ความคิดเห็นที่ 1 Screenplay & Writer จากคุณ : jazpada - [ 14 ก.ค. 51 22:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บทภาพยนตร์ครับต้องพัฒนาอันดับแรกถ้าพัฒนาบทอย่างอื่นๆก็พัฒนาตามๆกันไปครับ ผมเชื่ออย่างนี้น่ะนะ จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม - [ 14 ก.ค. 51 22:55:09 A:125.25.15.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 บท. คนสนับสนุน. จากคุณ : Baritoreca - [ 14 ก.ค. 51 23:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่คุณวิเคราะห์มาทั้งหมด ตรงประเด็นจุดอ่อนของหนังไทยเป๊ะๆเลยครับ จากคุณ : blacksabbath - [ 14 ก.ค. 51 23:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าคนทำหนังไทยส่วนใหญ่ยังไม่เป็นมืออาชีพจริงๆไม่ได้ผ่าการศึกษาเกี่ยวกับการทำหนังยาวจริงๆ มีแต่คนหัดทำหนัง ที่เห็นก็มาจากคนทำโฆษณาทำมิวสิควีดิโอหรือใครก็ไม่รู้บางทีก็เป็นตลก หนังที่ออกมาเลยไปเรื่อยๆเฉี่อยๆเหมือนเอาฉากแต่ละฉากมาต่อๆกันไม่ต่อเนื่องไม่มีจังหวะที่ดีดูแล้วสะดุดตลอดเรื่อง จากคุณ : Qr - [ 14 ก.ค. 51 23:20:44 A:58.64.96.56 X: TicketID:111025 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ..............................        ส่วนตัวแล้ว "เจไดหนุ่ม" คิดว่าปัญหาเรื่องอื่นยังไม่เท่าไหร่แต่ "บทภาพยนตร์" นี่นับเป็นเป็นปัญหาหลักของหนังบ้านเรามาหลายปีดีดักแล้ว  ซึ่งส่วนมากสิ่งที่เรามักพบคือถ้าบทเขียนไม่ดีหรือไม่สามารถอธิบายให้คนดูเข้าใจได้  ก็มักจะเป็นการลอกเลียนเรื่องราวอารมณ์ของหนังต่างประเทศมาใช้แต่ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นอย่างเขา  ลงท้ายแล้วก็เลยกลายเป็นขาดๆเกินๆจนออกมาเละตุ้มเป๊ะเป็นโจ๊กบางกอกในที่สุด -_-"        แม้จะมีหนังหลายเรื่องที่มีบทดีแต่ด้วยจำนวนที่น้อยบวกกับรายได้ซึ่งหนังจำพวกนี้มักมีคนดูในโรงน้อย  จึงทำให้นายทุนมักไม่ค่อยให้โอกาสคนทำหนังซึ่งมีแนวคิดใหม่ๆ  สุดท้ายแล้วหนังไทยในปัจจุบันจึงมักวนอยู่กับเรื่องของความทะลึ่งตึงตัง ตลก คำหยาบ กระเทย ผี ไม่หนีไปจากนี้เท่าไหร่  ส่วนที่พอจะแหวกแนวออกมาบ้างก็มีน้อยเรื่องแถมถ้านับจำนวนเรื่องของหนังดีๆต่อหนึ่งปีแล้ว  ยังถือว่าวงการหนังบ้านเรานั้นต้องได้รับการพัฒนาแลสนับสนุนจากคนที่เข้าใจในตัวภาพยนตร์จริงๆอีกมากครับ ป.ล. หนังไทยดีๆที่ผมได้มีโอกาสดูไปเร็วๆนี้คือ "สะบายดีหลวงพระบาง" แล "ส้มตำ"ครับ (ไม่ได้โม้ครับ "ส้มตำ" หน้าหนังอาจจะดูเห่ยแต่ความจริงบทดีใช้ได้เลย) ส่วนหนังเกี่ยวกับนักเรียนหรือเพื่อนรักเพื่อนอะไรเทือกนี้มันไม่ค่อยตรงกับความชอบผมเท่าไหร่เลยไม่ดูครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 14 ก.ค. 51 23:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เลียนแบบ แล้วทำได้ไม่ดีอีก เข็ดอะ หนังไทย กว่าจะมีดีๆ ออกมาให้ดูก็นานๆ ครั้ง แล้วพวกตลกนี้ ผมไม่ดูเลยหละ ขายแต่ดาราตลก เดิมๆ ซ้ำไป ซ้ำมา จากคุณ : fromme - [ 14 ก.ค. 51 23:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บทแย่ครับ หากจะพัฒนาบท ก็ต้องมีคนเขียนเยอะๆ แนวทดลองอะไรใหม่ๆ เนื้อเรื่องใหม่ๆ จะมีนักเขียนได้ ก็ต้องเริ่มจากการอ่านเยอะๆ แล้วประเทศไทยเป็นไงครับ ขาดทั้งบุคลากร เป็นประเทศที่ประชากรยังขาดการศึกษาและความเข้าใจ ในการอ่านหนังสือ เริ่มด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องให้คนได้อ่านหนังสือกันเยอะๆ จากคุณ : staycat - [ 15 ก.ค. 51 00:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อด้อยหนังไทย 1.บทภาพยนตร์ 2.มุมมองที่นำเสนอออกมา   มันไม่ค่อยมีความลึกซึ้ง แยบยลสักเท่าไหร่ 3.การแสดง   นอกจากนักแสดงชั้นแนวหน้าแล้ว   นักแสดงรุ่นใหม่หลายๆคนน่าปรับปรุง   มีบางคนบอกว่านักแสดงไทยเล่นไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ  ไม่สมจริง  ไม่ลึก 4.อารมณ์ของหนัง  หลายครั้งมันไม่ค่อยเนียนเหมือนหนังต่างประเทศ 5.ข้อจำกัดทางด้านเนื้อหา   ด้วยว่ามีหนังบางประเภททำออกมาแล้วอาจจะไม่เป็นที่นิยม  เราเลยไม่เห็นหนังไทยที่มีเนื้อหาบางประเภท เช่น  มีผู้สูงอายุหรือเด็กเป็นตัวนำเรื่อง    หนังที่เน้นนำเสนอความสัมพันธ์แบบพี่น้อง  ผู้สูงอายุกับเด็ก   กลุ่มเพื่อนหญิง   กลุ่มเพื่อนชาย หนังไทยมักจะนำเสนอความสัมพันธ์แบบคู่รักหนุ่มสาวเป็นหลัก   หรือไม่ก็เป็นหนังสยองขวัญ ตลก  บู๊ กะเทย   มันไม่ค่อยมีหนังชีวิตแบบซึ้งๆ เน้นการแสดงสักเท่าไหร่ เร็วๆนี้ได้ดูหนังอเมริกันอย่าง  You Can Count On Me  หนังนำเสนอความรักของพี่น้องได้น่าประทับใจมาก (ตัวเอกเป็นพี่ กับน้อง)   หรือหนังเชค  Kolya   หนังการเมือง ที่นำเสนอความผูกพันของชายสูงวัยกับเด็ก  5 ขวบ อยากเห็นหนังไทยแบบนั้นบ้างอ่ะ ชอบหนังไทยสมัยก่อนมากกว่า  พวก แผลเก่า  ช่างมันฉันไม่แคร์  น้ำพุ  หนังท่านมุ้ยเก่าๆ สมัยนี้เทียบไม่ติดอ่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 00:17:17 จากคุณ : ThisLonelyMe - [ 15 ก.ค. 51 00:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "  ไม่มีหนังดี ที่สร้างมาจากบทที่เลว  "  ครับ !!!                                                                                                                      > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini - [ 15 ก.ค. 51 00:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ี่บางเรื่องก็บทชวนเอียนซะขนาดต้องหนีบกระโถนไปดูกันเลย ยกตัวอย่างหนังที่โฆษณาอยู่ตรงที่กำลังพิมพ์ความเห็นอยู่เนี้ยะอ่ะครับ จากคุณ : PedDg - [ 15 ก.ค. 51 00:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับที่ผ่านๆมาครับ แต่ลึกๆแอบลุ้นหนังของคุณนนทรีย์อยู่ครับ รู้สึกว่าบทภาพยนตร์เขาได้รางวัลระดับสากลมาด้วยนะ จากคุณ : NuTHinGz - [ 15 ก.ค. 51 03:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบข้อความใน คห 10 จัง..... จากคุณ : pikaball - [ 15 ก.ค. 51 05:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรียงตามความรู้สึก 1.บท - สำคัญมากค่ะ บทที่สมเหตุสมผล,บทที่ทำให้รู้สึกว่าน่าติดตามและประทับใจ ที่ไม่ใช่สักแต่จะหักมุมทำให้อึ้ง หรือตัดจบแบบปาหมอนไปดื้อๆ 2.มุมกล้อง - โดยส่วนตัว หนังไทยหลายๆเรื่องถ่ายมุมกล้องแบบถ่ายละครหน่ะค่ะ ไม่มีมิติหรือจุดดึงดูดอะไรเลย ทำให้หนังดูไม่น่าสนใจไปถนัดตา 3.อารมณ์ร่วม - เราดูหนังไทย...หลายๆครั้งมันก็ไม่อินหน่ะค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน ....ตอนเด็กๆไม่มีความทรงจำของหนังไทยเลยค่ะนอกจากเรื่อง "เสียดาย 2" (ซึ่งชอบมาก) มันเป็นนโยบายประจำบ้านน่ะค่ะที่จะไม่ดูหนังไทยในตอนนั้น (ขอโทษแฟนหนังไทยทุกท่านน่ะค่ะ) ...แต่สมัยนี้หนังไทยเริ่มมีบทที่ดึงดูด น่าสนใจ และการถ่ายทำละเอียดพิถีพิถันขึ้นจนดิฉันและครอบครัวเริ่มหันมาสนใจดูหนังไทย ในโรงอีกครั้ง ....ก็....ทำดีแล้วก็พัฒนาให้ดีต่อๆไปน่ะค่ะ....เอาใจช่วย จากคุณ : LittleBuff-studio - [ 15 ก.ค. 51 05:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เท่าที่เคยดูมา บทภาพยนต์ เป็นหลักครับ  มุมกล้องเราสู้ได้ แต่การจัดแสงเงา การจัดฉากต่างๆ มีเพียงบางเจ้าเท่านั้น ที่ทำได้ดี แต่ส่วนมากยังไม่ดี การตัดต่อ การสนับสนุน อย่า มหาลัยเหมืองแร่ ผมว่าเป็นหนังดี แต่การ สื่อออกมา โมโนโทนมากๆ ดุๆไป เมาไป อ้าว จบแระ เหมือนคนแก่มาเล่าเรื่อง จุดที่ควรจะตื่นเต้น จุดที่ควรจะเล่นกับอารมณ์คนดู มันไม่มีเลย แต่คิดว่าสรุปแล้ว บทภาพยนต์ยังเป็นจุดอ่อนหลักครับ จากคุณ : Wastrel - [ 15 ก.ค. 51 10:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บทภาพยนตร์ค่ะ ส่วนใหญ่บทภาพยนตร์ของหนังไทยจะใช้ไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าแนวหนังวัยรุ่น ก็มีบางเรื่องทำออกมาได้ดี เช่น รักแห่งสยาม 365 วัน be myself ไม่เข้าใจคนทำหนังเหมือนกันนะว่า เคยนึกสมมติว่าตัวเองเป็นคนดูมั้งมั้ย ว่า คนดูเค้าดูหนังแล้วเค้าจะคิดอย่างไรกับหนังที่ดู อยากให้พวกคนทำหนังได้นึกมากๆว่า พวกเราที่เข้าไปดูหนัง ต้องอยากได้อะไรหลังจากดูหนังของคุณจบแล้ว ไม่ใช่สมองกลวงออกมา จากคุณ : ใจใส่ (ใจใส่) - [ 15 ก.ค. 51 10:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 บทภาพยนตร์เป็นปัญหาหลักที่แท้จริงของหนังไทย คนมีความรู้และรู้จริงเรื่องเขียนบทมีนับคนได้ สาเหตุเพราะวงการหนังไม่เคยให้ความสำคัญคนเขียนบทเท่าคนกำกับ คนเลยอยากเป็นผู้กำกับมากกว่าเป็นคนเขียนบท ผู้กำกับไทยหลายคนไม่เคยเขียนบทมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะจัดการกับบทที่มีในมืออย่างไร ผลคือต้องกำกับด้วยสัญชาติญาณล้วนๆ และสัญชาติญาณที่ว่าทำให้หนังไทยส่วนใหญ่เวียนว่ายอย่างที่เห็น จากคุณ : Subtitle - [ 15 ก.ค. 51 10:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บท มุมกล้อง การตัดต่อ ความสามารถนักแสดง Original Soundtrack!! จากคุณ : นารีพิฆาต - [ 15 ก.ค. 51 11:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บท จากคุณ : ลูกยาง - [ 15 ก.ค. 51 11:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บท ....................................... ที่วนอยู่แบบเดิทอะไรขายได้ก็ทำมันจนเอียน  สมัยก่อนหนังนักเรียนมัธยมถูกสร้างออกมาจนเอียน  ต่อมาก็หนังตลกสร้างเอง กำกับเอง เล่นเอง ที่กำลังจะมาคือ  เล่นจริง เจ็บจริง (จำได้ว่าเฉินหลงทำคำพูดนี้ไว้เมือ20ปีก่อน) ทุนสร้าง ................................. ทุนสร้างมหาศาลถล่มทลาย 100 ล้าน (จริงเหรอ)บาท  แต่พอไปดูคาดว่าทุนสร้าง แค่ไม่ถึง 10 ล้าน ไม่รู้เอาไปลงทุนกับอะไร ผู้กำกับ .................................. เอาใจผู้สร้าง และนายทุน จนไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง (ดันกันจนเวอร์)  หรืออีกแบบคือ  กรูจะสร้างแต่หนังอย่างนี้มีไรไหม 555 โดยรวมยังไงผมก็ดูหนังไทยนะ .......................  แต่เลือกดู จากคุณ : kdd - [ 15 ก.ค. 51 11:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บท ... ยังขาดน้ำหนัก และประเด็นที่นำเสนอก็ไม่ชัดเจน บางเรื่องดูจนจบ ตกลงจะบอกว่าอะไรเนี่ย แล้วพอมีประเด็นที่จะนำเสนอ ก็ขาดความ "ลึก" ในการนำเสนอ และมักขาดๆเกินๆ การลำดับภาพ/ตัดต่อ... ทำให้ดูไม่ต่อเนื่อง ไม่น่าสนใจ นักแสดง... (อันนี้ยาวหน่อยนะ) ถ้าเป็นนักแสดงรุ่นประมาณสันติสุข ศรันยู สินจัย นี่เรื่องสีหน้าแววตาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ แต่กับนักแสดงรุ่นหลังๆหาทีเก่งๆค่อนข้างยาก อย่างนึงเลยที่เรารู้สึกว่านักแสดงบ้านเราขาดมากๆ คือ ความคล่องตัวและด้านกายภาพ ดูเหยาะแหยะ (ไม่ใช่แค่บทบู๊นะ มันแสดงถึงพลังของตัวละครที่สื่อออกมา) อาจเพราะเมื่อรับเล่นบทอะไร ไม่ค่อยได้ฝึกอย่างเต็มที่ รวมทั้งเรื่องเสียง ที่พูดออกมา ไม่มีพลัง (ไม่ใช่การตะโกนนะ) มันไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครนั้นๆจริงๆ อันนี้เราว่า อยากให้มองถึงนักแสดงละครเวที กว่าเขาจะแสดงได้ ต้องออกกำลัง เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉง ต้องวอร์มเสียง เพื่อให้มีพลัง และมีการworkshopกลุ่มก่อน แต่ดาราบ้านเราส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะได้เข้าคอร์ส workshop เลยแสดงออกมาเป็นอย่างที่เห็น ความคมชัดของภาพ...อันนี้ สาหัสมาก การอัดเสียง... คุณภาพเสียงไม่คมชัด พอบวกกับเสียงของนักแสดง ที่ส่วนใหญ่จะอู้อี้ เลยยิ่งไปกันใหญ่เลย แต่ที่ขอชมคือ CG และแต่งหน้า/แต่งหน้าเอฟเฟคในหนังไทยหลายๆเรื่อง ถือว่าใช้ได้นะ เรียกว่า ถ้าตั้งใจทำกันจริงๆก็ออกมาไม่น้อยหน้าใครหรอก การสนับสนุน...พอสร้างแล้วคนมาดูน้อย รายได้น้อย ก็ไม่มีรายได้ไปพัฒนาให้มันดีๆๆๆยิ่งขึ้น ก็ออกมาอย่างที่เห็น เป็นวงจรต่อไป สู้ต่อไป...หนังไทย จากคุณ : tontalew - [ 15 ก.ค. 51 13:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบ ทำท่าเหมือนจะดี จากคุณ : knompang - [ 15 ก.ค. 51 13:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จุดอ่อนที่สุดของหนังไทย คือปัญหาเรื่องคนดู พูดง่ายๆก็คือคนไทยน่ะแหละครับ คนไทยไม่ชอบดูหนังดี ๆ หนังที่ฉลาด หรือหนังที่มาก่อนเวลาครับ จากคุณ : joblovenuk - [ 15 ก.ค. 51 13:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอเสริมอีกนิด ต่อจากข้างบนแล้ว จุดอ่อนของหนังไทยอีกอย่างคือ "รสนิยมของคนดู" จากคุณ : แพรเพลง - [ 15 ก.ค. 51 14:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความเห็นเยี่ยมยอด แต่ขายไม่ได้ คนออกเงินทำหนัง ต้องการ ผลตอบแทน ที่เป็นเงิน  ไม่ใช่อื่นใด คนดู ที่เป็นชนชั้นล่างของสังคม เขาคงไม่มานั่งถกเถียงกันเรื่องนี้หรอก ถามเรื่องการซื้อตั๋วหนังราคา ที่ เกือบเท่าค่าแรงขั้นต่ำวันนึง นี่ ถ้าเขาไม่อยากดูจริงๆ คงยากที่จะ ตีตั๋วไปดู แถว ต่างจังหวัด นี่ไม่ต้องนึก มีแต่วัยรุ่นเป็นหลัก ที่เข้าไปดูหนังโรง  รอดูหนังซูม วีซีดีกันทั้งนั้น ส่วนหนังก็ ขอพระเอกหล่อ นางเอกสวย ตลกบ้าง ทะลึ่งบ้าง มีฉาก โป๊ วับๆแวมๆ ตบตี กันทั้งอกฉาก ในฉาก ยิ่งสนุก มองให้มันเป็นความบันเทิง แล้ว จะบันเทิงครับ จากคุณ : theshoae - [ 15 ก.ค. 51 14:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คนไทยมีรสนิยมในการดูหนังครับ อันนี้ยืนยัน เพราะผลก็คือ คนไทยไม่นิยมดูหนังไทยไงล่ะ เหตุผลก็เป็นอย่างที่เพื่อนๆส่วนใหญ่วิเคราะห์ให้ฟังนั่นแหละ ตรงประเด็นที่สุดคือ ... หนึ่ง เราไม่มีคนเขียนบทเก่งๆ อยู่ในวงการเลย สอง ผู้กำกับการแสดง ผู้กำกับศิลป์ ผู้กำกับภาพ ขาดรสนิยมครับ จากคุณ : Boy - [ 15 ก.ค. 51 15:01:45 A:117.47.224.209 X: TicketID:161864 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หนังไทยต้องเป็นสื่อมวลชนที่"ผ่าตัดสังคม"ได้ ที่สำคัญ"สถาบันสังคม"ไม่ยอมให้ผ่าตัด หนังไทยจึงไม่พุ่งไปในหลายทิศให้โลกประจักษ์ในมุมมองแปลกๆ เราจึงดูแต่หนังบู๊,หนังอารมณ์แสนหวานๆ,หนังผี ส่วนหนังอาร์ตเราก็พอมี แต่คนทำก็จะจับประเด็นส่วนตัวไปดูกันน้อยๆ เอกลักษณ์ยังไม่สุดโต่งโลดแล่นแบบเดวิด ลินส์ หรือ โคเนนเบิร์ก หรือคิตาโน่ฯลฯ เมื่อฐานไม่แน่นอารยธรรมทางการเสพก็เบาต้องโทษเซ็นเซอร์อันดับแรก มียุคท่านมุ้ยเท่านั้นที่"ผ่าตัดสังคม"ให้เราเห็นหลายมุมมองของชีวิต เช่นฉากจบที่ตำรวจวิสามัญสรพงษ์ในมือปืน......ยอดเลย จากคุณ : คนดูหนังไม่ทันโรง (ธนะรัตน์ เอ็กโซติก) - [ 15 ก.ค. 51 15:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอเพิ่มอีกปัญหาคือ การใช้นักแสดงตามกระแสตลาดจนซ้ำเกร่อไปหมด หลังๆ นี้ เกือบทุกเรื่องต้องมีอนันดา กับ โก๊ะตี๋ จากคุณ : pipathto - [ 15 ก.ค. 51 15:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราชอบดูหนัง Sci-Fi Fantasy มาก แต่หนังไทยชอบ มองคำว่า Sci-Fi หรือ Fantasy แบบต้องอลังการอย่างเดียวเลย (ซึ่งเราไม่มีทางทำให้สวยหรืออลังการเท่าต่างประเทศ ) อยากให้ตีความให้ลึกซึ้งกว่านั้นอ่ะครับ เช่น อย่างเรื่อง 2001: Space Odyssey เนี่ย ผมเชื่อว่าคนไทยทำ effect แบบนี้ได้แน่ แต่สงสัยว่า อาจเป็นเพราะกลัวทำลึกซึ้งไปแล้วคนดูไม่เข้าใจป่าวหว่า ( อันนี้ก็ปัญหาเรื่องรสนิยมคนดูอีก) จากคุณ : Ra (Ra-18th Angel) - [ 15 ก.ค. 51 15:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขาดความคิดที่มีเหตุผล ในการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ที่จะสานต่อเหตุการณ์ให้น่าติดตาม ขาดการให้ความบันเทิงอย่างมีศิลปะ (หนังด้อยคุณภาพ เน้นตลกชนิดตดใส่หน้า  ส่วนหนังคุณภาพก็อ้อยอิ่ง เอื่อยจนเป็นบาป) ขาดความเข้าใจในอารมณ์ผู้ชม ไม่รู้จังหวะจะโคนในการเล่า ขาดความเป็นมืออาชีพ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 16:51:59 จากคุณ : TulipOnLine - [ 15 ก.ค. 51 16:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องบทกับมุมกล้องเห็นด้วยกับทุกๆคห.ครับ แต่ขอเพิ่มเรื่องนักเแสดงหน่อยครับ นักแสดงต่างประเทศ - เริ่มจากบทตัวประกอบ ฝีมือดีแล้วค่อยเลื่อนเป็นตัวเด่น เป็นพระเอก หน้าตาไม่เน้นมาก(ผู้ ช) เน้นที่ฝีมือการแสดง นักแสดงไทย - เริ่มจากบทพระเอก เล่นดีไม่ดีไม่รู้ เอาหล่อไว้ก่อน เล่นแย่ค่อนปรับลงไปเป็นพระรอง เมืองนอกเค้า นักแสดงค่าตัวแพงแต่ละคนฝีมือสุดยอด ต้องผ่านงานแสดงมากี่เรื่อง ผ่านบทตัวประกอบมาเท่าไหร่ ผ่านบทแปลกๆก็เยอะ กว่าเค้าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ของไทย แบบว่า เน้นที่หน้าตาและแฟนคลับ แฟนคลับเยอะก็ได้เล่น ต่อให้เล่นเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่เป็นไร นักแสดงไทยน้อยคนมากๆ ที่เวลาดูหนังเค้าแล้ว ผมรู้สึกว่าเค้าเป็นตัวละครในหนัง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ ดูยังไงก็รู้สึกว่าเป็นตัวเค้านอกจออยู่ดี ยิ่งหนังตลกนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เล่นแบบไม่ตีความตัวละครกันเลย ปล. แค่ความเห็นผมคนเดียวนะครับ จากคุณ : โค้วเต๊กซิม - [ 15 ก.ค. 51 16:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เท่าที่อ่านมาขอสนับสนุนว่า เป็นเพราะรสนิยมของคนดูเองที่ทำให้หนังไทยไม่ก้าวหน้า ทำไมเรื่องไชยาหรือโหมโรงหรือกอดถึงไม่มีคนดู ทำไมหลวงที่เท่งถึงทำเงินได้ 150 ล้าน แล้วอย่างนี้ถ้าคุณเป็นนายทุนคุณจะเลือกสร้างหนังแบบไหน บทดีๆ ผู้กำกับดีๆ นักแสดงดึๆ ผมว่าในเมืองไทยหาได้แน่นอน แต่จะเลือกของดีไปทำไมในเมื่อมันขายไมได้ จากคุณ : เอก - [ 15 ก.ค. 51 17:01:26 A:124.121.158.29 X: TicketID:165275 ]

ความคิดเห็นที่ 33 บอกตรงๆ ผมไม่เชื่อทฤษฎีที่ว่าจุดอ่อนหนังไทยอยู่ที่รสนิยมคนดู และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าคุณทำหนังให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ยังไงหนังก็ขายได้ ไม่งั้นหนังฝรั่งที่มาฉายในเมืองไทยคงทำเงินไม่ถึง 100 ล้าน ถ้าจะทำหนังบทดีๆ เพื่อจับตลาดบน บทคุณก็ต้องดีจริง มีความลึก และเป็นหนังที่ทำให้คนระดับกลางถึงบน รู้สึกไม่เสียดายเวลาที่เข้าไปดู ผมขอย้ำเรื่องเวลานะ ไม่ใช่เรื่องค่าตั๋วหนัง ผมขอยกตัวอย่างหนัง GTH หนังค่ายนี้ขายได้ เพราะเขาจับตลาดได้ และรู้ว่าคนดูเป็นกลุ่มไหนและจะเข้าไปดูเพื่ออะไร ส่วนหนัง หลวงพี่เท่ง ถือว่าเป็นความฟลุค และเหตุปัจจัยหลายอย่างซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า หนังทำเงินเกิดจากความฟลุคจริงๆ อาจเป็นเพราะเท่งเล่นเรื่องแรก เพราะหนังต่อๆมาในแนวนี้ แป๊กหมด เนื่องจากคนดูเข็ดจากหนังเรื่องนี้ และรู้แล้วว่ามันไม่คุ้มกับค่าตั๋ว เพราะหาดูฟรีๆได้ตามชิงร้อยชิงล้าน ซึ่งต่างจากแนวทางการทำหนังของ GTH อย่างสิ้นเชิง จากคุณ : พัท - [ 15 ก.ค. 51 17:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ....จุดอ่อนสำคัญที่สุดคือ                        "นายทุน" ครับ...เพราะเขาเป็นคนออกตังค์ ดังนั้นเราจึงได้ดูที่นายทุนต้องการให้ทำ                      แต่ลองนึกดูอีกทาง           ถ้าผู้กำกับหนังไทย เป็นนายทุนเสียเอง        "เราคงจะได้ดูหนังดีๆ หรือหนังแนวอื่นๆ ที่นอกเหนือจากประเภทของหนังไทยที่มีอยู่ทุกวันนี้"                     ผู้กำกับทุกคนคงอยากจะสร้างหนังดีๆ เหมือนกัน     แต่มาติดอยู่ที่จุดอ่อนสำคัญที่สุด....คือ                             "นายทุน" (หนังไทยทุกวันนี้ ที่ซ้ำแนว จนผู้ชมหมดศรัทธา ก็มาจากไอเดียการหาหนังมาสร้างของนายทุน...เพราะนายทุนเป็นคนออกตังค์                      ...ดังนั้นจุดอ่อนตรงนี้ มันเลย "กำจัด" ได้ยากกว่า จุดอ่อนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบท  กระบวนการทำงานที่ไม่มีคุณภาพ ฯลฯ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ก.ค. 51 18:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คิดง่ายไปหน่อย จากคุณ : องค์ชายน้อยผู้รอคอยช็อคโกแล็ต - [ 15 ก.ค. 51 19:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบ 303 กลัว กล้า อาฆาต กะ สี่แพร่ง จากคุณ : i'bEau - [ 15 ก.ค. 51 21:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เชื่อม่ะ.. ผู้กำกับของไทยส่วนใหญ่ ไม่ได้เรียนจบหนัง. จากคุณ : Baritoreca - [ 15 ก.ค. 51 22:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 บทไม่ลึก  เสียงไม่ดี   ตัดต่อเหมือนหนังถูกตัด  ดูทีไรเป็นงี้ทุกที   แต่ก็ไม่ทุกเรื่องนะ  ขอโทษอย่าโกรธกันนะ  อย่างเรื่องที่จา  พนมตามหาช้าง  เราดูแล้วเราว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ จากคุณ : นิกิตา - [ 15 ก.ค. 51 23:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คนไทยไม่ค่อยสนับสนุน จากคุณ : irr_f - [ 16 ก.ค. 51 17:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 บทด้วย และที่สำคัญ รสนิยมของคนดูบ้านเราเอง จากคุณ : เบนนี่ทักกี้ - [ 16 ก.ค. 51 17:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่เห็นด้วยกับคุณความเห็นที่ 32 และเห็นด้วยกับคุณความเห็นที่ 33 เรื่องรสนิยมของคนดูเป็นเหตุผลที่อ้างเพื่อให้ฟังดูดีเท่านั้น ถ้าบอกว่าหนังไทยเป็นแบบไหนก็เพราะรสนิยมคนดูเป็นแบบนั้น ก็เหมือนกำลังบอกว่าหนังไทยที่ทำออกมาห่วยๆแบบดูถูกคนดู ก็เพราะรสนิยมคนดูเป็นแบบนั้นเอง ใช่ปล่าว? ผมว่าจริงๆแล้วสาเหตุมาจาก " ความมักง่าย " ของคนทำหนัง บวกกับ " ความโลภเผื่อฟลุกได้เงิน " ของคนออกเงิน ที่ทำให้หนังไทยส่วนใหญ่อยู่ในสภาพสิ้นหวัง กรุณาอย่าโทษคนดูครับ จากคุณ : Subtitle - [ 17 ก.ค. 51 12:40:19 ]