ความคิดเห็นที่ 1 ด็อกเตอร์ ได้เงินค่าตำแหน่งเพิ่ม ป.ตรี ป.โท  ได้แค่เงินเดือน จากคุณ : กระเฉด - [ 5 พ.ย. 51 18:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าไม่ผ่านมันก็ไม่จบน่ะค่ะ แล้วในประเด็นที่ว่า เอาวุฒิ ป.ตรี ป.โท ไปทำงานไม่ได้หรือ? ตอบว่าได้ค่ะ แต่หากมีโอกาส สามารถเรียนได้ มั่นใจว่ามีความสามารถมากพอ เรื่องเรียนให้สูงที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และการติดแค่ วิทยานิพนธ์ ทั้งที่เรียนมาตั้งนานแล้ว จะไม่พยายามเพื่อให้ได้มาหรือคะ? เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้กับคนทั่วไปค่ะ ใครๆ เมื่อได้เรียนก็อยากจบทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 18:18:43 จากคุณ : g_lunasea - [ 5 พ.ย. 51 18:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่ได้ดูเรื่องนี้นะครับ ..แต่เท่าที่อ่านที่คุณเขียนมาเนี่ยะ  .. คุณครับ ..ก็เค้าอุตส่าห์มาเรียนดอกเตอร์ ถ้าไม่ได้ด็อกเตอร์  จะทนเรียนทำไมครับ สมมุตินะ  ว่าคุณจบตรีแล้ว แต่อยากต่อโท  ก้ไปเรียน ..แต่ไม่ผ่าน คุณก็จะลาออกมา  ใช้วุฒิปริญญาตรีเหมือนเดิมเหรอครับ แล้วที่ทุ่มเทเรียน ทำงาน เข้าแลป หรืออะไรต่างๆๆนาๆๆก่อนหน้านี้ล่ะ คือถ้าเค้าเรียน ผมก็ว่าเค้าก็ตั้งใจจะเอาให้ได้นั่นแหละ งั้นก็เอาแค่วุฒิ ม.3 ก็ได้มั้ง เพราะวุฒิม.3 ก็หางานได้เหมือนกัน จริงป่ะ?? จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส - [ 5 พ.ย. 51 18:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มันไม่ใช่แค่ว่า ไม่ผ่าน ก็เลิกสิครับ คนเราต้องสู้ ต้องมีความพยายามครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 5 พ.ย. 51 18:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนที่ลงทุนเรียนขนาดนี้แล้วไม่จบก็แย่สิครับ เป็นล้านนะ จากคุณ : scozember - [ 5 พ.ย. 51 18:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มันอยู่ที่ว่ามาเรียนแล้วนี่คะ ถ้าอย่างนั้นมันต้องไปตั้งคำถามตั้งแต่ต้นว่ามาเรียนทำไม วุฒิปริญญาโท เอก มันสำคัญขนาดไหน แต่ถ้าเลือกที่จะเรียน เห็นว่าควรจะเรียน ก็ต้องทำให้ผ่านล่ะค่ะ ในความคิดของเรา วิทยานิพนธ์มีความสำคัญสำหรับคนที่จะไปทางสายวิชาการนะคะ เพราะนอกจากเนื้อหาของหัวข้อและหลักวิชาที่จะได้รับรู้ลึกซึ้งขึ้นแล้ว ยังฝึกวิธีการค้นคว้า วิธีการเขียน วิธีการสังเคราะห์ความคิด การหาข้อสรุป ไม่ต้องนับเรื่องความอดทน การติดต่อหาข้อมูลกับบุคคลต่างๆ ซึ่งต้องใช้ลูกล่อลูกชนสารพัด แค่ทำรายงานในแต่ละวิชา เทียบไม่ได้เลยกับทำวิทยานิพนธ์ ระดับความเข้มข้นต่างกันมาก ถ้าจะเรียนในสายวิชาชีพ หรือการประกอบอาชีพ ไม่ได้จะไปเป็นอาจารย์ นักวิชาการ เราว่าแค่ระดับสารนิพนธ์ (เข้มกว่ารายงานประกอบวิชา แต่เข้มน้อยกว่าวิทยานิพนธ์) ก็น่าจะพอค่ะ จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 5 พ.ย. 51 18:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอามาจากในเวปนะครับ แบบวิชาการ ชื่อเรื่องงานวิจัย   การวิเคราะห์สาเหตุและทางเลือกในการแก้ปัญหาการทำวิทยานิพนธ์.............................(ไม่เขียนชื่อเต็มๆนะครับ ) ชื่อ/สกุลผู้วิจัย         นายปริวัตร   เขื่อนแก้ว ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา  เน้นให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง  มีความใฝ่รู้  รู้จักคิดวิเคราะห์  สังเคราะห์เพื่อพัฒนาความรู้  ความคิด  ก่อให้เกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา  ดังที่  ไพฑูรย์  สินลารัตน์ (อ้างจาก ณีรนุช จงอารี,2543, หน้า 1)  กล่าวว่า  การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษามุ่งเน้นการพัฒนาความรู้หรือการสร้างความรู้ขึ้นเป็นหลัก และการพัฒนาหรือสร้างความรู้ในการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาส่วนใหญ่กระทำโดยผ่านกระบวนการวิจัย  การวิจัยจึงเป็นหัวใจสำคัญของบัณฑิตศึกษา  การเรียนในระดับบัณฑิตศึกษาจึงมักให้นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์  ในหลักสูตรแผน ก และการค้นคว้าแบบอิสระในหลักสูตรแผน ข  ซึ่งทั้งสองประเภทต่างอาศัยกระบวนการทำวิจัยด้วยกัน การทำวิทยานิพนธ์เป็นผลการศึกษาของนักศึกษา  ที่เรียบเรียงขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าอันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทั้งมีการกำหนดไว้ในหลักสูตร  และเกณฑ์ตามที่สถาบันการศึกษากำหนด  การทำวิทยานิพนธ์มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาสามารถศึกษาวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง  มองเห็นแนวทางต่างๆในการศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง เพื่อให้มีความรู้และความสามารถมากขึ้นยิ่งกว่าที่ได้รับจากการศึกษาในตำราหรือจากผู้สอนแต่เพียงอย่างเดียว  อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษารู้จักคิดให้เป็นระบบ  โดยการสังเคราะห์และวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและเรียบเรียงความรู้  ความคิดให้เป็นระเบียบ  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงาน แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 18:25:48 จากคุณ : tuneclub - [ 5 พ.ย. 51 18:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นพพร  พานิชสุข (อ้างจาก ขนิษฐา  ทองสถิต ,2538 ,หน้า 3)  กล่าวว่า  การทำวิทยานิพนธ์(Thesis) เป็นปัญหาและเป็นเรื่องหนักอกหนักใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ ในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก  และในบางครั้งยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่สำเร็จการศึกษา  หรือทำให้การศึกษาต้องล่าช้าไปก็มี  และบางคนก็ต้องเสียโอกาสในอันที่จะเป็นมหาบัณฑิตอีกด้วย  ทั้งนี้เพราะครบกำหนดการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนดไว้  จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายโอกาสเวลาที่สูญเสียและแต่ละคนลงทุนไปจำนวนไม่น้อย  ทั้งนี้เพราะการทำวิทยานิพนธ์มีขั้นตอนที่ละเอียด  ต้องอาศัยเวลาในการทุ่มเทเอาใจใส่  ตลอดจนตั้งอกตั้งใจในการทำอยู่มากทีเดียว  จึงจะสามารถทำวิทยานิพนธ์ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า ปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้นักศึกษาระดับปริญญาโทไม่สำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นปัญหาที่สถาบัน การศึกษาซึ่งจัดการศึกษาในระดับนี้พบมากและพยายามที่จะค้นคว้าหาสาเหตุและแก้ปัญหาดังเช่นผลงานวิจัยต่างๆ  ดังต่อไปนี้ จุมพล  สวัสติยากร (2522)  ได้กล่าวถึงปัญหาในการทำวิจัยว่า  ผู้วิจัยมักจะประสบปัญหาหลายประการ  เช่น  ปัญหาในการเลือกเรื่องหรือหัวข้อที่จะทำการวิจัย  ปัญหาความไม่มั่นใจว่าจะทำการวิจัยสำเร็จ  ขาดความรู้  ขาดการแนะนำให้เข้าร่วมโครงการวิจัยเป็นกลุ่ม  ปัญหาการเก็บข้อมูลหรือสร้างแบบสอบถาม  และปัญหาในการบริหารงานวิจัย  ซึ่งได้แก่  การออกภาคสนาม  การรวบรวมข้อมูล  การแปลความหมาย  และการเขียนรายงานการวิจัย ขนิษฐา  ทองสถิต  (2538) ได้ทำการวิจัย  ปัญหาและแนวคิดในการแก้ปัญหาการทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท  คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ผลการวิจัยพบว่า  ปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์เกิดจาก   1)  ความรู้ภาษาต่างประเทศเป็นอุปสรรคสำคัญในการอ่านตำราและค้นคว้าหาหัวข้อ   2)  คณะศึกษาไม่กำหนดวัน  เวลาที่แน่นอนว่าจะพิจารณาหัวข้อของนักศึกษาเมื่อไหร่  3)  นักศึกษาไม่ได้รับการฝึกฝนการเขียนโครงร่างวิทยานิพนธ์มาก่อน   4) ความล่าช้าในการจัดประชุมคณะกรรมการระดับคณะเพื่อพิจารณาโครงร่าง  5)  การเสียค่าใช้จ่ายในการสร้างเครื่องมือสูง  6)  เสียค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูลสูง  7) การไม่กำหนดให้เรียนคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูลทำให้นักศึกษาไม่สามารถอ่านผลจากการประมวลผลข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้ พิกุล  เอกวรางกูล (2541) ได้ทำการวิจัย  ปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์ของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา  คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  พบว่า  ปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวข้องกับตัวนักศึกษา ได้แก่ ไม่ได้เตรียมตัวในการหาประเด็นปัญหาและไม่เข้าใจกระบวนการทำวิทยานิพนธ์  ปัญหาอาจารย์ที่ปรึกษามีภาระงานมาก  ปัญหาในเรื่องความวิตกกังวลการสอบประมวลความรู้ไม่ผ่านก่อนทำวิทยานิพนธ์  ปัญหาการให้บริการการใช้ห้องสมุดและให้บริการของบัณฑิตวิทยาลัย พร  พรมมหาราช (2544 ) ได้ทำการศึกษา  ปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาคณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  พบว่า  ปัญหาด้านแหล่งค้นคว้าภายในมหาวิทยาลัยเป็นปัญหาที่นักศึกษาให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะแหล่งค้นคว้าภายในมหาวิทยาลัยจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการสนับสนุนการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาให้เป็นไปตามแผนการทำวิทยานิพนธ์  ปัญหารองลงมา  ได้แก่  ปัญหาด้านวัสดุ  อุปกรณ์หรือห้องปฏิบัติการ  ปัญหาด้านขั้นตอน  กฎระเบียบ  ข้อบังคับฯ ของมหาวิทยาลัย  ปัญหาด้านความรู้ในการทำวิทยานิพนธ์และปัญหาด้านเนื้อหาของวิทยานิพนธ์  ตามลำดับ การวิจัยเป็นการสร้างความรู้ใหม่ที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ปัญหา  หรือการพัฒนาประเทศ  ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ความรู้ เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาและในการพัฒนาในหลายแง่หลายมุม  ตั้งแต่การกำหนดปัญหา  การกำหนดปริมาณ  ขอบเขตและลักษณะปัญหา  การรู้สาเหตุของปัญหา   การรู้ความสำคัญและลำดับความสำคัญของปัญหาแต่ละเรื่องแต่ละด้าน  การรู้ทางเลือกต่างๆ ในการแก้ปัญหา  ข้อดีข้อเสียของแต่ละหนทางเลือก  การปฏิบัติในการแก้ปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติ  การประเมินผลการปฏิบัติ  ตลอดจนการปรับกลไกหรือวิธีการในการแก้ปัญหา  ในการแก้ปัญหาและการพัฒนาสภาพจำเพาะมีความสำคัญที่ต้องใช้ในการเลือกและในการปรับความรู้และเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมและได้ผล (จรัส  สุวรรณเวลา , 2545 , หน้า 31) การจัดการความรู้เป็นเป็นเครื่องมือบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย   ซึ่งมักเป็นเป้าหมายที่ยากและซับซ้อน   และมักใช้เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุผลสัมฤทธิ์ของงานในลักษณะที่สูงส่ง (วิจารณ์ พานิช , www.kmi.or.th)   การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการเพื่อให้การปฏิบัติงานมีการประยุกต์ ใช้ความรู้อย่างเข้มข้น    และทำให้งานมีผลสัมฤทธิ์สูง ในกระบวนการจัดการความรู้ จะมีการสร้างความรู้  ทั้งที่เป็นความรู้ก่อนการปฏิบัติงาน  ความรู้ระหว่างปฏิบัติงานและความรู้หลังจากงานสำเร็จหรือเสร็จสิ้น จะต้องมีกระบวนการดำเนินการให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเข้มข้น พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(อ้างจาก บัณฑิตวิทยาลัย  มหาวิทยาลัย เชียงใหม่, 2548, หน้า 1) ได้กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังได้มุ่งเน้นการวิจัยและการก้าวไปสู่ความเป็นนานาชาติเป็นสำคัญ กอปรกับโลกปัจจุบันเป็นโลกยุคสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-Based Society and Economy) ทุกสังคมจะต้องสามารถนำความรู้มาสร้างนวัตกรรม  สำหรับใช้เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม  ความรู้และนวัตกรรมใหม่นั้น  จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมอย่างหลากหลายและทั่วถึง  ซึ่งการจัดการความรู้(Knowledge Management) เป็นการรวบรวม  การจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงจำเป็นต้องมีความสามารถในการเข้าถึงความรู้และเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วให้ก้าวหน้าต่อไปยิ่งขึ้น ดังนั้นนักศึกษาบัณฑิตทุกท่านที่ได้คัดเลือกให้เข้ามาศึกษาต่อ จึงมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาการเรียนการสอนและการวิจัยให้เกิดความทันสมัยก้าวสู่ความเป็นนานาชาติและสังคมเศรษฐกิจฐาน ความรู้  เนื่องจากทุกท่านเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม  มีความพร้อมและความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาตนเอง” จึงเห็นได้ว่า ในการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาโทนั้นมีปัญหาซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักศึกษาไม่จบการศึกษา  หรือใช้เวลาศึกษานานกว่ากำหนด  เกิดการสูญเปล่าทางการศึกษา การแก้ปัญหาที่ดีต้องแก้ที่สาเหตุ  ดังนั้น  ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำวิทยานิพนธ์ของมหาบัณฑิตและนักศึกษาปริญญาโท  คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า  มีปัญหาอะไรบ้าง  และมีแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างไร  เพื่อเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการปรับปรุงการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาต่อไป จากคุณ : tuneclub - [ 5 พ.ย. 51 18:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมตั้งใจว่าจะไม่ต่อเอกอ่ะ เดี๋ยวรวยๆแล้ว คนโน้นคนนี้มาไล่แจกเองแหล่ะ จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก - [ 5 พ.ย. 51 18:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับผม วิทยานิพนธ์ เป็นความรู้หรือทฤษฏีใหม่ที่เกิดขึ้นจากตัวเอง ต่างจากรายงานทั่วๆ ไป ที่ถึงจะเป็นความรู้ ก็เป็นแค่ความรู้ของคนอื่นที่มีอยู่แล้ว จริงๆ แล้ว วิทยานิพนธ์ น่าจะเป็นสิ่งที่บอกว่า คุณเสียเวลามาเรียนแล้ว คุณรู้จักคิิดอะไรใหม่ๆขึ้นมาด้วยตัวของตัวเองได้รึเปล่า ไม่ใช่ว่าเรียนๆ ไปก็รู้อยู่แค่ในตำราของคนอื่น ผมว่มีคุณค่ากว่าใบประกาศเยอะ จากคุณ : kumagift - [ 5 พ.ย. 51 18:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปริญญาตรีก็ต้องทำนะครับ มันมีต้องทำบางคณะ คณะที่ผมเรียนก็ต้องทำ ยากมากๆกว่าจะจบ จากคุณ : seven-elephant - [ 5 พ.ย. 51 18:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนป.ตรีก็ต้องทำปัญหาพิเศษกันบ้างแหละ อ.บางคนเรียกว่า baby thesis ต้องเอาความรู้ที่เรียนมาทั้งชีวิตมาทำเพื่อให้ออกมาเป็นผลงานวิชาการ(เล่มแรกและเล่มสุดท้าย)ของตัวเอง ตอนอ.ให้ผ่านดีใจแทบจูบป้ายคณะ จากคุณ : *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* - [ 5 พ.ย. 51 18:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คห.11 เห....มีด้วยเหรอคะ ของมหาวิทยาลัยใหน สาขาอะไรอ่ะคะ จะขอไปศึกษาหลักสูตรหน่อยน่ะค่ะ เพราะทาง สกอ.เคยติงเรื่องการให้ทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาตรีในภาควิชาที่ดิชั้นเคยทำงาน ขนาดงานวิจัยยังทำไม่ได้เลย (ทำได้แต่ งานวิจัยแบบมินิ ไม่ก็โปรเจ็ค เพราะระดับวิทยานิพนธ์กับงานวิจัยมันใหญ่และกินเวลามากเกินไป) จากคุณ : joyka - [ 5 พ.ย. 51 18:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้าใจว่าระดับ ป.ตรี มันคือภาคนิพนธ์ หรือเป็น project จบนี่แหละครับ แต่บางสถาบัน บางคณะจะใช้ชื่อว่า "วิทยานิพนธ์" ก็เป็นแค่คำเรียกครับ ไม่ได้เข้มข้นเป็นวิทยานิพนธ์จริงๆ แบบระดับบัณฑิตศึกษา จากคุณ : ชาเขียว - [ 5 พ.ย. 51 18:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 thesis หรือวิทยานิพนธ์ เขาทำเพื่อแจ้งจบปริญญาโท แต่ถ้าเป็นปริญญาเอกเขาเรียว่า Dissertation หรือ ดุษฎีนิพนธ์ไม่ใช่หรอครับ อีกอย่างบางสาขาอาชีพเช่น นักจิตวิทยา ที่อเมริกาต้องจบปริญญาเอกเท่านั้นถึงมีสิทธิ์สอบใบประกอบฯ และทำงานเป็นนักจิตวิทยาได้ จากคุณ : Tee_psy (TEE_Psy) - [ 5 พ.ย. 51 18:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ปริญญาเอก > เค้าเรียก   ดุษฎีนิพนธ์ จากคุณ : โสมรัศมี - [ 5 พ.ย. 51 18:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคห.13 หลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตร์ 5ปี ลาดกระบัง แต่มหาวิทยาลัยอื่นก็ทำนะครับ ตอนทำเรียกแบบนี้นี่ครับ วิทยานิพนธ์ทางศิลปอุตสาหกรรม (Thesis in industrial design) ในใบtranscript เขียนแบบนี้ครับ อ้อ บอกรายละเอียดนิดนึง คือหัวข้อวิทยานิพนธ์ จะส่งเทอมต้นของปี5 จะเริ่มทำตอนเทอมปลาย  8หน่วยกิตครับ เทอมสุดท้าย ไม่ต้องเรียนวิชาอะไรแล้ว ใช้เวลาทำthesis ทั้งเทอมครับ   แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:13:18 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:09:21 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:05:11 จากคุณ : seven-elephant - [ 5 พ.ย. 51 18:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับคนเรียนโท เอก  การจบวัดด้วยผลงานที่เรียกว่าวิทยานิพนธ์ หรือ ดุษฏีนิพนธ์   คนที่สมัครเข้าไปเรียนก็มีจุดมุ่งหมายต้องเรียนให้จบ ไม่ได้เกี่ยวว่าทำงานได้ไม่ได้   แต่หมายถึงว่าเขาเรียนจบหรือไม่จบต่างหากล่ะคะ จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 5 พ.ย. 51 18:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วิทยานิพนธ์คือ งานวิชาการที่เขียนเพื่อแสดงให้อาจารย์ในหลักสูตรเห็นว่าคุณมีความรู้พอที่จะเป็นมหาบัณฑิต หรือดุษฎีบัณฑิต สำคัญอย่างไร ถ้าไม่เสร็จ หรือเสร็จแบบไม่มีคุณภาพเท่าที่กรรมการเห็นพ้องต้องกัน ก็ไม่จบ ส่วนชื่อ แล้วแต่จะเรียก ภาษาไทย บางมหาวิทยาลัยเรียกว่า ปริญญานิพนธ์ บางที่เรียกว่าดุษฎีนิพนธ์ แต่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า วิทยานิพนธ์ ส่วนภาษาอังกฤษถ้ามหาบัณฑิต (ป.โท) จะเรียกว่า thesis ดุษฎีบัณฑิต (ป.เอก) เรียกว่า Dissertation สำหรับตัวเองถ้าตัดสินใจเข้าเรียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระดับใด ก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แม้จะยากเย็นเพียงใด ก็ต้องกัดฟันทำให้เสร็จให้ได้  (ทำไปน้ำตาตกไปก็เคยครับ) ไม่เช่นนั้น มันจะแสดงว่าเราล้มเหลว อาจส่งผลให้ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปพอสมควร (อันนี้ตอบแบบไม่เกี่ยวกับคุณค่าของวิชา หรือผลตอบแทนเป็นตัวเงิน หรืออะไรทั้งสิ้น นั่นมันอีกเรื่องนึง) ในที่สุดก็เสร็จจนได้ แบบภาคภูมิใจในตัวเองพอสมควรด้วยสิ จากคุณ : วัฒนุ - [ 5 พ.ย. 51 19:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Thesis คือทุกอย่างของคนที่เรียนป.โท-ป.เอก... ถ้าถามว่าวุฒิสำคัญแค่ไหนในการทำงาน...ผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าคนที่เรียนเขาก็ตั้งใจจะไปเอาวุฒิทั้งนั้นล่ะครับ แล้วการเขียนมันก็ยากจริงๆครับ ยิ่งคนที่ไม่เคยได้เขียนงานทางวิชาการต้องมาเขียนให้ได้ถูกต้องนี่มันต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจพอดู แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:24:32 จากคุณ : don_custom - [ 5 พ.ย. 51 19:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 dissertation ก็คือ thesis นั่นแหละครับ อย่างเดียวกัน เพียงแต่ถ้าเป็นทางอเมริกาจะนิยมเรียก dissertation เท่านั้นแหละ จากคุณ : ชาเขียว - [ 5 พ.ย. 51 19:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความหมาย อืม เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ว่าวิทยานิพนธ์นี่จำกัดแค่คำว่า 'Thesis' หรือเปล่า ระดับป.เอก ตอนนี้ที่นี่ (อังกฤษ) เรียกว่า Thesis ค่ะ ในระดับปริญญาตรี และ โท เราก็ต้องทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นวิทยานิพนธ์ (เรียกว่า Dissertation) แต่ต่างกันที่ความยาวเท่านั้นเอง (คือต้องมีการนิยามปัญหา ทำ literature review เพื่อบอกว่าผลงานของเราจะให้อะไรแก่สาขาวิชาที่เรียนและทำขึ้นเพื่อสนับสนุนหรือแย้งทฤษฎีหรือข้อกล่าวอ้างใดๆ ตั้ง methodology เก็บข้อมูล วิเคราะห์ผล สรุปผล) ความสำคัญ สำคัญขนาดไหนเหรอ...เราว่าสำคัญมากนะ เพราะมันเป็นการนำเอาความรู้ทั้งหมดทั้งมวลที่มีมาและได้อ่านมามากลั่นตัว สังเคราะห์ วิเคราะห์ และตกตะกอนทางความคิด ให้ออกมาเป็นผลงานชิ้นหนึ่ง เรายอมรับล่ะ ว่าจริงๆ ก็ไม่ถนัดทำวิทยานิพนธ์เท่าสอบหรอก เพราะเราคิดว่าเราทำอะไรที่ 'เฉพาะหน้า' ได้ดีกว่าค่อยๆ ทำไปแบบมีเวลาเตรียมการมากๆ แต่เราก็ชอบไอเดียของการใช้วิทยานิพนธ์ประเมินค่ะ ในระบบการศึกษาอังกฤษ วิชาทางสายศิลป์ และวิชาที่เป็น essay-based วิทยนิพนธ์มีความสำคัญมาก ในระดับปริญญาตรีอาจจะถึง 20% ของคะแนนจบ ในระดับปริญญาโทสาขาที่เป็นสายศิลป์ ก็อาจจะนับถึง 50% ของคะแนนจบเลยทีเดียว ส่วนในระดับป.เอก...ต้องเข้าใจว่า ชีวิตนักเรียนปริญญาเอกก็คือหัวข้อวิจัยข้อนั้นนั่นแหละ คอร์สต่างๆ ที่อาจจะได้เรียนในระหว่างนั้น ก็ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งหัวข้อวิจัย ตื่นมาหายใจเข้า หายใจออกก็จะต้องนึกถึง Research Questions คิดถึง Methodology คิดถึงผลที่จะได้ นั่งกินข้าวก็นึกไปๆ ว่าจะสรุปยังไงดี จะไปพรีเซนต์เปเปอร์ที่เขียนที่ไหน จะไปขอข้อมูลจากใครดี มีใครทำหัวข้อคล้ายๆ กันไหม แล้วคนใหญ่ๆ ในวงการล่ะ มีบทความอะไรให้อ่านเพิ่มเติมหรือยัง คล้ายกับว่าเรื่องนี้มันซึมซับอยู่ในกระแสเลือดไปแล้ว แล้วถ้าทำมาหลายปี อยู่ดีๆ Supervisor บอกว่า ที่คุณทำมานะ มันไม่ได้เรื่อง ฉันไม่ให้ผ่านนะ โอ...เหมือนสายฟ้าฟาดสิคะ คำถามที่ตามมาก็จะเป็น แล้วฉันทำผิดพลาดที่ตรงไหน พลาดตั้งแต่เมื่อไหร่ จะแก้ไขอะไรได้บ้าง เสียเวลาเพิ่มไม่ว่า คือ...จะให้ทำอะไรก็ยอมล่ะนะ แต่ต้องแก้ไขให้ได้ ความรู้ ตรี-โท ไม่พอกับการทำงานเหรอ ประการที่หนึ่ง ในหนังเรื่องนี้ตัวเอกเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลใช่ไหมคะ คงจะเป็นข้อนี้ล่ะค่ะ ที่เป็นสิ่งผูกมัดและเป็นภาระที่วางอยู่บนบ่าของเขา รัฐบาลส่งมาเรียนเอกแล้วเอาปริญญากลับไปไม่ได้ เงินที่ใช้ไปก็เป็นภาษีประชาชน ตัวละครก็คงเครียดมากๆ ไม่รู้ว่าในสัญญามีข้อผูกมัดอะไรด้วยหรือเปล่า เช่น..ใช้ทุน 2 เท่าของเวลาที่ใช้ไปในต่างประเทศ สมมติว่าเวลาที่เขารู้ว่าไม่ผ่านเป็นเวล 3 ปี เขาก็ต้องใช้ทุนไป 6 ปี โดยที่ไม่ได้วุฒิการศึกษาใหม่มาเลย เป็นใครก็คงยอมไม่ได้ ความรู้ระดับตรี - โท ใช้ทำงานได้ไหม... เราว่าเขาเรียนมาทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ เป็นสาขาเฉพาะถึงเพียงนี้ ก็คงมุ่งจะกลับไปทำวิจัยหรือไม่ก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วล่ะค่ะ ถ้ามีวุฒิป.เอก ก็จะเสริมส่งความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในแวดวงวิชาการต่อๆไป ป.ล. ด้วยความที่พิมพ์นานไปนิด ข้างบนถกกันเรื่อง dissertation ไปแล้ว - -' แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:33:11 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 19:31:02 จากคุณ : ฉันไม่ใช่กวีฝีมือฉกาจ - [ 5 พ.ย. 51 19:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำคัญมากครับ ในแง่ของการจบ หรือไม่จบ หากวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน ก็แปลว่าคุณเรียนไม่จบ ! ที่คุณอุตสาหะร่ำเรียนมาสองเทอม หรือสามเทอม หรือ สี่เทอม ก็หมดความหมาย ถามว่าถ้าได้วิทยานิพนธ์แล้วได้ความรู้ไหม ก็ได้จากที่เราเรียนมา แต่ถ้าถามว่าได้วิทยานิพนธ์มาแล้วได้ความรู้ใหม ตอบได้ว่าไม่ทั้งหมดครับ ! จากคุณ : โจเซลีน - [ 5 พ.ย. 51 19:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีหลายคนจบช้าเพราะติดเรื่องวิทยานิพนธ์นี่แหละค่ะ ปริญญาโทนี่กว่าจะจบก็ต้องทำวิทยานิพนธ์นะคะไม่ใช่แค่ ป.เอก มันเหมือนงานวิจัยย่อยๆ ที่ต้องใช้เวลาและความรู้ที่คุณเคยเรียนมานั่นแหละ เหมือนเป็นบทพิสูจน์ถึงสิ่งที่คุณร่ำเรียนมาว่านำไปใช่ประโยชน์ได้หรือเปล่า สำคัญคือถ้าวิทยานิพนธ์คุณไม่ผ่านคุณก็เรียนไม่จบนั่นแหละ ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วโคตะระเหนื่อยกายและใจเลย เสียน้ำตากันแทบทุกคนค่ะ จากคุณ : Mrs.Pitt - [ 5 พ.ย. 51 19:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 #21 เท่าที่รู้เรียก dissertation กับ thesis กันทั้งฝั่งอังกฤษกะอเมริกานะ แต่เรียกสลับกัน ไม่รู้ทำไม ของอังกฤษตอนทำเอ็มจะเรียกว่าทำดิสเซอร์ เว้นแต่อย่างเข้มถึงจะเรียกธีสิส น่าจะเท่าๆ กับสารนิพนธ์มั้ง แต่ตอนทำพีเอชดี หรือทำแบบเข้มจะเรียกธีสิส ส่วนของอเมริกาสลับกัน ตอนทำเอ็ม จะเรียกธีสิส พอทำส่งพีเอชดี จะเรียกดิสเซอร์ ไม่รู้ทำไมอ่า จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 5 พ.ย. 51 20:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ได้เข้าไปเรียนแล้วก็ต้องพยายามเรียนให้จบสิคะ จะเหนื่อยแค่ไหน ลำบากยังไงก็ต้องพยายามจนถึงที่สุดล่ะ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อตนเองของผู้เรียนอย่างหนึ่งค่ะ ไม่ว่าจะ วิทยานิพนธ์ หรือ ดุษฎีนิพนธ์ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่จบ  น่าเสียดายทั้งเวลาทั้งเงิน(ถึงจะได้ทุนก็เถอะ) ไม่ใช่ว่าไม่จบแล้วจะไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มเลย แต่ถ้าจบคุณจะได้โอกาสดีๆในชีวิตมากมายอีกหลายอย่าง เค้าถึงพยายามสอบให้ผ่านเรียนให้จบยังไงล่ะคะ จากคุณ : Why-Not-T-Shirt - [ 5 พ.ย. 51 22:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ง่ายๆ  สั้นๆ ไม่มีเค้า (thesis) เราไม่จบ จากคุณ : Kim Nooknick - [ 5 พ.ย. 51 22:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สำคัญ ถ้าเราคิดว่า สำคัญ ไม่สำคัญ ถ้าเราคิดว่า ไม่สำคัญ มันเป็นแค่สมมติ อย่าไปยึดติด จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง - [ 5 พ.ย. 51 22:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 29 thesis หรือ วิทยานิพนธ์ คือชีวิตของพวกที่เรียนป.โทและเอกเลย แม้คุณจะเรียนผ่านวิชาต่างๆจบหมดแต่คุณยังไม่ผ่านวิทยานิพนธ์มันก้อคือคุณยังเรียนไม่จบความอยากง่ายขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ที่พบผ่านมาเคยเห็นเพื่อนเรียนป.เอก ทำงานวิจัยก่อนจบในมหาลัยดังมากในต่างประเทศทำกับใครไม่ทำดันไปทำกับอ.ที่เก่งมาก ฉลาดสุดๆ และโหดด้วยเข้าไปหาอ.โดนด่ากลับมาทุกวัน..จนปัจจุบันมันหนีกลับมาแล้วไม่ทำต่อขนาดเป็นเด็กทุนน่ะนั้น จากคุณ : Plastic007 - [ 5 พ.ย. 51 22:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์หลายอย่าง มันมีหลายอารมณ์เกิดขึ้น ต้องลองทำดูนะ ลองสัมผัสกับมันดู จากคุณ : มหัศจรรย์เขาวงกต - [ 5 พ.ย. 51 22:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอเข้าใจเองนะครับ ว่า จขกท คงยังอยู่ระดับมัธยม หรืออุดมศึกษา เพราะเด็กปี1มหาวิทยาลัยก็คงต้องรู้จัก thesis หรือ project จบกันแล้ว ในระดับอุดมศึกษา ไม่เหมือนมัธยม ที่จบลงที่การสอบไล่ครั้งสุดท้าย ให้เรียนผ่านทุกวิชาแล้วจบครับ มันยังมีวิทยานิพนธ์ หรือ ศิลปะนิพนธื หรือ project แล้วแต่ว่าจะเรียกอะไร แต่โดยรวมๆ ถ้าในระดับ ป.ตรีคือการเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อแสดงความรู้ที่ร่ำเรียนมา ซึ่งแต่ละคนจะเป็นคนเลือกหัวข้อเอาเอง ไม่เหมือนการทำรายงานแบบมัธยม ที่คุณครูจะตั้งหัวข้อมาให้ ไม่แค่ปริมาณและคุณภาพ ที่มากกว่ามัธยมมากมายนัก บางคณะทำ 1เทอม บางคณะทำ 1ปี สำหรับ ป.ตรี อีกทั้งยังมีคนที่เรียกว่า อ.ที่ปรึกษา ซึ่งมีหน้าที่เป็น พี่เลี้ยง คอยให้คำแนะนำคุณไปตลอดการทำวิทยานิพนท์ ซึ่งก็เป็นแค่แนะนำนะครับ ไม่ใช่สอนแบบมัธยม เขาทำได้แค่แนะนำ ส่วนคุณจะทำอะไร สุดท้ายมันเรื่องของคุณ เสร็จแล้วก็ต้องเอาไปเสนอการพิจารณาจากคณะกรรมการ(ก็คณะอาจารย์นั่นแหละ)ว่าจะให้ผ่านไหม ผ่าน ก็ได้วุฒิ ไม่ผ่านก็ไปทำมาใหม่ ถึงสอบไล่วิชาอื่นผ่าน แต่วิทยานิพนธ์ไม่ผ่านก็ไม่จบครับ ก็เลือกเอาละกัน เรียนมาหลายปี ตัวสุดท้ายไม่ผ่านจะเอาไง ชิวๆ กลับบ้านนอน ช่างมัน? หรือเครียด ว่าจะทำไงให้มันผ่าน? แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 51 23:54:18 จากคุณ : Sial - [ 5 พ.ย. 51 23:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ทำไมคุณ Enixma กับคุณนู๋เองง่ะไม่เข้ามาแฮะ ? จากคุณ : lets_kick_off - [ 5 พ.ย. 51 23:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 man จากคุณ : หมาป่าดำ (หมาป่าดำ) - [ 5 พ.ย. 51 23:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนนี้ผมก้อติดอยู่กะวิทยานิพนธ์นี้แหละคับ ยังมะจบเหมือนกาน เหนื่อยมากๆ หาอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละครั้งจะตื่นเต้นมากว่าจะโดนด่าไรอีก วันไหนอาจารย์ที่ปรึกษาอารมณ์ดีหน่อยก้อรอดไป แถมต้องหางานวิจัยของต่างประเทศมาอ่านอีก เพื่อนำมาเปงแนวทางในการทำต่อในงานของเราอะคับ เหนื่อยโคตรๆขอบอก จากคุณ : แจ่มthaidvd - [ 6 พ.ย. 51 00:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผม หัวหงอกเกือบหมดหัวก็ปัญหาพิเศษตอน ป.โท นี่ล่ะทำมาปีกว่า โดนตีกลับเกือบ 50 รอบ(ตั้งแต่ทำโครงร่างเอาทั้งหมดมาเรียง ๆ รวมกันสูงกว่าผมอีกขนาดผมสูง 180)สำคัญมากเพราะถ้าไม่ผ่านก็ไม่จบ บางมหาวิทยาลัยมีกรอบเวลาบังคับอีกว่ากี่เทอม แถมระหว่างทำก็มีปัญหาเยอะแยะไม่เพียง paper แต่รวมไปถึงสภาวะอารมณ์ของผู้เป็นที่ปรึกษา ว่าจะคุ้มดีคุ้มร้าย วันดีคืนดีเกิดที่ปรึกษาทะเลาะกัน(ที่ผมเรียนมีที่ปรึกษา 3 ท่าน)ก็วุ่นหาเรื่องไกล่เกรีย บางทีที่ปรึกษาก็ไปเรียนต่อเมืองนอกซะงั้น ต้องเปลี่ยนที่ปรึกษา ปัญหาทั้งหลายนี่มันจะประดังเข้ามาแบบไม่หยุดหย่อนเพราะมันไม่เพียงเป็นการเรียนรู้อย่างเดียวแต่มันต้องสังเคราห์ทุกอย่างเท่าที่เรียนรู้มาในชีวิตมาทำเป็นข้อมูลที่อ้างอิงได้... จากคุณ : devil amature2 (devil amature2) - [ 6 พ.ย. 51 00:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สำหรับเรา ในฐานคนอ่านหนังสือ มันมีประโยชน์มากเลยอ่ะค่ะ เวลาอ่านแล้วได้ความรู้มากเลย เราเรียนบริหารธุรกิจเคยทำอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นชิ้นเล็กๆ จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเอง โดยให้ไปดูงานข้างนอกมา แล้วมาทำ ดูงานก็สนุกหรอก แต่ตอนทำนี้สิ.. เริ่มตั้งแต่คิดว่าจะตั้งบ.ที่ไหน ไล่ไปจนถึงนั่งทำบัญชี คิดแผนธุรกิจ จ่ายภาษี ฯลฯ .. ใช้ทำหนึ่งเดือนได้มา 1 กล่องทีวี 26 นิ้ว แฟ้มสุ่มกองเต็มหัว แบกบ้าหอบฟางมาตรวจเอกสารทุกวัน ขนาดงานกลุ่มนะ ทำไป กอดคอเพื่อน บางคนถึงกับร้องไห้ เพราะเหนื่อยเหลือเกิน   จากนั้นก็เอามาแลกกลุ่มกันตรวจ ตอนทำยากแล้ว ตอนตรวจนี่เครียดมากๆ ตรวจเอกสารไป ตาลาย วุ่นวายแล้ว แล้วยังต้องคิดว่าบ.นี้มีจุดอ่อนตรงไหน จะแก้อย่างไง ฯลฯ เอาความรู้ที่เรียนมานั่งเขียนเป็นรูปเล่ม (ร้อยหน้า) เป็นรูปเล่มเสร็จ ต้องย่อให้เพื่อนไปพรีเซนต์ พอออกมาพรีเซนต์ ชั่วโมงครึ่ง เทียบกิจการที่เราทำ กะที่เราดูงาน จากอ. ปกติคนตลกๆ กลายเป็นคนพูดแรงมาก ตอนแรกนึกว่าไม่ผ่านซ่ะแล้ว แต่ก็ผ่าน แล้วไม่ใช่ว่าผ่านได้ทุกคน มีไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปแก้ใหม่อีก แล้วอีกไม่กี่วันจะสอบอยู่แล้วอ่ะ ถ้าพรีเซนต์ไม่ผ่าน คะแนนหายไปเลย 60 คะแนน จะทิ้งงานแล้วสอบให้ตายไง ก้ไม่มีทางผ่าน (ชิ้นงาน 60 ปลายภาค 40) ทุกวันนี้ยังเป็นความภูมิใจลึกๆ ที่ผ่านมาได้ ถ้าคนเดียว คงตายห่านไปนานแล้ว วิทยาฯ ต้องทำคนเดียว พรีเซนต์คนเดียว คิดคนเดียว คงเหนื่อยกว่าที่เราหลายร้อยเท่า  อีกอย่างทำแล้วถ้าผ่าน ก็ได้ความภูมิใจ คุยอวดชาวบ้านได้ตลอดชีวิต จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 6 พ.ย. 51 00:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มารอจขกท.spoilครับ จากคุณ : sleeper_j - [ 6 พ.ย. 51 01:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 you don't have enough knowledge to ask the right question. จากคุณ : Newlove - [ 6 พ.ย. 51 07:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ป.ตรี มหาลัยเราเรียก ปริญญานิพนธ์ แฮะ ทำไมคนอื่นเค้าเรียกวิทยานิพนธ์กันล่ะ เง่อ จากคุณ : เดินโซเซ - [ 6 พ.ย. 51 08:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ความเหมายของ วิทยานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ หรือ ดุษฎีนิพนธ์ เป็นเอกสารที่เขียนโดยนักวิจัย นักศึกษา หรือนักวิชาการ พรรณนาขั้นตอน วิธีการ และผลการศึกษาวิจัยที่ค้นคว้าวิจัยมาได้ โดยเขียนอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน สำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา วิทยานิพนธ์เป็นเอกสารบังคับในการจบการศึกษา สำหรับนักวิจัยหรือนักวิชาการจะใช้เป็นเอกสารในการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ วิทยานิพนธ์เป็นคำเรียกสำหรับเอกสารสำหรับนักศึกษาปริญญาโท โดยตรงกับในภาษาอังกฤษคำว่า ทีซิส (thesis) มาจากภาษากรีกคำว่า θέσις สำหรับเอกสารงานวิจัยของนักศึกษาระดับปริญญาเอกจะเรียกว่า ดุษฎีนิพนธ์ ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า dissertation ที่มาจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C ถามว่าจำเป็นมากหรือไม่ ..จำเป็นมากสำหรับคนที่เลือกแล้วว่าจะเพิ่มพูนความรู้ โดยการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป เพราะเป็นไปตามข้อกำหนดอย่างที่ความหมายบอก.. ถ้าไม่จบด็อกเตอร์ เอาความรู้ ป.ตรี ป.โท ไปทำงานไม่ได้หรือ? ..ทำได้.. ..แต่คงไม่มีใครอยากตั้งเป้าหมายไว้ แล้วไปไม่ถึง.. เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อทำเสร็จออกมาแล้ว มันคือความภาคภูมิใจ ในความสามารถ ในความเป็นเรา เป็นหนังสือเล่มแรกของเราที่ได้รับการยอมรับในทางทฤษฎี ถึงไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในทางวิทยาศาสตร์ อย่างที่นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำไว้ ให้ชาวโลก แต่ก็มีความสำคัญ ที่จะใช้เป็นข้อมูลเพื่อต่อยอด ในวิทยานิพนธ์ของคนรุ่นหลังต่อๆไป (เข้ามาแก้ link ค่ะ) แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 09:04:31 จากคุณ : When you love someone - [ 6 พ.ย. 51 09:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำจนสำเร็จได้ ก็ภูมิใจมากมายเลยนะคะ จากคุณ : หมูจ้ำม่ำ - [ 6 พ.ย. 51 09:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 42 วิทยานิพนธ์ผมทำ 5 ปีครับ 5555555+ จากคุณ : นายคล้าว - [ 6 พ.ย. 51 09:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ฮึ ฮึ นึกถึงความหลังอันแสนเจ็บปวด และความสนุกสนานที่ได้ทำเลยแฮะ จากคุณ : อย่าทำอย่างง้าน - [ 6 พ.ย. 51 10:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกน้อง พี่เรียนมา 5 ปีแล้ว ยังไม่จบ เพราะคุณวิทยานิพนธ์นั่นแหล่ะ จากคุณ : A (ADARIS_mirror) - [ 6 พ.ย. 51 10:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สำคัญตรงใหน วิทยานิพนธ์ได้ A เอาไปสมัครงานgเขาก็ไม่ดู แต่กลับดูว่ามีประสบการการทำงานมามากน้อยแค่ใหน ไอ้เด็กจบใหม่อย่างเราก็เซ็งโคตรๆ จากคุณ : ตะวันขึ้นทิศตะวันตก - [ 6 พ.ย. 51 11:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 46 วิทยา-นิพนธ์ ค้นความรู้ เอาไว้ชู รู้เรื่องใหม่ ในเหตุผล ได้เกรดเอ ได้ดีเยี่ยม ในบัดดล ได้เป็นชน ชั้นปัญญา พางดงาม ได้ความรู้ ใช่ได้เกรด ตรัสรู้ ได้แค่ดู เขารบไป ไม่ลงสนาม เขาหว่านไถ เรายังไม่ กล้าทำตาม เพราะกลัวหนาม ลามยอกเคล็ด เข็ดไม่ทำ ฉันอยากสร้าง ตึกสวยๆ รวยความคิด กรวดน้อยนิด ปูนหินทราย ไม่ขยำ ตอกตะปู ยังไม่เป็น กระเด็นจ้ำ แล้วยังย้ำ ว่าฉันคิด บัณฑิตจริง เผาด็อกเตอร์ เผานิพนธ์ พ้นไปเสีย มันโลมเลีย ความรู้คน จนผีสิง มหาวิทยาลัย ชวนสำรอก หลอกกันจริง ความรู้จริง รู้ด้วยตน ค้นหาเอง จากคุณ : ธนะรัตน์ เอ็กโซติก - [ 6 พ.ย. 51 11:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมคิดว่ากระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับกลุ่มย่อย[ภาพยนตร์]นะครับ ตั้งกระทู้นอกเรื่องในโต๊ะเฉลิมไทยได้ในคลับกระทู้นอกเรื่องมีทางเข้าตามรูปครับผม ~ I want to Shine on you, and Always Light the Dazzling Sun ~ จากคุณ : เข้ามาตาม #32 เรียกร้อง (Enixma) - [ 6 พ.ย. 51 11:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จำเป็น ถ้าไม่ทำเค้าก็ไม่ให้จบ อย่าว่าแต่วิทยานิพนธ์เลย ถ้าเรียนสัตวบาล เค้าก็ให้ตอนหมู ทำคลอดวัว ถามว่ามันจะได้เอาไปใช้จริงเหรอ ก็ไม่รู้ เราะบ้านไม่ได้เลี้ยงหมูเลี้ยงวัว รู้อย่างเดียวว่า ถ้าไม่ทำ เค้าไม่ให้จบ ถ้าย้อนอดีตไปก็คงพอเข้าใจ มาสายไม่ได้ร้องเพลงชาติสวดมนต์ ต้องมาซ่อมตอนปิดเทอม ร้องเพลงชาติสวดมนต์ 100 รอบ ถามว่าจำเป็นไหม ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันไม่ให้ขึ้นชั้นถ้าไม่ทำ ในโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำแม้มันขัดกับสำนึก ถ้ามีอีโก้มากๆ อยู่ในสังคมก็ลำบาก ปรับตัวสักนิด อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก้ทำไปซะ ให้มันจบๆ ไป จากคุณ : ไม่ชอบตอบกระทู้ - [ 6 พ.ย. 51 11:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มา SPOIL ก่อนกระทู้โดนลบเพราะมีคนบอกไม่เกี่ยวกับหนัง คือในเรื่อง ตัวนักเรียนชาวจีน ได้ชื่อว่าเก่งและฉลาดมากที่สุดในกลุ่ม เขาทำดุษฏีนิพนธ์ที่ถือว่ายากมาก และท้าทายมาก ขนาดที่ว่า สองในกรรมการที่นั่งฟังอยู่ด้วยถึงกับท้วงติงตัวศจ ที่มีสิทธิขาด (ซึ่งดูจะมีอคติบางอย่าง แต่ผมดูเอากลางๆ เรื่องแล้ว) ว่าควรจะให้ผ่าน ศจ คนนั้นบอกให้ตัวพระเอกใช้การคำนวณปรากฏการหลุมดำ การเกิดบิ๊กแบง ทฤษฏีว่าด้วย ดาร์กแมทเทอร์ และซูเปอร์สตริง แบบเดี่ยว แต่พอสุดท้ายกลับวิพากษ์ว่า การคำนวณแบบเดี่ยวจะไม่แม่นยำ ต้องเป็นการคำนวณแบบคู่ พระเอกก็ตัดพ้อว่า เขาคำนวณซ้ำแล้วซ้ำเล่านับพันครั้ง ศจ ก็ไม่เคยบอกว่าการทำแบบนั้นจะไม่แม่นยำ เขาเคยจะส่งข้อความไปตีพิมพ์ในวารสาร บางคนได้อ่านชมว่าเป็นบทความที่ดีมาก แต่ไม่ว่าจะเสนออะไรไป ศจ.คนนั้น (ไอแดน ควินน์ ซึ่งแต่งหน้าจนจำไม่ได้เลย) ไม่ยอมรับและตีกลับตลอด เมอรีล สตรีพดูจะชอบตัวนักเรียนหนุ่มคนนี้(น่าจะแอบปิ๊งด้วย) และคอยให้คำปรึกษา (น่าจะเป็นอจ พี่เลี้ยง) ในขณะที่เพื่อนอีกคน (ผมไม่แน่ใจนะว่าเขาเอางานของพระเอกไป แบบสวมรอยจนที่สุดก็จบได้ด็อกเตอร์ทั้งที่ควรจะเป็นตัวพระเอก) ในงานที่ตัวเพื่อนอีกคนพูดกลางเวที วันที่ประกาศรับรองและผลการเป็นด็อกเตอร์ พระเอกเอาปืนไปจ่อยิงหัวด๊อกเตอร์หนุ่ม(ที่มีภรรยาเป็นนักศึกษาป.เอกและมีลูกเเพิ่งเกิดใหม่ด้วย) กลางงานและไล่ยิงอาจารย์ แต่ไม่ใช่ยิงมั่วนะ ยิงแบบมีเป้าหมาย รวมทั้ง ศจ.คนนั้นด้วย เมอรีล สตรีฟซึ่งสังหรณ์ใจ เพราะพระเอกดูจะมีปัญหาทางจิตมาหาครั้งสุดท้ายแบบเตรียมตัวไว้ลาตาย ผมก็เลยสงสัยอ่ะ ตอนที่พระเอกไปหางานทำฆ่าเวลา พระเอกเป็นคนแนะนำสินค้าพวกครีมบำรุงผิว แบบ สาวเอวอน กิฟฟารีนน่ะ เมอรีล สตรีฟเองก็พยายามจะช่วยแนะนำหางานให้พระเอกทำในบริษัทของเพื่อนที่ทำพวก ส่งออก ดูแล้วตัวพระเอกล้มเหลว ไม่ทราบว่าเพราะตัวเขาเองไม่เก่งพอ ผลวิจัยทำดุษฏีนิพนธ์ไม่ดีพอ หรือว่า ศจ คนนั้นมีวาระซ่อนเร้นบางอย่าง ??!! จนกลายเป็นความแค้นที่ต้องเอาชีวิตกลุ่มเป้าหมาย แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 12:24:51 จากคุณ : ขี้หมูราขี้หมาแห้ง - [ 6 พ.ย. 51 12:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คราวนี้ขอคุยเรื่องหนังแทนเรื่อง วิทยานิพนธ์ (หรือดุษฏีนิพนธ์) ครับ จากคุณ : ขี้หมูราขี้หมาแห้ง - [ 6 พ.ย. 51 12:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เพิ่มเติมจาก คคห 22 ค่ะ สำหรับวิทยานิพนธ์ ป.เอกในประเทศอังกฤษจะเรียกว่า Thesis เหมือนกัน แต่จะเรียกว่า Dissertation ในระดับป. โท ในขณะที่อเมริกา จะเรียกสลับกันค่ะ คือ ป.เอก เรียก Dissertation และ ป.โท เรียก Thesis จากคุณ : ผ่านมา - [ 6 พ.ย. 51 16:39:06 A:115.129.15.19 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สำคัญไม่สำคัญจะปีหกแระ จากคุณ : cheychai - [ 6 พ.ย. 51 18:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอ่อ  พออ่านสปอยแล้วค่อยเข้าใจหน่อยว่า  คำถามจขกท.หมายความว่าไง คิดว่าจขกท  เข้าใจแหละว่า วิทยา ดุษฏี ที่ซีส  ดิสแซสเจอ(หายนะ)(มุข)สำคัญขนาดไหน  แต่คงไม่เข้าใจว่ามันสำคัญกับชีวิตพระเอกขนาดไหน  ถึงขนาดพระเอกคนนั้นต้องไล่ยิงคนอื่นตายเนียะ   คนอื่นก็กระหน่ำ  จขกท ซะอย่างกะจขกท  ไม่รู้อะไรเอาซะเลย  และอธิบายรายละเอียด  ของเหล่าด็อกเตอร์มาซะแจ่มแจ๋วเลย ส่วนเราอะนะ  ขอตอบตามเนื้อเรื่องเลยว่า  พระเอกไม่ได้เห็นสำคัญขนาดนั้นหรอก  แต่เค้าเห็นศักดิ์ศรีของตัวเอง  ความพยายามของตัวเอง  โดนตัดสินอย่างไร้ความยุติธรรม   อันสื่อว่าในโลกเรานี้   ยังมีความอยุติธรรม  ที่เป็นไปได้เพราะ  ความเหี่ยกของศาสตราจารย์กะเพื่อนมันอยู่ และให้ทุกคนพึงสังวรณ์ไว้ว่า  เราไม่ใช่คนเดียวที่โดนเอารัดเอาเปรียบ  แบบไร้เหตุผลสิ้นดี  อยู่คนเดียว แต่อย่างไรก้ตาม  เราก็อยากยิงหัวไอ้  ศจ. นั่นจริงๆแหละ   แต่ถ้าเป็นเราคงทำตาม  จขกท แนะนำแหละ  ถ้าเห็นว่า ศจ.มันไม่พอใจเรา   ถามเหตุผลแม่มก้ไม่ตอบ   คงเอา ป.โท ไปสมัครงานแล้ว ค่อยไปเรียนป.เอกกะศจ.มหาวิทยาลัยอื่นละวะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 20:55:26 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 20:52:08 จากคุณ : ฮันเตอร์07 - [ 6 พ.ย. 51 20:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 54 Cohort จากคุณ : Dr.boyze - [ 9 พ.ย. 51 16:00:41 ]