Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    [เรื่องจริงผ่านจอ] ประวัติ 'เภสัชกรยิปซี ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์' 'บุคคลแห่งปีเอเชีย' นักสู้เอดส์

    ละครบรอดเวย์ สร้างจากชีวิตจริง เภสัชกรยิปซีไทย (แต่คนไทย ไม่รู้จัก ) ลองอ่านกันดูนะค่ะแล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตของคนๆหนึ่งเกิดมาเพื่อให้ผู้อื่นโดยแท้ นั้นงดงามเพียงใด

    เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ (ซึ่งปัจจุบัน ขณะนี้ ไทยกำลังมีปัญหากับอเมริกา เพราะข้อขัดแย้ง เรื่องราคายา ที่ไทยไม่ยอมอเมริกา เรื่อง สิทธิบัตรยา)

    ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เร่ร่อนไปทั่วเเอฟริกาจนเป็นที่รู้จัก ถึงขนาดอเมริกานำชีวิตเธอไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์ ในขณะที่คนไทยไม่รู้จักเธอ

    ชื่อ - ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เป็นคนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีพี่น้อง 2 คน พ่อเป็นหมอ คุณแม่ เป็นพยาบาล

    เรียน - นักเรียนประจำที่ รร.ราชินี ปริญญา คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ ม.Strahclyde ปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี ม.Bath ที่อังกฤษ  (ฐานะทางบ้าน ก็สบายๆ ญาติพี่น้อง ทำธุรกินโรงแรมที่เกาะสมุย)

    ชอบเล่นดนตรี เคยฝันอยากเป็น Conductor

    เคยอยากเปลี่ยนสายเรียน ไปเป็น ไบโอเคมี (ชีวเคมี )แต่เห็นว่า คณะที่เรียนอยู่ ในเมืองไทย มีคนเรียน แค่ 5 คน จึงก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป

    ปี 2535 เริ่มมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก พบในเอดส์ในไทยครั้งแรก ปี 2526 ทำไห้ตัดสินใจศึกษาวิจัยยาต้านไวรัสเอดส์ คิดค้นอยู่ 3 ปี แรกๆทำงานคนเดียวหมด ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกของโลก ที่ผลิตยาชื่อสามัญว่า ยาเอดส์ ในปี 2538 ได้

    โดนคดีขึ้นศาลกับบริษัทยา(ชื่อของอจ. ถูกบรรจุอยู่ในแบล็กลิสต์ของบริษัทยาเกือบทุกบริษัท) จากเรื่องของผลประโยชน์ เพราะถ้า ผลิตยาได้สำเร็จ ยอดขายของผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ต้องตกแน่นอน เพราะว่า ราคาต่างกันค่อนข้างมาก ถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะตบหน้าใคร หรือมาทำให้ยอดขายของบริษัทไหนลดลง (ก็คนกำลังจะตายอยู่แล้ว ไม่มีเงินซื้อยาแพงๆกิน ก็ต้องช่วยกันไป)

    คือ ยา ZIDOVUDINE (AZT)- ยาที่ลดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก จาก แคปซูลละ 40 บาท เหลือ 7-8 บาท อีกตัวคือ จากเดิม ขาย แคปซูลละ 284 บาท เหลือ 8 บาท ยาที่มีชื่อเสียงมาก คือ GPO-VIR สามารถทำให้ยา 3 เม็ดรวมอยู่ในเม็ดเดียว จากต้องทาน วันละ 6 เม็ด เหลือเพียง 2 เม็ดเท่านั้น

    รัฐบาลไทย สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ จาก 1000 คน เพิ่มเป็น 10000 คน ค่ายา จาก คนละ 20,000 เหลือ 1,200 บาท

    ปี 2545 ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา เพื่อจะไปช่วยเหลือทางแอฟริกาใต้อย่างเต็มตัว (เห็นว่า เมืองไทย เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ) ไม่มีใคร(รวมทั้งรัฐมนตรี)ยอมเซ็นใบอนุมัติการลาออกให้

    มีการยื่นข้อเสนอ ให้เปลี่ยนตำแหน่งสูงขึ้น และการเอายาของเราไปขายที่แอฟริกาแทน แต่ไม่เอาด้วยเหตุผลต้องการให้พวกเขาทำเองให้พึ่งตนเอง เชื่อว่า ถ้าเขาอยากกินปลา เราก็ควรสอนเขาตกปลาเอง ไมใช่ว่าเอาปลาไปให้เขากิน เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีวันพึ่งตัวเองได้ เมืองไทยไปจำหน่ายได้ มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่มีความยั่งยืน(ไม่สนเงินเข้ากระเป๋า ว่างั้น)

    เดินทางไปคองโก ไปบุกเบิกใหม่หมด วาดแปลนโรงงาน ที่จะผลิตยา ใช้เวลา 3 ปี โรงงานดังกล่าว ผลิต ยาต้านไวรัสเอดส์ ชื่อ AFRIVIR เหมือนเมืองไทยทุกอย่าง ได้สำเร็จ

    ปี 2546 ผลิตยาที่ทวีปแอฟริกา ที่ดังมาก และขายดีที่สุดในประเทศแทนซาเนีย คือ ยามาลาเรีย (THAI-TANZUNATE) ยาราคาถูก จาก 360 บาท ผลิตได้ ในราคา 36 บาทเท่านั้น

    ประเทศด้อยพัฒนาในแอฟริกายากจนมาก สมมติว่าโรงพยาบาลหนึ่งมีเตียง 150 เตียงแต่มีคนไข้ที่มาแอดมิด 450 คน นั่นหมายถึง ใน 1 เตียง มีคนไข้ 3 คน นอนบนเตียงเดียวกัน 2 คน นอนกลับหัวกลับหางกัน และนอนใต้เตียงอีก 1 คน

    เวลาอยู่ที่แอฟริกา ก็ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีหลักแหล่ง บางทีก็มีคนช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทาง บางทีออกเอง เพราะประเทศเขายากจน ไม่มีตังค์ให้หรอก

    อุปสรรคชีวิตโลดโผน
    เจอเครื่องบินดีเลย์ ไป 24 ชม.
    บางที เครื่องบินก็พาไปลงผิดประเทศ
    เสื้อผ้า ต้องมีติดกระเป๋าสะพายตลอดอย่างน้อย 3 ชุด เพราะชุดในกระเป๋าเดินทางที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องอาจมาช้า ไม่ก็หายไปเลย
    ที่คองโก นอนอยู่ดีๆ ก็มีแสงสว่างวาบๆขึ้นมา ก็คิดในใจว่า ทำไมถึงสว่างเร็วจัง ปรากฏว่าไม่ใช่แต่เป็น ระเบิดที่เขายิงมา โดยมีเป้าหมายที่บ้านพักของดิฉัน แต่เขากะพลาดไปหน่อย เลยไปตกข้างๆบ้านแทน คิดว่า คงเป็นฝีมือของพวกที่เขาคิดว่าดิฉันเป็นศัตรูนั่นแหล่ะค่ะ

    ตอนไปช่วยเหลือที่ ไนจีเรีย ต้องเดินทางตอนตี 1 จากสนามบิน เข้าสุ่ที่พัก คนเดียว ไม่มีคนมารับ นั่งแท๊กซี่ไป ถูกคนเอาปืนมาจี้ 5 ครั้ง ในคืนเดียว รอดมาได้หมดทุกครั้ง และไม่มีใครเอาทรัพย์สินไปเลยสักคนเดียว ด้วยเหตุผล " ฉันมาช่วยคนในประเทศเธอน่ะ อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เลยไม่มีคนจี้ต่อ แต่เสียเวลาไป 4 ชั่วโมง กับการเดินทาง 20 กม. เพราะมัวแต่โดนจี้ ไป 5 ครั้ง

    สื่อของฝรั่งเศสและเยอรมนี ชื่นชมการทำงานมาก นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ จนได้รับรางวัลจาก เทศกาลหนังเมืองคานส์ 3 รางวัล

    เรื่องหนังสารคดี
    A Right to Live – Aidsmedication for Millions

    แล้วคุณล่ะ.. " ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง "

    แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 02:20:27

    แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 51 00:43:06

     
     

    จากคุณ : เจ๊วรรณา - [ 31 ต.ค. 51 00:17:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com