ความคิดเห็นที่ 1 ความเลวทรามครั้งสุดท้ายที่ทำให้มันถูกจับได้ ปรากฏขึ้นเมื่อเดือน กรกฎาคม  ปี 2532                                นั่นก็คือการที่มันกำลัง         “ใช้กล้องถ่ายรูป ถ่ายร่างเปลือยของเด็กหญิงตัวเล็กๆ! ที่อยู่ในสวนใกล้ๆ บ้านของเธอ!”         ในขณะที่พ่อแม่ของเด็กมาพบเข้า จึงรีบพุ่งตะคลุบตัวในทันที แต่มันกลับหนีไปได้! จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความเลวร้ายสุดสยองที่มันทำไว้นั้น เกิดขึ้น ระหว่างปี 2531 - 2532  ด้วยการ                          "ลักพาตัว" , "ทรมานทางเพศ"                และฆ่าเด็กหญิงอายุ 4 - 7 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตไซตามะและกรุงโตเกียว ถึง 4 คน!            รวมทั้งถ่ายทำวีดีโอขั้นตอนการกระทำต่างๆ ไม่ผิดเพี้ยนเหมือน                              GUINEA PIG : FLOWER OF FLESH AND BLOOD                                              !? จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 และมันยังให้การว่า         "เมื่อลักพาตัวเหยื่อมาถึงที่พัก มันจะฆ่าหั่นศพเป็นชิ้นๆ!"          จากนั้นจึงเอาซากศพมาวางไว้ข้างที่นอนเพื่อข่มขืน                                                                            นอกจากนั้น                    ยังเอาชิ้นส่วนศพบางชิ้นไปทำอาหาร และดูดเอาเลือดของเหยื่อมาดื่มกิน ในขณะที่ศพของหนูน้อยคนหนึ่งถูกมันกินแขน!... จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ...เท่านั้นยังไม่พอ ฆาตกรโรคจิตคนนี้มันยังข่มขู่ครอบครัวของหนูน้อยผู้ตกเป็นเหยื่อ ให้ร้าวรานและเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เช่น...                  "ส่งภาพหนูน้อยที่ถูกมันฆ่าตาย ซึ่งถูกตกแต่งด้วยกราฟฟิกพร้อมข้อความเขย่าขวัญ หรือส่งภาพถ่ายเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ไปให้พ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านี้ได้รับรู้เพื่อสัมผัสกับความเจ็บปวดในหัวใจ"       "โทรศัพท์ก่อกวนครอบครัวผู้สูญเสียลูกน้อยโดยไม่พูดอะไร นับชั่วโมง!"       "ตัดแขน และขาของหนูน้อย จากนั้นสิ้บเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผสมกับแป้ง! และส่งไปให้ครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย"       "เผาศพของเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่ตกเป็นเหยื่อ แล้ววางกระดูกของหนูน้อยไว้ที่บันไดหน้าบ้านของเธอ         พร้อมเขียนจดหมายบรรยายความเหี้ยมโหด ถึงสื่อมวลชน ครอบครัวเหยื่อ รวมถึงตำรวจ!"         นี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งจะทำสิ่งที่เลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ ด้วยการลงมืออย่างโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ไร้สามัญสำนึก... จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ...แต่ก่อนที่จะมา รับรู้ถึงความเลวร้ายของชายคนนี้ ขอนำเสนอเรื่องราวของ...                  GUINEA PIG : FLOWER OF FLESH AND BLOOD             ...ว่ามันคือหนังอะไร...ทำไมถึงโหดและเป็นแรงบันดาลใจร้ายๆ ให้กับคนๆ หนึ่งได้ถึงเพียงนี้... จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ครั้งหนึ่งเคยปรากฏข่าวใหญ่โตข้ามประเทศจากญี่ปุ่นไปอเมริกา เมื่อ “ชาลี ชีน” นักแสดงงของฮอลลีวู๊ด และผู้กำกับ "อดัม ริฟกิน"                    ร่วมกันแจ้งความกับทางตำรวจว่าได้ดู                                   “สนัฟฟ์ฟิลม์”    ในรูปแบบของวีดีโอเทปสุดโหดซึ่งเป็นวีดีโอที่คนญี่ปุ่นใส่ชุดซามูไร กำลังฆ่าคน จากการที่ทั้งสองได้ดูในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง                                          ส่งผลให้ตำรวจแห่งสหรัฐฯ ต้องวุ่นวาย          และมีการลงพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่  3 - 4 วัน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืม.. คุณเอ๋ taxi วันนี้มาโหดจังแหะ..  =_____= จากคุณ : Baritoreca - [ 15 ต.ค. 51 22:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 “เพราะสนัฟฟ์ฟิล์ม (SNUFF FILM)"         หมายถึงภาพยนตร์ใต้ดิน เถื่อน ดิบ ถ่อย ที่มีการลักลอบผลิตในวงการภาพยนตร์ใต้ดิน ผลิตออกจำน่ายให้กับลูกค้าเงินหนา        ผู้ต้องการเสพความตายอย่างทรมาน และการทารุณบุคคลอื่นอย่างน่าสยองขวัญ!             เพราะความโหดที่ปรากฏบนแผ่นฟิลม์นั้นคือ การฆ่ากันจริงๆ!...” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กระทู้นี้เอาไปเลย 7 กะโหลก... จากคุณ : don_custom - [ 15 ต.ค. 51 22:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่แล้วผลของการตามหา วีดีโอ เทปม้วนนั้นข้ามประเทศไปไกลถึงญี่ปุ่น กลับต้องหน้าแตกและเสียงบประมาณการติดตาม                   เพราะสิ่งที่ปรากฏ เป็นเพียงภาพยนตร์ของ                                    “อาจารย์ อาจารย์ฮิโนะ!”                               นักเขียนการ์ตูนสยองขวัญ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ...นี่คือบางตัวอย่าง ผลงานการ์ตูนของ อาจารย์ ฮิโนะ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ...                  ที่แม้มันไม่ใช่การ์ตูนใต้ดิน ที่เรียกว่า "เกคิกะ"               แต่การ์ตูนของ อาจารย์ ฮิโนะ นั้น เครียด และจริงจังกว่าผลงานของอาจารย์ จุนจิ อิโต้ ที่มีแฟนๆ ติดตามผลงานมากมายในบ้านเรา แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 22:56:21 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ...ส่วนนี่คือ บางผลงานของอาจารย์ จุนจิ อิโต้ ที่หลายๆ คนชอบ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 22:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สยองงง จากคุณ : maprangoz - [ 15 ต.ค. 51 22:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 และนอกจากการเป็น นักเขียนการ์ตูนแล้ว อาจารย์ฮิโนะ ยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เขย่าขวัญของญี่ปุ่น ในซีรี่ยส์                                                            “GUINEA PIG”            ซึ่งเป็นภาพยนตร์ “เลียนแบบ” สนัฟฟ์ฟิลม์ ประกอบด้วยซีรีส์หลายตอน อาทิ                          THE DEVIL'S EXPERIMENT                         FLOWER OF FLESH AND BLOOD                                    HE NEVER DIES จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมรู้สึกเศร้าใจจริง ๆ จากคุณ : lyonheartz (lyonheartz) - [ 15 ต.ค. 51 23:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับที่ ชาลี ชีน ได้ดูนั้น คือส่วนของ                              GUINEA PIG : FLOWER OF FLESH AND BLOOD (1985)                     ภาพยนตร์สารคดี การชำแหละคนเป็นๆ! ที่มีกลวิธีการสร้างให้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ มีความสมจริงเกินกว่าการแยกแยะ ระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง กับการถ่ายทำจัดฉาก จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:02:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สิ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์ แสดงถึงวิธีการฆ่าหั่นศพ ของฆาตรกรเลือดเย็น ที่สวมใส่ชุดซามูไร         หนังบอกเล่าและกระทำการฆ่าเหยื่อตั้งแต่ การให้ยาที่มีความรุนแรงถึง ขนาดที่ทำให้เหยื่อไร้ความรู้สึก      ขณะที่เหยื่อยังคงมึนเมา มุนงง และมีลมหายใจจากการถูกวางยา ฆาตรกรโหดจะเริ่มหั่นชั้นส่วนของเหยื่อออกทีละชิ้น ตั้งแต่ แขน ขา ผ่าท้องควักไส้ ไปจนถึงตัดคอ และควักลูกตา จนเลือดท่วมจอ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลังจากเหยื่อถูกตัดเป็นชิ้นส่วนหมดแล้ว ฆาตรกรจะพูดต่อหน้ากล้องและแสดงของสะสมคือแสดงชิ้นส่วนมนุษย์  ซึ่งมีทั้ง หัว แขน ขา ลำไส้ มือ ลูกตา เต็มไปด้วยหนอนชอนไชกัดกิน       จึงส่งผลให้ผู้ชมจำนวนมากคิดว่า นี่คือสนัฟฟ์ฟิล์มของแท้ กลายเป็นเรื่องฉาวไปทั่ว โดยเฉพาะในหนังเรื่อง 8 MM. ที่มี นิโคลัส เคจแสดงนั้น ตอนหนึ่งในหนัง กล่าวถึงภาพที่มีชายในชุดซามูไรถือ ชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์อยู่ด้วย จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ทั้งนี้ อาจารย์ฮิโนะได้มีการเก็บภาพของเบื้องหลังการถ่ายทำไว้ด้วย ซึ่ง เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า หนังเรื่องนี้เป็นการจัดฉากสร้างขึ้น มิได้ เป็นสนัฟฟ์ฟิล์มแท้อย่างที่ ชาลี ชีน เข้าใจ ทำให้พ้นจากข้อกล่าวหาในที่สุด จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 “แต่แล้วสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่                              “ฆาตกรโรคจิตตัวจริง”                                     ที่เรียกว่า                                     “มนุษย์หนู”   ได้ทำการฆ่าหั่นศพเด็กๆ ผู้บริสุทธิ์และ “กิน” ชิ้นส่วนของหนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นไปหลายราย!” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 “มันคือ นาย “ซิโตมุ มิยาซากิ” วัย 45 ปี ซึ่งมันถูกจับได้จากการก่อคดีในครั้งสุดท้าย จากการทำวิตถารกับหนูน้อย                   แต่หนีการคุมตัวของพ่อแม่ของหนูน้อยไปได้        ทว่าเมื่อมันกลับมาเอารถที่จอดอยู่ใกล้ๆ ตำรวจท้องถิ่นซึ่งวางแผนซึ่งดักจับอยู่แล้วจึงเข้าควบคุมตัวทันที! และสื่อต่างๆ ได้ขนานนามมันว่า                                    ‘Cannibal Nerd’!” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แง้...จะนอนหลับมั้ยอ่ะ TT^TT จากคุณ : doxday - [ 15 ต.ค. 51 23:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 น่ากลัวมากค่ะ จากคุณ : ningpari - [ 15 ต.ค. 51 23:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/06/A4431584/A4431584.html ลองไปค้น ๆ ดู เจอกระทู้เก่าของคุณจ่าฯ ครับ อ่านทั้งสองกระทู้ หดหู่จริง ๆ จากคุณ : เทวิน - [ 15 ต.ค. 51 23:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26                                          กับคำว่า                                                                        ‘Cannibal Nerd’!”             ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำที่สื่อต่างชาติ ใช้เรียกชายคนนี้ จากลักษณะที่คล้ายๆ กับ                                 "โอตาคุ" ในญี่ปุ่น                     ทำให้ คนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตแบบ โอตาคุ นั้น  ไม่พอใจเป็นอย่างมาก                      และความเป็นจริง จากสื่อญี่ปุ่น ทั้ง หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์ มักจะสร้างความเข้าใจผิดว่า "โอตาคุ" คือกลุ่มคนที่ ปิดตัวเองไม่ยอมรับโลกภายนอก เข้ากลุ่มอยู่กับกลุ่มของตนเอง จนน่ากลัวนั้น                                         แท้จริงแล้ว                  "โอตาคุ" ไม่ใช่ คนที่ไม่มี หรือสร้างปัญหาสังคม เลย                                         แต่คนแบบ                                                                            “ฮิคิโคโมริ”                                                         ต่างหาก...ที่ก่อให้เกิดภัยในสังคมญี่ปุ่น!                                                                          "เหมือนที่มนุษย์หนูเป็น" แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 23:25:33 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ปัจจุบันประชากรชาวญี่ปุ่นกว่าหนึ่งล้านคน ในจำนวนประมาณร้อยยี่สิบล้านคน                            กำลังเผชิญกับสภาวะ                                         “ฮิคิโคโมริ (Hikikomori)”                             ที่สร้างความสับสนทางจิตใน                                          จน"อาจ"           นำไปสู่ “การฆ่าคน” อย่างขาดสติยั้งคิดและคำนึงถึงความผิด-ถูก จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ภาวะ “ฮิคิโคโมริ”                 ไม่ใช่โรคทางจิต แต่เกิดจากปรากฏการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มปรากฏชัดและทวีความรุนแรง มาตั้งแต่ปี 1996  อย่างน่าวิตก (แต่ความจริงแล้วมันมีมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว แต่ไม่ชัดเจน)              ซึ่งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า ฮิคิโคโมริ ได้กระจายไปทั่วเอเชียในยุคสมัยการเข้ามาถึงของโลกอินเตอร์เนต            ทั้งประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และสิงคโปร์ เหตุเพราะเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 00:01:53 แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 23:37:08 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ในขณะเดียวกัน               “การใช้ชีวิตของผู้คน นั้นด้านค่านิยมการทำงานหนัก ที่มีการแข่งขันเพื่อแย่ง หรือแข่งขันความรุ่งเรืองของชีวิตคือปัจจัยที่ทำให้...คนพ่ายแพ้ เห็นว่าตนเองด้อยค่า จึงต้องแยกตัวออกจากสังคม เพื่อหนีจากความอับอาย ถูกกลั่นแกล้ง หรือเย้ยหยัน" จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 15 ต.ค. 51 23:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ฮือๆ ขนลุก.. จะอ้วก สยอง TT-TT จากคุณ : แมงกะพรุนสีรุ้ง - [ 16 ต.ค. 51 00:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับในกลุ่มเด็กๆ นั้น ระบบการศึกษาที่เคี่ยวเข็ญของญี่ปุ่นทำให้เด็กจำนวนมากเครียด และหากพ่ายแพ้ในการแข่งขัน ก็จะถูกการปฏิเสธ หรือการยอมรับในสังคม           "นำไปสู่การเก็บตัว และเกลียดชังผู้คน ดังตัวอย่างของเด็กนักเรียนของญี่ปุ่นบางส่วนที่เก็บกดจากการถูกเพื่อนแกล้งเป็นประจำ”              เด็กกลุ่มนี้มักจะเป็นเด็กผู้ชายซึ่งเป็น ลูกคนโต เด็กเหล่านี้จะไม่ไปโรงเรียน ใช้ชีวิตในห้องส่วนตัว  ส่วนใหญ่จะนอนตอนกลางวันและตื่นตอนกลางคืน        หรือออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปซื้ออาหารจากร้านสะดวกซื้อ โดยมีกิจกรรมในยามค่ำคืนได้แก่ การติดต่ออินเตอร์เนต การเกมคอมพิวเตอร์ อ่านการ์ตูน เล่นเกม และดูโทรทัศน์                                         และต่อมาจะเผชิญกับสภาวะ ฮิคิโคโนริ ในที่สุด                    ซึ่งไม่ใช่ " โอตาคุ" อย่างที่คนจำนวนมากเข้าใจ            “แต่ความหฤโหดของ มนุษย์หนู ก็ได้ทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความรู้สึกสยองกับ ฮิคิโคโมริ อีกครั้ง!”             แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 00:06:51 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รออ่านต่อค่ะ จากคุณ : animE' - [ 16 ต.ค. 51 00:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 21 สิงหาคม 2505             คือวันที่ เด็กน้อย ซึโตมุ มิยาซากิ ลืมตามาดูโลก ด้วยความพิการซึ่งปรากฏอยู่ที่                                           “มือ”       อันไม่สมประกอบไม่เป็นรูปทรง จนเมื่อเข้าเรียนชั้นประถมเพื่อนๆ จึงตั้งตัวรังเกียจและกลั่นแกล้ง                   ทำให้เริ่มเก็บตัวและซึมเศร้า เกรดไม่ค่อยดี และมีความกดดัน                            จนทำต้องทำให้ใช้ชีวิตในกึ่งๆ                                       “ฮิคิโคโมริ”                                       แต่ที่สุดแล้ว                   “หนทางของการเป็นคนขี้แพ้ก็ถูกกระหน่ำเต็มที่”     เมื่อไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความฝันที่ต้องการเป็นอาจารย์สอนภาอังกฤษได้     จึงเบนเข็มเปลี่ยนไปเรียนวิชาถ่ายภาพ และตกแต่งภาพในวิทยาลัยท้องถิ่น จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จนทำให้เกิดความผิดปรกติทางจิต หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการ์ตูนสยอง วีดีโอภาพยนตร์ฆ่าหั่นศพ รวมถึงเซกซ์วิตถาร!                โดยปมต่างๆ ทั้งเรื่องความพิการทางมือ การถูกเพื่อนๆ กดขี่ ความต้อยต่ำ การเป็นคนขี้แพ้ ก็ได้ถูกกระหน่ำออกมา                     "กระทำต่อเด็กเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้"    ...เด็กซึ่งมีรอยยิ้มอันบริสุทธิ์...เด็กๆ ซึ่งมีความหมายสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หลังจากที่มันถูกจับได้ในปี 2532 ชาวไซตามะ ซึ่งถูกหลานของเขาได้ถูกมันกระทำการอันเลวร้าย ต่างสลดใจและคั่งแค้นไปตามๆ กัน เพราะจังหวัดนี้มีสถิติทารุณกรรมเด็กน้อยมาก!                          แต่ทว่าระหว่างการสอบสวน มันยังคงให้การปฏิเสธว่าฆาตกรตัวจริงนั้นไม่ใช่มัน                                         แต่เป็น                                 “มนุษย์หนู” ซึ่งเป็นคู่หู!     พร้อมวาดการ์ตูนโชว์รูปพรรณสัณฐานของมนุษย์หนู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อหลักฐานต่างๆ ฟ้องสิ่งที่มันกระทำอยู่ทนโท่” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แต่เพื่อความเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย      ทางเจ้าหน้าที่จึงส่งตัว “มนุษย์หนู” เข้าวินิจฉัยความป่วยไข้ทางจิตหลายครั้ง จนถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหาร ชีวิตเมื่อปี 2540                                  ศาลอุทธรณ์ยืนโทษประหารชีวิตเมื่อปี 2544                   ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิตเมื่อ 17 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา       แต่ทนายความจำเลยพยายามยกข้ออ้างผู้ต้องหาป่วยทางจิตอย่างรุนแรงและลงมือก่อเหตุร้ายโดยไม่รู้สามัญสำนึก    ทว่าศาลยังยืนยันตามคำพิพากษา โดย ผู้พิพากษา “โทกิยาสุ ฟูจิตะ” แห่งศาลสูงญี่ปุ่นได้กล่าวว่า                   "อาชญากรรมอันโหดร้ายผิดมนุษย์ที่ผู้ต้องหาทำลงไปเพื่อตอบสนองความหื่นกระหายทางเพศของตัวเอง ทำให้ศาลไม่มีช่องว่างใดๆ ที่จะลดโทษให้" จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ดังนั้นการประหารชีวิต มนุษย์หนู ด้วยการแขวนคอ ให้ตายตกตามเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่มันลงมืออย่างโหดเหี้ยม   "เพื่อเป็นตัวอย่าง และเพื่อสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้เกิดขึ้นกับสังคม"                          แต่อีกทางหนึ่งนั้นชาวญี่ปุ่นได้กล่าวกันว่า         ทางหน่วยงานของรัฐ รีบประหารชีวิตของมัน ทั้งที่ศาลยื่นพิจารณาคดีของมันมาหลายปี                        ก็เพราะต้องการกู้ภาพที่เสียไป                     ในเรื่องของการปกป้องสวัสดิภาพของประชาชน             จากการที่ก่อนหน้านั้นประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนการประหาร          ฆาตรกรอีกคนคือ นาย “โทโมฮิโร คาโตะ” ได้ก่อคดีฆาตกรรมหมู่ใน                                       “อะคิบาฮารา”          ซึ่ง อะคิบาฮารา อันเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและวีดีโอเกมขนาดใหญ่ในกรุงโตเกียว        แต่ความจริงแล้ว อะคิฮาบารา ยังมีอีกหนึ่งด้านมืดในเวลาที่ค่ำคืนได้มาถึง ด้วยการเป็นย่านโลกีย์ ที่มีการขายบริการทางเพศหลากหลาย  , เลิฟโฮเต็ล , คาราโอเกะ และบาร์โฮส เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 00:36:24 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 นาย  “โทโมฮิโร คาโตะ”          ฆาตรกรอีกคนผู้ฆ่าหมู่ผู้บริสุทธ์ ด้วยการใช้มีดแทง จนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ในเดือนมิถุนายนปีนี้                                    ซึ่งการกระทำของนายคนนี้ เกิดขึ้น 2 อาทิตย์ก่อนที่จะมีการประหารชีวิต "มนุษย์หนู" จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่น่าตื่นมาอ่านเลย อ่านแล้วจะอ้วก ไม่ไหวแล้วขอไม่อ่านต่อนะคะ (โอ้กกกกกกกกก) // วิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกก่อน จากคุณ : ป้าตัวกลม - [ 16 ต.ค. 51 00:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จากการสืบสวนจากทางหน่วยงานของรัฐนั้น ทราบว่า                 นาย คาโตะ ได้มีการการโพสต์แผนฆ่าคน         เพื่อแจ้งให้ผู้คนได้ทราบถึงความเลวร้ายของเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ทางเว็บไซด์หนึ่งว่า           "มันต้องการขับรถไล่ขยี้ผู้คน หรืออาจจะใช้มีดไล่ฆ่าคน ประมาณวันที่ 5 มิถุนายน"                 แต่แล้วมันได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 8 มิถุนายนแทน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 42 น่ากลัวจังค่ะ ยิ่งเห็นภาพประกอบแล้วยิ่งหลอนใหญ่เลย จากคุณ : Nattyayane - [ 16 ต.ค. 51 00:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ที่สำคัญมันได้รายงานสถานการณ์สดๆ ผ่านการส่งข้อความจากมือถือเข้าสู่เว็บไซด์ทางอินเตอร์เนต ดังต่อไปนี้            “05.21 น. เช้าวันอาทิตย์ ...ผมกำลังไปที่อากิฮาบาระเพื่อฆ่าคน ถ้ารถของผมถูกทำลาย ผมจะใช้มีดแทน ลาก่อนทุกคน”        จากนั้นไม่กี่วินาทีถัดมาก็ปรากฏข้อความว่า "ผมเหนื่อยเหลือเกิน"                                                   “06.31 น. ได้เวลาแล้ว...ผมกำลังไป”                                                      “09.48 น. "เริ่มเข้าเขตคานางาวะ แล้ว”              “11:45 น. ถึงอาคิฮาบาระแล้ว...วันนี้มันเป็นถนนคนเดิน ก็ดี...จะได้ตายกันเยอะๆ”                                     ...................................                                                                  “12:10 น. ได้เวลาแล้ว...”                นี่คือข้อความสุดท้าย ที่คาโตะ ได้เริ่มดำเนินการหฤโหด       ...มันได้ขับรถบรรทุกที่เช่ามาพุ่งเข้าชนฝูงชน และรีบลงไปซ้ำด้วยการใช้มีจ้วงแทง                 จนมีผู้เสียชีวิตซึ่งมี อายุตั้งแต่ 19-74 ปี ไปกว่า                                                                                                                                                              “ 7 คน!”                                                                   โดยเป็นชาย 6 คน หญิง 1 คน และบาดเจ็บกว่า 10 คน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รถชนแล้วยังใช้มีดแทง แถมยังรายงานทางเน็ทอีก อืมมมม จากคุณ : animE' - [ 16 ต.ค. 51 00:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านแล้วเครียด จขกท.เครียดมั้ยคะ จากคุณ : บายจ้า - [ 16 ต.ค. 51 00:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแล้วปวดหัวจังเลย -*- จากคุณ : jigij - [ 16 ต.ค. 51 00:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อ้าว.. ไหงพี่เอ๋ taxi โยงเข้ามาเรื่องในอะคิฮาบาระได้ล่ะเนี่ย.. !! จากคุณ : Baritoreca - [ 16 ต.ค. 51 00:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 48       “สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นไม่มีแรงจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น มันเป็นแค่ความรู้สึกเบื่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ จนไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง”     คือคำพูดที่ไร้สามัญสำนึก และไร้จิตใจอันพึงมีเมตตาของ นาย คาโตะ ไม่ต่างจากที่                                   มนุษย์หนูได้พูดว่า              “นี่คือผลงานที่สมบูรณ์ที่สุด...และอย่าได้หวังว่า “ข้า” จะขอโทษใคร!” ........................................................................................................                ...สิ่งที่ฆาตกรทั้งสองพูด มันทำให้ผมสงสัยว่า มันคืออะไรกันนี่...     เดี๋ยวนี้ "ฮิคิโคโมริ" มันคือสภาวะอันน่ายะเยือก ที่น่ากลัวต่อสวัสดิภาพของชาวญี่ปุ่น ไปแล้วหรือ?                    โดยเฉพาะยิ่งหาข้อมูลเหล่านี้ เพื่อนำมาทำงานเขียน                                "ยิ่งได้พบก็ยิ่งสลดใจ"       เพราะเรื่อง อย่างนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง และจิตใจคนมันทำด้วยอะไร                                      ดังต่อไปนี้                                              “ตะลึง...ลูกฆ่าพ่อเลียนแบบการ์ตูน!”                                                                         “สลด-สยอง...แม่ฆ่าลูกสาวและลูกคนข้างบ้าน สังเวย ฮิคิโคโมริ" เมื่อหญิงที่เป็นแม่ ฆ่าลูกสาววัย 9 ขวบของตัวเองด้วยการโยนลง แม่น้ำ และไปฆ่ารักคอเด็กข้างบ้าน                         ...........................................                         แต่สำหรับคำพูดของเด็กวัย 17 ปีคนนี้ ซึ่ง ชอบดูหนังฆ่ากันที่มีความรุนแรงสูง ที่สำคัญป่วยเป็นโรคทางจิตนิดๆ ซึ่ง               "ฆ่าตัดหัวแม่ตัวเอง แล้วเอาหัวใส่ถุงพลาสติก ไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ และนอกจากนี้ยังตัดแขนของแม่ข้างหนึ่งไปเสียบไว้ในแจกันขนาดใหญ่"                                                            ซึ่งพูดถึงเหตุผลที่ฆ่าแม่ของตัวเองว่า                  “จะดีมากหากการก่อการร้ายและสงครามหมดสิ้นไปจากโลกนี้ และผมไม่สนคนที่ผมฆ่า เพราะถ้ามีสงครามเกิดขึ้น ผมจะฆ่าคนได้ แต่เมื่อสงครามยังไม่เกิด ผมเลยลองฆ่าดูก่อน”                       ........................................................................................................                                        ยิ่งทำให้เครียด       และสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนญี่ปุ่น ซึ่งมันมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง หากมันจะค่อยๆ เกิดขึ้นในเมืองไทยทีละน้อย! แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 01:19:35 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 00:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 49      # 47ครับ...คือว่าพยายามจะโยงเข้าว่า มันเกี่ยวข้องกับ ฮิคิโอโมริ รวมถึง เรื่องความรุนแรงที่ฆาตกรแต่ละมีแรงบันดาลใจมาจากสื่อภาพยนตร์สยองน่ะครับ    (แต่พอดี ตัดทอนมาจากที่เขียนเก็บไว้ เลยอาจจะทำให้งงหน่อย ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ :)....)                                   ....ผมว่า ผมก็ขอรีบจบดีกว่าครับ...                                         เครียดนะเนี่ย ไม่ได้สนุก หรือมีความสุข เหมือนกระทู้อื่นๆ ที่เคยตั้งเลย                                                            คราวหน้าคงไม่ตั้งกระทู้แบบนี้แล้ว                                                                หากเพื่อนๆ เครียดก็ขออภัยด้วยนะครับ                                   ขอจบที่บทสรุปเลยนะครับ .................................................................................................                หมายเหตุ : ฮิคิโคโมริ นี่น่ากลัวจริงๆ นะครับ ถ้าบ้านเราเกิดภาวะอย่างนี้ขึ้น คงจะแย่แน่ๆ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 01:22:58 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 01:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านแล้วน่าติดตามมากๆครับ ผมแปลกรึเปล่าเนี่ยผมรู้สึกสนุก จากคุณ : mekazero - [ 16 ต.ค. 51 01:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 51                         ในวันอังคาร 17 มิถุนายน 2008        นอกจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศแขวนคอ มนุษย์หนูแล้ว ยังรวมถึงฆาตกรซึ่งตกเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ อีก 2 ราย                     ซึ่งนาย ยาสึโอะ ฟูคุดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวว่า       “รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีโทษประหารต่อไป ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็จะฟังเสียงประชาคมโลกด้วยเช่นกัน”                                  และเมื่อลองพิจารณาในอีกมุมมอง ถึงภัยใกล้ตัวที่สำคัญกว่า                                            นั่นก็คือ              “การนำเสนอความรุนแรงผ่านกระบวนการสื่อสารมวลชน”                                               อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบซึ่งส่งผลร้ายต่อสังคม                                            ไม่ต่างจากการที่              วีดีโอนรกแตก GUINEA PIG : FLOWER OF FLESH AND เป็นแรงบันดาลใจด้านมืดสุดขั้วของ                “มนุษย์หนู...ความเหี้ยมผู้ไม่สะทกสะท้านกับความรู้สึกผิดผิด”                             .................................................................................................              เฮ้อเหนื่อย...จบแล้วล่ะครับ....ไม่เอาอีกแล้ว ไม่ตั้งอีกแล้วกระทู้แบบนี้                                           ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 01:21:26 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 01:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ติดตามมาตั้งแต่ต้นจนจบ เครียดเหมือนกัน แต่ก็ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : 9ho - [ 16 ต.ค. 51 01:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านจบแล้ว ถึงจะเครียดแต่ก็ขอบคุณที่ให้ความรู้นะคะ จากคุณ : Nattyayane - [ 16 ต.ค. 51 01:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 น่าสงสารเค้าเหมือนกัน ปมวัยเด็ก มีอิทธิพลมากกว่าที่ทุกๆคนคิด พวกที่ไม่ประสบด้วยด้วยเองคงไม่มีทางเข้าใจ จากคุณ : ++ กีรติ ++ - [ 16 ต.ค. 51 01:41:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านแล้วเครียด ปนสยอง และ หดหู่มากๆ แต่ก็ดีนะค่ะ เราจะได้ศึกษาไว้ และ จะได้ระวังตัวกันยิ่งขึ้น เดี๋ยวนี้จิตใจของมนุษย์มันเริ่มเสื่อมถอยลงไปทุกที เฮ้อ น่ากลัวจริงๆค่ะ จากคุณ : แอล (juro_energy) - [ 16 ต.ค. 51 01:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอ แย้งไว้ก่อนนะครับ ผมคิดว่า ไม่ควรโทษสื่อครับ เพราะ เอาประเด็นชัดๆ ก่อนนะครับ หนังเรื่องเดียวกัน แต่คนร้ายคนนั้นชอบดู แต่คุณไม่ชอบ - ขยะแขยง นั่นเพราะอะไรครับ พื้อฐานครอบครัว และสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันรึเปล่า หากจะเขียนเกี่ยวกับความรุนแรงในสื่อ ก็สามารถเขียนได้นะครับ แต่อย่าเขียนให้ กลายเป็นว่า สื่อคือตัวการใหญ่ เพราะคนสร้างหนัง หรือสื่อต่างๆ ย่อมต้องการสร้างงานที่ดี เพื่อบอกเล่า เรื่องราวหรือเจตจำนงต่างๆ ที่มองสะท้อนความจริง หรือ เป็นการให้แง่คิดได้ หากสื่อ ถูกมอง ว่าเลวร้ายละก็ อนาคต คุณจะไม่ได้เห็นผลงานดีๆ ออกมาอีกเลยนะครับ เพราะ ข้อจำกัดในการถ่ายทอดนี้ ทุกวันนี้ ผมเห็นแค่เค้า cencer หน้าอกชิซูกะ ก็เฟลล์มากพอแล้ว เพราะงานภาพที่ดูน่ารัก กลับดูรุนแรงขึ้นทันที เมื่อมีไอ้ cencer โผล่เข้ามา จากคุณ : Tony Leung - [ 16 ต.ค. 51 01:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ทำไมอ่านไปด้วยอารมณ์ชิวๆก็ไม่รู้ สงสัยเพราะหลับมาเยอะ พวกผีในหนังญี่ปุ่น อาจจะอยู่ในภาวะเดียวกันนี้ด้วยก็ได้นะ เอะอะก็หลอน เอะอะก็ฆ่าดะไปหมด สังเกตุดูสิ  ไม่ได้มีแรงจูงใจเฉพาะเหมือนในหนังผีของไทยซะเลย(แล้วทำไมชั้นต้องโยงไปที่ผีด้วยฟะ) จริงๆ คิดว่า ยังไงหนังก็แค่มาช่วยตอบสนองความเป็นคนจิตวิปริตมากกว่าเป็นแรงบันดาลใจนะ ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นจะเป็นแหล่งรวมเรื่องพวกนี้ไว้เยอะเหมือนกัน พวกอยากฆ่าเพื่อความสนุกเนี่ย อันนี้มองไปถึงกรณีของพวกลัทธิ องเชนริเคียวด้วย น่าจะอยู่ในโหมดเดียวกัน เพราะพวกที่คิดค้น เอาก๊าซฯ(อะไรไม่แน่ใจง่วงๆลืม)ไปรมคนในรถไฟใต้ดินก็ไม่ใช่จะคิดกันง่ายๆซะที่ไหน เป็นผลงานของพวกอัจฉริยะวิปริตที่อยากหาเรื่องฆ่าคน เหมือนกัน จากคุณ : มินเอง - [ 16 ต.ค. 51 02:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอขอบคุณๆ Tony Leung มากๆ นะครับ ความคิดเห็นของคุณมีประโยชน์มาก เพราะผมอาจจะมองในมุมของผมคนเดียว การได้มีคนมาช่วยแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็น นี่ล่ะครับ ทำให้ผมกลับมาทบทวนสิ่งที่นำเสนอออกไป อีกครั้ง และทำให้ได้รับมุมมองใหม่ๆ ที่กว้างขึ้น   แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 02:13:11 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 16 ต.ค. 51 02:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอโทษนะคะ อยากอ้วกอ่ะ (อ่านจนจบได้ไงวะเนี่ย เอิกกกก) ปล. เนื้อหาน่าสนใจค่ะ แต่คราวหลัง เตือนคนเข้ามาอ่านตรงหัวกระทู้ด้วยจิ เห็นภาพสยองแล้วเกรงว่าคืนนี้จะนอนหลับตามิลงอีกแล้ว -*- จากคุณ : Hypocritus - [ 16 ต.ค. 51 02:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาอ่านครับ ^^ จากคุณ : เจ้าชายแห่งทะเล - [ 16 ต.ค. 51 03:57:16 A:118.174.178.50 X: TicketID:151264 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กลัว.... ไม่อยากออกจากบ้านแล้ว TT-TT จากคุณ : แมงกะพรุนสีรุ้ง - [ 16 ต.ค. 51 04:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วเราโรคจิตมั๊ยอ่ะ เรากำลังหาหนังเรื่องนี้มาดูใหญ่เลย 555 จากคุณ : -_-' - [ 16 ต.ค. 51 05:18:46 A:58.64.82.129 X: TicketID:174553 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อยู่ไซตามะด้วย ถ้ามันทำกับชินจัง คนทั่วโลกคงอดดูความฮาของชินจังกันพอดี ชั่วร้ายมากๆ ฮือๆ อ่านแล้วหลอน จากคุณ : บัตรผ่านจ้า - [ 16 ต.ค. 51 05:35:14 A:60.53.233.22 X: TicketID:162880 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แต่ผมกลับเห็นขัดกับคุณ Tony Leung  ครับ ผมคิดว่า ทุกๆอย่าง เกิดจากหลายๆสิ่งมาประกอบกัน เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หากขาดตัวแปรใดตัวแปรหนึ่งไป เหตุการณ์นั้นอาจไม่เกิดครับ ดังนั้น ไม่ว่าสื่อนั้น เป็นสาเหตุหลักหรือไม่ ผมเองก็ยากจะบอกได้ เพราะเพิ่งเคยอ่านคดีนี้ในกระทู้นี้เอง แต่ต้องยอมรับว่าสื่อ ก็เข้าไปเป็นตัวแปรตัวหนึ่งในเหตุการณ์นี้ ควรเข้าใจว่าจิตใจของมนุษย์ ต้องรับกับอะไรมากมาย หากมีอะไรเพิ่มมาอีกนิดเดียว มันอาจจะหนักเกินจิตใจจะรับไหวได้ แม้สื่อจะเป็นเพียงตัวแปรนิดเดียวในกรณ๊นี้ แต่มันอาจเป็นน้ำหนัก 2 กิโล ที่น้องเก๋ประภาวดียกไม่ขึ้น!!! (รู้สึกว่าน้องเก๋จะได้เหรียญทอง โอลิมปิค โดยการทำท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ที่ 125 กิโล  เธอเพิ่มน้ำหนักอีก 2 กิโล เป็น 127....และเธอยกไม่ขึ้น!! 2กิโลนี่สำคัญมากๆนะครับ) เรื่องของเรื่องคือ เราไม่รู้ว่า สื่อหรือเปล่า ที่เป็น 2 กิโล สุดท้าย ที่ทำให้ จิตสำนึกของมนุษย์หนูแตกกระเจิง.... ดังนั้น ผมไม่เคยดูถูก ตัวแปรใดๆว่าไม่สำคัญ เพราะทุกตัวแปร อาจเป็น 2 กิโลสุดท้าย ที่เรายกไม่ขึ้น ก็เป็นไปได้! จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก - [ 16 ต.ค. 51 07:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โอย เครียดดดดดดดดดดด จากคุณ : เรื่องมันซวยเพราะสวยเป็นเหตุ - [ 16 ต.ค. 51 08:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ไม่อยากไปญี่ปุ่นละ กลัว!!~ จากคุณ : knompang - [ 16 ต.ค. 51 09:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านแล้วไม่สยองเท่าไหร่ค่ะ แต่รู้สึกว่าได้ความรู้มากๆ เลย และทำให้เรานึกถึงคำๆ นึงที่ว่า จิตใจมนุษย์นั้น...ยากแท้ หยั่งถึง จริงๆ .... จากคุณ : Good Earth - [ 16 ต.ค. 51 09:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เศร้า enjoy your day จากคุณ : Holden Caulfield - [ 16 ต.ค. 51 09:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เครียด วุ้ย - -* ว่าแต่ ผมชอบประโยคนี้นะ "อาชญากรรมอันโหดร้ายผิดมนุษย์ที่ผู้ต้องหาทำลงไปเพื่อตอบสนองความหื่นกระหายทางเพศของตัวเอง ทำให้ศาลไม่มีช่องว่างใดๆ ที่จะลดโทษให้" บ้านเรา ฆ่าข่มขืน ติดคุกแปป เดียว ก้อออกมาละ   ดังนั้นการประหารชีวิต มนุษย์หนู ด้วยการแขวนคอ ให้ตายตกตามเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่มันลงมืออย่างโหดเหี้ยม  "เพื่อเป็นตัวอย่าง และเพื่อสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้เกิดขึ้นกับสังคม" โทษประหารไม่ได้มีเพื่อ ฆ่าผู้ร้ายแต่ มีเพื่อสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับสังคมด้วย ว่า ถ้า ฆ่าใคร เราก้อต้องตายตกตามกัน ... จากคุณ : vn, man - [ 16 ต.ค. 51 10:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบค่ะ อ่านแล้วทำให้ได้รู้อะไรขึ้นมาอีกเยอะเลย ฮิคิโคโมริ....จริงๆในไทยอาจจะมีแล้วก็ได้นะคะ แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าญี่ปุ่นเท่านั้นเอง ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ คนญี่ปุ่น บทจะจิตขึ้นมาก็น่ากลัวเหลือเกิน เหอๆๆ ขอบคุณมากนะคะ สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : larukurabu - [ 16 ต.ค. 51 10:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เราเป็น Eyeglassphobia (ตั้งเอง) โรคกลัวคนใส่แว่น กลัวมากๆ มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก ถ้าต้องขึ้นลิฟท์ด้วยกัน เราจะไม่ขึ้นเลย ไม่รู้เป็นอะไร แต่ตอนเด็กๆ กลัวคนอ้วน คือคิดว่าเป็นยักษ์ในทีวี เมื่อวานจะขึ้นรถในที่จอดใต้ดิน มีคนใส่แว่นขับรถปักเข้ามาติดประตูเลย เหมือนว่าจะถอยหลัง แต่ลุงแกก็ไม่ถอยซะที พอเราบอกแกก็ทำหน้าตาสลึมสลือ ยื่นหัวออกมานอกรถมองระยะห่าง มองหน้าเรานานมาก เราเลยเผ่นขึ้นห้างฯ ไปดูหนัง แต่พอเราเดินออกมา ตาลุงแว่นแกก็ถอยรถจอดตามปกติ..แปลกจริงๆ จากคุณ : กบทอดกระเทียม - [ 16 ต.ค. 51 10:40:55 A:124.120.193.158 X: TicketID:190758 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เพิ่งมาอ่านจบเมื่อเช้า สนุกแบบสยองดีนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัยประกอบกันค่ะ ทั้งสื่อ สิ่งแวดล้อม ครอบครัว และพื้นฐานจิตใจมนุษย์ จากคุณ : doxday - [ 16 ต.ค. 51 11:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ให้เป็น ดาบสองคม สำหรับกระทู้นี้นะครับ เว็ปพันทิพย์เป็นที่สาธารณะ มีทั้งคนมีวุฒิภาวะ น้อย และ มาก ปะปนกันไป จะมองว่ามีประโยชน์ก้อได้ แต่คงไม่มาก จะมองว่าเป็นการเผยแพร่ก้อได้ เพราะคนไม่เคยทราบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก้อคงไปหามาดูกันตามประสา -ดูแล้วใครจับต้องประโยชน์จากหนังเรื่องนี้ได้ก้อนับว่าดี(มันมีประโยชน์หรือป่าว หนังเรื่องนี้) -แต่ใครดูแล้วชื่นชอบ อยากเป็นเช่นดังฆาตกร ก้อนับว่าเศร้าใจ... -สิ่งใดควรอยู่ใต้ดินก้อปล่อยมันอยู่ของมันไปเหอะ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะขุดมันมาบนดินให้คนได้มองเป็นของปกติธรรมดา..... แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 51 11:30:59 จากคุณ : อาท (chan ty) - [ 16 ต.ค. 51 11:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 74 สนุกดีค่ะ อ่านแล้ว ก็ได้ความรู้ ได้ข้อคิด เคยอ่านเรื่องราวย่อๆ จากนิตยสาร Zoo เหมือนกัน เกี่ยวกับฆาตกรหนูคนนี้ และหนังที่เป็นแรงบันดาลใจ วันนี้ได้ทราบรายละเอียดแล้ว และได้เห็นตัวหนังมากขึ้น ขอบคุณมากค่า จากคุณ : ปีศาจบ้าเลือด - [ 16 ต.ค. 51 12:41:35 A:118.172.26.93 X: TicketID:182790 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เรื่องนี้จะโทษว่าฆาตกรจิตวิปริตเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ได้ แต่ต้องโทษสังคมด้วยค่ะ ที่เหลียวแลคนในสังคมตัวเองได้อย่างไม่ทั่วถึง เราไม่เห็นด้วยกับการเซ็นเซอร์ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการยกสื่อไว้เสียสูง วิจารณ์ หรือยกมาเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมไม่ได้เลย เพราะเรามองว่าการที่ผู้ผลิตผลิตสื่อแนวนี้ออกมา ก็เหมือนเขาสนับสนุนความรุนแรงอยู่กลายๆ ด้วย เห็นด้วยกับคุณ คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก มากๆ ค่ะ จากคุณ : ปลายลมหนาว - [ 16 ต.ค. 51 12:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านไม่ไหวแล้วค่ะ ทรมานจิตใจมาก....... มาก..... ขอโทษนะคะ คือ ความเกลียดกลัวมันพุ่งจนอยากจะให้แบนหนังสยองขวัญไปให้หมดเลย มันไม่ใช่ศิลปะ บันเทิง มัน... พิมพ์ไม่ไหวแล้ว... จากคุณ : รถขนมปังกรอบ - [ 16 ต.ค. 51 12:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โห.......วันนี้พี่เอ๋ มาแปลก อ่านแล้วสนุกดีครับ รู้สึว่ามนุษย์เรา...รู้หน้าไม่รู้ใจ โหดกันซะ เป็นอมนุษย์เลย แต่  เอ....จำได้ว่าพี่เอ๋ ก็ชอบเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ...เหอๆ ปัจจุบันคนเราเสื่อมเยอะ เพราะขาดสติ ขาดธรรมะ จึงทำให้สังคมวุ่นวาย ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเลือกข้าง (....แล้วพี่เอ๋ เลือกข้างไหน..ผมเลือก ข้างขวา เพราะจับถนัดกว่า 55+) หรือสื่อทำให้คนเลือกข้าง ทำไม ทำไม คนต้องโทษสื่อด้วย มันสมควรโดนประนามจริงหรือ ทำไมมนุษย์ถึงไม่ประนามตัวเอง   หรือมนุษย์เลิก โทษตัวเอง แล้วมัวแต่ไปโทษคนอื่นแทน...เฮ้อ บ้านเมืองวุ่นวาย มาอ่านบทความพี่เอ๋ กลุ้มกว่าอีก เอิก เอิก ไม่ได้เจอกันเลยเน้อ ฝากข้อความแทนละกัน ปล.Star trek ตอนใหม่  จะออกฉายแล้ว อยากดูๆ จากคุณ : ตะกวดน้อย - [ 16 ต.ค. 51 15:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 78 หดหู่มาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งหดหู่ แต่ก็ยังอ่านจนจบ คงจะมีแต่มนุษย์เท่านั้น ที่ทำต่อมนุษย์ด้วยกันได้ขนาดนี้ จากคุณ : นิลศุก - [ 16 ต.ค. 51 17:07:39 ]

ความคิดเห็นที่ 79 น่าสยดสยองจริงๆด้วย เห็นด้วยกะคห.64 คงจะปัจจัยหลายๆอย่าง ที่ประกอบกันอย่างซับซ้อน ที่ก่อให้เกิดอาชญากร โหดๆ แบบนี้ แล้วพอดี สื่อ เป็นจิ๊กซอว์ตัวนันด้วย ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าแต่อ่านๆไป ชักจะหลอนๆ จากคุณ : g_toub - [ 16 ต.ค. 51 21:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เร็ป 64 พูดคล้ายๆ ดร. คนหนึ่ง (จำไม่ได้แล้ว) แต่บอกประมาณว่า ที่คนตาย ไม่ใช่เป็นเพราะถูกแทงตาย เพียงแต่มีด และตัวเค้าอยู่ที่นั่น และเจอกันพอดีต่างหาก จากคุณ : Navyblue1990 - [ 16 ต.ค. 51 22:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 พวกสื่อ เขาไม่ยอมรับ ทฤษฏีการเรียนรู้ แบบ เลียนแบบตามแม่พิมพ์เท่าไรนักหรอก ขนาดตอนที่มีการทำการทดลองในเรื่องของ ความก้าวร้าว โดยที่ให้ผู้ชายคนหนึ่ง เล่นกับตุ๊กตาต่อหน้าเด็กคนหนึ่ง โดยเตะ ต่อ ทำเหมือนเป็นกระสอบทราย แต่ก็ไม่ได้ให้พูดคุยกับเด็ก  แล้วต่อมาก็ให้เด็กได้เล่นบ้าง  เด็กก็เล่นกับตุ๊กตาเลียนแบบผู้ชายที่เห็นก่อนหน้า คือ เขาเล่นยังไงก็เล่นตามแบบนั้น แล้วผลการทดลองนั้นก็สรุปว่า  การเรียนรู้มีส่วนเลียนแบบจากแม่พิมพ์ สื่อยังโจมตีเลยค่ะ ขนาดนักจิตวิทยาเขาทำการทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก โดนกระหน่ำซะ   แต่เราคิดว่า  แม่พิมพ์ หรือ สื่อที่แสดงออก มีผลต่อการเรียนรู้  แต่ทีนี้ถ้าบอกอย่างนั้นไป ก็เท่ากับว่า วงการสื่อต้องปรับระบบกันใหม่ ให้เหมาะสมมากขึ้น แล้วก็จะกระทบกับสื่อโดยต้อง ถ้าทฤษฏีนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย  ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่ม จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 17 ต.ค. 51 03:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ...ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนสำหรับหลายๆ มุมมองที่แตกต่าง...ทำให้ "หัวใจ" ได้เปิดกว้างขึ้น และ "ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง"...เพราะเจ้าของกระทู้ก็อาจจะมีมุมมองเดียว ได้หลากความเห็นมาช่วย ก็สามารถฃเปิดหูเปิดตา เปิดความคิดได้มากขึ้นครับ                                         ขอบคุณครับ             ขออภัยหลายๆ ความเห็นนะครับ อยากให้กิฟ แต่กิฟหมดแล้ว :) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 17 ต.ค. 51 04:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หุหุ.... คุณเอ๋มาแนวฮาร์ดคอร์ อ่านแล้วอึ้งค่ะ จากคุณ : 1978 (b39kew) - [ 17 ต.ค. 51 11:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณนะครับจขกท ผมชอบเนื้อหามากเลย แต่ตอน flower of flesh blood ผมดูแล้วเฉยๆ ที่ดูเพราะชอบอะไรที่มันโหดๆ แต่เรื่องนี้ดูแล้วเบื่อมาก จากคุณ : Krubpum - [ 17 ต.ค. 51 19:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านไป กินฝรั่งไปหน้าตาเฉยนี่ ผมแปลกป่ะคับ =w= ถ้าจะวิเคราะห์ตามทฤษฎีป้องกันอุบัติเหตุ Swiss Cheese หรือ Reason's Model เราสามารถสรุปได้ว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายๆ อย่าง นี่อาจจะเป็นฆาตรกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ผมก็อยากลองดูคับ ความพิการ นำไปสู๋ปมด้อยในวัยเด็ก +กับสื่อบางสื่อที่รุนแรง ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น การแก้ไขจึง - เปลี่ยนแปลงทัศนคติของเยาวชนที่มีต่อผู้พิการหรือผู้ที่มีความแตกต่างจากคนทั่วไปให้เขาสามารถมีชีวิตในสังคมได้โดยไม่เกิดปมด้อย - แบนสื่อ (ขัดกับสิทธิมนุษยชน) (มั่วเองล้วนๆ ) สรุปว่า ผมว่าน่าจะเริ่มแก้ที่ทัศนคตินะ - -" จากคุณ : DesservirPhilosophy - [ 18 ต.ค. 51 10:30:27 ]