|
The X Files : I want to believe ----->>> ขอพูดตรงนี้ จากใจจริง
ก่อนอื่นบอกก่อนว่า เคยเขียนคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว เคยบอกไว้ว่าถ้าหนังไม่ดีจะไม่อวย และที่สำคัญ...สิ่งที่จะเขียนทั้งหมดต่อไปนี้คือทุกสิ่งจากใจจริงของแฟนคนหนึ่งที่ดู I want to believe ด้วยใจเป็นกลาง
..................................................................................................
หลังจากที่ดู The X Files: I Want to Believe ทั้งแผ่นผีและแผ่นแท้มาแล้วก็กะว่ารอให้แผ่นแท้อกมาสักพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยออกมาแสดงความเห็น อันที่จริงไม่มีอะไรก็แค่ไม่ค่อยได้มีเวลาว่างเท่านั้นเอง อีกอย่างอินเตอร์เน็ตมันไม่อำนวยให้มีใช้
ก่อนอื่นมาว่ากันเรื่องแผ่นก่อน เชื่อว่าหลายคนคงหลวมตัวไปซื้อแผ่นผีมา แน่นอนรวมทั้งฉันด้วย อาจเป็นเพราะอดรนทนไม่ได้ที่จะได้ดูฉากบนเตียงช้าไปอันนี้ก็ละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจละกันค่ะ
เรื่องเสียงพากย์ในแผ่นผีนั้น หลายคนคงหงุดหงิดเหมือนๆกันกับฉัน ด้วยว่าพากย์แล้วออกทะเล มันไม่ใช่สิ่งที่นักแสดงพูด ไม่ใช่สิ่งที่หนังต้องการสื่อ ฉันเองยังมานั่งคิดเลยว่าไอ้คนแปลในแผ่นผีนี่มันช่างมีความสามารถสูงเสียจริง แปลได้โดยไม่ดูบทเลย....สุดยอดค่ะพี่ขา
ส่วนเรื่องเสียงพากย์ในแผ่นแท้นั้นไม่ต้องพูดถึง ดีกว่าเสียงพากย์ไทยในโรงเมื่อปี 1998 คราว Fight the Future ตั้งเป็นกอง หากใครความจำดีหรือเคยดูซีรีส์ภาษาไทยก็อาจจะจำได้ว่าเป็นทีมพากย์มืออาชีพทีมเก่าจากค่ายซีวีดีนั่นเอง อันนี้ต้องขอชื่นชมทางทีมงานที่สามารถพากย์แล้ว สกัลลี่เป็นสกัลลี่ และ มัลเดอร์เป็นมัลเดอร์ ขอชื่นชมจากใจจริงค่ะ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า จะว่าไปแล้วหนังภาคนี้มีเนื้อหาที่ดี ในด้านการวางโครงเรื่องนั้นจริงๆแล้วรัดกุมกว่านี้เยอะ แต่อาจเป็นเพราะมีการแก้บทที่ต้องทำให้มีความซับซ้อนน้อยลงจึงทำให้มนต์ขลังความลึกลับคลายลงด้วย สิ่งที่พลาดอย่างที่สุดก็คือการดำเนินเรื่องของหนัง เจมส์ คาเมรอนเคยกล่าวไว้เมื่อคราวที่หนังเรื่อง Titanic ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองหรือที่เรารู้จักกันในนามว่า ออสการ์ ว่าจุดสำคัญของหนังคือช่วง 11 นาทีสุดท้าย จากคำกล่าวเบื้องต้นนั้นจะว่าไปแล้วก็มีส่วนถูกอยู่มาก เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่หนังมีการเร้าคนดูมากที่สุด เป็นช่วงเหมาะที่จะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้คนดู จำ หนังเรื่องนั้นๆให้ได้นานที่สุด The X Files ไม่ได้พลาดทั้งหมดแต่พลาดเพียงบางส่วน หนังเรื่องนี้ดึงกลิ่นไอการไขปริศนามาจากซีรีส์ได้โดยการที่ตัวเอกหาเบาะแสได้เป็นระยะ ไม่ใช่ได้มาโดยการหาเพียงครั้งเดียว การที่ได้เบาะแสมาทีละน้อยจะนำไปสู่การแก้ไขปริศนาได้จะต้องผ่านการวิเคราะห์ที่รัดกุม ซึ่งนี่คือสิ่งที่เห็นได้จากหนังในภาคนี้ ส่วนที่พลาดคือการดำเนินเรื่องที่ไม่มีจุดกระตุ้นความสนใจผู้ชม ในหนังภาคที่แล้วนั้นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องคือการที่มัลเดอร์ตามไปช่วยสกัลลี่ในยานอวกาศ เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโครงการเพาะพันธุ์ต่างดาวผ่านมุมมองของมัลเดอร์ที่ยืนอยู่ที่ลานด้านบนของยาน หนังภาคที่แล้วทำให้คนดูลุ้นจะแทบจะเรียกว่าใจหายใจคว่ำก็ว่าได้เมื่อสองตัวเอกหล่นไปในพื้นหิมะที่แตกแต่ก็กลับขึ้นมาได้เพราะการยกตัวของยานอวกาศ แต่ในหนังภาคนี้นั้นจุดไคลแม็กซ์คือการได้เบาะแสของตัวเอกซึ่งเบาะแสนั้นมีอยู่มากจำต้องกระจายความสนใจออกไป ทำให้ความสนใจแต่ละจุดลดน้อยลง จุดที่ควรจะเน้นกลับไม่เน้นคือการเข้าไปช่วยเหยื่อและมัลเดอร์ออกมา ซื่งในฉากนี้ในความคิดของฉันคือมันห้วนไป ขาดเหตุผลไปพอสมควร ทั้งๆที่อีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่ากลับไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สกินเนอร์เอาปืนไล่ต้อนออกไป
จากคุณ :
M.F.Luder
- [
22 ต.ค. 51 22:28:30
]
|
|
|
|
|