ความคิดเห็นที่ 1 ผู้กำกับเลือกที่จะเล่าเรื่องเกย์ในสังคมจีน สังคมที่เห็นเกย์เป็นสิ่งอันตราย อาจจะคล้ายกับสังคมแถวๆนี้ "เกิดเป็นเกย์แท้จริงแสนลำบาก เกิดเป็นเกย์ในประเทศที่เขาหมางหมิ่นยิ่งแสนเศร้า" บทหนังสะท้อนความบีบคั้นของสังคมที่เข้าไปควบคุมซึมลึกถึงจิตใจและบุคลิกภาพของตัวละคร หันตงเป็นเหมือนคนทั่วไปที่ใช้ชีวิตตามใจสังคม ภาพของวัยกลางคนที่การงานมั่นคงมีฐานะ สังคมถือว่านี่เป็นภาพที่ผู้ชายควรจะเป็น หันตงยังคงโสดเพราะทราบถึงรสนิยมที่ไม่อาจเปิดเผยของตนเองดี จนกระทั่งมาพบกับหลันหยู่ ภาพสะท้อนของเด็กหนุ่มวัยสดใสมองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในความคิดของตนเองเกินกว่าจะให้สังคมมาบงการ แม้หลันหยู่จะไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองนั้นชอบแบบไหน แต่เมื่อมาเจอกับหันตง เขาก็มั่นใจในทันทีว่านี่คือความรัก ช่างตรงกันข้ามกับหันตง แม้ว่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองชอบแบบไหน แต่กลับวิ่งหนีความรักไป เพราะกลัวใจตัวเองว่าไม่อาจต้านทานแรงเสียดทานจากสังคมได้ หันตงไม่อาจปล่อยฐานะทางสังคมได้ เขาจึงเลือกที่จะผลักไสหลันหยู่ออกไปจากชีวิต ซ้ำยังกลบเกลื่อนความผิดและสลัดความเศร้าหมองด้วยการแต่งงานกับผู้หญิง... เส้นทางที่สังคมขีดขึ้นเพื่อตีกรอบ "แนวทางปฏิบัติสำหรับชาย" สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งของบทภาพยนตร์นี้ คือการหยิบยกการปราบปรามนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินมาเป็นเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง นอกจากสอดแทรกเรื่องชีวิต เราก็ยังสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสังคมจีนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้อย่างเนียนๆ เป็นการเล่าเรื่องที่กินเวลาถึงสิบกว่าปี เราจะได้ชมความรักที่เติบโตมีพัฒนาการไปพร้อมกับการเรียนรู้บนความเปลี่ยนแปลงของชีวิต จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โดยส่วนตัวผมชอบตัวหลันหยู่ มากๆ ในแง่ของการรู้จักตนเอง ความมั่นคงต่อความรู้สึก และเคารพความรู้สึก ความปรารถนาของตัวเอง ส่วนหันตงก็เป็นคนที่รู้จักตัวเองดีพอ แต่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น "บางคน... ใช้เวลาทั้งชีวิต กว่าจะรู้จักหัวใจตัวเอง" กว่าที่บางคนจะยอมรับเข้าใจตัวเอง ยอมรับและเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ต้องใช้เวลายาวนาน หลายสิ่งหลายอย่างได้ผ่านล่วงเลยไป และไม่เคยได้โอกาสเช่นนั้นอีกเลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใจร้ายขนาดนั้น หันตง ยังคงมีโอกาส ที่ได้ใช้เวลาในช่วงที่เข้าถึงตัวเองได้มากที่สุด เทียบกันแล้วBrokeback Mountainยังใจร้ายมากกว่า Brokeback มีส่วนคล้ายกับหนังเรื่องนี้มากเหมือนกัน แน่นอนว่าBrokeback ทำให้ผมประทับใจและโลดแล่นไปกับความรู้สึกของตัวละคร ความรักของเอนนิสและแจ็ค แต่Lan Yu เข้าถึงชีวิตผมได้มากกว่า ด้วยความใกล้เคียงของวัฒนธรรม และความเหมือนจริงของชีวิต จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 LanYuสามารถให้ผมเห็นหนังเข้ามาซ้อนกับชีวิตผมได้ บรรยากาศของหนังมีความรู้สึกเงียบ เหมือนการเล่าเรื่องด้วยเสียงเบาๆ และความเหงาที่ล่องลอยแม้ว่าจะเป็นฉากที่แสดงความรักของคนสองคนก็ตาม แต่ตัวเนื้อหา ความรู้สึกของหนัง ไม่ได้เบาไปด้วยเลย ตรงข้ามกับลึกซึ้ง มีน้ำหนัก ซึมลึกเข้ามาถึงหัวใจเราง่ายๆ หลายๆฉากที่ผมประทับใจ และนั่นแหละชีวิตคนจริงๆ ชีวิตคนเอเชีย หนังไม่ได้เน้นเรื่องการยอมรับตัวเองที่เป็นเกย์ แต่พูดดังๆในแง่การยอมรับตัวเองไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม มุมกล้อง การเดินภาพไปกับเสียงประกอบก็ประทับใจสุดๆ แม้ว่าตัวเอกจะไม่ได้หล่อเหลามาจากไหน แต่กลับทำให้เรารู้สึกว่า...อยากจะเข้าไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดนั้น อบอุ่นและเข้าใจ หลันหยู่และหันตง ไม่ต้องพูดอะไรกันมากเพื่อบรรยายความรู้สึกระหว่างเขาที่มีต่อกัน แต่หนังและการท่วงท่าแสดง ทำให้เรารู้สึกได้ว่าความผูกพัน ความเข้าใจกันระหว่างสองคนมีมากขนาดไหน จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Lan Yu บอกเราว่า ชีวิตมันไม่แน่นอน มีขึ้น มีลง มีพบ มีจาก ต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ อยู่บนความไม่แน่นอน อยู่กับความผลัดพราก เมื่อที่เรามีโอกาสที่ได้อยู่กับใครสักคน ขอให้มีความสุขกับเวลาตรงนั้นให้ดีที่สุด และเมื่อเวลาหมดลง ก็เก็บความทรงจำดีๆเท่านั้น เพื่อจะหายใจต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง อยู่ด้วยความเข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก... จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5                   เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนัง *ในเนื้อหาบทความนี้มีคำว่าเกย์ 13 คำ **รางวัลที่ได้รับ Lan Yu (2001) - 4 รางวัลม้าทองคำ ปี 2001 (ผู้กำกับ,เขียนบท, ตัดต่อ และนำชาย(หลิวเย่) - รางวัลหนังยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเกย์นานาชาติ Glitter Awards ในปี 2003 - นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(หูจุน) รางวัล Golden Bauhinia ปี 2002 - รางวัล Film of Merit จากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ฮ่องกง - เข้าชิง 11 รางวัลจาก Hong Kong Film Awards แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 51 01:52:31 จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 **ผู้กำกับ : สแตนลี่ย์  กวาน - กวานเองไม่เคยหลบซ่อนปิดบังรสนิยมทางเพศของตน ตรงข้าม เขาเป็นหนึ่งในคนทำหนังจำนวนน้อยนิดที่กล้าบอกกล่าวกับสาธารณชนอย่างตรง ไปตรงมาว่า เขาชอบผู้ชายด้วยกัน "ผมเปิดเผยเมื่อปี 1996" กวานเล่าจุดหักเหสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา ก่อนหน้านั้นเขารู้สึกอึดอัดคับข้องใจพอดู เพราะแม้จะพอรู้อยู่เหมือนกันว่ารสนิยมทางเพศของตัวนั้นเป็นอย่างไร แต่กลับไม่สามารถเผยมันออกมาได้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าผู้คนรอบข้างจะเข้าใจและยอมรับได้หรือไม่ ***Links เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง - Lan Yu รักต้องห้ามหลังม่านไม้ไผ่  เขียนโดย Houserama http://www.popcornmag.com/index2.php?option=content&task=view&id=447&pop=1&page=0 - เรื่องย่อภาพยนตร์ Lan Yu http://www.newswit.com/news/2005-12-26/5578af41569f02b56c0742c5d78a3484/ จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 01:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบมากกกกกเรื่องนี้ จากคุณ : shinsaibashi - [ 21 ก.ย. 51 10:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบเหมือนกัน แต่ .. เศร้าชะมัด หนังแนวนี้ไม่ค่อยมีแบบ Happy เลยเน๊าะ  -*- จากคุณ : ข้าพเจ้าคือข้าพเจ้า - [ 21 ก.ย. 51 12:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนจบเศร้า ไม่ชอบเลยอ่ะ ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย จากคุณ : J-Nova - [ 21 ก.ย. 51 15:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดูแล้ว  เราเฉยๆแฮะ เห็นด้วยว่าหนังแนวนี้หาhappyยาก  ขนาดhappy together ยังไม่happyเลยอะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 21 ก.ย. 51 15:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น่าดูมากอ่ะ ชอบอ่ะ จากคุณ : จันทร์กุมลัคนา - [ 21 ก.ย. 51 17:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไปหามาดูมั่งดีกว่า จากคุณ : sleepy monster - [ 21 ก.ย. 51 18:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อืม ผมว่าหนังเกย์ส่วนใหญ่จะจบเศร้าๆ มันอาจจะทำให้รู้สึกไปกระทบคนได้มากกว่ามั้ง ทั้ง Happy Together, BrokBack ส่วนหนังเกย์ที่จบแบบปาหมอนก็เท่าที่จำได้ก็หน่อมแน่มไปหน่อย Formula17, Go Go Gboy ส่วนที่ผมว่าจบดี และน่าดู ก็เรื่องสูตรรักข้าวมันไก่ ไรประมาณนั้น หนังที่ผมชื่นชอบแนวคิดการนำเสนอแบบไม่แบ่งเพศของตัวละครน่าดูทีเดียว อย่างYou I love, A Home at the End of the World, Billy Elliot พูดไปแล้วก็อย่างเขียนถึงหลายเรื่องเลยทีเดียว Bishonen ก็ชอบมากเหมือนกัน ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ ถึงแม้หนังจะเก่าไปหน่อย แต่ก็อยากเขียนถึงมุมมองของผมในหนังแต่ละเรื่อง จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 18:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงกับดีอะครับ ปัญหาคงไม่ใช่ตัวนักแสดง เพราะแต่ละคนทุ่มกันสุดตัวจริงๆ (2คนนี่ไม่ใช่เกย์แน่เหรอเนี่ย ~~!) ปัญหาแต่จะเป็นที่ลำดับภาพมากกว่า ตัดไปตัดมา บางทีดูเหมือนแป๊ปเดียวแต่จริงๆแล้วผ่านเป็นปีๆ ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ ฉากที่ไปตามหาLan Yu ในเหตุการณ์จตุรัสเทียนอันเหมินก็ดูธรรมดาๆ ไม่ได้รู้สึกลุ้น สิ้นหวังหรือกดดันแต่อย่างใด เพลง OST ที่เพราะแทบขาดใจ กลับไม่เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ส่วนภาพนั้นถ่ายได้สวยมากๆ ดูโรแมนติคกว่าหนังชายจริงรักหญิงแท้เสียอีก แต่ถ้าเทียบกับ Happy Together แล้วก็ยังตามอยู่ห่างๆล่ะครับ ปล. ถ้าชอบจริงๆ ก็ลองไปหาต้นฉบับมาอ่านสิครับ ดีกว่าในหนังมากๆ สุดยอดของความเศร้าเลย ------------------------------------ อ้อ คุณ "กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย" (#10) ทำไมถึงคิดว่า Happy Together จบไม่ happy เหรอครับ จริงๆแล้ว happy มากๆ คือในที่สุดเฮียเหลียงก็สามารถสลัดรักเจ๊เลสลี่ได้ แถมยังแอบมีใจให้กับหนุ่มไต้หวันคนนั้นด้วย ตอนจบก็ทิ้งท้ายไว้ตอนที่ไปตามเขาที่ไทเปไงครับ คราวนี้ก็คงหายเหงาได้เสียที จากคุณ : xYz (Just a passerby ตัวหนอนเดินทาง) - [ 21 ก.ย. 51 21:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณJust a passerby ตัวหนอนเดินทาง หมายถึงเรื่อง Beijing Story รึป่าวครับ น่าสนใจนะครับที่แนะนำให้อ่านต้นฉบับ อ่านจากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ บอกว่า ด้วยความเป็นหนังจึงตัดรายละเอียดบางส่วนออก บางทีก็ต้องจำใจตัดเหตุการณ์สำคัญออก เพราะข้อจำกัดของการสร้างภาพยนตร์ที่ต้องเล่าเรื่องให้กระชับ คิดว่าต้นฉบับคงจะลึกซึ้ง รู้ที่มาที่ไปของการกระทำได้มากกว่าหนัง ขอบคุณมากครับ แต่ถ้าบอกว่าLan Yu ไม่ถึงกับดีนี่ นับว่าคุณมีมาตรฐานสูงมาก หากคุณตัวหนอนเดินทางช่วยแนะนำรายชื่อหนังดีๆให้ผมและเพื่อนได้ติดตามด้วย จะยอดเยี่ยมมากเลยครับ ตัวผมเอง หนังที่ผมสามารถenjoy ไปกับมันได้ ได้คิด ได้รู้สึกตาม ที่ก็นับว่าดีแล้วครับ ส่วนLan Yu สำหรับผมจัดว่าดีมาก เป็นหนังที่องค์ประกอบโดยรวมน่าประทับใจมากเลยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 51 21:26:02 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 51 21:25:17 จากคุณ : Grenadine1oz - [ 21 ก.ย. 51 21:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เฉย ๆ กับเรื่องนี้นะครับ   ส่วนหนึ่งเพราะความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองค่อนข้างนานหลายปี แต่ บทมันตัดต่อไม่ดี  มันก็เลยไม่ค่อยรู้สึกเชื่อว่าตัวละครทั้งสองเขารักกัน ปานจะกลืนสักเท่าไหร่ (หนังที่ถ่ายทอดความรักของคนที่คบกันนาน ๆ แต่ทำให้เราเชื่อได้ในเวลาอันสั้น ผมยกให้ เถียนหมี่มี่ครับ) ปัญหาถัดมาคือ บทมันสูตรมาก ๆ จนเดาฉากสำคัญ ๆ ได้หลายตอน (ตอนที่หลานยู่บอกจะตอบแทนบุญคุณก็เดาได้  หรือฉากจบก็เดาได้ เลยไม่ค่อยลุ้น) แถมการเอาเรื่องการเมืองมาเป็นฉากหลังก็ไม่ค่อยเนียนเที่ไหร่เลย (fairwell to my concubine กับ happy together ดีกว่าเยอะ) ด้านการแสดงอันนี้โอเคครับ เจ้าของกระทู้เขียนถึง Bishonen หน่อยสิครับ (เรื่องนี้อยากอ่านเป็นพิเศษ...) จากคุณ : ole (trufa) - [ 21 ก.ย. 51 22:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ ole (trufa)คห16 เห็นด้วยกับตรงที่ว่า มันก็เลยไม่ค่อยรู้สึกเชื่อว่าตัวละครทั้งสองเขารักกันปานจะกลืนสักเท่าไหร่ แต่... อืม ยังไงหละ มันไม่ใช่เพราะเค้าไม่รักกันนะ ด้วยความรู้สึกส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ ผมว่า จริงๆแล้วเค้าไม่ได้รักหัวปรักหัวปรำหรือปานจะกลืนกินอะไรเลย คือทั้งสองคนไม่ได้หวานอะไร หันตงเองก็ไม่ค่อยแสดงออกความรู้สึก ในช่วงแรก หันตงพยายามหนีด้วยซ้ำ ดังนั้นคงไม่แสดงออกความรักผูกมัดมากมาย ผมออกจะอึดอัดกับการกระทำของหันตง พอช่วงหลัง หลันอี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และความรักมันก็นานเกินกว่าที่จะเป็นแบบป็อปปี้ เราเลยเห็นเป็นความผูกพันระหว่างคนสองคนแทน  แต่ผมว่าเค้ารักกันมากนะ เวลานั่นแหละเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่ผมอินกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือการพลิกความคาดหมาย เพราะเรื่องมันเรื่อยๆมาก ฉากที่นักศึกษาประท้วงนั้น เป็นฉากที่บอกว่าหันตงมีความรักให้หลันอี้มากกว่าคู่นอน และทั้งคู่ก็เริ่มจริงจังกัน หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมจีน มีต่างชาติเข้ามา เป็นต้น พอดีผมไปรู้สึกกับความสัมพันธ์แบบนี้ของคู่เกย์ที่้ต้องอยู่ในสังคมที่กดดัน หากไม่เข้าใจตนเอง ปล่อยให้ชีวิตไปตามสังคมกำหนดโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความสุขของตนเองอย่างหันตง วันหนึ่งที่พายุเข้า เราก็จะรู้สึกว่างเปล่าไร้ตัวตน... บางทีกลับมาคิดได้ว่านี่เราทำอะไรอยุ่ ผมว่าทั้งสองยังโชคดีที่มีโอกาสครั้งที่สอง แต่ในชีวิตจริงคนที่สูญเสียโอกาสไปแล้วก็ไม่มีอีก บางทีเราก็นึกเสียดายว่าทำไมเราไม่กล้ายอมรับความรัก คนที่รักเราและเราก็รักเค้า บางทีก็ได้แต่เสียดายโอกาสที่เราผลักไสไปเอง ผมว่าการแสดงออกความรักในเรื่องนี้ เป็นแบบธรรมดาๆ ไม่ได้หวืดหวา หรือต้องพิเศษอะไร เรื่องราวก็หาได้จากคนบนท้องถนน ด้วยความที่ใกล้เคียงเรื่องรอบๆตัวนี่แหละครับ ผมถึงรู้สึกว่ามันจริงมากกว่านิยาย จากคุณ : Grenadine1oz - [ 22 ก.ย. 51 00:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนเรื่องBishonen ขอแปะไว้ก่อน ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน และชอบนักแสดงเพราะหน้าตาดีกว่าเรื่องLan Yu มากนัก ฮ่าๆ จากคุณ : Grenadine1oz - [ 22 ก.ย. 51 00:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Grenadine1oz ก็ประชดผมซะ...555555 ผมก็ไม่ค่อยได้ดูหนังเกย์หรอกนะ ยกเว้นหนังดังๆที่ใครๆก็รู้จักนั่นล่ะครับ ถ้าให้เรียงลำดับความชอบก็ 1. รักแห่งสยาม 2. Happy Together 3. Brokeback Mountain แต่ถ้าได้อ่าน Beijing Story (ต้นฉบับของLan Yu)นี่ ความลึกซึ้งน่าจะพอๆกับรักแห่งสยามได้เลย ก็เข้าใจนะว่าต้องตัดโน่นนี่ออกเพื่อย่อให้สั้นลงเป็นหนัง แต่ว่าตัดซะจนเหลือแค่ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสั้นเกินไป ถ้าทำเป็น 2 ชั่วโมงอาจจะดีกว่านี้ (ในต้นฉบับจะมีฉากเซ็กซ์ประมาณ 20-30% อยู่แล้วด้วย) ขอถกประเด็นในความเห็นที่ 17 นะครับ (Spoil Alert!!!) คือทั้ง2คนน่ะรักกันอยู่แล้วก่อนหน้าเหตุการณ์จตุรัสเทียนอันเหมินอีก เห็นได้จากมีฉากนึงที่ Lan Yu ไปหา Han Tung ที่บ้าน แต่ดันไปเห็นคู่นอนรายใหม่ของเขาจึงรีบหนีกลับออกไป อย่างนี้แสดงว่าทั้งงอนทั้งโกรธชัวร์ๆ แต่ Han Tung ซึ่งมีลักษณะเป็น playboy ที่ไม่แคร์ใคร กลับวิ่งตามไปง้อเฉยเลย คือผมคิดว่า Han Tung ก็คงรัก Lan Yu แล้ว เพียงแต่ยังไม่ยอมรับใจตนเองเท่านั้น โดย Han Tung เริ่มจะเปิดใจจริงๆก็คือตอนไปตามหา Lan Yu ในเหตุการณ์จตุรัสเทียนอันเหมินนั่นล่ะ ความเรื่อยๆของหนังไม่ได้เป็นจุดอ่อนนะครับ จะเห็นว่าหนัง3เรื่องข้างบนก็เรื่อยๆทั้งนั้น ประเด็นที่ผมไม่อินกับหนังก็ว่าไปแล้วในคห.14ครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 12:31:31 จากคุณ : Y (Just a passerby ตัวหนอนเดินทาง) - [ 22 ก.ย. 51 10:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รู้อีกว่าผมประชด ฮ่าๆ ขอโทษทีครับ เสียมารยาทไป อืมใช่ๆ ต้องบอกว่าเหตุการณ์ที่หันตงขับรถออกไปหาหลันอี้ในการประท้วง เป็นการยอมรับใจตัวเองของหันตงเองว่า รักและจริงจังกับหลันอี้แล้ว โอยขอสปอร์ยเลยแล้วกัน ต่อมาหันตงจึงซื้อบ้านให้ไงครับ แต่เค้าคงรักกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ในเรื่องประเด็นเกย์ ไม่รวมประเด็นสุนีย์-กร หรืออื่นๆ ผมว่าผมชอบLan Yu มากกว่ารักแห่งสยาม แต่ไม่ใช่เพราะว่าโครงสร้างหนังเรื่องไหนดีกว่าเรื่องไหนนะครับ ผมว่าเรื่องเกย์ในรักแห่งสยามมันเบาๆ แต่ถ้าโดยรวมผมชอบรักแห่งสยามมากกว่า อาจจะเพราะว่ามันเป็นหนังไทย เลยรู้สึกว่ามันใกล้ชิดกับเรามากกว่า อันนี้ โค้ดมาจากคุณตัวหนอนเดินทาง >>> (ในต้นฉบับจะมีฉากเซ็กซ์ประมาณ 20-30% อยู่แล้วด้วย) ผมชอบ Lan Yu ฉากที่พระเอกใกล้ชิดกันมากกกก จะอ้อมทำไมเนี่ยวุ้ย ชอบฉากอีโรติกในหนังเกย์เอเซียอะครับ เรื่องนี้ทำได้ดี ผมว่าเราเข้าถึงได้มากกว่าหนังเกย์ฝรั่ง เพราะ อิอิ มันคงใกล้เคียงกับ.. อืม ประสบการณ์ของเราๆมากกว่า มั้ง แหะๆ แต่ที่มาตอบนี่ ไม่ใช่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ดีนะครับ คือไม่ชอบก็ไม่ชอบ ชอบก็ชอบ เพียงแต่ว่า เวลามาคุยเรื่องหนังแล้วมีความสุข สนุกดีก็แลกเปลี่ยนกันไป ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ขออภัยครับ จากคุณ : Grenadine1oz - [ 22 ก.ย. 51 11:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้ดูไม่กี่ฉากในโฆษณา ทำใจดูต่อไม่ได้... มันอึดอัดอ่า... T_T จากคุณ : กระต๊อบน้อย - [ 22 ก.ย. 51 20:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดูมาแล้วเหมือนกัน เศร้าๆ นิดนึง ไม่ว่าจะเพศไหน ความรักแบบใด (พ่อ แม่ มิตรสหาย คู่รัก ....) มีทั้งสุขและทุกข์จริงๆ หนังเรื่องนี้ผมไม่ว่าได้สะท้อนแค่ชีิวิตเกย์นะครับ มีความรักจากเพื่อนๆ ญาติคนนั้นคนนี้ ที่เราเห็นสังคมจีนตะวันออก ที่ใ้ห้ความสำคัญกับครอบครัว จากคุณ : Impetus - [ 23 ก.ย. 51 09:31:31 ]