ความคิดเห็นที่ 1 การเปรียบเทียบ ผมว่าขึ้นอยุ่กับความชอบของบุคคลมากกว่า น่าหนังเรื่องนึงๆ สามารถ ตอบโจทย์ผู้ดูหนังได้มากรึเปล่า ทำหนัง500ล้านให้เด็กดู มันยังหันไปดูกาตูนลงทุนแค่แสนกว่าๆ ความชอบมันต่างกันครับ จากคุณ : foxaon1 - [ 19 ต.ค. 51 14:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อาจจะเปรียบเทียบเพราะเป็นหนังแนวเดียวกัน หนังรัก หนังผี หนังชีวิต จากคุณ : กระท่อมหิน - [ 19 ต.ค. 51 15:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ***  ถึงเป็นหนังคนละเรื่อง ก็อาจจะเปรียบเทียบกันได้นะครับ  ถ้าพิจรณาดีๆ เพราะมันมีส่วนประกอบที่โยงถึงกันได้ เช่น อย่าง เรื่อง A การดำเนินเรื่อง คล้าย B ก็อาจจะเอาส่วนของการดำเนินเรื่องไปเปรียบเทียบได้ เรื่อง A เล่าเรื่องชีวิตของคนขับแท็กซี่ เหมือน C ก็อาจเอาส่วนนี้ไปเปรียบเทียบได้ หรือ มีธีมที่คล้ายกัน เช่น เรื่อง A หนัง Thriller การเมืองในตะวันออกกลาง เรื่อง D หนัง Thriller การเมืองอเมริกาใต้ พูดถึงการแทรกแซงของอเมริกา เช่นกัน ก็อาจ เปรียบเทียบกันได้ หรือ แนวเดียวกัน เรื่อง A เป็นหนัง โรแมนติก เรื่อง B ก็โรแมนติก แต่เนื้อเรื่องต่างกัน ก็สามารถ เปรียบเทียบ ความโรแมนติก ของมันได้ ***  ทีนี้ถ้าเป็นข้าว จากที่คุณยกตัวอย่าง คือ ข้าวมันไก่ กับ ข้าวหมูแดง แม้ความอร่อยจะไม่เหมือนกัน คนละรสชาติ แต่ก็ยังมีส่วนที่เปรียบเทียบได้อยู่ดี เช่น มีข้าวเหมือนกัน  ก็เปรียบเทียบได้  ข้าวอันนี้นุ่มกว่า  ข้าวอันนี้หอมกว่า ในเชิงปริมาณ อันนี้จานเดียวอิ่ม อันนี้จานเดียวไม่อิ่ม แตงกวา อันนี้สด อีกอันไม่สด ภาพยนตร์ ก็เช่นกันครับ ถึงมันไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่มันก็มีบางส่วนที่เหมือนกัน ที่สามารถจะเอามาเปรียบเทียบกันได้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 16:09:03 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 16:07:36 จากคุณ : navagan - [ 19 ต.ค. 51 16:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "ต้องเป็นหนังเรื่องเดียวกันเท่านั้น โดยมีผู้สร้าง ผู้กำกับ และทีมงานที่ต่างกัน" คือถ้ามีกรอบแค่นี้การเปรียบเทียบหนังก็คงทำได้แค่หนัง Remake เท่านั้น แล้วจริงๆก็เปรียบเทียบกันไม่ได้ด้วย เนื่องด้วยหนัง Remake ก็ต้องปรับตัว เปลี่ยนบทให้เข้ากับ ยุคสมัย หรือรสนิยมในประเทศนั้นๆ ด้วย ดังนั้นหนังที่เข้าข่ายเป็นหนังเรื่องเดียวกันโดยมีผู้สร้าง ผู้กำกับ และทีมงานที่ต่างกัน ตอนนี้นึกออกเรื่องเดียวคือ Psycho ดังนั้นหากจะเปรียบเทียบหนัง คิดว่าอย่างแรกดูที่วัตถุประสงค์ก่อนว่า ผกก.อยากจะบอกอะไรดูเนื้อหา ต่อมาก็คือดูวิธีการนำเสนอว่า นำเสนอได้"ถึง"หรือไม่ ซึ่งอันนี้มันเป็นศิลปะในการเล่าเรื่อง และแนวของหนังก็เป็นส่วนหนึ่งที่ง่ายต่อการนำมาจัดกลุ่มในการหาข้อเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับเพลงที่เราคงไม่นำวง Rock หรือ Jazz มาเปรียบเทียบกัน แต่หากคุณเป็นกรรมการในเวทีที่เค๊าเปิดให้เล่นแนวไหนก็ได้ อย่างหนึ่งที่ต้องคิดคือวงที่เล่นในแนวของตนเอง วงไหนเล่นได้"ถึง"กว่ากัน จากคุณ : -zzz- - [ 19 ต.ค. 51 16:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หนังคนละเรื่องคนและแนวก็เปรียบเทียบกันได้ครับ งานประกวดหนังต่างๆ หนังที่เข้าชิงก็เป็นคนละแนว เหมือนเวลากินอาหาร เรายังบอกว่า ข้าวผัดของเพื่อนอร่อยกว่าก๋วยเตี๋ยวของเราได้เลย ผมว่าหนังแต่ละเรื่องมีคุณค่าของตัวเองอยู่แล้ว การเปรียบเทียบหนังก็คือการนำคุณค่าของแต่ละเรื่องมาเปรียบเทียบกัน ไม่จำเป็นว่าต้องแนวเดียวกันถึงจะเทียบกันได้ครับ จากคุณ : paramedian - [ 19 ต.ค. 51 16:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆคือ ควรจะเป็นแนวเดียวกันมาเปรียบเทียบกัน.... แต่สิ่งที่เราพบเจอบ่อยๆ มักจะพบว่าหนังคนละแนวกับแต่มาเทียบกันได้ เช่น Ironman ฮากว่า เทวดาตกมันส์.... (แต่กระทู้เก่า นู๋บอกว่า Ironman ฮากว่า หลวงพี่เท่ง2 อิอิ) จากคุณ : joyka - [ 19 ต.ค. 51 16:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันสามารถที่จะเปรียบเทียบองค์ประกอบของหนังในทุกๆเรื่องได้นะ จากคุณ : Stefanz - [ 19 ต.ค. 51 17:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าเปรียบเทียบได้ในบางด้าน ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น เรื่องใดทำรายได้มากกว่ากัน เรื่องใดมียอดผู้ชมมากกว่ากัน แต่ข้อมูลเชิงคุณภาพบางอันก็เปรียบเทียบได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าตั้งโจทย์ว่าจะเปรียบเทียบเรื่องไหน เช่น เปรียบเทียบภาพลักษณ์ของความรักระหว่างชายกับชายที่ปรากฏในหนังเรื่องรักแห่งสยามและ Brokeback Mountain อะไรทำนองนี้กระมังครับ แต่ข้อมูลที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็น มุมมอง และการตีความของผู้แสดงความคิดอยู่ดีนะ มันมีอัตวิสัยสูง เพราะงั้นไม่ควรเถียงกันเอาเป็นเอาตายถึงขั้นด่าทอหรือฆ่าแกงกันถ้าหากมีความคิดไม่เหมือนกัน แต่อาจจะถกหรือแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งก็จะมีประโยชน์เพราะช่วยให้ได้รู้ความคิดและมุมมองของผู้อื่นมากขึ้น .. จากคุณ : เด็กชายหัวหอม - [ 19 ต.ค. 51 17:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันเปรียบเทียบได้ครับ  เพราะเวลาคุณจะไปซื้อตั๋ว คุณต้องเอามาเปรียบเทียบกันอยุ่แล้วว่าจะดูอะไร ยกตัวอย่างง่ายๆ  Disaster Movie กับ Iron Man ฮั่นแน่ เห็นมั้ย คุณเอามาเปรียบเทียบละ   5555555 จากคุณ : pakoros - [ 19 ต.ค. 51 17:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่หนังเรื่องเดียวกันก็เปรียบเทียบกันได้ค่ะ ถ้ามันเป็นหนังแนวเดียวกันหรือเนื้อหาคล้ายๆกัน สมมติ ชื่นชมว่าหนังเรื่องเอเนื้อเรื่องดีนะ แต่ CG ห่วยกว่าเรื่องบี อะไรแบบนั้น จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 19 ต.ค. 51 19:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คำถามเป็นลักษณะสุดโต่งไปหน่อยครับ ถ้าหนังมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ กรรมการตัดสินการประกวด เค้าจะแจกรางวัลกันยังไงครับ มันเปรียบกันได้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นหนังผี หนังรัก หนังสงคราม หนังเพลง หนังตลก พื้นฐานมันก็คือการเล่าเรื่องให้ได้อารมณ์ที่ผู้สร้างต้องการเท่านั้น ถ้าหนังเรื่องไหนต้องการให้ผู้ชมสนุก แต่คนดูบอกไม่สนุก ก็จบ ถ้าหนังเรื่องไหนต้องการให้ผู้ชมเครียด จริงจัง แต่ทำออกมาไม่สมเหตุสมผล เล่าเรื่องไม่ปะติดปะต่อ ก็จบเห่ ถ้าหนังเรื่องไหนต้องการให้ผู้ชมเศร้าในรักรันทด แต่ทำออกมาแล้วคนดูหมั่นใส้พระเอกนางเอกที่โง่เหลือเกิน ก็จบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหนังทุกเรื่องบนโลกใบนี้ จับมาเปรียบเทียบกันได้ทั้งนั้นครับ เพราะมันก็ืคือการเล่าเรื่องเหมือนกัน จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 19 ต.ค. 51 20:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมชอบข้าวมันไก่   มากกว่าข้าวหมูแดงครับ.... เปรียบเทียบได้เสมอครับ   ถ้าเราไม่เอาเป็นจริงเป็นจังมากเกินไป (ติชมหนังนะครับ  ไม่ใช่เป็นกรรมการแข่งวิ่งสี่ร้อยเมตรสักหน่อย...) จากคุณ : ole (trufa) - [ 19 ต.ค. 51 20:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 "ถ้าหนังมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ กรรมการตัดสินการประกวด เค้าจะแจกรางวัลกันยังไงครับ" นี่แหละคือประเด็นของผมไงละครับ ผมคิดว่าพวกงานแจกรางวัลภาพยนตร์นั้นมันไร้สาระแทบทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นออสก้าหรือตุ๊กตาทองแบบไทยๆ เพราะเกณฑ์ในการตัดสินมันไม่มี ขึ้นอยู่ที่ความชอบส่วนตัวของกรรมการแต่ล่ะคนเท่านั้น หนังคนละเรื่องไม่น่าจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ว่าเรื่องไหนจะดีกว่าอีกเรื่อง เหมือนแข่งกีฬาคนล่ะประเภท คุณจะคิดยังไงถ้าโอลิมปิคเอานักกีฬาวิ่งมาแข่งขันกับนักว่ายน้ำแล้วให้กรรมการมาตัดสิน?  ใครๆก็รู้ว่าต้องแข่งกีฬาประเภทเดียวกันถึงจะตัดสินผลการแข่งขันกันได้ ผมคิดว่าพวกงานแจกรางวัลหล่าวนี้จริงๆแล้วเป็นงานการตลาดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เท่านั้น เป็นการโปรโมทอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม ไม่ได้เน้นเรื่องการแข่งขันคุณภาพของหนังจริงๆหรอก จากคุณ : <_Eminem_> - [ 19 ต.ค. 51 20:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พูดงี้ก็งงดิครับ จขกท. มันดับความคิดสร้างสรรค์ของโลกนะครับ ด้วยความเคารพ เอางี้ เหมือนแข่งทำขนม จำเป็นด้วยเหรอ ว่าขนมต้องหน้าตาเหมือนกันเด๊ะ หรือต้องเป็นอย่างเดียวกันเป๊ะ แข่งวาดการ์ตูน ต้องวาดเรื่องเดียวกันเป๊ะๆ ประกวดเขียนนิยาย ต้องเขียนจากเหตุการณ์เดียวกัน แล้วคนเลี่ยนจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่คนดู จากคุณ : คมลิขิต - [ 19 ต.ค. 51 21:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เหมือนแข่งกีฬาคนล่ะประเภท คุณจะคิดยังไงถ้าโอลิมปิคเอานักกีฬาวิ่งมาแข่งขันกับนักว่ายน้ำแล้วให้กรรมการมาตัดสิน?  ใครๆก็รู้ว่าต้องแข่งกีฬาประเภทเดียวกันถึงจะตัดสินผลการแข่งขันกันได้ -------------------------------------------------------------------- ถ้าจะเฉพาะเจาะจงอย่างนั้น งั้นกีฬาอย่าง ยิมนาสติค ,กระโดดน้ำ , ฯลฯ คงต้องบังคับให้เล่นท่าเหมือนกันทุกอย่างล่ะครับ จากคุณ : Ethan_Ko - [ 19 ต.ค. 51 21:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 งานประกาศรางวัลมันถึงได้มีหลายสถาบันไงล่ะครับ เพราะกรรมการแต่ละกลุ่มคิดไม่เหมือนกันไง ถ้าคุณมีเงินทุนเยอะๆ แล้วรวมคนที่คิดเห็นเหมือนกันเป็นกลุ่มได้ คุณก็ตั้งสถาบันรางวัลของคุณเองได้ครับ ถ้าการดำเนินงานดีคนก็จะยอมรับยึดถือเป็นบรรทัดฐานไปเอง เหมือนออสการ์นั่นไง ส่วนเรื่องการตัดสินกีฬาที่คุณว่า เอามาเทียบไม่ได้หรอก วิ่งกับว่ายน้ำไม่ต้องใช้ "ความคิดเห็น" เป็นตัวตัดสินเลย เพราะความเร็วที่บ่งบอกว่าใครเข้าเส้นชัย/แตะขอบสระได้ก่อน มันบอกกันได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แต่ของบางอย่างมันทำไม่ได้ครับ เลยจำเป็นต้องอาศัยสิ่งที่คุณเรียกว่า "รสนิยม" ถ้ากรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่ตนทำหน้าที่ตัดสิน และมีใจเป็นกลาง รสนิยมก็จะอัพเกรดเป็น "ดุลยพินิจ" (คำนี้ฟังดูดีขึ้นมั้ยครับ) จากคุณ : ayres - [ 19 ต.ค. 51 21:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้างั้นนักศึกษาภาพยนต์ ที่เขาก็ต้องแข่งกันเอง เพื่อเอาคะแนนจากอาจาย์ คะแนนเหล่านัน ขึ้นอยู่กับนักศึกษา คนไหนขายตัวได้ถูกใจอาจารย์สินะครับ อาจแรงไปก็ขอโทษด้วย แต่ผมเรียนด้านใกล้ๆ กัน ต้องทำงานส่ง การเปรียบเทียบพวกนี้มนมีเกณฑ์ชัดเจนครับ เป็นหัวข้อๆ ไป บางคนห่วยอีกจุด อาจเจ๋งอีกจุด เช่น บางเรื่อง เนื้อเรื่องดี ซีจีห่วย บางเรื่องเนื้อเรื่อง วย แต่ทฤษฏีเจือกมั่ว กรรมการเขาไม่ได้ให้ตามอารมณ์ครับ อ่านแล้วเหนื่อยใจเหมือนกันนะ เวลาคนชอบมีความคิดว่า หนังไม่มีห่วย น่าสงสารคนที่เขาทำงานหนักเพื่อให้ได้ผลงานดีๆ แต่สุดท้ายคนก็มองว่าเป็นแค่การสร้างภาพ คุณลองเข้าไปนั่งในคลาสเรียนพวกนี้สักคลาสก่อนเถอะครับ ก่อนจะหาว่าเขาไม่มีเกณฑ์ ผมเคยโดนศับซะแทบจะร้องไห้เลย คิดว่าการสร้างหนังสร้างแอนนิเมชั่นมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ หนังถึงจะเป็นคนละเรื่องแต่ ก็ใช้ตำราฉบับเดียวกัน ศาสตร์และศิลป์ก็สูตรเดียวกัน เพียงแต่ใครจะพลิกแพลงใช้ เหมือนกับการเขียนวิทยานิพนธ์นั่นแหละ ครับ ไม่ว่าคุณจะทำหัวข้ออะไร แต่สุดท้าย ก็วัดคะแนนจากตำราเดียวกัน(ถ้าเป็นในคณะเดียวกัน)อยู่ดี ไม่งั้น ถ้านศ. คนหนึ่งทำวิทยานิพนธ์เรื่อง การกำจัดแมลงสาป อีกคนทำเรื่อง ปัญหาหนูในบ้านเรือน อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์ให้คะแนนสินะ จากคุณ : cdaz - [ 19 ต.ค. 51 22:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ((เขาต้องการเป็นเจ้าพ่อกระทู้โหวต เห็นด้วยหรือไม่?)) จากคุณ : patyawi - [ 19 ต.ค. 51 23:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ผมว่าเขาแค่ขี้สงสัย เลยชอบมีประเด็นมาตั้งเพื่อสร้างแนวร่วม-แนวต้าน แต่ผมไม่ซีเรียสครับ สนุกดี 555... .. ส่วนประเด็นเรื่องหนัง ผมว่าทุกอย่างมันต้องมีมาตรฐานของมันครับ แล้วก็ต้องมีผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ได้รับการยอมรับมาเป็นคนคอยกำกับ คอยชี้แนวทาง... เพราะงั้นคณะกรรมการตัดสินจึงต้องเป็นคนที่คนในวงการยอมรับว่ามีความรู้ หรืออย่างน้อยก็มีเครดิตส่วนตัวมาเยอะ แต่ในท้ายที่สุด ผลที่ออกมาจากแต่ละคนก็ต้องมาจากความชอบส่วนตัวเป็นทุนอยู่แล้ว ... สรุปคือมันเป็นการตัดสินที่ค่อนข้าง subjective ถ้าเอากรรมการเมื่อ 5 ปีก่อนมาตัดสินหนังเมื่อปีที่แล้ว NCOM อาจไม่ได้เป็นหนังออสการ์ก็ได้ จริงบ่?... ไม่รู้ว่าตรงประเด็นรึเปล่า แต่ผมอ่านๆมาก็งงเหมือนกันว่าประเด็นในตอนนี้มันคือเรื่องไร? -__-" จากคุณ : don_custom - [ 20 ต.ค. 51 12:53:03 ]