PANTIP.COM : A7089047 body ศพ 19 ... ขอลองวิจารณ์ดูครับ (spoil) [ภาพยนตร์]

body ศพ 19 ... ขอลองวิจารณ์ดูครับ (spoil)

แบบว่าพึ่งได้ดูน่ะครับ ดูพร้อม ๆ กับ memory รักหลอน

นี่เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ผมชื่นชมมากในแง่การเป็นหนัง psychothriller .... และคิดว่าดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา ทุกประเด็นในเรื่องสามารถอธิบายทางจิตวิทยาได้ ซึ่งต่างจากตอนที่ดู memory รักหลอนมาก ซึ่งอันนั้นดูแล้วมีแต่ความงงและสงสัย

เพื่อให้เขียนอธิบายได้ง่ายขึ้น จึงขอเรียงลำดับการเล่าเรื่องใหม่ตามลำดับเวลานั่นคือ

เมื่อหมอสุธีคิดที่จะตีจากดารารายผู้เป็นภรรยาน้อย เธอได้ขู่เขาว่าหากคิดจะทิ้งเธอไป เธอจะแฉและเอารูปถ่ายของเธอกับเขาให้คนอื่น ๆ และภรรยาของเขาดู นั่นทำให้หมอสุธีคิดที่จะฆ่าเธอ เพื่อปกปิดความผิดที่เขาไปนอกใจภรรยา
เมื่อดารารายรู้ตัวว่าจะถูกหมอสุธีฆ่า ก่อนที่เธอจะหมดสติไปจากยานอนหลับ เธอได้ทำการสะกดจิตหมอสุธีไว้สองอย่างนั้นคือ
1. “ทุกครั้งที่คุณได้ยินเพลงนี้ ขอให้คุณรู้สึกแต่ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างเราสองคน”
2. “แต่ถ้าคุณคิดจะทิ้งฉันไป ขอให้เพลงนี้มันเตือนคุณ ถึงความผิดที่คุณได้ทำไว้กับฉัน มันจะครอบงำคุณไปเรื่อย ๆ แม้ฉันจะหายไปไหนก็ตาม คุณจะไม่มีวันลืมฉัน ”
ขณะที่หมอสุธีนั้นกำลังชำแหละศพดาราราย เพื่อทำลายหลักฐานทิ้ง ก็ต้องพบสิ่งที่ตกใจยิ่ง นั่นคือเขาได้เจอเด็กทารกในท้องของดาราราย ซึ่งก็คือลูกของเขานั้นเอง .... สิ่งที่เจอนี้ทำให้สุธีเสียใจจนแทบคลั่ง

ข้ามมาในงานคอนเสิร์ต เมื่อหมอสุธีนั่งฟังเพลง “คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” สิ่งที่ดารารายสะกดไว้ข้อ 2 ก็จะแสดงผล นั่นคือ หมอสุธีนั้นก็จะคิดถืงดาราราย รวมทั้งคิดถึงความผิดบาปที่ตัวเองได้ก่อขึ้น .... ความผิดบาปที่ครอบงำหมอสุธีนั้นคงมากเกินกว่าที่สภาพจิตใจของเขาจะรับได้ มีผลทำให้กลไกทางจิต นั้นทำการแยกจิตออกมาให้มีอีกบุคลิกภาพหนึ่ง นั่นคือชลสิทธิ์ (เพื่อให้เป็นบุคลิกภาพที่ไม่รับรู้ความชั่วร้ายที่หมอสุธีได้ก่อเอาไว้) และเขาก็กลายเป็นชลสิทธิ์ก่อนที่จะเดินออกจากงานคอนเสิร์ตกลับไป ซึ่งอาการนี้ก็คืออาการคนหลายบุคลิก หรือ multiple personality disorder นั่นเอง

การที่บุคลิกชลสิทธิ์นั้นบางครั้งก็เห็นภาพหลอน (auditory hallucination) เป็นศพเด็กทารก หรือ แมวดำคาบชิ้นส่วนศพ หรือฝันร้ายซ้ำ ๆ ถึงภาพศพหญิ่งที่ถูกชำแหละ................ นั้นเป็นเพราะว่า ถึงแม้จะแยกบุคลิกภาพออกมาเป็นอีกคนหนึ่งที่ในระดับจิตสำนึก (conscious) นั้นจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่หมอสุธีได้ทำ แต่ยังไงจิตใต้สำนึก (unconscious) ข้างในนั้นก็ยังคงเป็นคน ๆ เดียวกัน ภาพหลอน ฝันร้ายที่เห็นนั้นเกิดจากจิตใจส่วนที่เป็นศีลธรรมและความดีงาม (superego) ของเขานั้น ที่ยังคงรู้รับถึงความผิดบาปนั้นคอยออกมาย้ำเตือน ลงโทษถึงสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป

การที่หมอสุธีนั้นสร้างอีกบุคลิกออกมาเป็นชลสิทธิ์นั้น นั่นคงเป็นเพราะ ชลสิทธิ์นั้นเป็นน้องของดารารายที่หมอสุธีนั้นช่วยไม่ได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิด และเสียใจมาก ส่วนหนึ่งของจิตใจเขาปฏิเสธ ไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงสร้างบุคคลิกนี้ขึ้นมา เท่ากับเหมือนกับว่าชลสิทธิ์นั้นยังไม่ตาย เป็นการลดความรู้สึกผิดในจิตใจของเขา ในขณะที่ “เอ๋” นั้น ไม่มีตัวตนจริง ๆ เป็นเพียงภาพหลอน หูแว่ว (auditory hallucination) และความหลงผิด (delusion) ของบุคลิกชลสิทธิ์เท่านั้น

ส่วน “เอ๋” นั้นไม่มีตัวตนจริง ๆ เป็นเพียงภาพหลอนและความหลงผิดของบุคลิกชลสิทธิ์เท่านั้น เอ๋นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของดาราราย (จะเห็นว่าเอ๋นั้นจะมีอะไรเหมือนดารารายนั่นคือ เอ๋นั้นเป็นพี่สาวของบุคลิกชลสิทธิ์ และเอ๋นั้นเหมือนเป็นภรรยาน้อย ที่มีใครสักคนคอยเลี้ยงดูอยู่ ซึ่งคน ๆ นั้นก็เทียบได้กับหมอสุธี บ้านที่ชลสิทธิ์ไปอยู่ก็เป็นบ้านที่ดารารายเคยอยู่) ที่เป็นแบบนี้นั้นก็น่าจะเพราะการที่สร้างให้เอ๋ (ซึ่งเสมือนเป็นดาราราย) ยังมีชีวิตอยู่ เท่ากับเหมือนดารารายยังไม่ตาย นั้นเป็นการลดความรู้สึกผิดของจิตใจหมอสุธี และยังทำให้”ชลสิทธิ์” นั้นยังได้อยู่กับ “เอ๋” ซึ่งเหมือนกับ“หมอสุธี” ยังได้อยู่กับ”ดาราราย” ยังไม่ได้ทิ้งเธอไปนั่นเอง (หากยังจำได้ตอนที่ชลสิทธิ์ตัวจริงประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตนั้น ดารารายได้พูดกับหมอสุธีว่า “คุณอย่าทิ้งฉันไปนะ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น คุณอย่าทิ้งฉันไป” ...)

ส่วนคนที่ฆ่า “นก” และ “หมอจิ๊บ” ก็คือตัวหมอสุธีเอง เพราะต้องการหลีกหนีปกปิดความผิดของตัวเองที่ได้กระทำ จนต้องทำความผิดบาปซ้ำซากยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนสุดท้ายขณะที่หมอสุธีนั่งรถพยาบาลอยู่แล้วได้ยินเสียงเพลง “คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” อีกครั้ง นั่นทำให้การสะกดจิตมีผลอีกครั้ง คือกระตุ้นความผิดบาปของหมอสุธี จนเขามองเห็นภาพหลอนของดารารายจนต้องวิ่งลงจากรถและประสบอุบัติเหตุอันน่าสยดสยอง

จากคุณ : ผมอยากที่จะเชื่อ - [ 11 ต.ค. 51 11:30:01 ]