ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครซักคนจะมีจุดยืนที่มั่นคงได้ด้วยการสร้างของตัวเอง การมีจุดยืนไม่ใช่เพียงแค่หลีกหนีไปให้พ้นจากสิ่งที่เกลียดหรือไม่พอใจ (ประมาณหนีไฟไปพึ่งน้ำ) แรงผลักของ สิ่งแวดล้อม ไม่ได้ตอบโจทย์เพื่ออธิบายหรือนิยามความเป็นตัวเรา เวสลี่ย์ กิ๊บสัน (เจมส์ แม็คอาวอย) พระเอกในเรื่องก็เช่นกัน
Wanted ปูเรื่องเปิดฉากมาแบบ The Matrix ภาพชายออฟฟิศอารมณ์เฉื่อยในคอกกั้นที่ ดูจำเจและเบื่อโลก ขาดไม่ได้เลยคือเจ้านายที่จู้จี้น่ารำคาญ (เจนิสหญิงอ้วนในเรื่องทำหน้าที่ตัวเองได้น่าเกลียดไม่เป็นที่ผิดหวังของผู้ชม ) สิ่งแวดล้อมที่ถูกโปรแกรมมาแบบนี้มักสร้างกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า เด็กแนว เพื่อถีบตัวออกสู่ลัทธิเสรีนิยมสุดโต่ง ( เด็กแนวหลายคนหนี trand หรือ วัฒนธรรมกระแสหลักเพื่อเสาะหาแนวทางใหม่ให้ตัวเองจนบางครั้งแนวทางใหม่ที่ว่าก็กลายเป็น trand ไปโดยไม่ตั้งใจ)
อารมณ์แรกในสิ่งแวดล้อมใหม่มันช่างน่าตื่นเต้นและบริสุทธิ์ได้ใจ เราไม่เคยพานพบหรือ นึกฝันว่าจะมีซอกหลืบสุดเจ๋งหลบซ่อนอยู่ในสังคมน่าเบื่อนี้ แต่แล้วนานวันเข้า เมื่อกราฟความ ตื้นเต้นเริ่มทรงตัวและคงเส้นคงวาเป็นแนวราบ ความรู้สึกว่าไอ้ที่เคยสุดเจ๋งนั้นเริ่มกลายเป็นความชาชิน เราเริ่มต้นเคว้งคว้างกันใหม่อีกครั้งและจะต้องหนีไปที่ไหนอีกเพื่อให้พ้นจากอารมณ์ที่แสนสับสนและซับซ้อนนี้
อะไรกันแน่คือสิ่งที่ขาดหายไปจากตัวเรา ในขณะที่เรากำลังไล่กวดความปรารถนาอันไร้ขอบเขตอย่างไม่ยอมลดละ จุดยืนก็ถูกทิ้งให้ยิ่งถอยห่างออกไป จากไหลลิบลับก็กลายเป็นหลงลืม
พระเอกเดินทางผ่านโลก 2 ขั้วในช่วงเวลาอันสั้น ซึมซับและเรียนรู้ ก่อนที่จะตระหนักถึงความว่างเปล่าไร้สาระในแต่ละรูปแบบ
พระเอกไม่รู้จักตัวเองและพยายามค้นหา (search) ที่มาของตน หากชีวิตนี้ของเขาคือ เม็ดกระสุน พระเอกเรากำลังตามหากระบอกปืนที่เคยจากมา
Wanted หนังมันส์สะใจเรื่องนี้เป็นฝีมือของผู้กำกับชาวรัสเซีย ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ (Timur Bekmambetov ) แห่ง Night watch และ Day watch หนัง 2 เรื่องที่แบ่งกันเล่าระหว่างการคานดุลยภาพของโลกระหว่างด้านมืดและสว่าง ระหว่างความดีและความชั่ว
Wanted เดินเรื่องอย่างสนุกสนานและแสบสัน เต็มไปด้วยมุขจิกกัดแบบเจ็บๆโดนใจ วัยคะนอง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ละทิ้งเนื้อหาสาระที่หลบเร้นอยู่ภายใต้ความเมามันส์นั้น ว่าด้วยโชคชะตาที่สั่งบัญชามาจากสวรรค์ คำสั่งจากเจ้านายหรือบิ๊กบอสในองค์กรต่างๆ และจิตสำนึกที่สั่งดังมาจากเบื้องลึกในหัวใจ
หนังพยายามถักทอโชคชะตาของแต่ละตัวละครเข้าด้วยกัน การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นได้มากมายตามทฤษฎีที่ผมเรียกขึ้นเองว่าผีเสื้อขยับปีก ( butterfly effect ) สื่อให้เห็นวิบากกรรมของแต่ละคนในโลกที่เป็นดังสายใยสัมพันธ์ลึกลับ เกินความเข้าใจด้วยตรรกะและเหตุผลของมนุษย์ แต่นั้นก็ใช่ว่ามนุษย์จะเป็นเพียงผลผลิตของโลกหรือสิ่งแวดล้อมจนเราควบคุมหรือบัญชาทิศทางของตัวเองไม่ได้
ตอนท้าย เวสลี่ย์ กิ๊บสัน ตระหนักว่า ช่างทอผ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้นั่งอยู่บนสวรรค์เพื่อถักทอโชคชะตาให้มวลมนุษย์ ช่างทอที่แท้จริงคือตัวเราเองที่จะกำหนดทิศทางให้ 2 เท้านี้ได้ก้าวเดิน
วิถีกระสุนไซด์โค้งที่โชว์แนวทางแปลกแหวกขนบ ประหนึ่งวิถีชีวิตของพระเอกที่มันจะไม่เถรตรงจำเจเหมือนวิ่งอยู่ตามรางอีกต่อไป วิถีโบราณคร่ำครึที่เคยทำให้คนมีความสามารถระดับอัจริยะอย่างเขาต้องกลายเป็นไอ้ทึ่มสู่วิถีทางใหม่ที่เขาเริ่มตระหนักถึงคุณค่าในตัวตน
กระสุนเม็ดนี้ไม่จำเป็นอีกแล้วสำหรับการค้นหาที่มาเพราะเป้าหมายที่จะพุ่งไปหาต่างหากที่สำคัญ
แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 21:43:46