ความคิดเห็นที่ 1 ชอบครับ ท้าทายดี แปลก...ที่ไม่มีคนพูดถึงประเด็นเรื่อง "แหวน" นั่นแหละ Key สำคัญของเรื่องเลย และเป็นสิ่งแสดงเหตุผลด้วยว่าทำไมพระเอก-นางเอกถึงรอดตายในฉากสุดท้าย ผมมั่นใจว่า "ไม่ใช่เพราะมันหายไปพอดี" แน่นอน ไม่งั้นบทคงไม่ใช้คำว่า "อาจจะ" มันดูง่ายไป ผมยังไม่ได้หาข้อมูลเรื่อง"หินที่เปลี่ยนสีไปตามความรู้สึกนะ" แต่เดาๆได้ว่า ในฉากที่พระเอก-นางเอกคุยกันเรื่อง"แหวนเปลี่ยนสี" ... สีม่วง - เวลาอยากมี Sex สีน้ำเงิน - เวลาสงบ สีเหลือง - เวลาเศร้า (ถ้าคุณลองดูในหนังดีๆ กล้องจะพยายามจับไปที่แหวนตลอดและจะเห็นสีต่างๆ ตลอด จนถึงมีฉากที่เด็กอ้วนๆขอดูแหวนด้วยซ้ำ ...ใบ้สุดๆ) และพอกับคำถามว่า.."แล้วเวลามีความรัก...มันเป็นสีอะไร" และทั้งคู่ก็จำไม่ได้... (คิดว่า ผกก.จงใจไม่ต้องการเฉลย) พอถึงตอนนี้เดาได้หรือยังครับ...ว่าเป็น"สีอะไร" และทำไมถึงไม่โดนพลัง"ต้นไม้" จัดการ เพราะในเรื่องปูทางมาตลอด นอกจากเรื่องธรรมชาติมีการสื่อสาร มีความรู้สึก มีการโต้ตอบต่างๆนานา และมีอยู่ฉาก ที่พระเอกอธิบายกัยเจสว่า "รู้ไหม เวลามนุษย์เรามีความรู้สึกต่างๆ เราจะมีรังสีเป็นสีออกมา (จากการทดลอง)" แล้วก็พูดถึงสีเหลืองเวลาจะหัวเราะ ซึ่งกับคำถามว่า แล้วทำไมยายแก่บ้า ถึงออกไปตายก่อนหน้านั้นไม่นาน ผกก. พยายามสร้างเรื่อง ให้ "ยายแก่โกรธ = สีของความโกรธ = น่าจะสีแดง" ไงครับ ถึงได้มีฉากที่พระเอกไปเจอความลับ แล้วยายแก่โกรธหน้าแดง พอออกจากบ้านไป มันเป็นคนละสีกับธรรมชาติ ถึงได้ถูกจัดการ ส่วนที่ถูกเล่นงานใน Park เพราะไม่ว่าความสงบ ความโกรธ ความตลก มันเป็นคนละสีกับต้นไม่ทั้งนั้น จึงโดนเล่นงาน และน่าจะสื่อถึงเรื่อง คนสมัยนี้ ต่างคนต่างอยู่ เพิกเฉย ไม่มีน้ำใจ ขาดซึ่งความรักทั้งต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (ซึ่งแสดงออกมาชัดเจนในฉากที่ต่างคนต่างขับรถหนี โดยไม่สนใจกระทั่งเด็ก) อีกอย่างหนึ่ง ที่ผม doubt มากๆก่อนดูหนังเรื่องนี้...ว่าทำไมต้องเลือกใช้นางเอกโนเนมคนนี้ด้วย... พอเห็นดวงตาเธอ ก็อ๋อ...ใบ้หวยสุดๆ จากคุณ : modjo! - [ 14 มิ.ย. 51 02:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนตอนจบ ก็ประมาณ ถ้าเรายังไม่รู้จักเปล่งออร่าสีของความรัก ออกมาต่อไป ซักวัน เราก็จะถูกเหมือนเป็น"คนละพวก-คนละสี" กับธรรมชาติ จนถูกมันทำร้ายนั่นเอง ซึ่งผมชอบปรัชญาที่เขาต้องการเสนออันนี้ เหตุการณ์กระบวนการทางเคมีอะไร ไม่จำเป็นต้องได้รับการ proof (อย่างที่หนังบอกว่า บางทีวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้) หนังนำเสนอในเชิงปรัชญามากกว่า ซึ่งถ้ามองในแง่นั้น ผมว่า"มีเหตุผล...น่าสนใจ"ทีเดียวครับ จากคุณ : modjo! - [ 14 มิ.ย. 51 02:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นี่แหละถึงเป็นเหตุให้คนในนี้บ่นว่าการแสดงไม่ได้เรื่อง เพราะพระเอกไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรเลย แม้จะอยู่ในภาวะกดดันขนาดไหนก็ตาม ซึ่งผมเองมองว่ามาร์คแสดงดีนะ แต่การแสดงดูเรียบเหมือนจะเย้ยหยันอะไรบางอย่าง ผู้กำกับอาจจะกำลังบอกใบ้อะไรผ่านการกำกับตัวละครตัวนี้ จากคุณ : OBERON - [ 14 มิ.ย. 51 02:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหย คุณคห.3 คิดเหมือนเราเลย.. เราเคยดูผลงานของตามาร์คมาก็เยอะนะ.. พอจะเชื่อใจได้ว่า เขาเป็นนักแสดงที่มีฝีมือไว้วางใจได้คนนึง.. การแสดงแปลกๆในเรื่องนี้ เราก็รู้สึกตะหงิดๆเหมือนกันว่า มันต้องเป็นฝีมือของพี่มาโนชอยู่เบื้องหลังแน่เลย.. จากคุณ : จูริง - [ 14 มิ.ย. 51 03:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นางเอกโนมเหรอ ก็ไม่นะ เรารู้จักเธอมาก็หลายเรื่อง จากคุณ : OverSeer - [ 14 มิ.ย. 51 12:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฉสกคนแขวนคอบนต้นไม้หลอนมากกกกกกก น่ากลัวสุดๆอ่ะ ฉากขับรถชนต้นไม้ก็เหมือนกัน มันเรียบง่ายแต่น่ากลัวโคตรๆอ่ะ จากคุณ : Aenieas - [ 14 มิ.ย. 51 12:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดเหมือน 2 หลายอย่างเหมือนกัน แต่ก็ยังสงสัย ทำไม เอตเลียต ออกจากบ้านแล้วไม่โดน จากคุณ : 1812Overtureyoot - [ 14 มิ.ย. 51 12:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 น่าสนใจดีครับ น้องเจสแกก็มีท่าทีหลายอย่างบ่งบอกเหมือนกันนะครับ นอกจากเรื่องกระซิบบอกคนอื่นแล้ว ก็ยังมีเรื่อง - ตอนพระเอกพยายามทำให้เจสหัวเราะ เหมือนกับพยายามจะเป้นมิตรกับธรรมชาติ - ตอนเจสดื้อ บอกว่าหนูอยากเจอแม่ หนูอยากเจอแม่ เหมือนบางทีธรรมชาติมันก็เรียกร้องอะไรตามใจมันเหมือนกัน (ก็มันเป็นเจ้าของโลกนี่หว่า) - ตอนพ่อเจสบอกว่า "อย่าจับมือเธอ ถ้าคุณไม่แน่ใจ" คือถ้าคุณไม่คิดจะมาอยู่ข้างธรรมชาติจริงจังแล้ว ก็คิดดูให้ดีๆ จากคุณ : CARAGIO - [ 14 มิ.ย. 51 12:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดูเมื่อคืน ศุกร์ 13 โรง 13 ที่นั่งเบอร์ 13 หลอนได้อีก 555 สงสัยมากๆ ว่าสิ่งที่เกิดทำไมไม่มีผลกับสัตว์อื่น อย่างสุนัขไม่เป็นไรเลย แล้วทำไมแพร่แค่บริเวณเดียว หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะมีส่วน ยิ่งดูยิ่งมีคำถาม ถึงจะบอกว่าวิทยาศาสตร์ตอบธรรมชาติไม่ได้ทุกเรื่องก็เถอะนะ คุณ Aenieas เรากลัวสุดเลยคือฉากเครื่องตัดหญ้า กับคุณป้าเอาหัวโขกกำแพงอะ เออ แล้วรู้สึกกันมั้ยว่าเวลามีวิกฤตตัวเอกมักได้พึ่งพาคนไม่ค่อยเต็มหรือมีพิรุธตลอดเลย (War of the World อีกเรื่อง) จากคุณ : Rita (RitaChiang) - [ 14 มิ.ย. 51 12:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลายอย่างคิดไม่ถึงเลยเนี่ย จากคุณ : Lucy in the sky with diamonds - [ 14 มิ.ย. 51 13:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ชอบเลยหนังเรื่องนี้ เสียดายตังค์ จากคุณ : RJ1 - [ 14 มิ.ย. 51 15:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ modjo! นางเอกไม่โนเนมนะค่ะ เธอชื่อ Zooey Deschanel เป็นคนโปรดเราด้วย เราเลือกดูเรื่องนี้เพราะนางเอกคนนี้นะค่ะ ถ้าใครดูเรื่อง ทีราบีเตีย นางเอกคนนี้เล่นเป็นครูสอนดนตรี น่ารักสุดๆ เลยอะค่ะ แต่ก็คิดเหมือนคุณอีกอย่าง ที่นางเอกคนนี้มีดวงตาที่เด่น และสื่อความ หมายออกมาชัดเจนมาก ส่วนในเรื่องของตัวหนังเราคิดว่าพี่มาโนช สื่อเรื่องของคนที่ทำลายธรรมชาติลงไปทุกวันๆ เรื่องคนที่มากเกินทรัพยากรของโลก และเมื่อถึงขีดสุดธรรมชาติก็ทำการชะล้างเพื่อให้เกิสมดุลย์ ในหนังเรื่องนี้จะบอกอะไรประมาณนี้หลายอย่าง เราไม่สามารถเข้าใจได้หรอกว่าธรรมชาติคิดยังงัย มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และยากเกินที่มนุษย์เล็กๆ อย่างเราจะเข้าใจ แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการทุกวันนี้ก็ยังศึกษาเรื่องราววต่างๆ ของธรรมชาติไม่จบสิ้น มีเรื่องราวใหม่ๆ ทุกวันที่ค้นพบ และหลายอย่างเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่เราก็แอบหลอนหลายฉาก ถือเป็นหนังที่รวมฉากฆ่าตัวตายได้เรื่องนึง เลยนะเนี่ย น่ากลัวมากจริงๆ แค่ฉากแรกก็กรี๊ดแล้ว โดยเฉพาะฉากโดดตึก กับที่คนนอนให้รถตัดหญ้าตัด หรือในคลิปมือถือที่คนให้เสือ หรือสิงโตเนี่ยงับแขนที่ละข้าง แต่ละอันสยองหมด จากคุณ : เม่หลิง - [ 14 มิ.ย. 51 15:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คคห.7 - ทำไม เอตเลียต ออกจากบ้านแล้วไม่โดน ลองอ่าน คคห.1 ดูครับ ผมว่าเพราะ 2 คนนั้นมีรังสี "สีเดียวกับธรรมชาติ" --- คคห.8 - "อย่าจับมือเธอ ถ้าคุณไม่แน่ใจ" น่าจะเป็นสิ่งที่บอกสาเหตุให้เจสรอดตายในฉากสุดท้ายด้วย ... พ่อเจสพูดอย่างนั้น น่าจะหมายความว่าอยากให้จับมือลูกเขา...ด้วยความรักหรือเพราะพ่อเจส ไม่แน่ใจมาตลอดว่านางเอกมีความรักจริงใจ พระเอกจริง ตั้งแต่การเล่าเรื่องวันแต่งงาน หรือ พยายามใส่ฉากตัวละครที่ทำให้นางเอกนอกใจ แต่พอฉากสุดท้าย นางเอกมั่นใจแล้วว่ารักพระเอกจริง ออร่าของความรักก็เลยส่งผ่านจากการจับมือเจส และเดินไปจับมือพระเอกอีก ซึ่งเป็นออร่าสีเดียวกะธรรมชาติ เลยไม่ตายทั้งหมด จากคุณ : modjo! - [ 14 มิ.ย. 51 17:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฉากฆ่าตัวตายทั้งหมดน่ากลัวมากจริง ๆ ตอนเครื่องตัดหญ้าเรานึกว่าภาพจะตัดไปตั้งแต่ตอนที่เครื่องทำงานใกล้เข้าไปที่ผุ้ชายคนนั้น แต่ยังมีใจร้ายจับภาพให้เห็นจัง ๆ อีก แนวคิดที่ว่าธรรมชาติต้องการกำจัด "ส่วนเกิน" ออกไป ทำให้เราเข้าใจเลยว่าทำไมคนกลุ่มใหญ่ถึงโดนจัดการก่อน จำนวนคนก็เป็นสาเหตุหนึ่ง รวมกับพลังจิตใจกลัว โกรธ เห็นแก่ตัว (เพื่อเอาตัวรอด) ที่ส่งออกมาขณะหนีภัยก็แรงเกินไป กลายเป็นเป้าหมายชั้นดีเสียเลย จากคุณ : Macavity - [ 14 มิ.ย. 51 18:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนแรกๆที่หนังพยายามทำให้คนดูไขว้เขวเรื่อง การรวมกลุ่มกันกลุ่มเล็ก-ใหญ่ ผมเผลอคิดเลยว่า ธรรมชาติจะทำลายมนุษย์ทั้งหมด เพราะโดยปกติแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องรวมกลุ่มกัน เช่นเดียวกับ ผึ้ง- หนู พอมนุษย์หวาดกลัว ยิ่ง่จะพยายามรวมกลุ่มกันแน่นขึ้น ยิ่งมีโอกาสตายมากขึ้น.. -- ตามาโนช แกแน่จริงๆ -- จากคุณ : ตองหก - [ 14 มิ.ย. 51 19:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สุดยอดครับ จบ... จากคุณ : Porepor - [ 14 มิ.ย. 51 19:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สงสัยเหมือนกันเรื่องแหวนว่าน่าจะสำคัญ เพราะพูดหลายรอบ กับตอนจบที่คิดเหมือนกันว่า"ความรัก"น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสองคนนี้ให้รอด แต่เราว่าสองอย่างนี้สื่อไม่ค่อยชัดเจนในตอนท้ายๆนะ ตอนหลังหนังเลยแผ่วๆแป่วๆไงไม่รู้ แต่รวมๆก็ชอบแหละ เพราะชอบไอเดียของหนัง และฉากฆ่าตัวตายต่ละฉากหลอนได้ใจอ่ะ จากคุณ : นางาเสะจัง - [ 14 มิ.ย. 51 20:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ห่วยครับ จบ จากคุณ : wong - [ 14 มิ.ย. 51 20:13:23 A:58.8.23.143 X: TicketID:134645 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่รักธรรมชาติหรือไม่ เพราะตาลุงที่ชอบฮอทด็อก แกก็รักต้นไม้ แต่ทำไมแกจึงโดนหางเลขไปด้วย ? ถ้าธรรมชาติจงใจทำลายมนุษย์ที่มีอารมณ์โกรธ เกลียด ก็อาจจะเพราะว่า มนุษย์เองที่มีอารมณ์โกรธ เกลียด คนอื่น ก็เป็นภัยกับมนุษย์คนอื่น อย่างหนุ่ม 2 คนนั่น เป็น 2 คนเท่านั้นในเรื่อง ที่ตายด้วยฝีมือมนุษย์ด้วยกันเอง จากคุณ : คน-ทำ-มะ-ดา - [ 14 มิ.ย. 51 20:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รัก นี่ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะต้นไม้นี่ครับ อย่างที่คุณ modjo! ว่าไว้ คิดว่าตอนนั้นลุงแกคงมีอารมณ์ "กลัว" นะครับ แต่พระเอกกับนางเอกนี่ ตอนท้ายผมเข้าใจว่า มีความรู้สึก "รัก" กันมากกว่าอะไรทั้งหมด จากคุณ : ตองหก - [ 14 มิ.ย. 51 21:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยอมรับว่า อ่านคห.ของค. modjo! แล้วรู้สึกประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากขึ้นเยอะเลย (ถึงจะว่าผมเป็นคนคล้อยตามคนอื่นง่ายก็เหอะนะ 55) ส่วนตัวยอมรับว่า มองประเด็นนี้ได้ไม่ลึกเท่าคุณ อย่างไรก็ตาม ถึงหนังเรื่องนี้จะดูธรรมดา (อาจจะค่อนไปถึงแย่และแย่มากในสายตาของหลายคน) แต่ลึก ๆ แล้วผมก็ยังชอบหนังเรื่องนี้ในหลาย ๆ องค์ประกอบนะ (จะพยายามตอบไม่ให้ซ้ำกะคห.บน ๆ นะครับ) เช่น - ชอบความขัดแย้งบรรยากาศในฉากกะการดำเนิน/เล่าเรื่อง คือ บรรยากาศของฉากในเรื่องมันดูสงบ สวย เงียบ สบาย  ต้นไม้ครึ้ม ท้องฟ้าสีครามแจ่มใส เหมาะแกก่าร ไปปิคนิค/เที่ยวเล่น/นอนเล่น มาก แต่ทว่า ผู้คนกลับต้องหนี่ตายจากบรรยากาศแบบนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย หรืออย่างการได้เห็นศพตายกันเกลื่อนในเมืองอันสงบเงียบเนี่ย มันดูน่ากลัวจริง ๆ นะ น่ากลัวแบบตรง ๆ ไม่ต้องอาศัยเสียง ดนตรี หรือ ซาวดน์เอฟเฟคเลย (ส่วนตัวแอบนึกไปถึงเรื่องราวตอนใกล้ ๆ จะจบ จากการ์ตูนเรื่อง Monster ของ NED) เคยดูหนังแนว ๆ มหันตภัยแบบนี้ ส่วนใหญ่ฉากต้องมืดมน เมืองพังทลาย บรรยากาศหดหู่ ตามไปด้วย แต่พูดก็พูดเหอะ ผมยังไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนที่เอาตัวละครในเรื่องกำลังวิ่งหนีลมธรรมชาติอันแสนจะสดชื่นอย่างหวาดกลัวแบบนี้เลยนะ 555 ดูแปลกตาดีจริง ๆ (อย่างวันนี้มองเห็นลมพัดยอดต้นไม้ไหว ๆ ก็แอบหลอนเหมือนกันนะเนี่ย - -') - ชอบฉากฆ่าตัวตายในหลาย ๆ ฉาก เช่นเดียวกับหลาย ๆ ความเห็น ทำออกมาได้หลอนและสยองมาก (อาการมันคล้าย ๆ คนเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกันนะ) ที่ชอบสุด คงเป็นอันที่เป็นผู้ชายที่ลงไปให้สิงโตขย้ำอะ น่ากลัวมาก ยิ่งถ่ายผ่านมือถือยิ่งได้ฟิลด์สุด ๆ ส่วนคุณป้าผีบ้า ดูแล้วให้อารมณ์น่ากลัวแบบผี sixth sense มากกว่า จะตายแล้วยังมาป่วนได้อีก นับถือ ๆ - ชอบตรงผกก.พยายามสื่อแนวมหันตภัยได้ออกมาแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ มีความเป็นตัวของตัวเองดี (หลัง ๆ หนังแนวนี้ออกมาแนวซอมบี้/ฝูงชนคลั่งซะเยอะ ต่อให้เป็นไวรัสก็โยงมาเป็นซอมบี้ได้) ผมมองว่า สื่อความเป็นภัยเงียบออกมาได้ชัดเจนดีนะ แถมมาจากเรื่องใกล้ตัวสุด ๆ อย่างที่คาดไม่ถึงเลย แล้วการหลบหลีกแทบจะไม่ได้เลยเนี่ย (โดนอากาศเข้าก็จบเห่แล้วแบบนี้) มันทำให้ชวน panic ได้สุด ๆ เลยนะ อีกทั้งประเด็นที่ชูก็โยงเข้ากับการก่อการร้ายและภาวะโลกร้อนได้ดีทีเดียว - ชอบตรงการนำเสนอนิสัยการวิเคราะห์แนววิทยาศาสตร์ของพี่มาร์คเพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์ พยายามคิดสมมติฐานมาหลายเรื่อง แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ ตรงกับ concept ที่นร.คนนึงพูดไว้ตอนต้นเรื่องว่า "เรื่องของธรรมชาติบางทีก็หาคำตอบไม่ได้" สรุปแล้วก็ชอบล่ะครับ ส่วนเรื่องการแสดงของเฮียมาร์ค ผมไม่ขอออกความเห็น แต่คิดว่าบทบาทในเรื่องนี้แกเล่นเป็นคุณครูผู้ดูสงบเสงี่ยมและสุภาพดีจัง (นึกถึงตอนเล่น The Departed คำผรุสวาทเพียบ 555) แต่ผมยังสงสัยอยู่สองสามประเด็นในหนังอะ 1. ทำไมบางคนพอโดนสารเคมีแล้ว มีเดินถอยหลังอะฮะ? 2. ฉากตอนเด็กญ.ไปโยกชิงช้า จะมีการสื่อ/เน้นอะไรหรือเปล่า? มีพูดถึงต้นเมเปิ้ลแล้วก็ถ่ายเน้นไปที่ต้นไม้กะชิงช้าอยู่พอสมควร... 3. เหตุการณ์เกิดแต่ซีกตะวันออกของสหรัฐซะเป็นส่วนใหญ่ หรือเพราะแถวนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้เยอะสุดรึเปล่าครับ? (เผอิญไม่เก่งเรื่องวิชาสังคม เหอ ๆ) จากคุณ : zailnez - [ 14 มิ.ย. 51 23:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดเหมือนกันว่าความรักทำให้พระเอกและนางเอกรอด แต่ไม่ได้นึกไปถึงเรื่องแหวน เพราะนึกไม่ออก อยากถามคุณ modjo! ว่าประเด็นเรื่องแหวน คุณ modjo! ทราบได้ยังไงค่ะ คิดได้เอง หรือว่าแอบไปอ่านเบื้องหลัง (คือที่ถามเนี่ยไม่ได้ดูถูกนะค่ะ อย่าเข้าใจผิดหล่ะ) จากคุณ : nuttool - [ 14 มิ.ย. 51 23:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วเข้าใจขึ้นเยอะเลยค่ะ จากคุณ : Zhen_x2 - [ 15 มิ.ย. 51 00:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พูดตามตรงเลยว่าชอบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอ่านความเห็นของ คุณ modjo! มันทำให้บางเรื่องที่คลุมเคลืออยู่ชัดเจนขึ้นมา นับถือครับ ส่วนตัวชอบบรรยากาศและอารมณ์ของหนังนะครับ ที่เรียบง่ายแต่เด็ดขาดเหมือนตอนที่ได้ดู Hidden ครั้งแรก หนังถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีและสวยงามครับในด้านของความรู้สึกของมนุษย์ ทั้งรัก โกรธ เกลียด แก่งแย่ง หวาดกลัว ทำได้สมบูรณ์ดีครับชอบมาก และตอบฉากการฆ่าตัวตายหลากหลายรูปแบบ ที่ทำได้เนียนตาดีครับ เผลอนึกไปถึง Kairo ขึ้นมาเลยทำได้ดีครับ หลอนได้ใจครับ จะรู้สึกขัดใจกับการแสดงของนางเอกบ้างนะครับ ที่รู้สึกว่าจะนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเหลือเกิน แต่พยายามมองให้ลึกขึ้นก็คิดขึ้นมาว่า นางเอกเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกได้เก่ง ฉะนั้นเลยคิดว่าการที่ทำหน้าแบ๊วๆอยุ่ตลอดนี่คือ อาการของคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะทำอย่างไร ขนาดเกิดเรื่องราวเลวร้ายข้างนอกบ้าน(ตอนท้ายของเรื่อง)ยังออกจากบ้านจูงเด็กไปเดินเล่นหน้าตาเฉย ถ้าไม่มีพระเอกนี่คงตายไปนานแล้วล่ะครับ ค่อนข้างชอบนะครับเรื่องนี้ จากคุณ : PUPPETLOVER - [ 15 มิ.ย. 51 01:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่รู้จิ อ่า เรื่องความรักจริงนี่ งงๆ อยู่น่ะครับ ่ตัวละครบางตัวอย่างพ่อของเด็กนี่ ก็ตามหาภรรยาเพราะความรักไม่ใช่เรอะ ไม่งั้นเขาจะตาม(ไปตาย)ทำไม หรือไม่ก็คุณลงผู้นิยมฮอทด๊อก นี่ก็รักกันไม่ใช่เหรอครับ จับมือเหมือนกันด้วย (รึว่า รอดเหรอๆไม่ได้อยู่ดูหลังเครดิตจบ เพื่อนมันอยากกลับบ้าน = =) และคนในสวนสาธารณะนี่ก็มีคู่รัก พากันตายอีก เพียบเลย (จิงๆ ผมเห็นอยู่ไม่กี่คู่หรอก พูดเว่อร์ไปงั้น) ไม่รุ งงๆ แต่ก็สยองดี หึๆ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 05:26:59 จากคุณ : DOLครับ - [ 15 มิ.ย. 51 05:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ตอบ คห.25 ด้วย modjo! theory นะค่ะ พ่อของเด็กที่ตามหาภรรยาด้วยความรัก กะคู่รักลุงป้าที่นิยมฮอทด๊อก เข้าใจว่า ณ ตอนนั้นอยู่ในอาการกลัว รังสีที่เปล่งออกมาจึงไม่ใช่สีเขียว บวกกับไปอยู่รวมกับคนอื่นๆทำให้สีของรังสีมันปะปนสุดๆ ส่วนคู่รักในสวนสาธารณะ เปล่งรังสีสีเขียวก็จริง แต่สีมันไปปะปนกับสีของคนอื่นๆ สำหรับพระเอก&นางเอกในฉากเกือบสุดท้าย มันมีแต่ความรักจริงๆ ดูจากทั้งคู่ไม่กลัวตายเลย จึงเดินออกมาจากบ้าน แต่ฉากนี้เราดูแล้วซึ้งจริงๆ เข้าใจเลยว่าทำไมเฮียมาโนชจึงเลือกพี่มาร์ค วอร์เบิร์ก มาเล่น ส่วนนางเอกทำให้นึกถึงเมค ไรอันอะ จากคุณ : nuttool - [ 15 มิ.ย. 51 12:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่อง ความรัก นี่จะว่าไปก็แล้วแต่คนจะตีความนะ เราก็คิดเหมือนหลายคนข้างบน คือ อารมณ์ตอนจบตอนนั้น ทั้งสองคนไม่กล้วแล้ว มีแต่ความกล้าและความรัก ประมาณว่าถึงจะต้องตายก็ไม่กลัว ขอแค่ได้ไปเจอเธอ มันเลยต่างจากคู่รักอื่นๆในเรื่อง แต่อันที่จริงมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เหตุการณ์สารพิษมาหยุดตรงนั้นก็ได้ (อย่างที่พระเอกบอก) แล้วแต่จะตีความกันไป ถ้าคิดในแนวความรักเหมือนจะน้ำเน่าไปหน่อย แต่มันก็ทำให้ดูมีความหวังดี และในฐานะที่เรื่องนี้เป็นหนัง เราว่า ผกก จงใจให้คนดูบางกลุ่มรู้สึกแหละว่าเพราะ"ความรัก"ที่ทำให้พระเอกนางเอกและเด็กรอด แต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่สรุปแบบฟันธง จึงมีประโยคของพระเอกตอนท้ายออกมาว่า "บางทีเหตุการณ์(สยอง)คงจบไปก่อนพวกเราเดินออกมา" ทั้งนี้เพราะ ผกก เองก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า "ธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้" เพราะงั้นทฤษฎีที่พวกเราคิดๆมา ก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ 555 จากคุณ : กำกวมจังเนาะ (นางาเสะจัง) - [ 15 มิ.ย. 51 19:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราว่า การที่พระเอกกะนางเอกไม่ตายน่ะ เราหาคำตอบไม่ได้หรอก เพราะอย่างที่เฉลยไว้ต้นเรื่อง ธรรมชาติ มันอยากเกิดมันก็เกิด เราไปเข้าใจหรืออธิบายมันไม่ได้หมดหรอก.. การที่สองคนนั้นรอด...ก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้... อยู่ดีๆเหตุการณ์มันเกิดได้ไง ยังหาข้อสรุปไม่ได้เลย ใช่ไหมล่ะ เรารู้สึกกลางๆกับหนังเรื่องนี้นะ ชอบZooey Deschanelขั้นพีคมากกกกถึงไปดู... เธอเป็นเจ้าแม่หนังอินดี้ค่ะ...ไม่แปลกถ้าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ัจักเธอ ปล. เธอทำอัลบั้มด้วย ชื่อวง She and Him ทำกับ M.ward เพลงเพราะมากกกก เก่าๆ ฟังแล้ว นึกถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่มาร้องให้ฟัง ลองไปหามาฟังนะ กลับมาหนัง เราเข้าใจพ้อยที่เฮียมาโนชต้องการพูดนะ ตลกประเด็นที่แอบกัดชาวเมกัน ไม่ว่าไรก็ Terrorist ไว้ก่อน ก่อการร้ายชัวร์!! ใกล้จะจบเรื่องแล้ว Almaยังแบบ ก่อการร้ายชัวร์! อยู่เลย เมกันมันพารานอยเรื่องนี้จริงๆนะ เราแค่ไม่ชอบใจกับตอนจบที่มันยัดเยียดความคิดผ่านสัมภาษณ์ทางทีวีมากเกินไป... กับบางพ้อยที่อาจจะไม่ค่อยเมคเซ้นส์ แต่อย่างที่เฮียเข้าูพูดไว้ตอนต้น.. เราไม่อาจจะเข้าใจทุกอย่างได้!!! โอ้วววว มานึกแล้วก็บรรลุ... ปล. เราว่าZooeyแสดงตลกดีนะ ...เป็นภรรยาขี้นอย..แปลกๆ สามีก็แปลกๆเนิร์ดๆ เข้ากันได้...ไม่แปลกที่เป็นคู่กัน เหอๆ จากคุณ : dreamy_ez - [ 15 มิ.ย. 51 20:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราว่า การที่พระเอกกะนางเอกไม่ตายน่ะ เราหาคำตอบไม่ได้หรอก เพราะอย่างที่เฉลยไว้ต้นเรื่อง ธรรมชาติ มันอยากเกิดมันก็เกิด เราไปเข้าใจหรืออธิบายมันไม่ได้หมดหรอก.. การที่สองคนนั้นรอด...ก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้... อยู่ดีๆเหตุการณ์มันเกิดได้ไง ยังหาข้อสรุปไม่ได้เลย ใช่ไหมล่ะ เรารู้สึกกลางๆกับหนังเรื่องนี้นะ ชอบZooey Deschanelขั้นพีคมากกกกถึงไปดู... เธอเป็นเจ้าแม่หนังอินดี้ค่ะ...ไม่แปลกถ้าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ัจักเธอ ปล. เธอทำอัลบั้มด้วย ชื่อวง She and Him ทำกับ M.ward เพลงเพราะมากกกก เก่าๆ ฟังแล้ว นึกถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่มาร้องให้ฟัง ลองไปหามาฟังนะ กลับมาหนัง เราเข้าใจพ้อยที่เฮียมาโนชต้องการพูดนะ ตลกประเด็นที่แอบกัดชาวเมกัน ไม่ว่าไรก็ Terrorist ไว้ก่อน ก่อการร้ายชัวร์!! ใกล้จะจบเรื่องแล้ว Almaยังแบบ ก่อการร้ายชัวร์! อยู่เลย เมกันมันพารานอยเรื่องนี้จริงๆนะ เราแค่ไม่ชอบใจกับตอนจบที่มันยัดเยียดความคิดผ่านสัมภาษณ์ทางทีวีมากเกินไป... กับบางพ้อยที่อาจจะไม่ค่อยเมคเซ้นส์ แต่อย่างที่เฮียเข้าูพูดไว้ตอนต้น.. เราไม่อาจจะเข้าใจทุกอย่างได้!!! โอ้วววว มานึกแล้วก็บรรลุ... ปล. เราว่าZooeyแสดงตลกดีนะ ...เป็นภรรยาขี้นอย..แปลกๆ สามีก็แปลกๆเนิร์ดๆ เข้ากันได้...ไม่แปลกที่เป็นคู่กัน เหอๆ จากคุณ : dreamy_ez - [ 15 มิ.ย. 51 20:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แต่เราว่าตอนจบนี่แหละสะใจ...ดูจากที่มีการสัมภาษณ์ดอกเตอร์ท่านหนึ่งถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วพิธีกรทำท่าเหมือนกับว่าไม่ใส่ใจเรื่องของการเตือนของธรรมชาติ แต่พยายามจะโยงเข้ากับการกระทำของรัฐ หรือการก่อการร้าย อย่างที่มนุษย์(โดยเฉพาะความมั่นใจในจุดนี้ของพวกมะกัน ที่มักจะแสดงออกมาในหลายเรื่อง)คนหนึ่งเพิกเฉยต่อการกระทำเหล่านั้น และยังคงไร้สำนึกและรอจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสองที่น่าสยดสยองซ้ำอีกครั้ง ชอบสีหน้าของดอกเตอร์ท่านนั้นต้องส่ายหัวให้กับมนุษย์ที่ทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันน่าเบื่อหน่ายจริงๆ จากคุณ : un_devil - [ 15 มิ.ย. 51 21:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไปงงๆเกือบจะเข้่าใจอยู่ใน 2 กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6703357/A6703357.html#25 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6703343/A6703343.html#30 ..... มาเจอกระทู้นี้ โดยเฉพาะความเห็นคุณ modjo! เพิ่มเข้าไปอีก ก็ปิ๊งขึ้นเยอะเลย! :D ชอบหนังเรื่องนี้ขึ้นไปอีกเป็นกอง และเห็นด้วยกับที่หลายๆคนพูดถึงกรณี terrorist และบทสรุปในทีวีตอนจบ ---เย้ยหยันเมกันสุดๆ ทั้ั้งเรื่อง terrorist และเรื่องโลกร้อน คือโลกมันส่งสัญญาณมาขนาดนี้แล้ว คนเราก็ยังดันทุรังใช้วิธีคิดแบบเดิมๆในการจัดการปัญหาอยู่อีก จากคุณ : Nonbiri - [ 15 มิ.ย. 51 23:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นับถือคุณ modjo! เลยครับ พอได้อ่านที่คุณวิเคราะห์มา ทำให้รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ขึ้นอีกเยอะเลย จากคุณ : Dream Seeker - [ 15 มิ.ย. 51 23:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1. ทำไมบางคนพอโดนสารเคมีแล้ว มีเดินถอยหลังอะฮะ? เอ... ในหนังมันพูดประมาณว่าสารเคมีเข้าไปทำลายระบบประสาทควบคุมการตัดสินใจ ที่จะไม่ทำอะไรของคน ทำให้ฆ่าตัวตายทั้งๆที่ความจริง คนจะไม่ค่อยทำกัน อาการเริ่มก็คือเป็นอัมพาต การเดินถอยหลังก็เหมือนประมาณปฏิกิริยาย้อนกลับของความคิดคนเราอ่ะค่ะ ทุกทีเราจะต้องเดินหน้าใช่ไหมล่ะ? 2. ฉากตอนเด็กญ.ไปโยกชิงช้า จะมีการสื่อ/เน้นอะไรหรือเปล่า? มีพูดถึงต้นเมเปิ้ลแล้วก็ถ่ายเน้นไปที่ต้นไม้กะชิงช้าอยู่พอสมควร... เราว่าฉากนี้ผกก.ต้องการหลอกคนดูประมาณว่าเด๊วต้องเิกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ดันไปเล่นกับต้นไม้แบบนั้น... 3. เหตุการณ์เกิดแต่ซีกตะวันออกของสหรัฐซะเป็นส่วนใหญ่ หรือเพราะแถวนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้เยอะสุดรึเปล่าครับ? (เผอิญไม่เก่งเรื่องวิชาสังคม เหอ ๆ) ฝั่งตะวันออกไม่ค่อยจะมีต้นไม้นะคะ นิวยอร์คเนี่ยตัวดี...ในเมืองไม่ค่อยจะมีต้นไม้เลย ศูนย์รวมต้นไม้เยอะสุดก็เป็นCentral Parkเนี่ยแหละ มันเลยเกิดที่Central Parkก่อนเลย จากคุณ : dreamy_ez - [ 16 มิ.ย. 51 00:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาอ่านกระทู้นี้แล้วเข้าใจขึ้นเยอะเลยในรายละเอียด ต้องขอบคุณความเห็นที่ 2 แต่.... จากข้อสังเกต เรื่อง สีเดียวกันกับธรรมชาติ อาจไม่ใช่ก็ได้ หรืออาจใช่ก็ได้ เพราะในหนังบอกว่า เหตุการณ์มันเริ่มตอน 9 โมงหรือ ประมาณนี้แหละ แล้วจบลงตอน 7 โมง ซึ่งเป็นเวลา ที่คนทั้งสามตัดสินใจออมาจากบ้านพอดี แม้เวลา จะบอกว่า 6 โมงห้าสิบกว่าๆ ก็เถอะ มันจึงเป็นไปได้ว่า ผกก อาจจะสื่อให้เราถึงเรื่อง สีเดียวกับธรรมชาติ หรือ ไม่ได้สื่ออะไรเลยก็ได้ จากคุณ : โต - [ 16 มิ.ย. 51 12:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ที่บอกว่าอย่า จับมือท่ายังไม่แน่ใจ ท่าไม่ได้หมายถึงเด็ก อะครับ ท่าหมายถึงมือพระเอก ละ จากคุณ : -BbB- - [ 16 มิ.ย. 51 19:12:08 A:125.25.133.198 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 แต่เราว่าตอนจบนี่แหละสะใจ...ดูจากที่มีการสัมภาษณ์ดอกเตอร์ท่านหนึ่งถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วพิธีกรทำท่าเหมือนกับว่าไม่ใส่ใจเรื่องของการเตือนของธรรมชาติ แต่พยายามจะโยงเข้ากับการกระทำของรัฐ หรือการก่อการร้าย อย่างที่มนุษย์(โดยเฉพาะความมั่นใจในจุดนี้ของพวกมะกัน ที่มักจะแสดงออกมาในหลายเรื่อง)คนหนึ่งเพิกเฉยต่อการกระทำเหล่านั้น และยังคงไร้สำนึกและรอจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสองที่น่าสยดสยองซ้ำอีกครั้ง ชอบสีหน้าของดอกเตอร์ท่านนั้นต้องส่ายหัวให้กับมนุษย์ที่ทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันน่าเบื่อหน่ายจริงๆ จากคุณ : un_devil อืมได้ประเด็นเหมือนผมรู้สึกเลยแฮะ ผมติดใจคำพูดตั้งแต่ ที่เด็กคนนั้นบอกว่าเราไม่สามารถเข้าใจธรรมชาติได้หรอก   เหมือนเฮียแกอยากจะใส่คำพูดต่อท้ายคำนั้นไว้ในหนังของแก คือคำว่า ตราบใดที่มนุษย์ยังพยายามควบคุมธรรมชาติเราก็ไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติได้หรอก ส่วนเรืองรังสีแหวนคิดได้นะครับนี่ ผมไม่ทันสังเกตจริง ๆ จากคุณ : et009 - [ 16 มิ.ย. 51 19:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คิดว่า สรุปแล้ว 1 อะไรบางอย่างที่ต้นไม้ปล่อยออกมา จะไปทำลายสัญชาติญาณพื้นฐานของมนุษย์ทำให้เกิดผลในทางกลับกัน คือ "การเอาชีวิตรอด" รวมถึงการ"คนเราก้าวเดินไปข้างหน้า" ด้วย 2 เงื่อนไขในการโดนโจมตีคือ สปอร์ที่ต้นไม้ปล่อยออกมา+ออร่าขึ้นกับอารมณ์ที่ร่างการแผ่ออกมา 3 จากข้อ 2 การอยู่รวมกันมากๆใกล้ๆกันทำให้ ออร่าที่แผ่ออกมามีสีที่ปนกันไม่ชัดเจน จึงโดนโจมตี - ถ้าต้องการอยู่รอด สิ่งที่ต้องทำคือ อยู่ห่างกลุ่มคนเข้าไว้เพื่อเลี่ยงการปะปนของออร่า และ ต้องมีอารมณ์ที่ทำให้หินเป็นสี "เขียว" จากคุณ : ตองหก - [ 16 มิ.ย. 51 21:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้คือ หนังรักโรแมนติกสไตล์ มาโนช ก็คงไม่ผิด เพราะถ้าหนังไทยมีพ่อตาที่ไล่เอาปืนยิงผู้ชายที่มาจีบลูกสาวตัวเอง เป็นอุปสรรคและเครื่องพิสูจน์ในความรักของทั้งคู่ หนังมาโนช ไนท์ ก็คงมีภัยจากธรรมชาตินี่แหละเป็นเครื่องพิสูจน์ รัก ผมคิดว่าฉากจบของเรื่องก็คงตีความได้หลายแบบ เหมือนที่คุณๆว่ากันน่ะครับ แต่ว่าฉากที่ผมชอบคือฉากตอนใกล้จบ(ซึ่งผมคิดว่าอันนี้แหละฉากจบจริงๆสำหรับผม) ที่นางเอกท้องแล้วออกมายืนรอพระเอกหน้าบ้าน เพราะก่อนหน้านี้หนังเคยพูดถึงประเด็นเรื่อง ลูก ที่เด็กอ้วนผิวดำแซวพระเอกเรื่องไม่มีลูกเพราะเหตุผลต่างๆนานา ยังจำกันได้ป่าวไม่รู้ แต่ผมเดาเอาว่าที่พระเอกกับนางเอกยังไม่มีลูกกันเพราะมีปัญหา เรื่องความ รัก ที่มีให้กันกันนี่แหละ พอมันมี่ฉากนี้มาในตอนจบเหมือนมาโนชบอกผมว่าเออ มันรักกันจริงๆแล้วนะ หลังจากนี้คงจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของจริงซะที ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ก็ยังมีเหตุการณ์ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นได้เช่นกัน ถ้าต้นไม้ไม่อาละวาด ป่านนี้จะรู้ตัวมั้ยว่ารักกันน่ะ ถ้าต้นไม้ไม่อาละวาด รู้ได้ไงว่าจะไม่มีเทียรามิซุ ชิ้นต่อไป รู้อย่างงี้แล้ว คงไม่ต้องรอให้ต้นไม้มาเตือน แสดงความรักกันซะตั้งแต่วันนี้แหละ เพราะใครจะไปรู้ ว่าถ้าเกิดว่าเหตุการณเลวร้ายมันไม่ได้จบที่ 9โมง30กว่า อย่างในหนัง คุณๆทั้งหลายก็คงรักกันไม่ได้แล้วนะครับ ปล.1 ที่พูดมาทั้งหมด แถ เอาทั้งนั้นเลยครับ ปล.2 ฉากจบที่มันไป แฮปเพนนิ้งกันที่ฝรั่งเศสขอเดาว่า ฝรั่งเศสชอบทดลองนิวเคลียกันเลยโดนครับ ปล.3 อีกประเด็นที่ชอบ คือ การพูดถึงธรรมชาติในห้องเรียนของเด็กห่วงหล่อคนนั้น ทำให้คิดได้เลยว่า จริงๆธรรมชาติของมนุษย์ ก็ เกิดแก่เจ็บ ตาย ถ้าถามว่าเราเกิดมาทำไม เหตุผลจริงๆ ใครจะไปรู้ ก็นี่มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เฮ้อ...แถได้อีก จากคุณ : หล่อแบบธรรมชาติ ลงโทษ - [ 17 มิ.ย. 51 03:50:55 A:58.8.119.45 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 ฉากใต้ต้นเมเปิ้ลอาจไม่ได้ทำหลอกนะคะ ถ้ามันหมายถึงความรักจริงๆ ตอนนางเอกแกว่งชิงช้าให้เด็กมันมีสายใยของความรักอยู่ต้นไม้เลยไม่ทำอะไรไหมคะ อารมณ์ของทั้งคู่เป็นสีเขียวง่ะ จากคุณ : เจ๊มาเองจ้ะ - [ 19 มิ.ย. 51 16:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สองคนนี้เค้าไม่รู้จักความรักนะผมว่า แหวนคงไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่า มันจำสีความรักไม่ได้ เพราะมันไม่เคยรักกัน มันเซ็กอย่างเดียว ฮ่าๆ (หลักฐานคือตอนแต่งงานเพื่อนพระเอกแอบเห็นนางเอกร้องไห้ เพราะยัง ไม่พร้อม และพระเอกไม่มีลูกสักที ไม่รักจะมีได้ไง) ส่วนเรื่องธรรมชาติลงโทษ คงทำให้มนุษย์นับถอยหลังสู่ความตาย แค่จุดเริ่มของผื่นแดงไง จะเกิดได้ไง จะฆ่าหรือไม่ฆ่าใครคงไม่ได้ใช้วิทยาศาตร์หรือทฤษฎี หรือแม้แต่คณิตศาสตร์มาอธิบายได้ เพราะมันคือ ธรรมชาติที่ไม่อาจจะหาคำอธิบายได้ ถ้าให้เดาว่ารอดได้ไง คงจะเดาว่า 1.นางเอกน่าจะเป็นตัวแทนของธรรมชาติ สังเกตฉากที่พระนางจับมือกันแล้วไม่ตาย ฝั่งซ้ายที่นางเอกยืน มีหญ้าเหมือนจะบอกว่านี่ฝั่งธรรมชาตินะ ฝั่งขวาของพระเอก ไม่มีอะไรเลย แบ่งครึ่งฉากอย่างจงใจมาก ฉากนี้คงจะเฉลยว่า ทิ้งไปเถอะวิทยาศาตร์ รักกันดีกว่า รักธรรมชาติดีกว่า หรือ 2.รอดเพราะผู้กำกับปล่อยให้รอด และอยากบอกว่าจริงๆแล้วความรักก็คือ the happening นะ ไม่มีคำอธิบายหรอก ก็แค่จับมือประคับประคองกันไว้ตลอดเวลาไม่ปล่อย ห้ามปล่อย ไม่ว่าจะอุปสรรคแค่ไหน หรือถ้า ไม่แน่ใจก็อย่าจับมือ เด็กนี่แหละคือตัวแทนของความรักที่ทั้งคู่ปกป้อง เป็นสาเหตุให้ทั้งเรื่องไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะแสดงเป็นความรัก (แต่สุดท้ายก็พูดว่าหนูรักอานะ เหอๆ) โดยรวมผมชอบการเล่นกับอารมที่ผู้กำกับถนัดแ ไม่ต้องฉากใหญ่โต รายละเอียดไม่เยอะ แต่หลอน และแฝงปรัชญาที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเต็มไปหมด เล่นกับความเชื่อและความคิดของคนมาตลอด ทำให้ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ขนาดรังสีที่เปล่งออกมาอะไรแบบนั้นนะ แค่มุขเฉยๆมั้ง จากคุณ : อี้ - [ 23 มิ.ย. 51 00:16:50 A:58.136.16.19 X: ]