| ชอบมาก ห้ามพลาด (3 คน) |
| ชอบ (13 คน) |
| เฉยๆ (8 คน) |
| ไม่ชอบ (2 คน) |
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (2 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 28 คน |
...เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป และ อ่านความเห็นอื่นๆและชวนมาคุยต่อเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=22-10-2008&group=14&gblog=108
...ตอนแรกไม่ได้อยากดูมาก เพราะไม่ค่อยชอบหนังแฟนตาซีเด็กๆเท่าไหร่ และ ตัวอย่างก็ออกมาค่อนข้าง เด๊กเด็ก มิใช่น้อย ฉากกับงานสร้างก็ดูเก่าๆผุๆพังๆไม่ชวนตื่นตา CG กับโปสเตอร์กับตัวอย่างหนังก็ดูเหมือนหนังแฟนตาซีรุ่นคุณพ่อที่แสนจะเชย
แต่ที่เลือกไปดูเพราะว่าเห็นคะแนนคนดูจากเว็บมะเขือเน่าให้สูงถึง แปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์
...ตัวหนังสร้างจากวรรณกรรมเยาวชนที่ดัง ได้รางวัลมาเพียบ และได้รับความนิยมมาก จนนำไปสู่ตอนต่อถึงสี่เล่ม และ เวอร์ชั่นหนังดัดแปลงมาจากเล่มแรก ที่ว่าด้วย เด็กกลุ่มหนึ่งค้นพบความลับของเมืองตัวเอง ที่อาศัยแสงไฟจากเครื่องปั่นไฟมาตลอด เพราะเมืองนี้ไม่มีแสงอาทิตย์ แต่วันหนึ่งไฟเกิดขัดข้องและกำลังจะดับลง
ดูหนังจบ ปรากฎว่าค่อนข้างชอบครับ เพราะดีกว่าที่คาดหวังไว้ และ แก่นหลักในหนังนั้นมีความเป็น ผู้ใหญ่ ในตัวมากกว่าจะดำเนินเรื่องแบบหน่อมแน้ม
ชอบหลายประเด็นในหนังเรื่องนี้ ที่สอดคล้องกับสภาพสังคมบ้านเรา(รวมทั้งบ้านอื่นๆด้วย) โดยเฉพาะแง่ของความเชื่อหรือศรัทธา
...จุดเด่นของหนังคือแฝงการส่อเสียดโลกของผู้ใหญ่ ผ่านสายตาของเด็กที่มองอย่างงุนงง เช่น สภาพสังคมจำลองของ Ember ที่บางตอนก็น่าขบขันเวลาเด็กๆเห็นว่า ตัวละครผู้ใหญ่รอบตัวเขานั้นเหมือนกับหุ่นยนต์
คือมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ แต่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม สนใจแต่หน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับปัญหารุนแรงตรงหน้า
คิดแต่เพียงว่า The Builder หรือ ผู้สร้างเมือง ที่เขาว่ากันว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาให้ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก และ ไม่มีหลักฐานมาก่อนว่า The Builder มีอยู่จริง
มันทำให้ผมคิดถึงหนังบางเรื่อง ที่ชี้ชวนให้เห็นความสำคัญของ การศรัทธา ว่า แม้บางสิ่งไม่มีอยู่จริง แต่ถ้าเราศรัทธา พระเจ้าหรือผู้นำหรือสิ่งใดก็ตามจะช่วยเรา
แต่หนังเรื่องนี้เสริมว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ถ้าเราเดินตามผู้นำหรือความเชื่อประเภทที่ เขาว่ากันว่า โดยขาด พื้นฐานของสติหรือวิจารณญาณ หรือ ถ้าหลงเชื่อหรือศรัทธาโดยไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง คงไม่ต่างอะไรจาก การศรัทธาหน้ามืด ซึ่งน่าจะเรียกว่า ความงมงาย เสียมากกว่า
...ถ้า The Builder ในหนังเรื่องนี้คือ พระเจ้า ในทางอ้อม หนังก็บอกเราว่า พระเจ้าคงไม่ช่วยอะไร ถ้ามนุษย์ไม่พยายามทำอะไรเสียก่อน ถ้านั่งๆนอนๆก็อย่าหวังว่าจะหาทางออกจากปัญหาตรงหน้าไปได้
และหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่า ไม่มีหรอก สังคมอุดมคติแบบยูโทเปีย ตราบใดที่ปัจจัยสำคัญยังเป็น 'มนุษย์' เพราะ มนุษย์ นั้นมิใช่หุ่นยนต์ที่จะกำหนดให้ดีหรือชั่วโดยไร้ความรู้สึก ไร้อคติ ดังนั้น การสร้างระบบให้เข้มแข็งต่างหากเป็นสิ่งจำเป็น
มิเช่นนั้น หากเมื่อใดที่ประชาชนอ่อนแอ หรือ ระบบอ่อนแอ แล้วบังเอิญ ได้ผู้นำที่อ่อนแอหรือผู้นำเฮงซวยเหมือนเช่นในหนัง ก็ได้เวลานับถอยหลังวันแห่งความมืดของประชาชนในเมืองนั้นอย่างแน่นอน
... เสน่ห์อย่างแรงของหนังเรื่องนี้มาจาก กลุ่มนักแสดงเด็ก โดยเฉพาะตัวชูโรงอย่าง Saoirse Ronan นักแสดงเด็กสาวที่แจ้งเกิดจากบทไบรโอนี่ในหนัง Atonement มารับบทเป็นหนึ่งในสองตัวเอกที่ พยายามจะหาทางออกและช่วยเหลือเมืองเอมเบอร์ หลังจากที่เธอไปพบความลับจากกล่องปริศนา
เรื่องนี้ไม่ต้องอาศัยความซับซ้อนทางอารมณ์มากมาย แต่เธอก็สามารถอุ้มหนังไปข้างหน้าฟันฝ่านักแสดงระดับพระกาฬได้เป็นอย่างดี เธอเป็นนักแสดงที่ออร่าจับมากๆเทียบกับรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งผมเองซูฮกฝีมือเธอใน Atonement เป็นอย่างแรง มาถึงเรื่องนี้ ขอฟันธงว่า คุณน้องรุ่งแน่ๆ ถ้าเลือกหนังดีๆ คอนเฟิร์มมมมมมมมมม
และอีกคนที่น่ารักมากๆคือ คนที่รับบทน้องเล็ก น้องหนูแอ๊บเอ๋อน่ารักมากๆในหลายฉาก เรียกได้ว่า พลังดาราเด็กเรื่องนี้แรงดีทีเดียว
...ในขณะที่นักแสดงรุ่นเดอะ หนังได้ Bill Murray และ Tim Robbins แต่ใช้ความสามารถของทั้งคู่ไม่คุ้มเท่าไหร่ โดยเฉพาะรายหลัง ออกมาไม่กี่ฉากแต่เล่นได้ดีมาก เสียก็ตรง บทหนังเขียนให้สองตัวละครนี้ดูตื้นเขินอย่างมากเช่นกัน
บทของ Tim Robbins น้อยชนิดที่เรียกว่าไม่จำเป็นต้องดึงเขามาเล่นก็ได้ ส่วนบท นายกเทศมนตรี ของ Bill Murray ถึงจะมีเวลาอยู่ในจอมาก แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้บทมีพัฒนาการหรือน่าสนใจ ทั้งๆที่ บางซีนเราจะเห็นเลยว่า Bill Murray เล่นร้ายได้น่ากลัวทีเดียว ถ้าบทส่งให้เขามากพอ
สรุป ...โดยรวมแล้ว City of ember ถึงจะมีงานสร้างทึมๆเก่าๆผุๆพังๆ
ใช้ CG ก๊องแก๊งไม่ค่อยอลังการ(ดูแมลงนึกว่าหนังเก่าๆทีเอามาฉายช่องเจ็ดตอนเช้าๆ) แต่ก็ยังสนุกกว่าหนัง CG ไฮโซอย่าง The Golden compass
ผมจัดให้ เป็นกลุ่มหนังดัดแปลงจากวรรณกรรมเยาวชนที่ค่อนข้างประทับใจ ในแง่มุมที่หนังสอดใส่มุมมองของผู้ใหญ่ ใกล้เคียงกับตอนที่ดู The Spiderwick chronicle หรือ Bridge to therabithia (แต่ยังไม่สนุกเท่าเรื่องแรก และยังไม่กินใจเท่าเรื่องหลัง)
ป.ล. หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าเขียนเปรียบเทียบในบางมุมมองกับ The Village เป็นอย่างยิ่ง แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลา เลยขอเบี้ยว
ผมอยู่ข้างหลังคุณ ขอฝากผลงานหนังสือเล่มล่าสุดที่ว่าด้วย หนัง ,แรงบันดาลใจ และกำลังใจ ที่ชื่อว่า เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป ด้วยครับผม
บทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
(บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)
หนังครอบครัวชั้นดี หนังแฟนตาซีชั้นเยี่ยม >>>> The Spiderwick Chronicles <<<< สนุกเหลือล้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=16-03-2008&group=14&gblog=79
Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=22&group=1&gblog=226
ชำแหละ The Village , หมู่บ้านนี้มีความลับ หมู่บ้านนี้มีความรัก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=4&month=02-2006&date=13&blog=1
The Golden Compass , ง๊ายง่าย เด๊กเด็ก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=12-2007&date=06&group=14&gblog=50
แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 51 10:29:38
แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 51 10:00:55
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
22 ต.ค. 51 09:58:05
]