| เกรด A -> 9-10 คะแนน (10 คน) |
| เกรด B -> 6-8 คะแนน (8 คน) |
| เกรด C -> 3-5 คะแนน (0 คน) |
| เกรด D -> 1-2 คะแนน (3 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 21 คน |
จากหนังสือพระนิพนธ์ของ "ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี" ในชื่อที่เข้าใจได้อย่างง่ายดายว่า "เรื่องสั้น..ที่ฉันคิด" มาสู่ หนังเรื่องยาวฉายโรง ที่ถูกสร้างเพื่อหวังจะให้เราได้เห็น และได้สัมผัสรู้ถึงคุณค่าบางอย่างที่ทั้งตัวหนังและกระทั่งหนังสือ ต่างก็อยากจะบอกเล่า ภาพความหวังในมุมมองของ ทูลกระหม่อมฯ ที่มีต่อเด็กไทยในวันนี้ ..และโดยเฉพาะกับเด็กผู้ด้อยโอกาสตามชนบทในต่างจังหวัดที่จำต้องทนรับความยากแค้นกว่าจะได้เรียนหนังสือหนังหา ยังต่างกับเด็กในเมืองที่ยังจะมีพร้อมทุึกอย่างมากกว่า
"หนึ่งใจ..เดียวกัน" มาพร้อมภาพลักษณ์ของหนังเมโลดรามา ที่มีเนื้อเรื่องเนื้อหาไม่ได้แปลกใหม่กว่าหนังแนวนี้อีกหลายต่อหลายเรื่อง ..จุดเริ่้มต้นของเรื่องราว ก็ยังคงมาในพิมพ์นิยม พร้อมกับจุดพลิกผันบางอย่างที่ อาจทำให้ตัวละครหลักต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดหรือการกระทำ เพื่อชดใช้ให้กับการสูญเสียในสิ่งที่เธอไม่ต้องการให้มันได้เกิดขึ้น
แต่ถ้าว่ากันในส่วนของสาระเนื้อในกันจริงๆ ..หนังเรื่องนี้ก็พยายามจะสะท้อนภาพของสังคมไทย ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เวลานี้ และแสดงออกถึงความต้องการจากเจตนาของผู้สร้างที่คาดหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ..ไม่ว่าจะมากหรือจะน้อยในท้ายที่สุด ขอแค่ได้ทำให้คนคิดสงสัย นั่นก็เท่ากับเขา(อันหมายถึง เรา)ได้ใส่ใจในคุณค่าของสิ่งนี้ที่ตัวหนังหวังปรารถนาได้แล้ว
ถ้าโจทย์ที่หนังเรื่องนี้ตั้งมาแต่ต้น คือ การเป็นหนังที่สร้างความรู้สึกให้คนดูได้ตระหนัก อยากตั้งคำถามถึงความเป็นอยู่ของเด็กผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาในต่างจังหวัด ที่มักจะไม่ได้รับการเหลียวแลค้ำชูจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เฉกเช่นกับเด็กในเมือง ที่กล้าจะทะนุถนอมได้เพียงเพราะ มีเงิน เป็นปัจจัยสำคัญแล้ว ..หนึ่งใจ..เดียวกัน ย่อมถือว่าตีโจทย์ได้แตก ด้วยฉากไคลแม็กซ์ ที่สามารถรวบรวมหัวใจของคนดูทุกคน ให้ตกอยู่ในอาณัติคำพูดที่ ทูลกระหม่อม ทรงแสดงออกมาได้ถึง ทึ้งน้ำตาเป็นสายได้เหมือนที่คาดจากตัวอย่าง
แต่นั่นก็ยังดูจะเป็นเพียงฉากเดียวที่ผมเห็นและรู้สึกว่า ทูลกระหม่อม ทรงทำได้ถึงจริงๆ ..ในขณะที่ฉากอื่นๆ อาจถือว่าสมจริงในอิริยาบถแบบสามัญชน แต่ด้วยภาพในตาที่ยังค้างคาทางหน้าที่ส่วนพระองค์มากกว่า การรับบทเล่นเป็นใครอีกคนบนจอหนัง ..แม้กระทั่งคาแรกเตอร์ "พิมพ์ดาว" จะแตกต่างในรายละเอียดอยู่บ้าง ก็ยังไม่อาจสมจริงมากพอ ให้ลืมได้ว่า เธอคนนี้คือใครกันในความเป็นจริง
ถึงผมก็อยากชื่นชมว่า พระองค์ทรงเล่นหนังได้เป็นอย่างมีฝีมือ ก็จริงอยู่ ...แต่ความรู้สึกโดยธรรมชาติ ก็ยังฝืนๆ ไม่อาจเชื่อได้เต็มที่ ..ซึ่งนั่นก็คงเป็นที่เราคุ้นกับตัวตนทูลกระหม่อมฯ จนกลายจะไปเปลี่ยนความรู้สึกให้เป็นอื่น คงไม่ได้
ถ้าจะมองว่าใครทำหน้าที่ได้ดี จนไม่มีอะไรที่น่าเอะใจแล้ว ก็คงจะมีเพียงแต่ "นุ่น-ศิรพันธ์" ที่ด่าก็ดูจริง(จนทูลกระหม่อม แสดงความพรั่นพรึงตอบกลับอย่างน่าให้เชื่อว่ากลัว) หรือจะแสดงความห่วงใยใน พิมพ์ดาว ก็ยังไม่เคอะเขิน ..ดูเป็นธรรมชาติ ดังเสมือนว่า ภาพของคุณพิมพ์ดาว ไม่ใช่ใครอื่น อย่างเช่นที่เราคนดูยังรู้สึกกัน
แม้ว่า หนึ่งใจ..เดียวกัน จะมีโครงที่ดี มีเรื่องที่แข็ง สามารถจะสร้างพลัง แรงบันดาลใจ ให้ใครต่อใคร ได้รับรู้ และอยากมีส่วนร่วมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ..แต่นั่นก็อาจจะเป็นไปได้ถึงฝั่งฝันไม่ทันถึงที่หมาย เนื่องด้วยความอ่อนแรง สูญพลัง ไปให้กับส่วนของบทหนังที่ยังพบจุดรั่ว อุดไม่ทันหมด อยู่มากมาย ..หากแม้จะเข้าใจได้ว่าอยากให้คนดูไปสนใจขบคิดถึงสาระตัวเรื่องเสียมากกว่าก็ตาม แต่ถ้ารายละเอียดทางภาษาหนังไม่ใคร่จะดีพร้อมแล้ว ก็ยากที่จะทำให้เชื่ออะไรต่อมิอะไรได้อย่างเต็มที่
หากจะโชคดีอยู่หน่อยก็ตรงที่หนังถ่ายทอดอารมณ์จากฉากหนึ่งไปสู่อีกฉากได้ค่อนข้างจะลื่นทางอารมณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป เกิดความอิน ให้สนใจขึ้นอยู่พอประมาณ (บวกกับการได้ภาพที่ถ่ายบรรยากาศทางเหนือได้สวย การเซ็ตโลเคชั่นที่เห็นถึงความใส่ใจ) ..แต่มันย่อมจะไหลพรั่งพรูมากกว่านี้ได้อีก ถ้าหนังเลือกที่จะเก็บจุดเล็กจุดน้อยซึ่งคงจะแลกกับการเสียเวลาเล่าอีกไม่มาก หากมันจะส่งผลให้ความตั้งใจคราวนี้ ดูมีคุณค่าที่ชวนจดจำตราตรึง ได้มากไปกว่า แค่รับรู้ึถึงความรู้สึกที่จะเล่า แต่ก็จบลงโดยไม่ได้ต่อติดอะไรในความเป็นหนังมากมายเช่นนี้
มันคือความน่าเสียดายในสาส์นที่มีพลัง ทั้งยังเต็มไปด้วยความตั้งใจอันมีปรารถนาดีของทีมงานหนัง ..แต่อาจจะได้รับผลตอบกลับที่ไม่รุนแรงนัก เมื่อท้ายที่สุด หนังอาจจะไม่มีแรงไปต่อในคำพูดปากต่อปาก ที่ล้วนแต่จะลงเอยด้วยความรู้สึกอันมีถึงเจตนาอันดี แต่ไม่เพียงพอให้ประทับใจใครต่อใครเป็นที่สุด
"หนึ่งใจ..เดียวกัน" ...แม้เหตุผลของฟ้า อาจจำต้องตัดสินว่า หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังที่ถ่ายทอดภาษาหนังออกมาได้ไม่ดีเป็นหนักเป็นหนา ..แต่ถ้ายึดเอาเรื่องของเจตนาเป็นตัวการหลักแล้วละก็ ย่อมต้องยอมรับว่ามันเข้าถึงคนดูชาวไทยได้โดยง่าย และอาจเข้าใจโดยไม่ยากเย็น ..หากที่เหลือจากนั้นแล้ว เมื่อออกจากโรง นั่นก็ถือเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคนที่จะได้รับมากหรือน้อยจากตัวหนัง เป็นตัวตัดสินว่า นี่คือ หนังดี หรือไม่
ซึ่งโดยส่วนตัวผม ขอตอบว่า 'หนังดี' ..แต่ก็ยังอาจดีไม่พอที่จะเป็นความประทับใจได้ครับ
เกรด B
"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ http://vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน"
สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."
ขอบคุณครับ รักคนอ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:54:32
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 16:04:35