|
บทวิจารณ์ จากการที่วันนี้ได้ชม ฉันนี่แหละ คิมซัมซุน เป็นครั้งแรก
เช้าวันนี้ บังเอิญได้เปิดช่อง 7 และเห็นละครเกาหลีเรื่องหนึ่ง ดูไปเรื่อยๆ เห็นชื่อเรื่อง ฉันนี่แหละ คิมซัมซุน
ระหว่างที่ดูไปเรื่อยๆนั้น พบว่า ทีมเขียนบทเรื่องนี้เก่ง ที่สามารถสร้างมิติให้กับตัวละครทุกตัวในเรื่อง พร้อมกับให้ข้อมูลได้อย่างไม่ยัดเยียดเลย ซึ่งน่าแปลกมากที่คนดูอย่างผมซึ่งเคยดูเรื่องนี้เป็นครั้งแรก และมาดูเอาช่วงที่ละครได้ฉายไปได้ซักพักแล้วทางทีวี กลับรู้เรื่องและเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครได้อย่างชัดเจนทุกคนในเรื่อง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้น มีที่มาที่ไปจากปูมหลังของตัวละคร และตัวละครแต่ละตัวก็มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ตื้นเขิน หลายๆฉากที่เขียนขึ้น ดูแล้วรู้เลยว่า ทีมเขียนบททำการบ้านมาดี อย่างวันนี้มีฉากที่คิมซัมซุนกับฮีจินคุยกันในร้านอาหาร
เริ่มด้วยฝ่ายฮีจินมาบอกให้ซัมซุนเลิกยุ่งกับจินฮอนซะ ส่วนซัมซุนก็โต้กลับไปว่า ถ้าถามคนในร้านอาหาร ว่าใครดีกว่า ตัวเธอด้อยกว่าฮีจินแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ส่วนฮีจินพอได้ฟังก็บอกว่า ตัวเธอเองก็อยากเป็นเหมือนกับซัมซุนที่มีความสุขในชีวิต
ระหว่างที่ปะทะคารมกันนั้น บทไม่ได้ให้น้ำหนักใครหรือมองใครว่าเหนือกว่าเลย กลับสร้างความเห็นใจให้กับตัวละคนทั้งสอง โดยที่ฮีจินเองก็เคยเป็นแฟนเก่าที่เคยทิ้งจินฮอนไปและกลับมาสานต่อความสัมพันธ์ ตัวซัมซุนเองก็เป็นหญิงวัยใกล้สามสิบที่ต้องคว้าฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต
ด้วยคาแรคเตอร์ของซัมซุนที่เป็น คนธรรมดา เช่นคนเดินถนนทั่วไป ที่มีชีวิตจิตใจ มีความเห็นแก่ตัว มีเล่ห์เหลี่ยม นั่นทำให้เธอไม่ใช่นางเอกแสนดีที่จะมาร้องห่มร้องไห้เมื่อแฟนเก่าของคนที่เธอชอบมาขอให้เธอไป กลับมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องแข่งขันกันเอาเอง ใครดีใครได้ แม้อีกฝ่ายจะป่วยอยู่ นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เธอจะเป็นฝ่ายจากไป
ฉากนี้ฉากเดียวทำให้รู้เลยว่า ตัวละครอย่างซัมซุนเป็นอย่างไรแม้จะไม่เคยดูละครเรื่องนี้มาก่อน แต่ความรู้สึกของคนดูก็ไม่ได้รังเกียจตัวละครนี้ เพราะเกิดความเชื่อในตัวละคร บุคลิกภายนอกของตัวละครที่ไม่ได้สวยหรือร่ำรวยเช่นกับคนดูทางบ้าน ความรู้สึกคนดูจึงกลับเป็นเอาใจช่วยซัมซุนนางเอกของเรื่องนี้
ในขณะเดียวกันฮีจินก็ไม่ใช่นางร้ายช่างอิจฉาที่ไล่ล่าหาผู้ชายมาเป็นสามี ก่อนหน้านี้ บทได้ใส่ฉากที่ตัวละครพูดถึงความสัมพันธ์เมื่อครั้งก่อนซึงฮีจินไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เคยคบกับจินฮอน เธอไม่ใช่คนที่เลวร้ายแถมยังเป็นคนที่อ่อนหวาน ฮีจินเป็นคาแรคเตอร์ตรงข้ามกับซัมซุน ขณะที่ซัมซุนเป็นคนที่แสดงออก กล้าทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองต้องการ (ไปเรียนเปียโนตอนอายุมาก ทั้งๆที่ไม่มีพื้นฐานดนตรีอะไรเลย) ฮีจินกลับไม่กล้าถามจินฮอนตรงๆถึงสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่กลับบอกไปว่า "พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกก็ได้"
นอกจากนั้น ในสถานการ์ณที่ตัวละครปะทะกันอย่างนั้น บทยังมีมุกตลกอย่างซัมซุนบอกว่า ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยมีตังค์ มาที่ร้านนี้ถึงได้สั่งเครื่องดื่มที่ราคาถูกที่สุด
บทสนทนายังมีกิมมิกแบบเดียวกับภาพยนตร์ รสชาติอาหารเปรียบเทียบความรักของฮีจินกับจินฮอน อย่างกิมจิที่ฮีจินทำ จินฮอนบอกว่ารสชาติจืดไป หรือเมื่อร้านอาหารที่เคยกินสมัยก่อนรสชาติอาหารเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งที่รสชาติมันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนเพราะเชฟยังเป็นคนเดิม แต่ความรู้สึกของคนต่างหากที่เปลี่ยนไป
ไคล์แมกซ์ที่เกิดในแต่ละตอนของซีรี่ย์ ก็วางเอาไว้อย่างที่คนดูคาดไม่ถึง ฉากที่ซัมซุนนำเช็คเงินไปให้จินฮอน คนดูเดาได้อยู่แล้วว่าจินฮอนคงไม่อยากจะรับเช็คเพราะไม่ได้ต้องการเงินแต่ชอบซัมซุน แต่สถานการณ์กลับพลิกเมื่อจินฮอนรับเช็คมาแล้วทิ้งขยะหน้าตาเฉย ส่วนซัมซุนก็ผิดหวังในตัวของจินฮอนอย่างรุนแรงและไม่อยากจะพบหน้าจินฮอนอีกต่อไป ตอกย้ำความผิดหวังให้กับซัมซุนอีก เมื่อฮีจินบังเอิญเข้ามาและบอกว่านัดไปดูหนังกันกับจินฮอน
จากฉากข้างต้นภาวะของตัวละครได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซัมซุนก่อนหน้าที่ยังชอบจินฮอนอยู่ (ไม่ฟังที่พี่สาวบอกให้เลิกกับจินฮอน) กลับกลายเป็นพบว่าจินฮอนยังคงเป็นผู้ชายที่เธอรังเกียจ หรือจินฮอนที่ต้องการพิสูจน์ความรักของตัวเอง กลายเป็นช็อกกับสิ่งที่ซัมซุนสนองกลับมา
โดยรวมแล้วละครเรื่องนี้น่าสนใจมาก แต่ผมคงอาจไม่ได้ติดตามดูเพราะฉายกลางวัน วันธรรมดาด้วย แต่นับว่าเป็นละครที่ทำออกมาได้น่าสนใจ สมกับที่เป็นที่นิยมในเกาหลีมาพักนึง
จากคุณ :
pizza hell
- [
8 ก.ย. 51 17:16:01
]
|
|
|
|
|