PANTIP.COM : A7080371 ใครดู "อีติ๋มตายแน่" มาแล้ว ช่วยเปรียบเทียบว่าให้อารมณ์หรือความประทับใกล้เคียงกับผลงานเรื่องไหนของ ต้อม ยุทธเลิศ ที่สุด [ภาพยนตร์]

ความคิดเห็นที่ 19

.... ผมจะขอไม่เริ่มเรียงลำดับความชอบหนังของเขา แต่ผมจะขอพูดถึงผลงานที่ผ่านมาของเขาก่อนรวมถึง "อีติ๋ม" ด้วย แล้วผมคงจะพูดถึงความชอบมากไปน้อยของผลงานที่ผ่านมาของเขา!

ปี 1998 - โอเน็กกาทีฟ รักออกแบบไม่ได้ .... หนังไม่ใช่ผลงานการกำกับของยุทธเลิศ แต่นี่คือผลงานการเขียนบทหนังครั้งแรกของเขา ซึ่งทำได้ดีไม่แพ้กับการกำกับหนังเลย หนังโฟกัสถึงกลุ่มเพื่อนในคณะศึกษาของมหาลัยแห่งนึงที่ผูกพันธุ์เปรียบเสมือนพี่น้องที่ยังมีกรุ๊บเลือดกลุ่มเดียวกันด้วย! หนังเรื่องนี้ยังเป็นการตีความของยุทธเลิศที่ยังไม่เถื่อนนักเท่าไหร่ เพราะบทที่เขากลั่นกลองให้คนดูได้รับชมเป็นสื่อของมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่เหนือกว่าใครบางคนจะคาดคิดได้ ใครที่เรียนอยู่มหาลัยจะซึกซับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเดียว ถึงแม้ยุทธเลิศจะไม่ได้กำกับแต่หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่า เขาสรรค์สร้างเรื่องราวได้น่าประทับใจมากครับ ถือว่าเป็นการกำเนิดเส้นทางการทำหนังของเขาก็ว่าได้ เป็นผลงานชองเขาที่ผมชอบมากในอันดับต้นๆก็ว่าได้! (9.5/10)

ปี 2001 - มือปืน โลก/พระ/จัน .... เรื่องนี้เป็นการแจ้งเกิดการทำหนังของเขาก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะเป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของเขาแล้ว เป็นหนังเรื่องแรกของเขาที่เขาประสบความสำเร็จสุดๆ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงมองหนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกแอ๊คชั่นธรรมดาเรื่องนึง แต่ความจริงนี่เป็นหนังชีวิตที่มีฉากตลกขบขัน+ฉากแอ๊คชั่นที่คลุกเข้ากันกับเรื่องผสมกับสาระที่แฝงไว้ กับเรื่องราวของเหล่า LOSER ที่ไม่มีใครเหลียวมอง มารวมตัวกันทำภารกิจพิเศษ เป็นหนังที่ลงตัวและอิ่มตัวมากเรื่องนึงครับ ทั้งการแสดงของเต๋า และนักแสดงตลกทั้ง 4 มันเป็นความบันเทิงที่ประทับใจมาก จึงทำให้หนังถูกใจกลุ่มคนดูได้เงินไป 100 ล้านบาทในที่สุด เรียกได้ว่าเป็นหนังเปิดตัวของยุทธเลิศที่พอหอมปาก (8/10)

ปี 2003 - กุมภาพันธ์ .... อันนี้อาจเป็นหนังเรื่องแรกของเขาที่ลองมากำกับในแนวที่ต่างจากเรื่องแรกบ้าง เป็นหนังรักโรแมนติค ที่บทหรือเนื้อเรื่องธรรมดาไม่ค่อยจะน่าสนใจเท่าไหร่ แต่หนังกลับน่าสนใจที่บรรยากาศทำเลของเรื่องราวมากกว่า ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้น ณ. นิวยอร์คซิตี้ ประเทศอเมริกา บทง่ายๆแต่วิธีถ่ายทอดมันออกมาลึกซึ้งอย่างแรง การถ่ายภาพ และ องค์ประกอบต่างๆทำเอาหนังงดงามจนบอกได้ว่า "หลงรักหัวปักหัวปำก็ว่าได้!" ที่สำคัญมันเป็นหนังเรื่องแรงของ เจี๊ยบ-สุวินิภา แล้วก็พลังการแสดงที่น่าประทับใจอีกเรื่องของ "ชาคลิต" ด้วย คือสิ่งที่ชมคือองค์ประกอบหนังที่นำพาหนังที่เนื้อเรื่องง่ายๆนำไปสู่ความลงตัวที่มิอาจจะละความรู้สึกไปได้ ก็เป็นหนังอีกเรื่องของยุทธเลิศที่ผมชอบต้นๆก็ว่าได้ ยอมรับว่าพี่เขาทำหนังได้ดีทั้ง 2 แนวจริงๆครับ (9.5/10)

ปี 2003 - บุปผาราตรี .... เรื่องนี้หลังจากที่ปีเดียวกัน เขาทำให้คนดูส่วนใหญ่สะกดความรู้สึกมาแล้วกับครั้งตอนที่ทำ กุมภาพันธ์ คราวนี้มาถึงช่วงปลายปีของปีนั้นเขาก็สร้างความประทับใจให้กับคนดูหนังอีกครั้ง เมื่อเขามาทำหนังฟอร์มเล็ก (อิสระ) ที่เป็นหนังที่หลากหลายแนวไม่ว่าจะ "รัก-ตลก-สยองขวัญ-ชีวิต" ที่นำมาเข้ากันได้ลงตัวอีกครั้ง แล้วมันก็กลายเป็นหนังที่ฮิตเกินคาดเสียด้วย แถมทำเงินเกินคาดด้วย (สามารถถล่มรายได้หนังที่ฉายช่วงเดียวอย่าง "The Matrix Revolution" และ "Kill Bill Vol.1" ) หนังเรื่องนี้จะเรียกได้ว่า เขาสร้างด้วยกึ๋นของเขาอีกครั้ง เขานำความฉลาดของเขานำสู่หนังอย่างน่าภูมิใจ และเป็นการแปลกใหม่ที่เขาสร้างให้แก่วงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง หลังจาก 3 ผลงานที่แล้วทำให้คนดูหนังในไทยโดนใจมาแล้วหลายราย หนังพูดถึง "ความรักของผู้ชายที่มองผู้หญิงเป็นว่าเล่น และความรักของผู้หญิงที่รักผู้ชายคนนึงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แล้วหวังว่าผู้ชายที่เขาหลังรักที่มองเขาเมื่อขี้ก้นบุหรี่ จะหันมารักเขาเหมือนเป็นคนรักจริงๆคนนึง" หนังไม่ได้มีแค่เรื่องราวพระนางในเรื่องยังมีเรื่องราวซับ-พล๊อตของผู้คนในอพาร์ทเม๊นท์ที่นางเอกของเรื่องอาศัยอยู่อีกด้วย! เป็นหนังอีกเรื่องที่ยุทธเลิศใช้ไอเดียสุดเฉียบของเขากลับมาถ่ายทอดอีกครั้ง และมันก็กลายเป็นหนังฮิตระดับแฟรนไชร์จนต้องสร้างภาคต่อโดนไม่รู้ตัว! (8.5/10)

ปี 2004 - สายล่อฟ้า .... นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องของเขาที่ผมโดนใจเช่นกัน (ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ช่วงมือตกอย่างเต็มที่ แบบที่ไม่มีใครคาดคิด แม้กระทั่งตัวผมด้วย) นี่คงเป็นหนังที่คำหยาบเยอะสุดๆของผกก.ยุทธเลิศก็ว่าได้ เพราะเขาตั้งใจจะทำหนังตลกแรงๆซักเรื่องนึงที่ขอให้แรงกว่าหนังเรื่องแรกที่เขากำกับไปเลย หนังนำเพลงของอัศนีย์-วัสสันมาตั้งเป็นชื่อเรื่อง โดยที่มีเนื้อเรื่องเหมือนกับชื่อเรื่องคือการแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยที่ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรตามมา ถึงแม้ผมจะโดนใจหนังเรื่องนี้ของเขา แต่เชื่อๆว่าหลายๆคนคงจะไม่ค่อยประทับใจหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นเพราะว่าบางคนได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้หลายรอบก่อนเข้ามาดูในโรง แต่ก็ต้องมาผิดหวังเมื่อมาพบว่ามุขตลกในหนังถูกปล่อยออกมาตอนตัวอย่างหนังแล้ว จึงผิดหวังไปตามๆกันแต่ผมกลับไม่ผิดหวัง เพราะหนังที่ผมดูช่วงนั้นไม่มีตัวอย่างหนังเรื่องนี้ออกฉายให้ดูเลย โดยรวมผมชอบมุขในหนังเรื่องนี้มันออกแนวเถื่อนอย่างลงตัว เหมือนภาษาพูดแบบชาวบ้านทั่วไป แถมก็เล่าเรื่องคนพัทยาของเขามันดูเป็นกันเองและทั่วถึงมาก และการแสดงของโหน่งและเต๋ายังครองใจไม่รู้ลืม โดยเฉพาะเต๋าถึงเป็นแค่เพื่อนพระเอก แต่ผมรู้สึกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้เขาเป็นตัวชูโรง (8.5/10)

ปี 2005 - บุปผาราตรี เฟส 2 .... นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เขาเข้าสู่การทำงานในรูปแบบมือตกอย่างเป็นทางการ จริงๆผมว่าไม่ค่อยเห็นหนังไทยภาคต่อที่ทำได้ดีสู้ภาคแรกได้ซักเท่าไหร่ เรื่องนี้ก็เช่นกันครับ หนังถูกได้รับการทำภาคต่อก็คงเป็นเพราะว่าความสำเร็จของภาคแรกมันดังอย่างมากมาย จนต้องมีภาคต่อตามประเพณีแต่พูดจริงๆนะ หนังค่อนข้างอยู่ในระดับแย่มากจนสามารถเกิดความสงสัยว่า "นี่คือผลงานของยุทธเลิศเหรอ ?" ผมว่าหนังที่หลายคนด่าก่อนหน้านี้ของเขายังดีกว่าหนังเรื่องนี้ แต่พูดจริงๆนะ เขาได้นำเสนอสิ่งที่เคยเสนอไปแล้วในภาคแรก กลับมานำเสนออีกครั้งในหนังภาคต่อนี้ แล้วมันกลับรู้สึกไม่ได้ผลซักเท่าไหร่! เพราะบทหนังแทบจะไม่มีอะไร มันแทบจะไม่มีประเด็นดีๆแบบที่ภาคแรกทำไว้ แล้วก็มันสร้างความรู้สึกตอนดูประมาณว่า "นี่คือหนังเรื่องเดียวกับภาคแรกเหรอ ?" น่าผิดหวังมากๆกับงานยุทธเลิศเรื่องนี้ เพราะแทนที่เราจะได้หนังภาคต่อที่ทำได้น่าประทับใจแบบภาคแรก กลับทำได้น่าผิดหวังกว่าที่คาดคิดจนหนังกลายเป็น 1 ในหนังไม่โดนประจำปี 2005 ก็ว่าได้! ยอมรับว่าสยองและตลก แต่มันรสชาติเดิมๆแถมไม่กลมกล่อมเท่ากับภาคแรก (4.5/10)

ปี 2006 - กระสือวาเลนไทน์ .... นี่เป็นมือตกอีกเรื่องของเขาก็ว่าได้ แทนที่เขาจะได้ทำ "อีติ๋มตายแน่" หรือ "One Man Show" เขากลับได้ทำหนังเรื่องนี้! ซึ่งเป็นหนังที่เขาคิดว่าจะเป็นหนังทำขั้นช่วงระหว่างโปรเจคที่เขาอยากทำ แต่สุดท้ายพอเขาได้ทำเสร็จก็ไม่ได้ทำอีก! เพราะมีปัญหาเรื่องทุนสร้างบางประการจนหนังยังไม่สามาระอนุมิตที่จะสร้างได้ หนังเรื่องนี้เนื้อหาจริงๆน่าสนใจมาก และก็ดูมีสาระเท่าที่ควร แต่ความจริงมันห๊วยห่วยอย่างมาก เพราะหนังแทบไม่มีความเป็นยุทธเลิศเลยแม้แต่นิด มุมมองที่เขาเคยทำหนังก่อนๆกลับไม่มีอยู่ในหนังเรื่องนี้เลย ยกเว้นเรื่ององค์ประกอบหนัง คงเป็นเพราะหนังเรื่องนี้เหมือนเขาไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ จึงเหมือนรู้สึกให้ทำแบบโดนบังคับ หนังจึงออกมาดูไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ (ถึงแม้ว่าจะมีคนดูที่ชอบ) แต่หนังที่มีสาระ, ความกลมกล่อม, ความสนุก, ความลงตัว และ ความประทับใจในหนังของเขา กลับหายไปไหนในหนังเรื่องนี้ ? เสียดายอย่างแรงที่เนี๊ยเป็นหนังของเขาที่สร้างความผิดหวังอยู่พอควร แถมการบรรยายเรื่องในความเป็นเขากลับใช้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ โดยรวมจะเรียกได้ว่ามือตกระดับ 2 ของเขาก็ว่าได้ (2.5/10)

ปี 2007 - โกยเถอะเกย์ .... นี่เป็นหนังมือตกของเขา ที่เรียกได้ว่ามือตกในระดับที่สุดๆไปเลย ไม่น่าจดจำอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่าเป็นหนังที่เขาทำแบบเล่นๆและไม่ได้ตั้งใจจึงไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหนดี ???? สุดท้ายมันก็เน่าแบบไม่น่าจำอย่างแท้จริง คือยอมรับว่าหนังฮานะครับ แต่หนังกลับสะเปะสะปะและเนื้อเรื่องมันก็แทบไม่มีอะไรเลย จึงเป็นหนังที่ผมขอยกให้เป็นสุดห่วยของเขาก็ว่าได้ครับ! เสียดายนะครับ ที่จากผ่านมาเขาทำหนังได้โดนๆหลายเรื่อง แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเขากลับทำหนังได้มือตกอีกครั้งจนแทบไม่อยากจะเหลียวมองอีกเลย ง่ายๆ 3 ผลงานที่ผ่านมานะ เหมือนโดนพี่แกหักหลังแบบบอกไม่ถูกจนเกือบจะให้อภัยไม่ได้! (3/10)

ปี 2008 - รัก|สาม|เศร้า .... หลังจากที่เขาอยู่ในช่วงมือตกติดกันถึง 3 เรื่อง ในที่สุดเขาก็กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง กับบริษัทที่เคยแจ้งเกิดเขาในหนังบางเรื่อง เขานำสิ่งที่เคยถนัดตั้งแต่สมัยครั้งที่เขายังเป็นนักเขียนบท กลับมาใช้ในหนังที่เขาพยายามใช้ใจสร้างอีกเรื่อง แล้วเป็นหนังที่นำส่วนผสมระหว่าง "รักออกแบบไม่ได้" และ "กุมภาพันธ์" มาผสมกันในแบบที่คนดูคงเคยสัมผัสมาแล้ว แต่เรื่องนี้จะแตกต่างกว่าที่ผ่านมา เพราะมันจะเข้าถึงความรู้สึกคนจริงๆมากกว่าที่เป็นเรื่องราวแบบอิงนิยายในหนังบางเรื่องของเขา อารมณ์หนังออกแนวประมาณ Knocked Up และ Closer อย่างมาก มันเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นในสังคมที่คนดูสร้างสัมผัส ไม่ว่าจะการใช้วาจาของตัวละครในเรื่องและการแสดงอารมณ์ของตัวละครในเรื่องเช่นกัน เรื่องราวของหนังประมาณ รักออกแบบไม่ได้ แต่ตัดเรื่องราวเน้นเพื่อน 3 คน มากกว่าที่จะเป็นกลุ่มเพื่อนแบบเรื่องนั้น ซึ่งความเป็นเพื่อนมันทำให้เกิดความรักซ่อนเร้น ที่มันทำให้เกิดรักสามเศร้าอย่างไม่รู้ เมื่อเขาหลงรักเธอ แต่เธอพึ่งเจ็บช้ำจากรักที่พึ่งร้าว และเขาก็ไม่เคยรู้ว่ามีเธออีกคนที่หลงรักในตัวเขามานานแล้ว ความจริงเรื่องราวความรักแทนที่มันจะเป็นความรักใครๆ กลับกลายเป็นความรักที่ได้แค่เพื่อนมากกว่า มันเป็นหนังที่ลงตัวในจุดนึงมากๆ เมื่อให้เห็นถึงอารมณ์ความเป็นจริงที่ทำให้คนดูสามารถเข้าถึงได้ แต่พูดจริงๆนะ หนังยังมีข้อเสียของมันอยู่เยอะพอสมควร เช่นความไม่ค่อยสมเหตุสมผลของบางตัวละคร และเนื้อเรื่องบางช่วงที่ดูหลุดๆจนมิอาจจะเชื่อถือได้ แถมแอบมีอารมณ์หงุดหงิดกับเสียงฮาในโรงด้วย (ผมคนนึงที่ไม่เข้าใจว่า คนดูมันจะขำอะไรนักหนา หนังมันยังไม่มีฉากตลกเลย จะขำทำไมมิทราบอ่ะครับ โดยเฉพาะไอ้ฉากชี่อ่ะ มันน่าขำเหรอครับ ?) แต่โดยรวมนี่เป็นงานของยุทธเลิศที่ทำได้ดีสุดๆนับตั้งแต่ "รักออกแบบไม่ได้" อย่างน้อยหนังเรื่องนี้เขาก็คืนฟอร์มความเป็นตัวเขาได้อีกครั้งแล้ว และหวังว่าคงได้เห็นงานที่คงเส้นคงวาแบบนี้อีกครั้งของเขาอย่างต่อเนื่อง (9/10)

ปี 2008 - อีติ๋มตายแน่ .... มาถึงเรื่องล่าสุด กลับกลายเป็นหนังที่สร้างความเซอร์ไพรซ์มากๆ นี่ไม่เชิงว่าเป็นหนังรัก แต่มันเป็นหนังชีวิตที่ใส่มุขตลกแบบพื้นบ้านไทยๆ หนังเล่าเรื่องของตัวละครที่เป็น LOSER อีกครั้ง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพัทยา ซึ่งหนังมีส่วนที่เป้นแนวถนัดของยุทธเลิศอยู่เยอะพอสมควร หนังเลยออกมาดูเป็นธรรมชาติสุดๆในแบบความเป็นหนังของเขา ที่สำคัญหนังเรื่องนี้เป็นหนังประเภทฮาๆเน้นสาระที่แทบไม่มีคำหยาบซักตอนในเรื่องเลยแม้แต่นิด (ยกเว้น ตู-เมริง) ซึ่งค่อยประทับใจมากเพราะปกติเมื่อพูดถึงฉากฮาในหนังของเขา หรือพวกหนังตลกที่เขากำกับ จะต้องมีพวกสัตว์เลื้อยคลานต่างๆโผล่มาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แต่เรื่องนี้แทบมีน้อยมากๆๆๆ ซึ่งต้องชมที่เรื่องนี้เขาค่อนข้างที่จะมีวิวัฒนาการทำหนังมากกว่าเดิมแล้ว สิ่งนึงที่โดนใจคือมุขหนังเล่นล้อประเด็นการเมืองได้ฮามากๆ และมุขมันดูไม่ยัดเยียดเท่ากับหนังไทยอย่าง บุญชู 8 ซักเท่าไหร่! คือทุกอย่างในหนังเรื่องนี้มันดูเป็นธรรมชาติ อารมณ์หนังคล้ายๆกับหนังเรื่อง School For Scoundrels ผสมกับอารมณ์ช่วงท้ายๆของหนังคล้ายๆกับช่วงท้ายๆเรื่อง Forgetting Sarah Marshall ด้วย! สิ่งนึงที่ต้องชมยุทธเลิศคือ เขาใช้ความสามารถได้สุดกำลังกับหนังเรื่องนี้อย่างโดยตรง จึงได้รับความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้แบบเต็มที่ไปเลย ที่สำคัญคือฉากมวยนี่แบบว่าสนุกมากๆครับ ลุ้นมันส์ๆแบบหนังเรื่อง Cinderella Man ไปเลยอ่ะ แล้วก็ด้วยความที่หนังถ่ายในแบบ Widescreen ทำให้รู้สึกว่ามันเพิ่มความลงตัวไปกับตัวหนังอีก ต้องยอมรับว่ายุทธเลิศเขามีความพัฒนาจริงๆ (หลังจากที่ครั้งตอนที่เขามือตกทำให้ผมเกือบจะเกลียดเขาเข้าไส้ไปเลย) และการแสดงของโน๊ส-เชิญยิ้ม ผมยอมรับเลยว่านี่งานการแสดงที่ดีสุดๆของเขาก็ว่าได้ เรียกได้ว่านี่เป็นการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติสุดๆที่เขาแสดงมา และก็เหมือนใช้ความสามารถจากเดี่ยวของเขา ถ่ายทอดเข้าสู่การแสดงภาพยนตร์อย่างเต็มที่แท้จริง หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็น 1 ในหนังที่ผมชอบสุดๆของยุทธเลิศก็ว่าได้ (9.5/10)

.... แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกับหนังเรื่องนี้กับหนังเรื่องอะไรที่ผ่านมาของยุทธเลิศ ผมคงขอเปรียบเรื่องนี้กับเรื่อง สายล่อฟ้า และ มือปืน/โลก/พระ/จัน เพราะหนังทั้ง 2 เรื่องนี้มันพูดถึงคนที่เป็น LOSER ในสังคมไทยจริงๆที่มันดูไม่เฟคและตรงไปตรงมา แถมมุขตลกที่สอดแทรกในเรื่อง มันเสียดสีในสะท้านใจความรู้สึกแบบไม่รู้ลืม ซึ่งใน "อีติ๋มตายแน่" เป็นสิ่งที่ยุทธเลิศเคยนำเสนอมาในหนังของเขามาแล้ว เพียงแต่ปรับเปลี่ยนให้ความรู้สึกของหนังจากมันน่าจะออกแนวเถื่อนๆกลับดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และก็ผมรู้สึกว่า ยุทธเลิศ ต้องการที่จะนำเสนอหนังเรื่องนี้ในแบบโน๊ส อุดม ก็แปลงให้หนังเรื่องนี้ กลายเป็นหนังที่ให้ตามหาหัวใจตัวละครของเรื่องว่า "เราเป็นใครกันแน่ ?" สิ่งนึงคือนอกจากพวกมุขและสาระ พร้อมกับการแสดงอันทรงคุณค่าของโน๊ส-อุดม หนังมันเต็มไปด้วยความบันเทิงเต็ม 100 แบบอิ่มๆๆ และก็ทำให้คนดูรู้สึกฟีลกู๊ดหลังจากหนังจบ ซึ่งทั้ง สายล่อฟ้า และ มือปืน/โลก/พระ/จัน เคยสร้างความประทับใจแบบนี้มาแล้ว แต่ในอีติ๋มกลับทำได้เหนือกว่าที่คิดไว้เสีย

- ต่อไปนี้เป็นลำดับความชอบหนังยุทธเลิศของผมอ่ะครับ! (จากชอบไปเกลียดนะครับ!)

โอเน็กกาทีฟ รักออกแบบไม่ได้ ---> กุมภาพันธ์ --->อีติ๋มตายแน่ ---> รักสามเศร้า ---> บุปผาราตรี ---> สายล่อฟ้า ---> มือปืน/โลก/พระ/จัน ---> บุปผาราตรี เฟส 2 ---> โกยเถอะเกย์ ---> กระสือวาเลนไทน์
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 51 02:22:52

จากคุณ : billy bob - [ 11 ต.ค. 51 02:22:39 ]