ความคิดเห็นที่ 1 ความย่อยยับข้ิอที่ 1... บทหนัง ในครึ่งหลัง เข้าขั้นไม่ได้เรื่องไม่ได้ความอย่างสมบูรณ์แบบ (หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ก็คือ 'แย่') ..ถึงครึ่งแรกจะมองเห็นว่ามีปัญหาแอบแฝงอยู่พอสมควร แต่เรื่องเหล่านั้นก็ยังพอมองข้ามได้ เพราะคิดว่า มันคือ เรื่องปกติ ที่หนังแอ๊คชั่นดูเอาบันเทิงจะพึงเป็น ...แต่เมื่อหนังเลือกจะเดินเข้ามาสู่จุดหักมุมที่คาดว่าคงจะสร้างความเซอร์ไพรส์กับคนดูได้ไม่น้อย ซึ่งมันก็ได้เซอร์ไพรส์อยู่จริงๆหรอก ..แต่ก็ยังเป็นมุข ที่แถให้ตกใจโดย Non-Sense แบบที่จับยัดเข้ามา โดยไม่มีการปรึกษากับคนดู หรือแม้แต่ใจคอจะบอกใบ้สักนิด ก็ยังไม่มี ...จู่ๆจะให้เป็นไป ก็เอามันตรงนั้นเลยนี่แหละ ถามว่าผมแปลกใจมั้ยที่ "ชาร์ลิซ เธอรอน" เลือกจะมาเล่นหนังซัมเมอร์ ที่ต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างของ ป๋าวิล สมิธ กันอย่างนี้.. ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่นั่นก็ยังไม่แปลกใจเท่ากับการที่หนังสักจะให้คาแรกเตอร์ "แมรี่" แม่บ้านอารมณ์บ่จอยของเธอ เฉลยตัวว่าเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ที่ยังเหลืออยู่บนโลก ..ทั้งยังเคยเป็นอดีตศรีภรรยาของพี่แฮนค็อก อีกต่างหากด้วยล่ะนั่น แล้วนั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการแถแบบไม่แนบเนียนของคนเขียนบท ...ซึ่งจะยิ่งยุ่งไปกว่านั้น เมื่อสักจะให้ซูเปอร์ฮีโร่ทั้งสอง เสือ..กมีชีวิตเป็นอมตะ ทั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็นเทพ ที่เบื้องบนส่งมาให้คอยจัดการดูแลความเรียบร้อยบนโลก แต่ขอโทษเถอะนะ ถ้าจะให้เป็นอมตะกันล้วนๆ มันคงจะไม่สมจริงบนโลกนี้สักเท่าไหร่ ..หนังก็เลยจัดความให้มีปมปัญหาเรื่องความรักของ แฮนค็อก และ แมรี่ เข้ามา โดยวางเงื่อนไขให้ คนทั้งสองจะต้องอยู่ห่างไกลกัน จึงจะสามารถมีชีวิตที่เป็นอมตะได้ ...แล้วก็ดันเพี้ยนกันไปใหญ่ เมื่อความต้องการจะให้ห่างไกล เท่ากับการทำให้ แฮนค็อก เสือ..กความจำเสื่อม แต่ก็เสือ..กไม่วิ่งไล่หาตัวตน และปล่อยให้มันมาหาให้รู้โดยบังเอิญ ในอีก 80 ปีให้หลังอย่างง่ายดาย หนังแทบจะไม่ได้ปูหรือใส่ความหลังของแมรี่ เข้ามาเพื่อเสริมประเด็นตัวตนของเธอหรือกระทั่งแฮนค็อกให้หนักแน่น แต่อย่างใด ..ทั้งๆจะว่าไปแล้ว การแสดงระดับออสการ์เป็นประกันของ สาวชาร์ลิซ ก็ย่อมจะทำได้ถึงอยู่หรอก ...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายของสาวเจ้าที่หลงคารมนายทุน หรือเธอเลือกจะเล่น เพียงเพราะมันเป็นหนังที่สนุก แต่สุดท้ายจริงๆแล้ว นี่คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกครั้งหนึ่งของเธอ หลังจากง่าวไปเป็น "Aeon Flux" มาจนเละเทะเสียชื่อออสการ์ไปแล้ว ความย่อยยับข้อที่ 2... แม้ครึ่งแรกแทบจะเป็นเครดิตของ ป๋าวิล ถ้วนๆ ที่ทำให้หนังดูสนุกได้บ้างก็จริง ...แต่ช่วงเวลาครึ่งหลังที่เป็นดรามา มันได้กลับกลายเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งหายนะในอาชีพการแสดงของป๋าท่าน ชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่า เคยเห็นฝีมือเข้าขั้นยอดเยี่ยมไปเรียบร้อย จาก "The Persuit of Happyness" หรือกระทั่ง "I am Legend" จะไม่สามารถทำให้เราหลีกหนีจากความไม่สมเหตุสมผลของบทหนัง มาป๊ะกับ ความนิ่งที่เข้าถึงอารมณ์เศร้าของพระเอกถนัดกวนผู้นี้.. เสียดายที่ความดีของการแสดง โดนความเลวของเรื่องราวกลบฝังเสียจนมิดชิด หากถ้าบทหนังมันไม่สิ้นคิด เต็มไปด้วยอะไรที่มาง่าย ไปไว ..แล้วก็ได้คนเขียนบท ที่เข้าใจพลอต แล้วสามารถตีความให้มันออกมาเข้มข้นทั้งเส้นเรื่อง และอารมณ์ ...เราก็คงจะได้ดูหนัง วิล สมิธ อีกเรื่อง ที่น่าประทับใจ มากกว่าจะเบื่อ เซ็ง และเสียสมูธ กันเช่นนี้ ความย่อยยับข้อที่ 3... Hancock เป็นเจ้าของฉากต่อสู้ระหว่างพระ-นาง (แบบว่า..He และ She อยากประลองพลังซูเปอร์ฮีโร่ว่างั้นเหอะ) และฉากไคลแม็กซ์ ที่กะหลั่วเข้าขั้นเทพ ในเมื่อหนังมีเทพเป็นตัวเอก ..การจะทำฉากบู๊ให้สนุก จึงต้องใช้ความเทพของบทมาเข้าข่ม ...แล้วในเมื่อ บทหนัง ในครึ่งหลังช่างหาไม่ได้ซึ่งรายละเอียด ยันไปถึงความสมเหตุสมผลที่ลงตัวเอาเสีย มันก็เลยได้สองฉากสำคัญ ที่กลายเป็นความน่ารำคาญอย่างสุดกู่ ฉากต่อสู้ของพระนาง ถ้าดูเอาขำๆ ไร้ตรรกะ ก็คงจะพอลืมๆเลือนๆ ความสับสนอลหม่านแบบเทพข่มกันของมันไปได้บ้าง ..แต่ฉากไคลแม็กซ์ ที่ดันทุรังหาเรื่องให้ไปเกิดในโรงพยาบาลที่ต้องการความสงบ ก็กลายเป็นสถานที่แห่งความเละเทะทั้งในด้านการใช้กำลังของตัวละคร และการใช้สมองของคนเขียนบท ที่เหลวเป๋วไปแล้วกับความน่าเชื่อถือ ตัวละครผู้ร้ายหลักๆ ศัตรูของ Hancock ..ถ้าไม่รวมซึ่ง ยัยแมรี่ ที่อารมณ์บ่จอยตลอดศก ...ก็คงไม่พ้นจะตกเป็นข้อหาของ อีตาหนวดโหดปล้นธนาคาร ที่โดนพี่แฮนค็อกเล่นงานจนเข้าตะราง หากไม่วายรวมพลังกับแก๊งค์นักโทษโดนหัวยัดตูดแหกคุก เพื่อหวังจะมาเอาคืนพระเอกของเราซะนี่ ...แล้วขอโทษนะ การแหกคุกของพี่ท่านไม่ใช่เรื่องอุจจาระแต่อย่างใด หากมันกลับยิ่งใหญ่ได้เพราะ หน้าที่การงาน(ที่ไม่ใช่โจรปล้น)ในสายจิตวิทยา สามารถจะทำให้พี่แกหลุดพ้นจากวัฎสงสาร(อันน่า..สมเพศ)นี่ได้ซะอย่างงั้น แต่แม้ว่า อีตาหนวด จะดูมีความสำคัญ(ขนาดนั้นเลย) เพราะพี่ท่านเป็นผู้ร้ายตัวโป้ง(ที่สุด)ของหนัง ก็มิได้หมายความสำคัญถึงต้อง ลากมันออกมาฆ่าพระเอก ..เพื่อสร้างฉากไคลแม๊กซ์ ปัญญาอ่อน ...แถมมุขที่มันเก่งทางจิตวิทยา ก็ใช้อะไรไม่ได้ (หรือ..ไม่ได้ใช้เลย)กับ การล้างแค้น พี่แฮนค็อก แม้แต่คิด ซึ่งถ้า พี่แฮนค็อก เกิดตายด้วยฤทธิ์ปืนสั่วๆของโจรกะหลั่วๆ เสียจริงๆ.. คงเป็นอะไรที่น่าสมเพศสุดจะล้นพรรณนาเลยล่ะนั่นหนา ความย่อยยับข้อที่ 4... การกำกับของ "ปีเตอร์ เบิร์ก" อาจจะไม่ใช่ความผิดพลาดของหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอก เมื่อเอาไปเทียบกับความกัมปนาถในงานบทที่ส่งให้ภาพรวมดูแย่ แต่ถ้าเอาไปเทียบชั้นกับ The Kingdom เรื่องก่อน ก็ถดถอยลงมาจนกลายเป็นงานผ่อนคลาย ทีเล่นทีจริงซะมากกว่า ...หรือแม้กระทั่งกับเทคนิคถ่ายภาพ แฮนด์เฮลด์ (ที่คล้ายจะเป็นของตายของเขาไปแล้ว) ก็ไม่ได้ให้ผลที่ดีสักเท่าไหร่ ในเมื่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ใช่แนวต้องสมจริงสมจัง ถึงขนาดให้เราคนดูต้องสั่น ส่าย ไปกับภาพ เพื่อได้อารมณ์เหมือนติดอยู่ในสถานการณ์อันตึงเครียดอย่างนั้น ...ยิ่งหนังทำออกมาทีเล่นทีจริงซะมากกว่าเช่นนี้ ก็เลยไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่เทคนิคนี้จะมีส่วนร่วม แต่ถ้าคิดขำๆ ไม่จริงจังอะไรเลย ..เท่าที่ฟังเสียงคนอื่นๆว่ามา มันก็ยังดูจะเวียนหัวน้อยกว่า The Kingdom หรือกระทั่งโคตรแห่งการส่ายอย่าง "Cloverfield" ล่ะนะ จบการ SPOILER จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 9 ก.ค. 51 17:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 และ ความย่อยยับสุดท้าย... นี่คือ หนังซัมเมอร์ที่เข้าขั้นรั่วอย่างสมบูรณ์แบบ ...และมันก็ไม่ได้รั่วอย่างตั้งใจแล้วขำแหลก สนุกราญ แบบ "Wanted" หากมันคือ การรั่วที่คนสร้างไม่อาจตั้งใจ ให้มันกลายมาเป็นหายนะหน้าใหม่แห่งวงการหนังซูเปอร์ฮีโร่ ..ที่แทบจะทำให้ "Ghost Rider" และ "Daredevil" กลับกลายเป็นหนังดีในพริบตา (ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?) แล้วหากมีคนมาถามผมว่า หนังเรื่องนี้น่าดูมั้ย? ...ผมพร้อมที่จะตอบกลับไปอย่างชัดเจนแน่วแน่ว่า "ขอร้องเลย... อย่าจะดีกว่านะ" "Hancock" ...นี่คือ หนังที่ผมสามารถจะเรียกว่า "แย่" ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ..แต่ทั้งหมดนี้ มันก็คือ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมทั้งสิ้น ...แม้มันจะขัดแย้งกับคนอีกส่วนมากอย่างสิ้นเชิง แต่ผมก็ยังจะยืนยันในคำสารภาพครั้งนี้ ว่าไม่อาจมีข้อแก้ต่างใดๆ มาเปลี่ยนใจผมได้อย่างแน่นอน ..ขอให้จงเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี เพราะปีนี้ พี่แหกคอก ไม่ได้ออกไปนอกใจผมแน่ เหอๆ ต้องขออภัยจริงๆ ..ที่หนังเรื่องนี้ ผมจะขอแสดงอคติอย่างสุดขีดขั้วเช่นนี้เน้อ เกรด C- "สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ http://vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท." ขอบคุณครับ รักคนอ่าน จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 9 ก.ค. 51 17:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หนังมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ แย่ๆ กว่านี้มีอีกเยอะ หนังมันมีหลายอารมณ์ดีนะคะ เพียงแต่ว่า แต่ละอารมณ์มันไม่สุดๆ เท่านั้นเอง แล้วฉากเด่นๆ ก้อกลายมาเป็นตัวอย่างใน Trailer ไปหมด อย่างฉากปลาวาฬ ฉากโยนเด็ก... สรุปว่า ดีในระดับหนึ่งค่ะ ไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย เทียบกะ Ghostrider ไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องนั้น(แย่)ระดับตำนาน จากคุณ : นางมารนอกสังกัด - [ 9 ก.ค. 51 17:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยครึ่งนึงครับ โดยรวมผมว่ามันก็ไม่ได้เข้าขั้นแย่ขนาดหนัก แต่ไม่ชอบเหมือนกันตรงการเริ่มมั่วในช่วงครึ่งหลังเนี่ยแหละ หงุดหงิดตั้งแต่ตอนที่มีฮีโร่หญิงอีกคนโผล่มา (แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แม้หนังจะอ้างว่าเคยมีเรื่องในอดีตก็เถอะ) แถมยังช่วยกันอาละวาดทำลายเมืองแบบไม่จำเป็นอีก (คือแค่เอ้งจะทะเลาะกัน คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่โดนลูกหลงเป้นสิบ) แถมยังมีการสร้างเงื่อนไขว่าถ้ารักกันแล้ว พลังจะหายไปซะอีก โอ้ววว พลังอะไรวะเนี่ย จากคุณ : CARAGIO - [ 9 ก.ค. 51 17:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันก้อสนุกดีนะครับ แล้วแต่ความชอบของคนหนะ ต่างคนต่างุมมอง นานาจิตตัง จากคุณ : utd (utd) - [ 9 ก.ค. 51 17:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ที่รู้คือ ไม่สนุกเลยค่ะ มีคนบอกแล้วว่าไม่หนุก ไม่เชื่อค่ะ ดื้อ คือดูแล้วงงๆ กำลังงง ว่า มันหนังแนวไหนอ่ะ ดราม่า โรแมนติก หรือ แอคชั่น จากคุณ : สาวแมงป่องมีพิษ - [ 9 ก.ค. 51 17:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมชอบนะ ผมอาจจะชอบหนังแนวนั้นด้วยมั้ง แต่ก็เห็นด้วยส่วนนึง เพราะมันจิงอย่างช่วย บ่ ด้าย อิอิอิ จากคุณ : DOLครับ - [ 9 ก.ค. 51 17:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ถึงกับเป็นนักดูหนังนะ แต่ผมชอบอารมณ์ขันของเรื่องนี้ นอกนั้นเฉยๆครับ นักแสดงทุกคนก็ทำหน้า ที่ได้ดี ถ้าหนังยาวกว่านี้สักครึ่งชั่วโมงคงได้เห็นอะไรมากกว่านี้ ให้B-ครับ ผมว่าเรื่องนี้สนุกกว่าหนัง ฮีโร่จริงๆจังๆอย่างSuperman Returnนะ จากคุณ : My Dying Bride - [ 9 ก.ค. 51 18:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็ไม่ค่อยชอบเรื่องนี้ครับ ดูไปก็หงุดหงิดเป็นระยะ จากคุณ : กะหล่ำปลีลวกกินกับขนมจีนน้ำยา - [ 9 ก.ค. 51 18:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ความจำเสื่อม และลองถามชาวบ้านแล้วไม่มีคนรู้จัก  แล้วมันผ่านมา 80 ปี โดยที่ตัวเขาไม่แก่ คนรอบข้างแก่ตายหมดแล้ว    เผลอๆ ไม่หิว ไม่ต้องการความสุข  ด้วยเหตุแค่นี้ คุณเอาไปคิดต่อ ก็ไล่ตอบปัญหาตัวเองได้ตั้งหลายข้อ  นั่งงงทำไมเนี่ย จากคุณ : 8) - [ 9 ก.ค. 51 18:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ถึงกับเลวร้าย ดูได้เพลินๆ จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง - [ 9 ก.ค. 51 19:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จุดพลาดสำคัญ คือ ช่วง 30 นาทีหลังของหนังเรื่องนี้.. ซึ่งเหมือนกลายเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องไปเลย.. จริงๆ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหนังจะเปลี่ยนอารมณ์.. แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึก ช่วงแรกและช่วงหลังของหนัง เป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัว อารมณ์ที่ได้เลยสะเปะสะปะมากๆ เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีความลื่นไหลในการเล่าเรื่องเลย.. storytelling ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เอาไปเลย 0 เต็ม 10 น่าเสียดาย เพราะไอเดีย บรรเจิดแล้ว.. นักแสดงก็พร้อมทุกอย่าง (ถือว่า ฝากผลงานไว้ดี น่าประทับใจทุกคน).. ช่วงแรกที่ส่อแววให้เห็นแล้วว่าจะรุ่ง.. เสียดาย.. C+ (5.5/10) จากคุณ : จูริง - [ 9 ก.ค. 51 19:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยอย่างแรง ช่วงแรกของหนังผมว่า ok เลยนะให้ไป 8.5/10 ถ้ามันจะจบแค่นั้นจริงๆ แต่พอมีครึ่งหลังเข้ามานี่ เอาไป 3/10 พอ -*- จากคุณ : shadowgc - [ 9 ก.ค. 51 21:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมรู้สึกโชคดีที่ผมไม่ได้เป็นเซียนดูหนังที่ดูแล้วจับผิดออกมาได้เป็นหน้าๆแบบนี้ ดูออกมาแล้วก็เพลินๆดีกลับบ้านมีความสุข (ทั้งๆที่ผมจ่ายเงินค่าตั๋วแพงชิบเป๋งเลยเพราะไม่ได้อยู่เมืองไทย) ถ้าหนังมันไม่ห่วยชนิดรับไม่ได้จริงๆ ผมไม่เคยมีประเด็นอะไรหรอก ดูจบก็จบไป บางทีผมก็รู้สึกสงสารพวกเซียนดูหนังเหมือนกันว่าดูไปคงหงุดหงิดไป ไม่ว่าหนังเรื่องไหน เพราะจะได้มีประเด็นมาเขียนแสดงความเซียนเป็นหน้าๆ คงน่าเบื่อพิลึก ไปดูหนังแทนที่จะผ่อนคลายกลายเป็นเหมือนไปทำข้อสอบ เจ้าของกระทู้ก็เป็นคนๆนึงที่ผมรู้สึกสงสารเช่นกัน จากคุณ : VeryBadman...โดนแล้วโดนอีก - [ 9 ก.ค. 51 22:21:30 A:67.160.226.25 X: TicketID:178545 ]

ความคิดเห็นที่ 15 .... ถ้าการดูหนังมันทำให้ซีเรียสขนาดนั้นผมว่า นอนเกาพุงอยู่กะบ้านดีก่าคับ จากคุณ : โคตรคม - [ 9 ก.ค. 51 22:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่สนุกเลย ดำเนินเรื่องไม่ได้เรื่อง ไม่มีที่มา ที่ไป เป็นมายังไง ถึงมาเป็นแบบนี้ ใครเป็นคนสร้างเขาขึ้นมา แล้วที่เหลือตายไปยังไง ขาดความสนุกมาก ๆ บทตลก ก็ไม่ขำ เสียดายตังค์ และความรู้สึก จากคุณ : ชำใจ (wildcat_tuktik) - [ 9 ก.ค. 51 22:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราไม่ใช่คนที่เปน นักดูหนัง เราเลยดูเรื่องนี้ออกมาได้สนุกดี ไม่ได้แย่เลย แต่พอมาอ่าน เราก้อนึกขึ้นได้ ว่าเราแอบสงสัยตั้งแต่ที่สองคนนั้นเจอกันครั้งแรกแล้วว่ามันต้องรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ สงสัยเปนแฟนเก่า แต่ก้อไม่รู้เหมือนกัน นักดูหนัง อาจจะรู้สึกกับเรื่องนี้ เหมือนที่เรารู้สึกกับปังลาบี้ลิ้นก้อได้ ว่า หละหลวม เหตผลอ่อนเหลือเกิน ------------------------------ อาจจะเพราะความคาดหวังมั๊ง เราเหนแฮนคอกเปนหนังตลาดธรรมดา แต่เหนปังลาเปนหนังที่ทำเหมือนจะให้มีอะไร ไม่ใช่แค่หนังตลาด แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 51 23:01:46 จากคุณ : อุนทามะ - [ 9 ก.ค. 51 22:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ให้ C กับหนัง ให้ D- กับการโปรโมทหนัง อันแรกเพราะไม่ชอบความหน้ามึนของบทครึ่งหลัง มั่วไปหมด ส่วนอันที่สอง ถ้าคิดอีกแง่ น่าจะได้ A โทษฐานที่สามารถโปรโมทได้ยังกับเป็นหนังแอคชั่น สุดมันอภิมหามหึมาอลังการงานสร้างระดับเทพ ทั้งที่จริง มันมิใช่เลย...แต่ เราให้ D- เพราะหลอกให้เราเสียตังค์ไปดูอย่างตั้งอกตั้งใจ บ้าแท้ๆ จากคุณ : BestChild - [ 9 ก.ค. 51 23:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... ผมคิดว่า ถ้าไม่ใช่ เพราะรู้สึกหมั่นไส้คนที่แตกต่างจากเรา หรือ รู้สึกแอบอิจฉาคนที่มีมุมมองที่เราไม่สามารถวิเคราะห์ได้ หรือ มีอคติไม่เปิดกว้างกับคนที่คิดแตกต่างกับตัวเอง   การได้อ่านบทวิจารณ์หรืออ่านความเห็นดีๆมีเหตุผลรองรับ ถึงจะต่างจากที่เราเห็น ก็ดีออกนะครับ  เพราะเราก็จะได้แง่มุมที่เราเองอาจจะคิดไม่ถึง หรือ ได้เห็นอีกมุมที่ไม่ได้มอง จากคนที่ไม่คิดไม่เหมือนตัวเอง ... เพราะบางคนก็ดูแบบเอามัน บางคนก็ดูวิเคราะห์ บางคนก็ดูตีความ มันไม่ได้มีระบุว่า คนดูกลุ่มไหน หรือ ใครดีกว่าใคร ถ้าทุกคนดูแบบเอามันอย่างเดียว ก็เซ็งแย่ ถึงจะคิดต่าง เห็นต่าง ก็ แสดงความเห็น ที่ 'ตัวหนัง' ที่คิดไม่เหมือนกันก็ได้ เช่น ฉันว่าหนังห่วย ตรูว่าหนังแหล่ม ฯลฯ ถ้าคิดว่า คนที่เขียนบทความ เข้าใจผิดคิดไม่ถูกตรงไหน ก็ว่าไป ไม่เห็นจำเป็นต้อง แขวะ 'คนที่แสดงความเห็น' เลย ป.ล. ส่วนตัวหนังผิดหวังครึ่งหลัง แต่ก็ไม่คิดว่าถึงขั้น ห่วย ยังดูได้เพลินๆ เพียงแค่เสียดาย ทิศทางที่วางไว้ ถ้าตามครึ่งแรกไป หนังน่าจะออกมาดีกว่านี้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 00:15:28 จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 9 ก.ค. 51 23:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 งั้นผมวิจารณ์บ้างนะครับ ดูเหมือนพลัง superstar ของพ่อหนุ่มวิล จะมากขึ้นตามอายุกระมัง เจอผู้ชมได้มันทุกปี ปีละเรื่องสองเรื่องไม่มีหยุด แล้วกระแสก็ไม่ตกซะด้วย มาคราวนี้ ขอเป็นซูเปอร์ฮีโร่กับชาวบ้านเขาบ้าง แต่ไม่ได้มาแบบ superman , Spider-man หรือ Batman หรอกนะ ขอเป็นฮีโร่แบบรั่วๆดูซักตั้ง แล้วจะออกมาแบบไหนเนี่ย !!! เกริ่นเรื่อง : Hancock ซูเปอร์ฮีโร่พลังไร้ขอบเขตเหนือใคร แต่ชีวิตพี่แกก็ดูไร้ขอบข่ายไปมากเหมือนกัน ด้วยความที่ทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ ช่วยหนึ่ง ทำลายสิบ เอือมระอากันไปทั่ว เดชะบุญที่ไปเจอพ่อหนุ่มนักเปลี่ยนแปลงโลกที่ยึดมั่นในอุดมคติอย่าง Ray Embrey เลยขออาสาสมัครมาเป็นคนเปลี่ยนลุคให้กับ Hancock แต่ดูเหมืนภรรยาของเขาอย่าง Mary จะไม่เต็มใจไปยุ่งด้วยซักเท่าไหร่ งานเบื้องหลัง : ถ้าหนังที่สมิธเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ให้ ทำใมทุนจะไม่หนาหล่ะ ในเมื่อดีกรีเจ้าตัวแรงขนาดประกันได้เลยว่าไม่ขาดทุน ดังนั้น งานเอฟเฟคไม่มีกั๊กแน่นอน ฉากบน Highway เป็นฉากโชว์เอฟเฟคแบบแรงๆด้วยความละเอียดเทียบๆกับ Transformer ได้อย่างสูสี มาพร้อมการถ่ายทำบนฉากบลูสกรีนที่เก็บรายละเอียดดีมากๆๆ แต่ที่น่าสังเกตคือ ฉากลมพายุ มันไม่น่าตินะ แต่น่าสังเกตุมากเลยว่า มันใส่มาแรงๆ มาเยอะๆ มันเลยดูหลอกๆไปมาก ทั้งทอร์นาโด ฟ้าผ่า แสงสีเสียงเยอะมาก แล้วก็ชัดมากว่าไม่เนียนเท่าที่หวัง ถ้าเอาแบบน้อยๆแต่เน้น อย่าฉากใน X-MEN II ที่ Strom แจกทอร์นาโดร้อยลูกใส่เครื่องบินที่ไล่ตามหลัง นั่นหน่ะเจ๋ง ไม่ต้องมากๆแต่เน้น ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีกว่าและดูสมจริงกว่า กำกับภาพอย่าง Tobias A.S. ( Dreamgirls ) ทำได้ไม่เสียมือ ส่วนงานดนตรีของ John Powell ( X-Men , Borne ทั้ง 3 ภาค ) เข้ากับตัวหนัง แต่ไม่เข้ากันตลอดงาน อันนี้ไม่อยากโทษงานดนตรี ถ้าจะเสีย ก็ต้องเสียที่บทหนังที่กระโดดไปมามากไป บทภาพยนตร์ : นี่เป็นหนึ่งในหนังบทภาพยนตร์เจ้าปัญหามากๆ เพราะต้องเปลี่ยนทีมเขียนมาถึง 3 รุ่น แล้วก็มาตกถึงมือผู้เขียน series ต่างดาวสุดยอดจะฮิตอย่าง X-File แต่ดูเหมือนว่าบทคงถูกยำมาก่อนไม่ใช่เล่น เดิมเริ่มต้น บทนี้เหมือนออกมาล้อเลียนซูเปอร์ฮีโร่อมตะนิรันดร์กาลอย่าง Superman ( แล้วก็ดูเหมือนจะให้ Mary ล้อเลียน Strom ) แต่เอาเข้าจริง มันกลับไม่ล้อเลียนให้สุดตัว มันแทรกอารมณ์ดราม่ามาสุดขั้วเข้าไปอีก แล้วในที่สุด เมื่อบทถูกแก้ไขอีก หนังก็แบบมีเรื่องซ่อนเงื่อนบางอย่างเพิ่มอีก แม้จะรู้ว่ามันถูกขัดเกลาจนกลมกลืนมากสุดๆแล้ว แต่มันก็โดดไปหน่อย การต่อเนื่องอารมณ์หนังไม่ประสบความสำเร็จด้วยบทที่โดดด้านอารฒณ์ ผู้ชมแทบพลิกอารฒณ์กันหัวคว่ำตายกันในโรงเพราะพลิกฉากที่มาแบบมุขบ้าๆกวนๆให้เข้าดราม่าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ถ้าจะดราม่าก็ดราม่า ถ้าจะตลกก็ตลก ให้เป็นส่วนๆไป ไม่ใช่ตัดไปตัดมา ดูอย่าง Click ที่Adam Sandler เล่นซิ เปิดเรื่องมาบ้าๆบอๆ และจบด้วยดราม่าซึ้งน้ำตา ค่อยๆให้อารมณ์คนดูลื่นไปกับหนังและไหลไปสู่ความเป็นดราม่าเอง ไม่ใช่มาแบบข้ามไปมาแบบนี้ แต่ข้องสังเกตุคือ บทให้ฝ่ายชายเป็นผิวดำ ฝ่ายหญิงเป็นผิวขาว ที่มีปูมหลังตั้งแต่ ไม่ใช่เล่นเพราะเรื่องของสีผิวดูเป็นปัญหา และนั่นเองที่เป็นที่มาของประเด็นหลายๆเรื่องที่ถูกซ่อนไว้ในบทอย่างคมคาย ถึงสาเหตุการถูกทำร้ายร่างกาย การมีชีวิตที่ไม่สามารถคู่กันได้ แต่ดูจะลึกไปหน่อยมั้ย หากคิดไม่ทัน ใครจะเก็ท ???? แต่เห็นกัดแหลกขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับอีกข้อหนึ่งว่า อย่างน้อยๆ บทก็พยายามหาจุดต่อของเรื่องราวจนเข้ากันได้อย่างแนบเนียน หากไม่อคติมาก ก็ถือว่าบทไม่ได้เลววินาศ แต่ไม่ได้ดั่งใจ แย่ไปหน่อยเท่านี้เอง การแสดง : Wil Smith ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า เขาคือ Superstar สุดยอดแห่งยุคไม่ว่าจะขึ้นจอด้วยบทอะไร เขาก็รับผิดชอบได้ดียิ่ง แน่นอน การแสดงของเขาไม่ใช่ปัญหา ในขณะที่บทของHancock ดูจะมีปัญหาในเรื่องของความปะติดปะต่อ แต่สมิธมาช่วยอุ้มได้เยอะด้วยการให้ Hancock คือ คนที่มีเลือดเนื้อสัมผัสได้ แค่มีพลังมหาศาล สีหน้า อารมณ์ ท่าทาง ยอดเยี่ยม ขนาด I am Legend ที่ไม่ได้วิเศษอะไรมาก แต่ได้ Smith มาให้การแสดงที่น่าตรึงใจ ก็ทำให้หนังพุ่งไปได้ไกลขนาดนั้น แต่กระนั้นดูเหมือน Smith จะไม่ได้โชว์เหนือเพียงผู้เดียวเพราะอย่างน้อยๆบทสามารถกระจายให้นักแสดงที่เหลือได้โชว์ไม่ใช่น้อย อย่าง Chalize Theron ที่ขึ้นจอแบบ Superhero หญิง ( อีกรอบ ) ทำได้น่าเชื่อถือและเข้ากันได้ดีกับสมิธ , Jason Bateman หลังจากมีหน้ามีตาในบทชายผู้ไม่อยากมีลูกใน Juno มาคราวนี้ เขาต้องประกบสมิธแบบฉากต่อฉาก และ Theron แบบเต็มๆ ถ้าสถือเรื่องดีกรีเขาคงเป็นรองอยู่ไม่ใช่เล่น แต่ถ้าเรื่องฝีมือบนจอตอนนี้ เขาเยี่ยมได้ใจ เรียกว่า ถ้าไม่ได้ทั้งสามคนนี้ หรือเปลี่ยนใครซักคนที่ด้อยกว่ามารับบท ผลลัพย์ทางการแสดงอาจไม่ดีเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน การกำกับ : วนเวียนมานาน แสดงทีวีก็เยอะ กำกับ Jamie Foxx และ Jennifer Garner จากหนังที่ไม่แย่แต่ไม่ดังอย่าง The Kingdom ( อย่างน้อยพระเจ้ากับคนดูนอกอเมริกายังเข้าข้างให้หนังไม่ขาดทุน ) งานนี้เขาต้องขอบคุณทีมนักแสดงและ Visual Effect ที่ดันหลังไม่ให้ล่ม อย่างน้อยเขาก็น่าจะเบาใจเรื่องการกำกับแสดงได้แล้วกัน เพราะอย่างที่เห็น หนังเรื่องนี้มีดีที่องค์ประกอบที่เพอร์เฟค แต่การกำกับยังไม่ " เทียบ " เท่า กดคะแนน : 7 เต็ม 10 อย่างน้อยๆทีมแสดงช่วยหนังเรื่องนี้ไว้เยอะมาก งานนี้ ทั้ง Akiva Goldman , Micheal Mann และ Will Smith ... 3 Producers ของหนังเรื่องนี้ต้องขายชื่อตัวเองให้มากๆหน่อยหากจะดันหนังให้ได้ซัก 200 ล้านในบ้านตัวเอง ชอบ ... การแสดงของทีมแสดงหลัก , งานหลังกล้องที่ลงทุมสมเงินสร้าง พล๊อตเกี่ยวกับพลังของตัวเอก ผิดหวัง ... การเก็บรายละเอียดในบางจุด บทภาพยนตร์แบบหัวมังกุด ท้ายมังกร การกำกับที่น่าจะถึงของมากกว่านี้ จากคุณ : Bud-to-budding - [ 10 ก.ค. 51 00:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ประเด็นเรื่องพลัง พอให้ได้คิดแบบ คห. 8 ของกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6772742/A6772742.html อย่างที่เห็น พลังทั้งคู่ไม่ใช่แม่เหล็กไฟฟ้า น้ำร้อนกับโอวัลติน จะได้ใกล้กันปุ๊บ มีผลให้พลังลดลงทันที ในแง่ของบท ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมาก็ อืม !!! ซัก 80 ปีมั๊ง คงไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บ พลังหล่นปั๊บ ไม่เช่นนั้น แมรี่ คงไม่ขว้างแฮนค๊อคกระเด็นออกนอกบ้านได้แน่ๆ แต่มันค่อยๆลดลงเมื่อใกล้กันมากขึ้น แปรผกผันกันระหว่างเวลาที่ใกล้ชิด กับ พลัง เหมือนอย่างที่หลายคนได้ยินในโรงภาพยนตร์นั่นแหละครับ ที่แมรี่บอกจอห์น แฮนค๊อค ไว้ว่า เมื่อก่อนมันไม่เร็วขนาดนี้ แสดงว่า เมื่อก่อน ทั้งคู่ยังคงความเป็นอมตะและพลังได้นานกว่านี้เมื่ออยู่ด้วยกัน น่าเศร้ากับชีวิตทั้งคู่ครับ ผู้ที่มีพลังแบบทั้งคู่เมื่อก่อนมีมาก แต่ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน ( ตามที่แมรี่บอกแฮนค๊อค ) นั่นอาจเพราะ ทุกคู่ยกเว้นจอห์นและแมรี่ ต่างยอมอยู่ใกล้กัน อยู่ด้วยกันและพร้อมจะสละความเป็นอมตะทั้งคู่ จนตายไปคู่กัน กรณีของจอห์นกับแมรี่ ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่อยากอยู่ด้วยกันหรือหวงพลังอมตะของตน แต่ เมื่อจอห์นโดนทำร้ายร่างกาย กระโหลกศีรษะแตก แมรี่รู้อยู่แก่ใจว่า จอห์นไม่รอดแน่ ทางเดียวที่จะรอด คือต้องหนี ต้องห่างจากจอห์นมากที่สุด แม้ต้องปวดใจที่อาจไม่ได้อยู่ด้วยกันชั่วกัปชั่วกัลตราบเท่าที่หายใจ ( เพราะว่าเป็นอมตะ ตายไม่เป็น ) แต่ถ้าจะต้องให้เห็นจอห์นตายตรงหน้าเธอคงทำใจไม่ได้ เธอเลือกทางที่ปวดใจน้อยกว่า แต่ทรมานใจนานยิ่งกว่าแทน เธอหนีไปจากชีวิตจอห์นตลอดกาล จอห์นเมื่อฟื้น เขากลับเสียความทรงจำ สิ่งเดียวที่บอกได้ว่า อดีตเขาคืออะไร คือสิ่งของติดกระเป๋าเขาแค่สองสามอย่าง ................................................................................................ ผ่านมายุคนี้ .... ในเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล เมื่อแมรี่โดนลูกหลงจากปืนของคนที่มาฆ่าแฮนค๊อค แมรี่ถึงกับโคม่าและกำลังจะตาย จอห์นรู้ดีว่า แม้เขาจะได้อดีตกลับคืน ได้ผู้หญิงที่เขาลืมเลือนไปกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง แต่เธอกำลังจะตาย แน่นอน จอห์นมองไปยังเธอและ Ray สามีใหม่เธอ จอห์นจึงตัดสินใจหนีห่างแมรี่ทันที เพื่อให้แม่รี่รอดตาย ................................................................................................. บทสรุปของทั้งหมด แม้จอห์นจะไม่ได้อดีตของเขาคืนทั้งหมด แต่เขาก็ได้รู้ว่า อย่างน้อยๆ อดีตและตัวตนของเขาคือใคร เขาควรอยู่ตรงไหนของสังคมโลกนี้ และรู้ว่าอย่างน้อยเขาก็มีค่าในสายตาคนอื่น อย่างน้อย 3 คน ( แมรี่ เรย์ และแอรอน ลูกติดของเรย์ ) แม้หนังจะไม่ได้บอกว่าแมรีเสียความทรงจำเหมือนจอห์นหรือไม่ แต่จอห์นก็มั่นใจได้ก่อนจากแมรี่ว่า เมื่อแมรี่ฟื้นขึ้นมา เธอจะไม่ถูกทิ้งอยู่คนเดียวอยู่ในโรงพยาบาล เหมือนตน แต่จะมีคนที่รักเธออยู่ 2 คนอยู่ข้างๆแม่รี่ เมื่อเธอฟื้นขึ้น ถ้าจอห์นอยู่ แมรี่ก็มิอาจฟื้น เป็นการตอบแทนของจอห์นต่อครอบครัวนี้ ตอบแทนแมรี่ ที่เคยคืนชีวิตให้เขาและทนเจ็บปวดในใจมา 80 ปี และตอบแทนเรย์ด้วยการคืนภรรยาให้ รวมถึงการตอบแทนแอรอนด้วยการให้เขาได้แม่กลับมาอีก จอห์นตอบแทนครอบครัวนี้ที่มีบุญคุณกับเขา อย่างน้อยๆ เมื่อทุกคนในสังคมหันหน้าหนีเขา ยังมีอยู่สามคนที่หันมองเขา ( แม้แมรี่จะเห็นจอห์นครั้งแรกอย่างไม่พอใจ แต่นั่นอาจมีเหตุผลแฝงเกี่ยวกับความเป็นอมตะของจอห์นก็เป็นได้ ) และครอบครัวนี้เอง ที่คืน " อดีต " ที่หายไปให้จอห์น ................................................................................................. ผมออกจะชื่นชมแง่มุมการเขียนพล๊อตนะครับ อย่างประเด็นที่ให้จอห์นและแมรี่รักกัน แต่คิดดูนะครับว่า ทั้งคู่ต่างสีผิว และเมื่อแปดสิบปีก่อน เรื่องสีผิวเป็นเรื่องใหญ่มาก ทั้งคู่ไม่ใช่ว่าจะผ่านเรื่องนี้ได้ง่ายนักในยุคนั้น นั่นอาจจะเป็นแรงกระตุ้นให้แมรี่ต้องจากจอห์นไปอย่างปวดใจก็เป็นได้ ................................................................................................. แต่นั่นเป็นเรื่องของพล๊อตครับ  แต่บทภาพยนตร์นี่ยังไม่ไหว  โดดไปโดดมาทางอารมณ์มากไป และประสานการเป็นแอคชั่นและดราม่าได้ไม่ลงตัวเท่าที่ควร ขอบคุณครับ จากคุณ : Bud-to-budding - [ 10 ก.ค. 51 00:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ครึ่งแรกสนุกมากครับ ดูแล้วลุ้นว่าตอนหลังจะต้องเจอกับมหันตภัยร้ายแรงแน่ๆ แล้วพระเอกเราก็คงต้องสะบักสะบอม (คาดฝันไปนู่น) แต่พอนางเอกเป็นเทพ ทุกอย่างก็พังทลายเลย ไม่อินด้วยคนอะครับ แต่ถ้าจะดูเอาเทคนิคละก็ เรื่องนี้เจ๋งครับ จากคุณ : ยำทุเรียน - [ 10 ก.ค. 51 02:06:02 A:58.9.30.128 X: TicketID:144399 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามารับฟังความเห็นต่างมุมครับ (^__^) และก็เดาเหตุผลที่คุณไม่ชอบออกซะด้วยสิ เห็นด้วยในเรื่องการเบี่ยงประเด็นของหนังช่วงครึ่งหลังนะครับ ว่าหลังจากทำเซอร์ไพรซ์คนดูไปเสียแล้ว เรื่องกลับจืดลงอย่างน่าใจหาย อีกทั้งการพัฒนาทางด้านจิตใจของตัวละครก็ยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร ปล. จริงๆ แล้ว หนังมีอะไรมากกว่านี้นะครับ แต่ว่าทางค่ายมีระบบจัดการเงินไม่ดีพอครับ ฉาก CG หลายฉากโดนหั่นทิ้งอย่างน่าเสียดาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฉากที่มีนกอินทรีย์บินอยู่กับแฮนค็อกครับ เลยทำให้คนดูไม่เห็นประเด็นเรื่องนกอินทรีย์ไปซะฉิบ (- - ") จากคุณ : Noah_1_of_4lnw - [ 10 ก.ค. 51 07:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก็สนุกเพลินๆดีครับ ไม่ได้ถึงขนาดน่าเบื่อ ดูไม่ได้ จากคุณ : blueboyhub - [ 10 ก.ค. 51 08:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ดูพี่วิลเล่นก็โอแล้วครับ สำหรับผม หนังสนุกแม้จะมั่วบ้างตามสไตล์ซุปเปอร์ฮีโร่ ผมว่า Dark Knigth น่าจะถูกใจจขกท.แน่ๆ เพราะนั้นนะทั้งหนักแน่นและลุ่มลึกเลยละโดยเฉพาะเพลงประกอบของหนังสุดๆ จากคุณ : captain_G - [ 10 ก.ค. 51 08:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบครึ่งหลังค่ะ มันโดนๆ ยังไงไม่รู้ จากคุณ : "ยัยโอ๋" - [ 10 ก.ค. 51 09:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยกับ จขกท หนังพยายามยัดเยี้ยดความไม่สมเหตุสมผล ในครึ่งหลังมากเกินไป จากคุณ : Story of Winter - [ 10 ก.ค. 51 10:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชีวิตบัดซบของฮีโร่ จากคุณ : CrisTooNo - [ 10 ก.ค. 51 11:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หนังพยายามแสดงให้เห็นความรู้สึกของฮีโร่นะครับผมว่า ฮีโร่ทุกคนไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นทื่ยอมรับของทุกคนเสมอไป ฮีโร่ก็มีจิตใจ รักได้ โกรธได้เป็นธรรมดา แล้วจำเป็นมั้ยที่หนังต้องแอคชั่นก็ต้องแอคชั่นอย่างเดียว จากคุณ : cha-i-ro (cha-i-ro) - [ 10 ก.ค. 51 11:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ให้ (8) B+ ครับ ขาดแค่ ผู้ร้ายเจ๋งๆ แค่นั้นเอง ไม่งั้นเต็ม 10 จากคุณ : vn, man - [ 10 ก.ค. 51 11:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ทำไมผมชอบครึ่งหลัง ฮาดี และหักมุม ที่มาที่ไปก็รองรับกันดี  อะไรคือสมเหตุสมผล ให้เมื่อมันคือหนัง superhero ผมกลับมองว่า ภายใน 1 ชม. ครึ่ง หนังตอบโจทย์ได้หมด ทั้งที่มาและที่ไป ของตัวละคร และเผลอๆ ไม่ต้องการจะทำภาคต่อแน่ๆ เพราะไม่มีอะไรจะให้เล่นได้อีก กลับคิดแต่แรกแล้วว่าหลังจากที่พระเอกเป็นคนดีขึ้น ช่วงครึ่งแรกของหนัง แล้วหนังมันจะมีอะไรให้ดูอีก ดีนะ ที่ไม่มีผู้ร้ายแบบ hero เรื่องอื่น ซ้ำซากเกินไป พอดีกะเข้าไปดูหนังแบบตลกๆ หน่อย ไม่เอา แอคชั่นsuperheroจ๋า    ก็เลย พอใจระดับนึง เสียดายหน่อย น่าจะตลกพอๆ กับ ไอ้แมงปอ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 12:30:33 จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า - [ 10 ก.ค. 51 12:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ประเด็นสำคัญของเรื่องให้คิด 1. ช่วงที่พระเอกเจอผู้ร้ายปล้นคนอินเดียอยู่ ทำให้คิดไปถึงตัวเองก็เคยเป็น ตอนจะแย้งนางเอก และต้องการให้นางเอก พูดออกมา ที่มีบทพูดออกมาว่า "อะไรๆ ก็จะเอาให้ได้สินะ" 2. คือ ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน มีให้เลือกสองทาง อยุ่ด้วยกัน แต่เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่อาจจะมีใครคนนึงคนใดตายไปก่อน คนที่เหลืออยู่ เศร้าแน่นอน กับ อยุ่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ถึงรักแค่ไหน อยากอยู่ด้วยกันแค่ไหน ก็ไม่อยากให้คนรักคนนึงตาย แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 12:19:39 จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า - [ 10 ก.ค. 51 12:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ค่อนข้างพอเข้าใจครับ ว่าคาดหวังมาก ก็ต้องผิดหวังไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อผมเห็นหนังเรื่องนี้ในการแลกเปลี่ยนทัศนะคติ ค่อนมีแค่ชอบหรือไม่ก็เกลียดไปเลย (คล้ายๆกับตอนที่ War of The World และ King Kong ออกฉาย) แต่ถึงแม้มันจะมีข้อด้อยหรือสิ่งที่คนไม่ชอบในหนังนัก (เช่นการโดดๆของบท) ผมว่าหนังกล้าที่จะทำออกมาแบบนี้ ในฟอร์มที่โมโหฬารมากๆ ซึ่งไม่เน้นที่จะดัดแปลงอะไร กล้าทำออกแบบตรงสุดๆไปเลย ปีก่อนผมคาดหวังว่าคงมีคนชอบ I Am Legend ค่อนข้างน้อย ปรากฏว่าหนังได้รับกระแสได้ดีกว่าที่คาด พอดูกับ Hancock กลับสวนทางกว่าเรื่องที่แล้วเยอะมากๆ เพราะน่าจะถูกใจและเข้าใจง่ายกว่า แต่แล้วกระแสหนังมีอยู่ 2 แง่แบบนี้ ผมเองก็โอเคล่ะครับ ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่างน้อยผลตอบรับของหนังก็ไม่ได้แย่เท่ากับหนังซัมเมอร์ช่วงต้นเรื่อง Speed Racer ซึ่งหนังเจ๊งไม่เป็นท่าเพราะคำพูดของนักวิจารณ์และการสบประมาทรคนดูอย่างถ้วมถ้น ทำให้หนังมีคุณค่าเรื่องนี้ต้องได้รับในสิ่งที่ควรจะได้รับ Hancock เกือบจะเป็นแบบนั้น แต่โชคดี ถ้าไม่มีแบรนด์ Will Smith ในงานนี้คงเจ๊งอีกเรื่อง ยิ่งช่วง 4 ก.ค. มันคือช่วงฤดูหนังของเขาอย่างแท้จริง สำหรับ Hancock ผมว่าไม่ได้แย่และเลวร้ายขนาดห่วยแตกที่สุดในโลกอย่างน้อง Once .... ว่า แต่ผมคิดว่ามันมีดีกว่าหนังฮีโร่สร้างเองตั้งหลายเรื่องและดีกว่าหนังฮีโร่ที่ไปดัดแปลงด้วยนะ ที่แน่ๆ Hancock ดีกว่า Ghost Raider, Ang Lee's The Hulk, My Super-EX Girldfriend และก็ The Leagues กว่าหลายเท่า ที่จริงมันเป็นหนังฮีโร่ที่สร้างเองมีคุณพอๆกับ Disney's Sky High และ The Incredible นะ คือประเด็นหนังอาจจะคล้ายๆกับ Superman Returns นิดๆ แต่ใน Hancock มันเป็นความรู้สึกของฮีโร่คนนึงที่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาจริงๆ มันเหมือนการจำลองภาพคนในยุคนี้ ที่ต่างก็โต้แย้งและก็เห็นแก่ตัว อย่างที่บทพูดพระเอกตอนนึง "จะเอาให้ได้สินะ ?" มันคือเป็นความขัดแย้งที่เราพอเข้าใจว่าอะไรทำให้ Hancock เลือกทางเดินแบบนั้นตอนต้น เพราะเขาเองก็รู้ไม่แพ้กับมนุษย์ทั่วไป น่าเศร้าที่ว่าองค์ประกอบของหนังทั้งหมดผมว่าดีแล้วนะ จนกระทั่งบทสรุปของเรื่องที่มันไม่ยอมจะปิดให้สนิท กลับรู้สึกว่ามันน่าจะจบดีกว่านี้ ? นั่นแหละคือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าหนังยังแย่ๆหน่อย เพราะช่วงท้ายๆเริ่มมีประเด็นเข้ามาซึ่งเข้มข้นต่อเนื้อเรื่อง แต่ในส่วนกลับไม่อธิบายเกี่ยวกับรู้สึกของ "เขา" และ "เธอ" เลย ทั้งๆที่มันน่าจะลึกซึ้งกว่านี้ !? น้อง Once .... เข้าใจนะ เวลาคนเราตั้งความหวังกับหนังเรื่องอะไร เวลาเราคิดว่าเรื่องนั้นต้องเป็นอย่างนี้ พอเอาเข้าใจมันกลับมาสมใจที่เราหวัง และไม่ใช่อย่างที่อุดมการณ์ประสบมา พี่ยังจำได้นะ สมัยที่พี่ดู Fight Club ในโรงอ่ะ (หนังเรท R เรื่องที่ 2 ในชีวิตที่พี่ดูต่อจาก The Matrix) พี่ยังบอกว่ามันห่วยเลย แต่เมื่อพี่ลองมาทำความเข้าใจใหม่อีกครั้ง พี่กลับพบว่ามันหนังที่มีคุณค่าเรื่องนึงที่มนุษย์อย่างเราได้สร้างมา พี่คิดว่า Hancock มันไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น แต่พี่คิดว่าอย่างน้อยมันมีค่ากับคนดูที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ มันไม่ใช่หนังขายไอเดียแล้วตลบหลังคนดูอีกทีจนรู้สึกสมเพศ แบบที่หนังพี่มาโนชเรื่อง The Happening ทำมาก่อน แต่พี่คิดว่ามันคือหนังฮีโร่ ที่ตัวเอกเหมือนเป็นมุนษย์ธรรมดา! บางครั้งคนเราก็เกลียดอะไรก็เกลียดได้ แต่คำถามก็คือ แล้วพวกอย่าง The Happening, Epic Movie, Meet The Spartan, Pearl Harbor, Alexander หรือแม้กระทั่ง House of The Dead พวกนั้นไม่ห่วยกว่าเรื่องนี้เหรอครับ เพราะหนังที่พี่ว่าทนจนจบยังไม่ไหวเลย! เอาเหอะ นานๆจะได้เห็นน้อง Once .... เป็นแบบนี้ ก็หวังว่าน้องจะเข้าใจเอง สำหรับคนอื่นที่เขาชอบเรื่องนี้ ที่จริงในความรู้สึกพี่ Hancock มีประเด็นที่ดีไม่แพ้กับ Wanted เลยนะ! จากคุณ : billy bob - [ 10 ก.ค. 51 13:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 34 The Happening ทำออกมาไม่รับผผิดชอบคนดูมากกว่าอีก lol จากคุณ : Ackaru - [ 10 ก.ค. 51 19:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่ามันก็สนุกดีนะครับ อาจจะมีต่อภาค2 ด้วยมั้ง เพราะตอนที่นางเอกพูดกับ Hancock อยู่ที่ ร.พ. เรื่องโดนตามล่ามันยังไม่เคลียร์นี่นา นานาจิตตังนะครับ จากคุณ : Guduss Beat - [ 10 ก.ค. 51 20:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 OncE UPoN'-'a MaN คุณมีความคิดเหมือนผมทุกอย่างเลยครับอธิบายออกมาเหมือนที่ผมคิดไว้เลยครับ โอ้ อะไรมันจะตรงกันขนาดนี้ แบบว่าผมคิดเหมือนคุณจริงๆเลยนะ มันยังไม่สุดครับเรื่องนี้ แล้วมันก้ไม่สุดสักทางเลย ทั้งเรื่อง จะบอกว่าเสียดายเงินไหมไม่เสียดายครับเพราะผมดูโรงควบ 60 บาท ดูเอาเพลินแต่เป็นความเพลินที่ค้างๆคา จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม - [ 10 ก.ค. 51 20:18:17 A:125.25.72.17 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นด้วยกับจขกท.ทุกประการ ตั้งแต่โหวตกระทู้ของคุณ OncE UPoN'-'a MaN มา เรื่องนี้ให้ C เรื่องแรกเลยค่ะ  อิอิ จากคุณ : Zhen_x2 - [ 10 ก.ค. 51 23:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องนี้ผมดูเก้าอี้ Emperor ครับ ออกมาเซ็งเลยทีเดียว ไม่คุ้มค่าอย่างแรง นึกแล้วยังเซ็งได้อีก จากคุณ : Happy Member - [ 11 ก.ค. 51 02:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้งคะ ดูได้เรื่อยๆ ดูเอาขำ เอามัน ที่สำคัญชอบ วิล สมิธ จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะไปดูอ่ะ เลยไม่ได้คาดหวังอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไรบ้าง ไม่เคยดูตัวอย่างหนัง รู้แค่ว่ามันเป็นฮีโร่ วิล สมิธ เล่น ไม่เคยคาดหวังจากหนังฮีโร่อยู่แล้วด้วย เลยสนุกมั้งคะ จากคุณ : Jubnosuke - [ 11 ก.ค. 51 04:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ลองอันนี้ดู ผมเขียนเอง ฮับ Hancock; เธอก็แรง เขาก็แรง เราจึงต้องแยกกัน                     “เค้ารักมี่เสมอนะคะ” เขา...แฮนค็อค เหมือนคนที่ควบคุมความเป็นสัตว์บาดเจ็บในตัวไม่ได้ จึงแสดงออกอย่างแผลงๆ หยาบๆ สร้างความเสียหายให้คนอื่นมากมาย ทั้งที่พยายามทำดี ทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ทำไมเขาคุมไม่ได้ เพราะเขารู้สึกเหงา ถูกทอดทิ้งมากว่า 80 ปีน่ะสิ ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล จำอะไรไม่ได้ แม้แต่ชื่อตัวเอง (ชื่อ แฮนค๊อคมาจาก John Hancock เป็นชื่อ บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งใน อเมริกา) ไม่มีแม้คนมาคอยตามหา สัตว์บาดเจ็บตัวนี้จึงได้แต่แบกความเหงา โดดเดี่ยวในวิญญาณ ต่อไปคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน เป็นเหมือนสัตว์บาดเจ็บ พร้อมระเบิด พลัง แรงปะทุ ระบายความอัดอั้นภายในออกมา จนกระทั่งวันหนึ่ง แฮนค็อค ได้พบกับ เรย์ นักประชาสัมพันธ์ใจสะอาด  เรย์เห็น จิตใจที่งดงาม ในตัวแฮนค็อค เชื่อมั่นในความดีของเขา เรย์จึงได้พยายามให้แฮนค็อค ควบคุมสัตว์บาดเจ็บข้างใน เธอ...แมรี่ เมียและแม่เลี้ยงของลูกเรย์  ก็  “แรง” เหมือนกัน แต่เธอไม่ได้ความจำเสื่อม เธอจำเขาได้ เธอรักเขา เธอแรงเหมือนเขา ต่างคนต่างแรง จึงก่อเกิดแรงดึงดูดเข้าหากัน ธรรมชาติกำหนด สองสิ่งต่างแรง เมื่ออยู่ด้วยกัน เพื่อความกลมกลืน ความแรงจะลดลง (ฉากที่ทั้งสองสู้กันตอนแรก เมืองทั้งเมืองแทบพินาศ แต่ต่อมา แฮนค็อคก็เริ่มอ่อนแอลง จนถูกกระสุนยิงทะลุเข้า) เหมือน สิงโตตัวผู้สงบเสงี่ยมยามอยู่ใกล้ตัวเมีย   นั่นเอง ทำให้เขาและเธอตกอยู่ในอันตราย ครั้งก่อน 80 ปีที่แล้ว เขาเจ็บหนักเพราะปกป้องเธอ เขาสูญเสียความจำ เพื่อให้เขารอดปลอดภัย เธอจึงต้องจากมา (หนังไม่ได้บอกนะครับว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน ได้แต่บอกเป็นนัยๆ ตอนเธอแอบไปพบ แฮนค็อคในคุก ว่าเธอผ่านอะไรมามากกว่าจะมาพบเรย์  เธอไม่อยากเสียเรย์ไป) แต่ครั้งนี้ เหตุการณ์ ย้อนกลับ..... แบบกลับขั้ว เธอถูกทำร้ายเพราะปกป้องเขา เขาจึงต้องจากมา เพื่อให้เธอรอด   แม้มีเรย์ แต่เธอไม่ลืมเขา เผลอจูบเขาไป ใช่ เธอรักเขาเสมอ เขาเองก็รักเธอ ... สุดท้ายเธอไปกับเรย์    ส่วนเขา ใช้ความ”แรง” ควบคุม สัตว์บาดเจ็บในใจ ทำหน้าที่พิเศษบางอย่างเพื่อโลกใบนี้ อย่างโดดเดี่ยว เฝ้าดู เธอเริ่มชีวิตใหม่กับเรย์ .... พร้อมกับความ ”แรง” เราทุกคนมีความเป็นสัตว์บาดเจ็บในตัว อยู่ที่ว่าจะควบคุมจัดการได้ดีแค่ไหน ยิ่งคุมได้ดี ชีวิตก็จะสงบสุขมีความสุขขึ้น เหมือน แฮนค็อคที่ รู้จักควบคุม พลัง และอารมณ์ สร้างประโยชน์ให้โลกมนุษย์ เช่นกัน คนเราต้องควบคุมอัตตา และ อารมณ์ ข้างใน ดูแล ใช้ชีวิตเรา ดูแลหน้าที่การงาน เพื่อนฝูงครอบครัว และประเทศชาติให้ดี โดยเฉพาะ กับคนรัก กับคู่รัก เมื่อสอง “แรง” มาอยู่ด้วยกัน ย่อมควรลดความแรงลง มิเช่นนั้น จะทำให้แหลกไปทั้งคู่ ผมเองกับอดีตภรรยา ต่างคนก็ต่างแรง แต่ผมแรงกว่าเธอ เธอจึงเป็นฝ่ายเจ็บเสมอ จนเธอเปลี่ยนไป กลายเป็นคนอื่น ไม่น่ารักเหมือนเดิม และหมดรักผมในที่สุด ... ผมงุนงง ต่อมาได้ทบทวนจึงเข้าใจ       เสียใจที่ทำให้เธอสูญเสียความขี้เล่น น่ารัก สดใส ร่าเริง ความเป็นตัวเองของเธอ   ผมได้แต่ จำใจยอมรับ ยอมเฝ้าดูเธอ เริ่มเส้นทางรักใหม่ของเธอ ขอมอบให้คู่รักทุกคู่ ให้รักกันยืนนาน                              "มี่ เค้าขอโทษนะ เค้ารักมี่เสมอ" http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6787141/A6787141.html จากคุณ : ต้นเฉยๆ - [ 11 ก.ค. 51 11:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ghost rider เน่ากว่า... จากคุณ : Porepor - [ 13 ก.ค. 51 00:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เพิ่งดูมาเมื่อวาน ก่อนดูเห็นกระแสใน pantip ว่าค่อนข้างเฉยๆ เลยไม่ได้คาดหวังไว้เท่าไหร่ พอดูจบก็เห็นว่าหนังมันไม่สุดไปสักทาง แต่ก็พอกล้อมแกล้มดูไปได้เรื่อยๆ ครับ จากคุณ : พี่คนนั้นของน้องคนนี้ (พี่คนนั้นของน้องคนนี้) - [ 13 ก.ค. 51 11:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 -บางครั้งการดูหนังเราก็ควรที่จะตามมันบางนะ -การทำตัวให้โง่แล้วก็รับรู้สิ่งที่มันเกิดขึ้น อาจจะดีกว่าคิดอยู่ตลอดว่ามันจะเป็นอย่างไรนะ -อาจจะเป็นต้นกำเนิดของหนังแนวใหม่ก็ได้นะครับแนว Abstact ไง 55 เปิดใจกันหน่อยนะ -การที่เราไม่เข้าใจหนังนั้นอาจเป็นเพราะว่าเรายังรู้ไม่มากพอมั้งครับ -คิดในทางที่ดีนะไม่ได้กล่าวโจมตี... -เข้าใจผิดก็ขอโทษครับ....ยอมรับ .. จากคุณ : ผมรับเองครับ.. (oeazee) - [ 14 ก.ค. 51 19:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่งดูวันนี้อ่ะ แต่ก็สนุกดี  ปรับอารมณ์ไม่ทันตอนนางเอก ก็เป็นเหมือนกันนี่แหล่ะ จากคุณ : FED - [ วันเข้าพรรษา 23:19:41 ]