Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ไอ้หมื่น Retro James Bond 007 ตอนที่ 9 : The Man with the Golden Gun (1974) 007 เพชฌฆาตปืนทอง

    ช่วงนี้ต้องขอสองครับ จะได้พอดีพอทันกับการมาของ Quantum of Solace น่ะนะครับ

    ก่อนอื่นท่านที่พลาด Retro ตอนก่อนๆ ย้อนไปอ่านได้ที่นี่ครับ

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 1 : Dr. No (1962) พยัคฆ์ร้าย 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7123640/A7123640.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 2 : From Russia with Love (1963) เพชฌฆาต 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7127133/A7127133.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 3 : Goldfinger (1964) จอมมฤตยู 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7131164/A7131164.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 4 : Thunderball (1965) ธันเดอร์บอลล์ 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7133721/A7133721.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 5 : You Only Live Twice (1967) จอมมหากาฬ 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7137080/A7137080.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 6 : On Her Majesty's Secret Service (1969) ยอดพยัคฆ์ราชินี 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7142870/A7142870.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 7 : Diamonds Are Forever (1971) เพชรพยัคฆราช 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7142922/A7142922.html

    Retro James Bond 007 ตอนที่ 8 : Live and Let Die (1973) พยัคฆ์มฤตยู 007
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7146451/A7146451.html

    และผมยังได้เขียน Retro James Bond ลงในนิตยสาร MovieTime ด้วยนะครับ ถ้าสนใจจะอ่านเพิ่มเติมก็ลองแวะเวียนไปตามแผงหนังสือนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

    The Man with the Golden Gun (1974) 007 เพชฌฆาตปืนทอง

    แนวหนัง แอ๊คชั่น

    ภาคก่อนเปิดตัว Roger Moore ในฐานะบอนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม ผสมผสานความมันส์เข้ากับอารมณ์ขันแบบเบาๆ ได้เข้าท่า แต่พอมาภาคนี้เหมือนอัตราส่วนผสมของความเบาจะมากไปสักหน่อย

    บอนด์ภาคนี้ต้องเจอกับ ฟรานซิสโก้ สการามังก้า (Christopher Lee) สุดยอดนักฆ่าที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตปืนทอง เพราะเขาจะรับจ้างค่าคนด้วยเงินสูงถึง 1 ล้านดอลล่าร์ และเขาจะสังหารเหยื่อด้วยปืนและกระสุนทองคำของเขาเท่านั้น และดูเหมือนว่าเป้าหมายต่อไปของเขาจะเป็น เจมส์ บอนด์ของเราเนี่ยแหละ

    โอเค Moore ยังแสดงเป็นบอนด์ได้ดี Lee ก็รับบทสการามังก้าได้เข้าท่า แต่ตัวหนังออกจะอ่อนโยนไปบ้าง เนื้อหาค่อนข้างเบาหวิวเลย อีกอย่างคือจะว่าไปนี่ไม่ใช่นิยายของ Ian Fleming ด้วยซ้ำ เพราะผู้สร้างหยิบแค่เรื่องราวมาจากนิยายแค่นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ละเลงเองทั้งหมด ซึ่งตัวหนังออกจะเรื่อยๆ แต่ยังยาวตั้ง 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่พล็อตก็ไม่ค่อยจะมีอะไรครับ เนื้อหาก็ดูเบาๆ ซึ่งจริงๆ จะว่าไป ภาคที่แล้วก็อาจจะตกอยู่ในสภาพนี้ก็ได้ครับ แต่โชคดีที่หนังมีความอึมครึมมาถ่วงดุลย์เอาไว้ (หรือไม่ก็เพราะไสยศาสตร์มีจริงนั่นแหละ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)

    ส่วนภาคนี้ เนื้อหาเบา เรื่องก็ไม่มีอะไร ดูๆ ไปรู้สึกหนังจะยัดมุขฮาลงไปมากพอตัวนะครับ ซึ่งมันก็โอเค ช่วยให้หนังพอดูได้ แต่ก็ให้เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะผู้กำกับอ้ะ คือ Guy Hamilton ที่กำกับตอน Goldfinger, Diamonds Are Forever และ ตอนก่อนหน้านี้มาก่อนอ้ะ จะว่าไปผู้กำกับคนนี้กวาดสามดาวไปจากผมมากที่สุดในบรรดาคนทำหนังบอนด์เลยล่ะมั้ง แต่กับภาคนี้ บทหนังไม่แข็งแรงพอน่ะครับ ตัวหนังเลยออกทะเลจีนใต้ไปไหนก็ไม่ทราบเลยทีนี้

    สาวบอนด์ตอนนี้ก็คือ แมรี่ กู๊ดไนท์ รับบทโดย Britt Ekland ซึ่งผมจำได้เลยครับ ตอนที่ผมดูหนังชุดบอนด์เป็นครั้งแรก เมื่อยังเด็กๆ เธอคือสาวบอนด์ที่ผมจำได้ดีที่สุด เพราะเธอดูสวยและน่ารัก มีเสน่ห์ดี แต่พอผมโตขึ้นมาดูบอนด์อีกที กลับคิดว่า "ทำไมเจ๊แกซุ่มซ่ามจังหนอ" จริงๆ นะครับ บอนด์จะตายเพราะเจ๊แกตั้งหลายรอบ ไปๆ มาๆ ดูแล้วก็งงว่าตกลงตัวร้ายของเรื่องนี่ใครกันแน่ เพราะสการามังก้ายังไม่หาเรื่องตายให้กับบอนด์เที่เจ๊กู๊ดไนท์แกทำเลยน่ะเนี่ย แต่ก็ไม่เถียงว่าเธอสวยครับ แต่ก็นั่นแหละ เธอก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บอนด์ดูเป็นหนังฮามากกว่า แต่ก็นั่นแหละ ... เธอสวยครับ (ตอนแรกนะครับ ผู้กำกับ Hamilton แกจะให้ Ekland มาเล่นเป็นเมียเก็บของสการามังก้า แต่พอเห็นเธอสวมบิกินี่เท่านั้นแหละ พี่แกเลื่อนขั้นให้เธอเป็นสาวบอนด์ทันที ซึ่งจะว่าไปผมก็เข้าใจ Hamilton อยู่เหมือนกันครับ)

    บอนด์ภาคนี้มาถ่ายที่เมืองไทยครับ มีฉากในเมืองแล้วก็ที่เกาะเขาพิงกันกับเกาะตะปู ซึ่งทิวทัศน์สวยงามดีมาก อย่างน้อยนี่ก็เป็นจุดดีอย่างหนึ่งของบอนด์ภาคนี้ครับ ได้เห็นความสวยงามของหมู่เกาะประเทศเราแล้วมันอดรู้สึกดีไม่ได้เน้อะ แล้วอีกหนึ่งจุดที่ผมชอบคือห้องสังหารของสการามังก้าครับ เป็นห้องที่เขาใช้ซ้อมยิงปืน แต่ไม่ใช่ยิงเป้าธรรมดา เป้าของเขาเนี่ยจะเป็นคนจริงๆ ครับ โดยจ้างคน (ซึ่งก็คือเป้าเคลื่อนที่นั่นเอง) เข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยกลไก แล้วสการามังก้าก็ต้องเก็บเหยื่อหรือเจ้าเป้าเคลื่อนที่นี่ให้ได้ ห้องที่ว่านี่ออกแบบแนวหลอนๆ มีเล่นแสงเงาได้สวยทีเดียวล่ะครับ

    แม้หลายส่วนจะไม่เลว แต่บทที่อ่อนเบาทำให้อะไรๆ ดูลอยเกินไปหน่อยครับ ตัวสการามังก้าเองก็ยังไม่ร้ายถึงขีดสุด ไม่เลือดเย็นเท่าที่ควร ถ้าเป็นในนิยายนี่พี่ท่านทั้งร้ายและโหดเลยล่ะครับ มาในฉบับนี้เหมือนจะมีแต่ความเท่ห์เท่านั้นเอง แต่ความร้ายและกลิ่นอายความตายยังไม่มาคุเท่าไร แต่ก็ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อย Lee ก็แสดงได้ดีน่ะ

    ด้วยความที่หนังภาคนี้ประสบความสำเร็จไม่มาก จนทางผู้สร้างต้องหันมาตั้งแนวทางหนังบอนด์ใหม่ ว่าจะต้องผสมความสนุกกับความหนักแน่นในระดับที่พอดี จะให้บันเทิงก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้มากเกินไป ขณะเดียวกันก็ได้เกิดเหตุให้ผู้อำนวยการสร้างคู่หู Albert R. Broccoli กับ Harry Saltzman ต้องแยกทางกัน เพราะ Saltzman มีเหตุผลส่วนตัว (ได้แก่ภาระทางการเงินกับภรรยาป่วย) เลยขอถอนตัวไป ทำให้ Broccoli ต้องอำนวนการสร้างเพียงลำพังไประยะหนึ่ง และทำให้หนังบอนด์ภาคต่อมากว่าจะออกฉายได้ก็ใช้เวลา 3 ปีทีเดียว

    ก็เรื่อยๆ ครับ อย่าคาดหวังอะไรคิดซะว่าดูบอนด์ภาคเบาแล้วกัน

    สองดาวกว่าๆ ครับ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=10000tip&month=10-06-2005&group=11&blog=30

    แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 51 10:27:01

     
     

    จากคุณ : เทพบุตรตบะแตก!! - [ 28 ต.ค. 51 09:16:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com