรูที่จ้องจะฮุบสมบัตินั้นเช่นกัน และ ที่มาที่ไปของสมบัติจะถูกผูกโยงไว้กับ ข้าวของหรือปูมหลังทางประวัติศาสตร์ อาทิ ลีโอนาโด้ ดาวินชี่ , จอกศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ"

    และ ทุกๆภาคของอินดี้ ก็ล้วนเดินตามพล็อตข้างต้นคู่ไปกับ สูตรดำเนินเรื่องหลักๆ เหมือนกัน (ฉากเปิดตัวเป็นฉากแอคชั่นเอาตัวรอด , พระเอกมะงุ่มมะงาหราแต่รอดตาย , เจองูที่ตัวเองกลัว , ศัตรูแอ็คท่าเก่งก่อนจะแพ้พระเอกแบบโง่ๆ ฯลฯ) ต่างแค่ว่า แม็คกัฟฟิน หรือ ของปริศนา ที่เกี่ยวกับสมบัตินั้นจะเป็นอะไร และ บทหนังจะผูกเรื่องให้การเดินทางของอินดี้พานพบอะไรบ้าง

    แต่ในยุคสมัยคอหนังที่อยู่ในช่วงวัย เด็กฮิปฮอป เด็กอีโมร็อค เด็กแว๊นท์ ฯลฯ ล้วนมีประสบการณ์ติดตามากับ หนังอย่าง National treasure ,The Mummy , The Davin ci code ฯลฯ เป็นครั้งแรก หลายคนเมื่อรู้ว่า อินดี้ มีการสร้างภาคสี่ อาจจะตั้งคำถามว่า Indy who ? จนทำให้ผมเชื่อว่า การสร้าง Indy 4 ให้ชนะใจคนดูในยุคสมัยที่ผ่านตาหนังในตระกูล << ผจญภัย / ไขปริศนา / ล่าสมบัติ >> ที่สุดแสนจะโมเดิร์นมาเยอะแล้วเป็นเรื่องยาก

    เพราะหากจะทำซีจี สร้างเอฟเฟคต์ให้หวือหวา เพื่อทัดเทียมกับหนังรุ่นใหม่ มันก็จะไม่ต่อเนื่องกับสามภาคก่อน หรือ หากอยากจะสร้างความซับซ้อนให้มากมาย มันก็จะไม่ใช่สไตล์ของหนัง อินเดียน่า โจนส์ และ ถ้าอยากจะใส่ความทันสมัยไฮเทคเพื่อให้ตื่นเต้น ก็อย่าลืมว่า ช่วงเวลาของอินเดียน่า โจนส์ เกิดขึ้นเมื่อสี่ห้าสิบปีก่อนที่ไม่ได้มีแม้แต่อินเตอร์เน็ต



    … ครั้นจะให้ภาคใหม่มาครองใจแฟนๆรุ่นเก่าก็ยากไม่แพ้กัน เพราะถึงแม้เราจะหยิบสามภาคก่อนมาให้หลานๆนั่งดูตอนนี้ มันจะเชยเฉื่อย แต่อย่าลืมว่า เมื่อสิบยี่สิบปีก่อน Indiana Jones คือหนังสร้างปรากฎการณ์ที่สร้างความประทับใจติดแน่นรุ่นคุณลุงคุณพ่อยุคนั้นจนยากสลัดหลุด

    ทั้งที่จริงแล้ว ถ้าตัดปัจจัยของ ‘ความคลาสสิค’ ทิ้งไป ตัด ‘ความประทับใจฝังลึก’ ออก แล้วหยิบอินเดียน่า โจนส์ทั้งสี่ภาคมาดูต่อๆกันเป็นครั้งแรก ภาคที่สี่นี้อาจไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด แต่มีความสนุกลำดับต้นๆอย่างแน่นอน




    ...หากมองว่าเป็น หนังเดี่ยวๆไม่ใช่ภาคต่อของใคร Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ใช่หนังสร้างปรากฏการณ์ พล็อตกะโหลกแก้วที่เป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่ต้องใช้ไขปริศนาก็ไม่ได้แหวกแนวกว่าเดิมๆ (จอกศักดิ์สิทธิ์ในภาค 3 ยังดูน่าสนใจเสียมากกว่า)

    แต่เมื่อมองในฐานะหนังภาคต่อของไตรภาคอันสุดแสนคลาสสิค หนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ตอนต่อที่ดี สามารถสร้างความต่อเนื่องจากสามภาคก่อนได้แบบสุดแสนจะเนียนตา ลองนึกภาพ Star wars Episode 1-2-3 ที่ทำออกมาดีเหลือเกิน นักแสดงที่รับช่วงต่อก็ดูถ่ายทอดความเหมือนในคาแรคเตอร์ได้ดี แต่ถ้ามานั่งเรียงดูต่อเนื่องกับ Episode 4-5-6 เราก็จะรู้สึกสะดุดเหมือนเป็นหนังคนละชุดที่สร้างต่างจากยุคสมัย ในขณะที่ Indy4 ยังดูต่อเนื่องกับสามภาคต้นได้ในลักษณะที่รู้สึกว่า เป็นหนังชุดเดียวกันที่มีงานสร้างกับเทคนิคที่ดีกว่าเดิม

    ซึ่งการสร้างหนังภาคต่อต่างช่วงเวลานานถึงยี่สิบปีแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ สามทหารเสือก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยมสำหรับ การเก็บกลิ่นอายความเป็นอินดี้มาได้ครบครัน และ ใช้เทคโนโลยีทางภาพยนตร์สมัยใหม่ให้เข้ากับสไตล์เก่าๆได้อย่างเข้ากัน สมกับที่สปีลเบิร์กให้สัมภาษณ์ว่า ให้ Janusz Kaminski ตากล้องคนใหม่ในหนังอินดี้ ได้ศึกษางานเก่าๆเพื่อให้ออกมาใกล้เคียงที่สุด




    ....ไตรภาคที่ผ่านมาถือว่าปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ส่วนภาคนี้ให้บรรยากาศสบายๆสนุกๆเป็นเหมือน งานคืนสู่เหย้า ของทั้งคนดู , ผู้สร้าง และ นักแสดง เสียมากกว่า ขนาดนักแสดงนำหญิงก็ยังกลับไปชวนนางเอกของภาคแรกกลับมาเล่นต่อทั้งๆที่เธอห่างหายจากจอไปนาน แต่ละคนมาสนุกสนานกันอย่างเป็นกันเอง (ยกเว้นน้องไชยา ที่ดูเหมือนจะเกร็งๆกว่าเพื่อน)

    และ งานชิ้นนี้ ก็เป็นงานที่ สปีลเบิร์ก หาโอกาสสนุกสนานกับสิ่งที่ตัวเองหลงรักอีกครั้ง เหมือน ‘หนังสปีลเบิร์ก’ ในอดีตที่เขาถนัด หลังจากไปหมกมุ่นในโลกของผู้ใหญ่ที่ดำมืดเช่น Munich มาหลายเรื่อง สังเกตจากการยำของโปรดทั้งหลายของเขาเข้า ด้วยกันในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น

    -ความเป็นหนังครอบครัว  

    -พล็อตมนุษย์ต่างดาว เช่น E.T. , AI. , War of the Worlds , Close Encounters of the Third Kind

    -ธีมพ่อ-ลูกที่สอดแทรกในหนังหลายต่อหลายเรื่อง เช่น indy 3 , Catch Me If You Can , The Terminal

    ฯลฯ




    (มีต่อ)  

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 28 พ.ค. 51 10:20:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom