ความคิดเห็นที่ 1 ชอบดูโขนตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ  มันแปลกดีที่ใช้ภาษาท่าทางให้เราเข้าใจได้โดยไม่ต้องเห็นสีหน้าเหมือนการแสดงอื่นๆ แต่จะโดนว่ามั๊ยถ้าเราจะบอกว่า  พิเภก เล่นไม่เก่งเท่าที่เคยดูตอนเด็กๆ ที่ดูตอนเด็กนั้น พิเภกตัวสั่นงั่กๆๆ  ดูกลัวพี่มากๆ  พอถูกไล่ก็ผงะ  แล้วร้องไห้  ดูน่าสงสารมากทั้งๆที่ไม่เห็นสีหน้า  ใช้ body language ล้วนๆ คิดว่าเป็นการแสดงที่อัมพวา จากคุณ : ขอแสดง คห ซ้ำอีกทีค่ะ (DKW) - [ 16 พ.ย. 51 00:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากถามผู้รู้หน่อยว่าตอนล่าสุดที่ยกต้นไม้มานี่ชื่อตอนว่าอะไรอะค่ะ อยากจะกลับไปหาอ่านๆดูท่าจะสนุก ปล. ถามเพิ่มอีกหน่อย อยากรู้ว่าโขนตัวสีแดง แสดงเป็น พิเภก หรือ สุครีพ อะ หรือไม่ใช่ทั้งสองแบบว่ากำลังเถียงกับแม่ใหญ่เลย จากคุณ : phokar - [ 16 พ.ย. 51 00:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โขนตัวลิง สีแดง ที่ไปถอนต้นไม้ คือ สุครีพครับ  ชื่อ ตอน สุครีพถอนต้นพระยารัง ครับ จากคุณ : Wastrel - [ 16 พ.ย. 51 00:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เท่าที่เห็นตัวโขนสีแดงดูแล้วหัวเป็นลิงนะคะ  ไม่ใช่ยักษ์ ไม่ค่อยแม่นเหมือนกันค่ะ  รอผู้รู้มาตอบ จากคุณ : DKW - [ 16 พ.ย. 51 00:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โขนตัวลิง สีแดง ที่ไปถอนต้นไม้ คือ สุครีพครับ  ชื่อ ตอน สุครีพถอนต้นพระยารัง ครับ จากคุณ : Wastrel ^ ^ ขอบคุณค่ะ เราก็ว่าน่าจะเป็นสุครีพ แต่แม่บอกว่า พิเภก เลยออกอาการเถียงกันใหญ่ โขนนี่ดูไปดูมาสนุกดีเนอะ ปล. ในหลวงท่านจะดูครบทุกชุดไหมเนี่ย นี่ก็ดึกแล้ว อีกอย่างวันนี้พระองค์ทรงเหนื่อยมาทั้งวัน จากคุณ : phokar - [ 16 พ.ย. 51 00:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดังนี้จึงต้องกราบพระบาทรัชกาลที่1ที่ทรงฟื้นฟูเอาวรรณคดีสำคัญที่สูญไปเมื่อครั้งกรุ่งเก่า รวมถึงรามเกียรติ์ด้วย และกราบพระบาทรัชกาลที่2ที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกที่เพียบพร้อมไปด้วยศิลปะทุกแขนงที่พึงมีในวรรณคดีการแสดงไว้ได้อย่างครบครัน โดยเฉพาะท่วงท่าการ่ายรำที่พอเหมาะกับบทร้อง จากคุณ : Alovera - [ 16 พ.ย. 51 00:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ชุดแรกๆ นอกจากจะทรงทอดพระเนตรด้วยความสนพระทัยแล้ว ยังทรงหยิบกล้องขึ้นมาฉายภาพด้วยนะครับ การแสดงโขนครบเครื่องแบบนี้ หาดูยากจริงๆ ครับ จากคุณ : mie-mien - [ 16 พ.ย. 51 00:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #1 DKW ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ การแสดงความคิดเห็นตามจริง ไม่ทำลายผู้อื่นใครจะกล้าว่าได้คะ เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีการแสดงโขนที่โรงละครแห่งชาติ ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่านะ เมื่อกี๊ที่ดู พิเภก ตัวสีเขียวๆค่ะ ต้องกระซิกๆอยู่ตั้งนาน ท่าทางจะเหนื่อยอยู่ แต่ดูแล้วรู้สึกได้จริงๆ ปล. ขอบคุณสำหรับ give แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 00:16:50 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 00:16:30 จากคุณ : ประทับใจ (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 16 พ.ย. 51 00:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบดูมาก วันนี้ อยากไปดูที่สนามหลวงมาก เสียดาย สุขภาพไม่ค่อยดี จึงต้องดูอยู่กับบ้าน จากคุณ : Jakaey - [ 16 พ.ย. 51 00:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดูโขนแล้ว นึกถึงท่านอาจารย์เสรี หวังในธรรม ท่านนี้ก็มี acting เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ เป็นชั้นครูอีกท่านหนึ่ง ตอนนี้ดูเห็นมีพระราม  ก็นึกไปถึงอาจารย์ ปกรณ์ อีกเช่นกัน(จำนามสกุลท่านไม่ได้) เมื่อก่อนเป็นพระเอกตลอดกาลของกรมศิลป์ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 00:20:18 จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 16 พ.ย. 51 00:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สุดยอด แต่ก่อนไม่ค่อยตั้งใจดู แต่วันนี้สัญญากับตัวเองว่าจะสนใจ จึงเพิ่งเห็นว่า ศิลปะไทย ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด ดูรู้เลยว่า ทุกคนทำด้วยใจจริง และยิ่งเห็นพระกรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ แม้ดึกดื่นยังทรงสละเวลา  เป็นวันที่ทั้งอาลัยและปลื้มปิติไปพร้อมๆกัน จากคุณ : รถเต่าสีฟ้า - [ 16 พ.ย. 51 00:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถามผู้รู้หน่อยนะคะ คือสงสัยว่าใส่หัวโขนยังไง...ตีลังกาแล้วไม่หลุดน่ะค่ะ จากคุณ : ผ่านมาแจม - [ 16 พ.ย. 51 00:21:19 A:125.25.72.44 X: TicketID:184874 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระรามออกมาแล้วอะค่ะ ถือว่าเป็นบุญตา ของเรายิ่งแท้ที่ได้ชมศิลปะการแสดงอย่างนี้ ปล. เราจำได้ตอนเด็กไปดูกับยาย แต่พอโตมานานมาแล้วไม่ได้ดู ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากเลยที่ได้ดูการแสดงโขนครบเครื่องอย่างนี้ จากคุณ : phokar - [ 16 พ.ย. 51 00:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง พระราชดำริที่ทรงจัดสร้างวัดพระแก้ว(พระบรมมหาราชวัง) ขึ้นมาใหม่นั้น สามารถทำให้คนรุ่นหลัง เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทยได้อย่างมากทีเดียว ไม่อย่างนั้นแล้ว เราจะไม่มีโอกาสเห็นว่า สิ่งที่งดงามล้ำค่าเป็นอย่างไร ยังจำความรู้สึกตอนเด็กๆได้ เมื่อไปวัดพระแก้วครั้งแรก ลงจากรถเมล์มา แล้วหันไปเห็นวัดพระแก้ว บอกได้คำเดียว  ขนลุก ทำไมเหมือนสวรรค์ ha กลับมาบอกแม่  แม่ยังพูดดักก่อนเลยว่า "เหมือนสวรรค์ใช่มั้ย" เคยอ่านกลอนในพระราชนิพนธ์ ร.2 อิเหนา เคยอ่านแค่บทเดียว  อ่านแล้วอึ้งทึ่ง พระองค์ท่านมีความสามารถในการใช้ภาษาสูงมากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 00:26:52 จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 16 พ.ย. 51 00:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราชอบตอน พิเภก เด็ดมดออกมาหักคอ หลังจากบังอาจกัดหาง เล่นได้น่ารักมากๆ ขนาดไม่เห็นสีหน้าและแววตานะนั้น จากคุณ : BenzThunder - [ 16 พ.ย. 51 00:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องว่าเหมือนสวรรค์ วันนี้ได้ชมสวรรค์ผ่านจอโทรทัศน์จนอิ่มเลย โดยเฉพาะช่วงพลบค่ำ ทุกอย่างงามไปหมดจริงๆ ทั้งของที่สร้างขึ้นใหม่ และฉากของพระบรมมหาราชวังและยอดเจดีย์ต่างๆ งามจนไ่ม่อยากจะบอกว่าเมืองไหนในโลกจะดูเหมือนสรวลสวรรค์ได้ขนาดนี้ เกร็ดที่ได้พิมพ์ไปแล้วถึงความปราณีตในการสร้างงานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่สอง ที่ทรงทำให้เรามีการแสดงที่วิจิตรงดงามขนาดนี้ คือ ขณะที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ จะทรงมีตัวรำคู่สำคัญ(จำไม่ได้ว่าทรงพระนามว่าอะไร แต่น่าจะเป็นพระบรมวงศ์พระองค์หนึ่ง) รำไป แต่งไป แล้วแต่จะปรับ บ้างก็ปรับท่ารำ บ้างก็ปรับบทประพันธ์ เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบและสอดคล้องเหมาะสมกับการแสดงอย่างหาที่ติไม่ได้ ส่วนบทโขนนั้นในรัชกาลถัดๆมาก็ยังมีการแต่งและเล่นกันอยู่แทบทุกรัชกาลครับ ปล วันนี้อยากไปสนามหลวงมาก มีทั้งของเก่าและของตะวันตกให้ชมในที่เดียว จากคุณ : Alovera - [ 16 พ.ย. 51 00:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คห 16  รำไป แต่งไป แล้วแต่จะปรับ บ้างก็ปรับท่ารำ บ้างก็ปรับบทประพันธ์ แสดงว่าต้องมี story board สำหรับท่ารำด้วยเหรอคะ หรือว่าใช้จำๆเอา จากคุณ : DKW - [ 16 พ.ย. 51 00:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นั่นสิคะ  เห็นพระเมรุในทีวีแล้ว นึกอยากไปดูให้เห็นกับตาจริงๆ ไม่รู้ว่าทางการจะจัดแสดงให้ชมอีกกี่วัน จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 16 พ.ย. 51 00:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วันนี้ไปสนามหลวง ว่าจะไปดูโขนให้ได้  แต่ไปถึงเข้าไม่ถึงเวทีเลย คนมากมายมหาศาล   มึนไปหมด  เสื้อดำทั้งนั้น   สุดท้ายยอมแพ้ ต้องกลับบ้านตอน 5 ทุ่ม   คนเยอะจริง ๆ จากคุณ : หน่อย (bingo123) - [ 16 พ.ย. 51 01:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พิเภก มี โน้ตบุ๊คพร้อมสายสะพายด้วย เลิศจังเลย ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าท่าทางต่างๆนานา มันดูน่ารักมากๆ ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร - [ 16 พ.ย. 51 01:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชอบมากเลยครับโขน ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสดูโขนตอนยักษ์ล้ม(ทศกัณฐ์ตาย)ละก็น้ำตาแทบไหลตามเลยครับ ทั้งท่าทางและบทร้องสุดยอดจริงๆครับ จากคุณ : เป็นกลาง - [ 16 พ.ย. 51 02:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นบุญตาค่ะ เพิ่งเคยเห็นก็วันนี้แหละ จากคุณ : อาซิ่ม - [ 16 พ.ย. 51 02:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 23 .. โขน ... ศิลปะการแสดงขั้นสูงของไทย นำศาสตร์ ศิลป์ และความงดงามหลากหลายมาประยุกต์ หาจากชนชาติใดก็ไม่ได้ .. จากคุณ : POGGHI - [ 16 พ.ย. 51 03:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เสียดายมากไม่ได้เห็นการแสดงโขนเลย ทั้งที่ไปมาเมื่อคืน จากคุณ : แจ๋ว ริมคอมพ์ - [ 16 พ.ย. 51 07:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ภูมิใจมากค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นโขน  หุ่นละครเล็ก หรือศิลปวัฒนธรรม ของไทยที่มีมาแต่โบราณ ศิลปวัฒนธรรมทุกอย่างของไทย  เพื่อนฝรั่งมาเห็นแล้วอุทานอยู่นั่นว่า อะเมซิ่งๆๆๆ บอกว่าภูมิใจแทนคนไทยที่มีศิลปะที่งดงามแบบนี้ ชาติเค้าไม่มีค่ะ ฟังแล้วภมูใจจริงๆ จากคุณ : น.ส.พังพอน - [ 16 พ.ย. 51 08:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตั้งแต่เกิดมา สิบกว่าปี  ผมเพิ่งจะได้ดูโขนเป็นจริงเป็นจัง ก็งานนี้ครับ ผมดูแล้ว  สนุกมาก บางครั้งก็ตลก ท่าทางของตัวแสดง บางครั้งก็ประหลาดใจ แบบว่า ตีลังกา กันได้ด้วย คงจะฝึกมาไม่ใช่น้อย รวมทั้งละครหุ่น ด้วย ยิ่งหุ่นที่มาจีบนาง......มีลีลาที่สุดยอดมาก คนเชิดคงจะเก่งมาก บางครั้งเวลาหมุดตัว อีกคนก็ต้องวิ่งเพื่อตามให้ทัน แล้วออกมา ท่าทางสวยงามมาก ครับ ตอนนี้ทำให้ผม อยากจะดูโขนละคร อีกแล้วละซิ และอยากจะเรียนรู้ ศิลปะแขน่งนี้ด้วย จากคุณ : bornkung - [ 16 พ.ย. 51 08:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ใครทราบโขนตอนแรกบ้างค่ะ ว่าชื่อตอนอะไร ที่มีเหล่าวานรเยอะๆ ดิฉันก็ไม่เคยดูโขนเป็นจริงเป็นจังซักที เลยเข้าไปเซิซหาข้อมูลมาฝาก เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่อยากรู้จักตัวแสดง วานรพงศ์ วานรที่ปรากฎนามในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ มีทั้งสิ้น 38 ตัว แบ่งเป็นพญาวานร 11 ตัว วานรสิบแปดมงกุฎ 18 ตัว วานรเตียวเพชร 9 ตัว วานรจังเกียงและเขนลิง ไม่ปรากฎว่ามีกี่ตัวและมีชื่ออะไรบ้าง มีบทบาทมากน้อยตามลำดับ วานรเหล่านี้โดยมากเป็นบุตร เทพเทวดา หรือเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและเป็นการอวตารลงมาเพื่อช่วยพระรามปราบเหล่าอสูรอธรรม เครดิต www.khonmask.cjb.net จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 08:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชามพูวราช(ชมพูหมี) หรือนิลเกสร-พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีแดงชาด สวมมงกุฎชัย ในตอนที่แปลงกายเป็นหมีมีชื่อว่าชมพูหมี หัวโขนทำเป็นหน้าหมี สวมเทริดยอดน้ำเต้า ตามประวัติกล่าวว่าพญาวานรนี้มีกำเนิดจากไม้ไผ่ซึ่งผุดขึ้นขณะฤาษีสุขวัฒนบำเพ็ญฌาณ ฤราษีได้นำไปถวายพระอิศวร ทรงนำไปทำธนู ครั้งโก่งะนุหักเป็น 2 ท่อน ธนูเกิดเป็นพญาอสูรชื่อเวรัมภ์ ปลายธนูเกิดเป็นพญาวานรชื่อนิลเกสร ชื่อ ชามพูวราช บทบาทสำคัญคือ เป็นผู้แนะนำให้พระรามจองถนนไปกรุงลงกาเพื่อสร้างพระเกียรติยศให้ปรากฎตอนอินทรชิตทำพิธีชุบศรนาคบาศก็เป็นผู้ไปทำลายพิธีโดยแปลงกายเป็นหมี จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 08:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มัจฉานุ - พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีขาวผ่อง หัวโล้น สวมมาลัยทอง มัจฉานุ ตัวเป็นวานร หางเป็นปลา เป็นบุตรหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ต่อมาได้เป็นบุตรบุญธรรมของไมยราพณ์ เมื่อหนุมานฆ่าไมยราพณ์ตายได้ตั้งมัจฉานุเป็นอุปราชเมืองบาดาล ต่อมาพระรามตัดหางที่เป็นปลาออก ตั้งให้เป็นพญาหนุราช ครองเมืองมลิวัน มีชายาชื่อนางรัตนมาลี จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สุครีพ-พญาวานร ลัษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีแดงเสน หรือสีแดงชาด สวมชฎายอดบัด(บางแห่งว่าชฎายอดเดินหน) ตามประวัติกล่าวว่าเป็นโอรสพระอาทิตย์กับยนางกาลอัจฉาต้องคำสาปจากฤาษีโคดมเช่นเดียวกับพญากากาศ บทบาทสำคัญ คือ อาสาทำให้เขาพระสุเมรุซึ่งเอียงด้วยรามสูรจับอรชุนฟาดให้ตั้งตรงตามเดิม ต่อมาได้ถวายตัวต่อพระรามและได้ครองเมืองขีดขินแทนพาลี เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดทัพออกรบทุกครั้งในศึกกรุงลงกา เมื่อเสร็จศึกได้บำเหน็จความเป็นพญาไวยวงศามหาสุรเดช ได้นางดาราเป็นชขายาหลังจากพาลีตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 องคต-พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากหุบสัณฐานปากคล้ายแพะสีเขียวมรกต หรือสีเขียวกลาง สวมมงกุฎสามกลีบ องคตเป็นบุตรพญาพาลีกับนางมณโฑ ฤาษีอังคตทำพิธีผ่าตัดออกจากครรภ์นางมณโฑ แล้วไปใส่ในท้องแพะ สุครีพนำถวายตัวต่อพระราม มีบทบาทในการเป็นทูตสื่อสารให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดา และฆ่าสี่เสนายักษ์ตาย ครั้นเสร็จศึกได้ความดีความชอบเป็นพญาอินทรานุภาพ อุปราชเมืองขีดขิน จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ท้าวมหาชมพู - พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีขาบ หรือสีดังปีกแมลงทับ สวมชฎาหรือมงกุฎยอดชัย มีฤทธิ์เดชมากไม่ยอมไหว้ใครนอกจากพระนารายณ์และพระอิศวร ปกครองเมืองชมพู เป็นพันธมิตรกับพญากากาศ เมืองขีดขิน ท้าวมหาชมพูนี้มีมเหสีชื่อนางแก้วอุดร ไม่มีบุตรธิดา ได้ถวายพลกรุงชมพูให้แก่พระราม เมื่อทราบว่าพระรามคือพระนารายณ์อวตาร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นิลพัท - พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีน้ำรัก หรือสีดำขลับ หัวโล้น สวมมาลัยทอง เป็นบุตรพระกาลซึ่งพระอิศวรประทานให้ไปอยู่ช่วยกิจการบ้านเมืองของท้าวมหาชมพู บทบาทของนิลพัทในเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้คุมวานรเมืองชมพูจองถนนข้ามกรุงลงการ่วมกับหนุมาน ซึ่งคุมวานรเมืองขีดขิน เกิดทะเลาะวิวาทกัน พระรามลงโทษให้ไปรักษากรุงขีดขิน โดยส่งเสบียงแก่กองทัพเดือนละครั้ง อาสาเป็นทัพหน้าครั้งกบฏกรุงลงกา เสร็จศึกได้ศักดิ์เป็นพญาอภัยพัทวงศ์ อุปราชเมืองชมพู จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นิลนนท์ - พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีหงสบาท หรือสีหงเสนเจือเหลือง หัวโล้น สวมมาลัยทอง ประวัติกล่าวว่าพญาวานรนี้เป็นบุตรพระเพลิง มีบทบาททำลายพิธีทศกัณฐ์ตั้งอุโมงค์ร่วมกับสุครีพและหนุมาน เสร็จศึกลงกาได้เป็นอุปราชเมืองชมพู เมื่อครั้งศึกพระพรตรบท้าวจักรวรรดิ นิลนนท์เป็นทูตสื่อสารเพื่อให้ยอมอ่อนน้อม การเจรจาความครั้งนี้ นิลนนท์ได้ทำการหักยอดปราสาทไปถวายพระพรต จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หนุมาน-พญาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้า สีขาวผ่อง หัวโล้น สวมมาลัยทอง มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปากนอกจากนี้ยังมีการทำหัวโขนหน้าหนุมานอีกหลายแบบ คือ ตอนแผลงฤทธิ์มี 4 หน้า เป็นหน้าปกติ 1 หน้าและมีหน้าเล็ก 3 หน้าที่ด้านหลัง ตอนทรงเครื่อง (อาสาพระรามล่อลวงทศกัณฐ์) สวมชฎายอดกาบไผ่เดินหนของอินทรชิตตอนครองเมืองสวมมงกุฎยอดชัย ตอนออกบวชสวมชฎายอดฤษี นอกจากนี้ยังมีการทำหน้าหนุมานเป็นหน้ามุกอีกด้วย ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 1 กล่าวว่าหนุมานเป็นบุตรพระพายกับนางสวาหะ เกิดวันอังคาร เดือนสาม ปีขาล คลอดออกมาจากปากแม่ ตัวโตเท่ากับอายุสิบหกปี แผลงฤทธิ์เป็นสีสี่หน้าแปดมือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน มีกุณฑลขนเพชรเขี้ยวแก้วถวายตัวต่อพระราม เป็นผู้ทำการสำคัญ ๆ หลายครั้งในศึกกรุงลงกา เมื่อเสร็จศึกพระรามประทานความชอบให้เป็นพระยาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา ครองเมืองนพบุรี ได้นางบุษมาลี นางเบญจกาย นางสุพรรณมัจฉา นางวานริน และนางสุวรรณกันยุมาเป็นเมีย มีบุตรชื่อมัจฉานุ เกิดกับนางสุพรรณมัจฉา)และ อสูรผัต (เกิดกับนางเบญจกาย) จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พวกสิบแปดมงกุฎ คือ เสนาวานร 18 ตน แบ่งเป็นฝ่ายเมืองขีดขินและฝ่ายเมืองชมพู เดิมเป็นเทพเทวดาอาสาแบ่งภาคลงมาช่วยพระรามปราบเหล่าอสูร ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ หามาได้แค่หกรูป จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 นิลปานัน - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีสำริด หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย เป็นเสานาวานรสิบแปดมงกุฎฝ่ายเมืองชมพู แบ่งภาคมาจากพระราหู เทวดานพเคราะห์ โดยมากได้รับการกล่าวถึงในกระบวนทัพพระราม ดังปรากฎในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ครั้งสุครีพจัดทัพรบกับทศคีรีธร ทศคีรีวัน จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เกยูร - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีม่วงแก่ หรือสีม่วงชาดแก่ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย คือท้าววิรุฬหกเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ โลกบาลประจำทิศใต้ แบ่งภาคลงมาเป็นเสนาวานรฝ่ายเมืองขีดขิน บทบาทของเสนาวานรนี้มักปรากฎในตอนจัดกองทัพออกรบกับเหล่าอสูร ปรากฎชื่อเกยูรในการรบหลายคราว ตอนหนึ่งในการจัดทัพรวมพลเมืองขีดขินและเมืองขมพู เพื่อยกไปลงกา สุครีพจัดกองทหารประกอบด้วยเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มายูร - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีม่วงอ่อน หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย ไม่ปรากฎว่าเป็นฝ่ายใด แต่บางตำราว่าเป็นฝ่ายเมืองขีดขิน ในเรื่องรามเกียรติ์คือท้าววิรูปักษ์โลกบาลประจำทิศตะวันตกแบ่งภาคลงมาเป็นพวกเสนาวานรสิบแปดมงกุฎช่วยพระรามปราบเหล่าอสูร ได้รับการกล่าวถึงในกระบวนทัพเช่นเดียวกับเสนาวานรอื่น ๆ ดังปรากฎในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ตอนพระรามตั้งพักทัพที่เขามรกต บรรดาพญาวานร สิบแปดมงกุฎ วานรเตียวเพชร จังเกียง และพลลิงทั้งหลายเข้าเฝ้า จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 40 วิสันตราวี - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีแดงลิ้นจี่ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย ประวัติกล่าวว่าเป็นพระอังคาร เทวดานพเคราะห์แบ่งภาคลงมาเป็นเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ ฝ่ายเมืองชมพูปรากฎชื่อในบทละครเรื่องรามเกียรติ์คราวจัดทัพออกรบ ตอนหนึ่งในการยกทัพของพระพรต พระสัตรุดทำศึกท้าวทศพิน จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 นิลเอก - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากอ้าสีทองแดงแก่ บางแห่งว่าปากหุบ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย ตามเรื่องราวในรามเกียรติ์นิลเอกเป็นพวกเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ ฝ่ายเมืองชมพู แบ่งภาคลงมาจากพระพินายมีบทบาทในการรบ ปรากฎชื่อในกระบวนทัพเสมอ ๆ ตัวอย่างในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์รัชการที่ 1 ตอนพระลักษณ์ยกทัพไปทำลายพิธีกุมภนิยาของอินทรชิต ซึ่งถ้าสำเร็จจะทำให้ไม่ตายรวมทั้งพลยักษ์ทั้งหลายจะทรหดอดทนไปด้วย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 42 วิมลหรือพิมลพานร หรือนิลพานร - เสนาวานร ลักษณะหัวโขน หน้าวานรปากหุบสีดำหมึก หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย ประวัติกล่าวว่าเป็นพระเสาร์ เทวดานพเคราะห์แบ่งภาคลงมาเป็นเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ ฝ่ายเมืองขีดขิน ปรากฎชื่อในกระบวนทัพเรื่องรามเกียรติ์ตอนหกรถรบหกวานร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบตอนที่ทศกัณฐ์เคืองพิเภกตอนที่ทำนายฝันออกมาไม่ดี ทำท่าอารมณ์เสีย แล้วมีบทพากย์ว่า รู้งี้กุไม่เล่าให้ฟัง...อย่างฮา จากคุณ : แต้วสุดา - [ 16 พ.ย. 51 09:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 บรรดาขุนพลสิบแปดมงกุฏที่เหลือ นิลขัน    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีน้ำตาลไหม้ แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระพิเนกจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ โกมุท    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายเผือกผ่อง แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ เดิมคือพระหิมพานต์จุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ นิลราช    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีน้ำเงินเข้ม แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระสมุทรจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ นิลนน    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีแดงเข้ม แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระเพลิงจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ นิลปาสัน    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเหลือง แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระสุกรจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ มาลุนทเกสร    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเขียว แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระหัสจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ สุรเสน    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเขียว แต่งตัวอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ  เดิมคือพระพุธจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ สัตพลี    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเขียว แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือพระจันทร์จุติลงมาพร้อมกับพระนารายณ์ ไชยามพวาร    เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเขียวมรกต แต่งตัวตามอย่างขุนศึกถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือเทวดาองค์หนึ่งจุติลงมาพร้อมพระนารายณ์ ภายหลังได้เป็นมหาเสนาฝ่ายซ้ายเมืองขีดขิน สุรกานต์   เป็นขุนพลวานรของพระราม กายสีเหลือง แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมคือเทวดาจุติลงมาช่วยพระนารายณ์ ภายหลังได้ผ่านนครโรมคัล ไวยบุตร    เป็นขุน พลวานรของพระราม กายสีเขียวเข้ม แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ   เดิมเป็นเทวดาจุติลงมาช่วยพระนารายณ์ เกษรทมาลา    เป็นขุนพลวานรของพระราม แต่งตัวตามอย่างขุนศึก ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ มี สีกายเหลือง เดิมคือเทวดาองค์หนึ่งจุติลงมาช่วยพระนารายณ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาดูฝ่ายยักษ์กันบ้าง (อสูรแห่งกรุงลงกา) ทศกัณฐ์-พญายักษ์ ลัษณะหัวโขน ทำเป็นหน้ายักษ์ 3 ชั้น คือ ชั้นแรกมีหน้าปกติ 1 หน้า และมีหน้าเล็ก ๆ เรียงกัน 3 หน้า ตรงท้ายทอย ชั้นที่ 2 ทำเป็นหน้าเล็ก ๆ 4 หน้าเรียงสีด้าน ชั้นที่ 3 ทำเป็นหน้าพรหมด้านหน้า หน้ายักษ์ด้านหลัง ปากแสยะตาโพลง สวมมงกุฎยอดชัย หน้าทศกัณฐ์ มี 3 สี คือ ปกติใช้หน้าสีเขียว ตอนนั้งเมืองใช้หน้าสีทอง และมีทำหน้าสีน้ำรักซึ่งยังไม่มีปรากฎใช้ในการแสดง นอกจากนี้ยังมีหัวโขนทศกัณฐ์แปลงเป็นพระอินทร์ในการรบครั้งสุดท้าย ลักษณะทำเป็นหน้าพระ 3 ชั้น สีเขียว มีเขี้ยว ซึ่งเป็นหัวโโขนเพียงหัวเดียวในเมืองไทยที่ประดิษฐ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 และยังมีหัวโขนหน้าทศกัณฐ์ที่ทำด้วยทองแดงปิดทองประดับกระจกอีก 1 หัว ทศกัณฐ์มีกายสีเขียว 10 พักตร์ 20 กร เป็นโอรสองค์ที่ 1 ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎานับเป็นกษัตริย์กรุงลงกาองค์ที่ 3 มีมเหสีคือ นางมณโฑ กับนางกาลอัคคี และนางสนมอีกจำนวนมาก มีโอรส 1,015 มีธิดา 2 องค์ อุปนิสัยไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม หยาบช้า สามารถถอดจิตออกจากตนได้ทำให้ประพฤติตนไม่ถูกต้องไปลักพานางสีดามเหสีของพระรามมาจึงเป็นต้นเหตุแห่งศึกกรุงลงกา ทำให้พี่น้องเผ่าพงศ์ยักษ์ล้มตายเป็นอันมาก ในที่สุดก็ตายด้วยศรของพระราม โดยหนุมานขโมยกล่องดวงใจไปได้ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กุเปรัน-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีม่วงอ่อน ปากขบ ตาโพลง บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎกระหนกกายสีม่วงอ่อน 1 พักตร์ 2 กร โอรสท้าวลัสเตียนกับนางศรีสุนันทา เป็นพี่ชายต่างมารดากับทศกัณฐ์ ท้าวลัสเตียนให้ครอบครองเมืองกาลจักร และมองบุษบกแก้วของท้าวสหมลิวัน ซึ่งให้ไว้แก่ท้าวจัตุรพักตร์เป็นมรดก ทศกัณฐ์ต้องการแย่งชิงบุษบกไปครอบครอง กุเปรันหนีไปหาพระอิศวร ซึ่งกำลังเข้าฌานบนหลังช้าง พระอิศวรกริ้วถอดงาช้างขว้างไปปักอกทศกัณฐ์ และสาปให้ติดอยู่จนกระทั่งตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทัพนาสูรหรือเทพาสูร-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีหงดิน ปากขบตาโพลง บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎสามกลีบกายสีหงดิน (อสูรพงษ์ฉบับสมุดไทยว่าสีหงเสน) มี 1 พักตร์ 2 กรเป็นโอรสท้าวลัสเตียนกับนางจิตรมาลีพี่ชายจต่างมารดาของทศกัณฐ์ครองเมืองจักรวาล ทศกัณฐ์เชิญไปช่วยรบกับพระราม จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 48 กุมภกรรณ-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน ทำเป็นหน้ายักษ์ 4 หน้า เพื่อให้ต่างกับเสนายักา คือ เป็นหน้าปกติ 1 หน้า และเป็นหน้าเล็ก ๆ 3 หน้า เรียงกันอยู่ตรงท้ายทอย ปากแสยะตาโพลง หัวโล้น สวมกะบังหน้าไม่มีมงกุฎ หน้ามี 2 สี คือ หน้าสีเขียว กับหน้าสีทอง กายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร เป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกับทศกัณฐ์ ได้เป็นอุปราชเมืองลงกามเหสีชื่อนางจันทวดี สนมเอกชื่อนางคันธมาลี มีอุปนิสัยตั้งมั่นอยู่ในสัจธรรม แต่จำใจช่วยรบกับพระรามเพื่อสนองคุณทศกัณฐ์ มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธวิเศษ รบกับพระรามหลายครั้งและในที่สุดตายด้วยศรของพระราม จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 พิเภก-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักาสีเขียว ปากแสยะตาจระเข้ สวมมงกุฎน้าเต้ากลมกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร เป็นน้องร่วมบิดามารดากับทศกัณฐ์ ประวัติกล่าวว่า ชาติก่อนเป็นเวสสุญาณเทพบุตรมาจุติ มีความรอบรู้คัมภีร์ไตรเภทและโหราศาสตคร์ ด้วยความประสงค์ของพระเป็นเจ้าเพื่อให้เป็นไส้ศึก รู้เล่ห์กลของพวกยักษ์ เปิดเผยให้แก่พระราม ทศกัณฐ์ขับออกจากเมือง เพราะแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนจึงสมัครไปอยู่กับพระรามด้วยตรวจดวงชะตาตนเองว่าพระรามจะเป็นผู้อุปถัมภ์มีบทบาทและปฎิบัติหน้าที่อันเป็นประโยชน์ในการสงคราม เช่น การหาฤกษ์ยาม การทำนายฝัน บอกวิธีการแก้กลอุบายการใช้อาวุธและความลับต่าง ๆ เพื่อชัยชนะ เสร็จศึกลงกาได้เป็นเจ้าลงการ มีนามว่าท้าวทศคิริวงศ์ ต่อมาเกิดกบฎในกรุงลงกา ถูกจองจำได้รับความช่วยเหลือจากพระรามและหนุมาน จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตรีเศียร-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีขาว ๓ หน้า ทำเป็นหน้าปกติ ๑ หน้า หน้าเล็กอยู่ตรงท้ายทอย ๒ หน้า ปากขบตาจระเข้ บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎชัยหรือมงกุฎยอดน้ำเต้า ๓ ยอดกายสีขาว ๓ พักตร์ ๖ กร เป็นน้องชายร่วมครรภ์มารดาของทศกัณฐ์ครองเมืองมัชวารีรบกับพระรามด้วยความโกรธแค้นที่พญาขร พญาทูษณ์พี่ชายถูกพระรามฆ่าตายและตนเองก็ตายด้วยศรพระราม จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อินทรชิต หรือ รณพักตร์-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียว ปากขบ ตาโพลงเขี้ยวคุด (ดอกมะลิ) สวมชฎามนุษย์หรือชฎายอดกาบไผ่เดินหนแบบพระอินทร์ จอนหูมี ๒ แบบ คือจอนหูแบบมนุษย์และจอนหูแบบยักษ์ นอกจากนี้ยังทำหน้าสีทองอีกแบบหนึ่ง และในตอนเป็นเด็กสวมกะบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก(ชฎาเด็กหรือหัวกุมารไว้จุก)กายสีเขียว ๑ พักตร์ ๒ กร เป็นโอรสทศกัณฐ์กับนางมณโฑ มีมเหสีชื่อนางสุวรรณกันยุมา มีบุตรชื่อยามลิวันและกันยุเวก อินทรชิตเดิมชื่อรณพักตร์เมื่อรบชนะพระอินทร์ทศกัณฐ์จึงตั้งชื่อให้ว่าอินทรชิต ได้รับพระจากพระเป็นเจ้าสามองค์คือ พระอิศวร พระพรหมและพระนารายณ์มีอิทธิฤิทธิ์มากรบกับพระรามหลายครั้งหลายหน ตายด้วยศรพระลักษณ์ที่เนินเขาจักรวาลตอนตายองคตต้องนำพานจากพระพรหมธาดามารองนับเศียรอินทรชิต เพื่อมิให้ตกถึงพื้นเพราะจะเกิดไฟไหม้ทั่วทั้งจักรวาล จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 09:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แสงอาทิตย์-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีแดงชาด ปากขบ ตาจระเข้ บางแห่งว่าปากแสยะ ตาโพลง สวมมงกุฎกระหนกกายสีแดงชาด มี ๑ พักตร์ ๒กร เป็นโอรสองค์ที่ ๒ ของพญาขรกับนางรัชฎาสูร อนุชามังกรกัณฐ์ มีอาวุธเป็นแว่นวิเศษ ซึ่งฉายส่องไปที่ไหนจะบังเกิดไฟไหม้ ฝากไว้ที่ท้าวธาดาพรหมแสงอาทิตย์ตายด้วยศรพระรามในสนามรบ พร้อมกับพี่เลี้ยงชื่อจิตรไพรี จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 53 . - ขอบคุณ คุณ มิดรันเดียร์ มากค่ะ...... พิเภก หน้าตาเศร้า ตาตก น่าสงสารจังเลย..... จากคุณ : คำหยาดฟ้า - [ 16 พ.ย. 51 10:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทศพิน (ไพนาสุริยวงศ์)-ยักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียว ปากขบตาโพลงเขี้ยวคุด(ดอกมะลิ) สวมชฎามนุษย์หรือชฎายอดกาบไผ่เดินหนแบบอินทรชิต จอนหูแบบมนุษย์และในตอนเด็กสวมกะบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก (ชฎาเด็ก หรือ หัวกุมารไว้จุก)กายสีเขียว ๑ พักตร์ ๒ กร เป็นโอรสของทศกัณฐ์กับนางมณโฑเมื่อพิเภกครองกรุงลงกาหลังจากทศกัณฐ์ตาย ได้นางมณโฑเป็นมเหสี ขณะนั้นนางมณโฑตั้งครรภ์อยู่แล้วเมื่อคลอดพิเภกเข้าใจว่าเป็นลูกของตน เมื่อไพนาสุริยวงศ์เติบโตขึ้น พี่เลี้ยงชื่อวรณีสูรเป็นผู้บอกความจริงและยุให้เป็นกบฏเกิดศึกกรุงลงกาอีกตรั้ง พระพรตเป็นผู้มาปราบกบฏและสั่งประหารไพนาสุริยวงศ์พร้อมกับพี่เลี้ยง จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อสูรพันธมิตรทศกัณฑ์ สัทธาสูร-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีหงเสน ปากขบตาจระเข้ บางแห่งว่าตาโพลง สวมมงกุฎจีบ กายสีหงเสน มี 1 พักตร์ 2 กร เป็นเจ้าเมืองอัสดงค์ มีฤทธิ์เรียกอาวุธมาใช้ในกองทัพได้ หนุมานจึงแปลงกายเป็นลิงป่าขอให้สัทธาสูร สำแดงฤทธิ์ ให้องคตและพลวานรซ่อนตัวในก้อนเมฆ เมื่อล่อหลอกให้สัทธาสูรเรียกอาวุธ องคตและพลวานรเหาะมารับอาวุธเก็บไว้ จนกระทั่งหนุมานเรียกจึงทิ้งอาวุธลงมา ในที่สุดหนุมานก็ฆ่าสัทธาสูรและตัดเศียรไปถวายพระรามได้ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มูลพลัม-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียว ทำเป็น 4 หน้า โดยมีหน้าใหญ่ 1 หน้า หน้าเล็ก ๆ อยู่ข้างหลังตรงท้ายทอย 3 หน้า หัวโล้น ปากขบตาโพลง บางแห่งว่าปากแสยะ สวมกะบังหน้า กายสีเขียวมี 1 พักตร์ 2 กร บางตำราว่า 4 หน้า เป็นอุปราชเมืองปางตาล น้องชายของสหัสสเดชะ เป็นสัมพันธมิตรแห่งทศกัณฐ์อีกตนหนึ่งในจำนวน 7 ตน ยกทัพไปช่วยศึกลงกาตามคำเชิญของทศกัณฐ์พร้อมกับ สหัสสเดชะ มูลพลัมตายในที่รบด้วยศรพระลักษณ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สหัสสเดชะ(สหัสเดชะ)-พญารากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีขาว ทำเป็นหน้า 4 ชั้น หรือ 5 ชั้น ชั้นแรกมีหน้าปกติ 1 หน้า และหน้าเล็ก ๆ 3 หน้าเรียงอยู่ด้านหลังตรงท้ายทอย ชั้น 2 3 และ 4 ทำเป็นหน้าเล็ก 4 หน้า เรียงลดหลั่นกันไป ชั้นบนสุดทำเป็น 2 แบบ คือเป็นหน้ายักษ์ และแบบหน้าพรหมคล้ายกับหัวโขนทศกัณฐ์ ปากแสยะตาโพลง สวมมงกุฎชัย กายสีขาว มี 1,000 พักตร์ 2,000 กร ครองกรุงปางตาล เป็นพี่ชายของมูลพลัม มีตะบองวิศษชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น ได้พรจากพระพรหมเมื่อรบกับผู้ใดให้พลในกองทัพนั้นแตกกระจายไป เมื่อทศกัณฐ์ขอร้องให้มูลพลัมน้องชายไปช่วยศึกกรุงลงกา สหัสสเดชะได้ไปรบด้วยเมื่อมูลพลัมตายจึงได้รบแก้แค้น ตายโดยหนุมานจับตะบองวิศษและมัดด้วยหางตัดเศียรขาดกระเด็น จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไวยตาล-พญารากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีครามอ่อน บางตำราว่าสีมอคราม ปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎหระหนก กายสีครามอ่อน บางตำราว่าสีมอคราม มี 1 พักตร์ 2 กรครองกรุงกุรุราษฎร์ในบาดาลเป็นสหายของท้าวจักรวรรดิแห่งกรุงมลิวันท้าวจักรวรรดิขอความช่วยเหลือให้มาช่วยรบศึกกรุงมลิวัน จึงได้ทำพิธิปลุกกระบองตาลวิเศษที่บาดาลเพื่อให้มีฤทธิ์ชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นกายจะเป็นเพชร ใครฆ่าไม่ตาย พระพรตให้นิลพัทและอสุรพัตไปทำลายพิธี สำเร็จแล้วดักรออยู่จนกระทั่งท้าวไวยตาลยกทัพมา เกิดการสู้รบกัน ท้าวไวยตาลตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไพจิตราสูร-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีขาว บางตำราว่าสีเขียว ปากแสยะตาโพลง บางแห่งว่าตาจระเข้ สวมมงกุฎน้ำเต้ากลม กายสีขาว บางตำราว่าสีเขียว มี 1 พักตร์ 2 กร เป็นเจ้าพิภพอสูร อยู่ระหว่างเขาตรีกูฎ ด้านใต้เขาพระสุเมรุ สัมพันธมิตรกับทศกัณฐ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อสูรกษัตริย์ (ต่อ) ตรีบูรัม-พญารากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีดำหมึก ปากแสยะตาโพลง บางแห่งว่าปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎน้ำเต้ากลมรูปทรงปลี กายสีดำหมึก มี 1 พักตร์ 2 กร ครองกรุงโสพัส บำเพ็ญเพียรเพื่อขอพระอิศวรมิให้ใครฆ่าได้ แม้แต่พระนารายณ์ เมื่อได้พรแล้วกลับกระทำหยาบช้าเบียดเบียนโลกเดือดร้อนไปทั่วทั้งเทวดา ฤาษี มนุษย์ พระอิศวรจึงต้องปราบด้วยตาไฟ เผาผลาญตรีบูรัมตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อนุราช หรืออุณาราช(กกกะหนาก)-พญารากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีจันทร์อ่อน ปากแสยะตาจระเข้ สวมมงกุฎกระหนก กายสีจันทร์อ่อน บางตำราว่าสีนวลจันทร์มี 1 พักตร์ 2 กร เดิมเป็นเทพบุตร ต้องโทษเพราะขาดการเข้าเฝ้าพระอิศวรจึงสาปให้ไปเกิดเป็นพญารากษสครองกรุงมหาสิงขรเมื่อรพะนารายณ์อวตารมาปราบอธรรมให้เอาต้นกกแผงไปตรึงไว้กับหิน ทรมานอยู่จนถึงแสนโกฏ์ปี จึงถูกพระรามแผลงศรต้นกกดังคำสาปเมื่อครั้งที่พระรามเดินดงครั้งหลัง จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ตรีปักกัน-รากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียวแก่ ปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎกระหนก กายสีเขียวแก่ มี 1 หน้า 2 มือเป็นโอรสท้าวกุเวรนุราชกับนางเกศินี ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์กล่าวถึงตอนออกประพาสป่า พบพระราม พระลักษณ์และทหารวานร สั่งให้ทหารจังตัว เกิดการสู้รบกันตายด้วยศรพระลักษณ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อสูรวายุภักษ์-พญารากษส ลักษณะหัวดขน หน้ายักษ์สีเขียวแก่ ปากแสยะตาจระเข้ มีจะงอยปากเหมือนนกอินทรี สวมมงกุฎน้ำเต้ามีกาบรับบัวแวง กายสีเขียวแก่ มี 1 หน้า 2 มือ มีกายและหน้าเป็นอสูรเท้าและหางเพียงท่อนเองเหมือนนกอินทรี ปีกแขนทั้งสองมีครีบดังพญาครุฑ บิดาเป็นยักษ์ มารดาเป็นนก อสูรวายุภัษ์ครองเมืองมหาวิเชียรธานี บินมาพบพระราม พระลักษณ์ เมื่อเดินดงครั้งหลัง จึงโฉบไปเพื่อกินเป็นอาหาร สุครีพ หนุมาน และทหารวานรพากันไล่ตาม ช่วยพระราม พระลักษณ์ได้ ฆ่าวายุภักษ์เสีย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ท้าวคนธรรพ์นุราช -พญารากษส ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียวแก่ ปากขบตาจระเข้ สวมชฎาโพกอย่างวิชาธร หรือชฦาลอมพอก หรือมงกุฎกาบไผ่ บางตำราว่าไม่มีมงกุฎ กายสีเขียวแก่ มี 1 พักตร์ 2 กร เป็นกษัตริย์เมืองดิศศรีสิน มีมเหสีชื่อนางนันทา และมีโอรสชื่อว่า วิรุณพัท คนธรรพ์นุราชมีอุปนิสัยอันธพาลหยาบช้า วันหนึ่งชวนวิรุณพัทไปประพาสป่า พบฤาษีบำเพ็ญตบะบำเพ็ญเพียรแก่กล้า เป็นอาจารย์เหล่ามนุษย์เทวา จึงทำลายล้างพิธีและสถานที่บำเพ็ญเพียร หลังจากนั้นเกิดความคิดว่าควรรุกรานพระนครใหญ่น้อยทั้งปวงให้อยี่ในอำนาจ จึงยกทัพไปตีได้เมืองไกยเกษ ท้ายไกยเกษหนีกองทัพท้าวคนธรรพ์นุราชเข้าเมืองได้ บรรดาเสนาเมืองไกยเกษจึงสร้าลกลอุบายให้เที่ยวชมสวนเพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพ อโยธยายกมาช่วย พระรามสั่งให้พระพรต พระสัตรุดพร้อมด้วยพระมงกุฎและพระลบยกทัพไป เกิดการสู้รบกัน วิรุณพัทตายด้วยศรพระลบ ท้าวคนธรรพ์นุราชตายด้วยศรพระมงกุฎ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อสูรเทพบุตร หิรันตยักษ์-อสูรเทพบุตร ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีทอง ปากแสยะตาโพลง บางแห่งว่าปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎกระหนก กายสีทอง มี 1 พักตร์ 2 กร เป็นอสูรอาศัยอยู่เขาจักรวาล ทำพิธีตบะที่เขาวินันตก พระอิศวรจึงประทานพรให้มีฤทธิ์มาก หิรันตยักษ์สำแดงเดชม้วนแผ่นดินทำให้เดือดร้อนไปทั่ว พระอิศวรจึงบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์แปลงกายเป็นหมูและฆ่าหิรันตยักษ์ตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 66 รามสูร-อสูรเทพบุตร ลักษณะหัวโขน หน้ายักษ์สีเขียว หรือสีทอง ปากขบตาโพลง สวมมงกุฎกาบไผ่ มีทั้งจอนหูแบบยักษ์และจอนหูแบบมนุษย์ อีกแบบหนึ่งจะสวมชฎาดอกลำโพง แบบหัวโขนหน้าฤาษีกายสีเขียว และทำเป็นหน้าทองอีกแบบหนึ่ง มี 1 พักตร์ 2 กร มีขวานเพชรเป็นอาวุธเป็นผู้มีอุปนิสัยเกเร ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์กล่าวถึงตอนฤดูวสันต์ เทวดานางฟ้าจับระบำเล่นนักขัตฤกษ์ รามสูรไล่จับนางเมขลาล่อแก้ว พบอรุชุนเหาะมา สู้รบกันและจับอรชุนฟาดเขาพระสุเมรุตาย อีกตอนหนึ่งรามสูรเที่ยวประพาสป่าพบขบวนพระรามซึ่งกลับจากการอภิเษกนางสีดาเพื่อไปอโยธยารบกับพระรามพ่ายแพ้ พระรามไว้ชีวิต จึงได้ถวายศรให้ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 67 พิราพหรือวิราช-อสูรเทพ ลักษณะหัวโขน ทำเป็นหน้ายักษ์ซึ่งมีลักษณะหน้าแปลกจากยักษ์อื่น คือ หน้ากางคางออก เรียกว่าหน้าจาวตาล สีม่วงแก่ หรือสีน้ำรัก หรือสีทอง ปากแสยะ ตาจระเข้ หัวโล้น สวมกะบังหน้า ตอนทรงเครื่องสวมมงกุฎยอดเดินหน นอกจากนี้ยังมีหัวโขนพระพิราพที่ประดิษฐ์ด้วยโลหะ เป็นเทพอสูรผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ซึ่งศิลปินโขนละคร และดนตรีไทยให้ความเคารพสักการะ ในฐานะเป็นบรมครูในวิชาดุริยางคศาสตร์ และนาฎศิลป์ อินเดียเรียกว่า พระไภรวะ ส่วนทางประเทศเนปาลเรียกว่า พระไภราพ ซึ่งเป็นปางที่ดุร้าย ของพระอิศวรปางหนึ่ง ทั้งยังเป็นเทพเจ้าแห่งนาฎศิลป์และความตายอีกด้วย กายสีม่วงแก่ 1 พักตร์ 2 กร มีกายเป็นวงทักขิณาวัฎ อาศัยอยู่เชิงเขาอัศกรรณ พระอิศวรกำหนดเขตป่าให้อยู่ และสามารถจับสัตว์ที่พลัดเข้าไปในเขตนั้นกินได้ พิราพได้นำชมพู่พะวาทอง อันมีรสโอชามาปลูกไว้ในสวน กำชับพลยักษ์ให้ดูแล ทุกเจ็ดวันจะมาดู เมื่อพระรามเดินดงได้ผ่านเข้าไปในสวนเก็บผลไม้กิน พลยักษ์มาพบรุมกันจับ ถูกพระลักษณ์ฆ่าตาย เมื่อพิราพมาสวนจึงสอบถามเรื่องราวจึงตามไปและลักนางสีดา สู้รบกับพระราม พระลักษณ์ตายด้วยศรพระราม จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เหรันต์ หรือเหรันตทูต-อสูรเทพบุตร ลักษณะหัวโขน ปากเสยะ ตาโพลง บางแห่งว่าปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎจีบ กายสีม่วงอ่อน มี 1 พักตร์ 2 กร อาศัยอยู่เขาหิมพานต์ เป็นอสูรที่มีฤทธิ์เดชมาก จับมนุษย์ และสัตว์กินเป็นอาหาร วันหนึ่งได้ออกไปเที่ยวป่า พบท้าวทศรถพาพระมเหสีทั้ง 3 ประพาสป่า เกิดการสู้รบกัน และถูกท้าวทศรถฆ่าตาย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 10:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ชอบดูมากๆค่ะ  เพิ่งได้ดูเต็มๆ เมื่อคืนทางทีวีนี่หละค่ะ เป็นบุญตาจริงๆ ทึ่งและประทับใจกับ นักแสดงทุกท่าน ชุดที่ใส่แต่ละชุด ทั้งหนา หนัก ร้อน   แถมหัวโขนที่ใส่ ก็ต้องใส่ให้รัดพอดี   เวลาเคลื่อนไหว ตีลังกา  ทำท่าอภินิหารย์ต่างๆ  จะได้สะดวกคล่องตัว ช่างเป็นอะไรที่ แข็งแรง  แต่นุ่มนวล อ่อนหวาน                ปราดเปรียว ว่องไว  แต่ก็ดูสงบเยือกเย็นอยู่ในที                เป็นสุดยอด ศิลปวัฒนธรรมไทย ที่หาที่ใดในโลกไม่ได้เลยจริงๆค่ะ ^^ (ขอบพระคุณ  สำหรับ ภาพ และ ข้อมูลดีๆ จากคุณ มิดรันเดียร์ ค่ะ ) แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 12:16:07 จากคุณ : paninee - [ 16 พ.ย. 51 10:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 70 พงศ์นารายณ์วงศ์กษัตริย์ แห่งกรุงอโยธยา ท้าวอโนมาตัน- พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว มงกุฎยอดน้ำเต้า ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาหรืออโยธยา กายสีขาว 1 พักตร์ 4 กร กำเนิดในดอกบัวซึ่งผุดขึ้นจากพระนาภี (สะดือ) ของพระนารายณ์ได้รับอาวุธ 4 อย่างจากพระอิศวร คือ ศรตรีเพชร คฑา และธำมรงค์ พระอิศวรนับเป็นหลานจึงมีนามเรียกว่า "นัดดาพระศุลี"มีมเหสีชือนางมณีเกสร โอรสชชื่อท้าวอัชบาล จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ท้าวทศรถ-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว สวมชฏามนุษย์หรือมงกุกยอดชัยหรือมงกุฎยอดเดินหน กษัตริย์กรุงศรอยุธยาองค์ที่ 3 กายสีขาว 1 พักตร์ 2 กร ทรงศรเป็นอาวุธโอรสท้าวอัชบาลกับนางเทพอัปสร ท้าวทศรถมีมเหสี 3 องค์ คือ องค์ที่ 1 นางเกาสุริยา มีโอรสชื่อพระราม องค์ที่ 2 นางไกยเกษี มีโอรสชื่อพระพรต องค์ที่ 3 นางสมุทรชา หรือสมุทรเทวีหรือสมุทรมีโอรสชื่อพระลักษณ์ และพระสัตรุด จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ชอบมากทั้งโขน และข้อมูลจากคุณมิดรันเดียร์ จากคุณ : โหวตละเน้อ (jimkong) - [ 16 พ.ย. 51 11:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 73 พระราม -พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีเขียวนวลตอนครองเมืองสวมมงกุฎยอดชัยหรือพระมหามงกุฎตอนเดินดงสวม มงกุฎยอดเดินหนตอนทรงพรตสวมชฎายอดบวชหรือชฎายอดฤาษี กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาองค์ที่ 4 กายสีเขียวนวล 1 พักตร์ 2 กร คือพระนารายณ์อวตารลงมาเกิดเป็นโอรสของท้าวทศรถกับนางเกาสุริยา ปกติพระรามทรงศรเป็นอาวุธ เวลาสำแดงอิทธิฤทธิ์ปรากฎเป็น 4 กร ทรงเทพอาวุธเช่นเดียวกับพระนารายณ์ คือ ตรีคฑาจักร และสังข์ มีมเหสีชื่อ นางสีดา ซึ่งได้แก่ พระลักษมีเทวีแบ่งภาคมาช่วยพระรามปราบปรามเหล่าอสูรร้ายผู้คอยทำลายความสงบสุขของโลก มีโอรสชื่อพระมงกุฎ ออกเดินดงตามที่นางไกยเกษีขอพรเป็นเวลา 14 ปี ในขณะเดินดงนั้น ทศกัณฐ์มาลักนางสีดา และเป็นเหตุให้เกิดสงครามล้างพวกยักษ์ เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาแล้ว พระรามยังคงต้องพลัดพรากจากนางสีดาอีก ด้วยเหตุเข้าใจผิดและระแวง จนกระทั้งพระอิศวรต้องมาไกล่เกลี่ย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 74 พระพรต ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีแดงฉาด สวมชฎามนุษย์ หรือมงกุฎยอดชัย หรือมงกุฎยอดเดินหน เป็นอนุชาของพระราม กายสีแดงฉาด 1 พักตร์ 2 กร คือจักรพระนารายณ์อววตารมาเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถและนางไกยเกษีไปอยู่เมืองไกยเกษกับท้ายไกยเกษ พระกับพระศตรุด เมื่อพระรามออกเดินดง พระพรตไม่ยอมรับราชสมบัติแต่จะรักษากรุงอโยธยาไว้จนกว่าพระรามจะกลับคืนเมือง จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 75 พระลักษณ์ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีทองสวมมงกุฎยอดเดินหน มงกุฎยอดชัย หรือพระมหามงกุฎตอนทรงพรตสวมชฎายอดบวชหรือชฎายอดฤาษีเป็นอนุชาของพระราม กายสีทอง 1 พักตร์ 2 กร คือ บัลลังก์นาคและสังข์ของพระนารายณ์อวตารลงมาเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถกับนางสมุทรชา เมือ่พระรามออกเดินดงขอตามเสด็จด้วย จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 76 พระสัตรุด ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีม่วงอ่อน สวมชฎามนุษย์หรือมงกุฎยอดชัยหรือมงกุฎยอดเดินหนเป็นอนุชาของพระราม กายสีม่วงอ่อน บางแห่งว่าสีหงดิน 1 พักตร์ 2 กร คือ คฑาพระนารายณ์อวตารมาเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถกับนางสมุทรชา ร่วมอุททรณ์กับพระลักาณ์ไปอยู่เมืองไกยเกษพร้อมทรงพรตได้ออกร่วมรบกับพระพรต ตามบัญชาของพระราม ในศึกกบฎสะกะและศึกเมืองมลิวัน ภายหลังกลับไปช่วยกำกับราชการที่เมืองไกยเกษกับพระพรต ตามเดิม จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 77 พรหมพงศ์ ท้าวสหบดี-พรหม ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว 4 หน้า ทำหัวโขนเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกมี 1 หน้า ตามปกติ ชั้นที่ 2 มี 3 หน้า สวมมงกุฎยอดชัย จตุรพักตร์-พรหม ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว 4 หน้า 8 กร รูปสัณฐานเป็นพรหมน้องท้าวมาลีวราช ประวัติกล่าวว่า เดิมคือ ธาดาพรหมหรือมหาอัชฎาพรหม เมือ่ท้าวสหบดีพรหมสร้างกรุงลงกาเสร็จ ตรัสให้ท้าวธาดาพรหมมาปกครอง มีนามว่า ท้าวจัตุรพักตร์ นับเป็นกษัตริย์กรุงลงกาองค์ที่ 1 ท้าวสหบดีพรหมทรงประทานอาวุธ คือ ตรีศูล คฑา และฉัตรแก้วซึ่งใช้ยกบังแสงอาทิตย์ทำให้แลเห็นศัตรูฝ่ายเดียวมีบุษบกแก้วซึ่งเป็นอากาศยานวิเศษสามารถล่องลอยได้ตามใจนึก ท้าวจัตุรพักตร์มีมเหสีชื่อนางมลิกา มีโอรสเป็นยักษ์ 4 กร ชื่อ ลัสเตียนคอรงราชสมบัติหกหมื่นปีจึงสิ้นชีพ มลิกา-นาง กายสีนวล 1 พักตร์ 2 กร สวมมงกุฎกษัตรีย์เป็นมเหสีท้าวจัตุรพักตร์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 78 3 แต้มให้  จขกท. ค่ะ  ถูกใจที่สุด จากคุณ : มือปราบหน้าใส - [ 16 พ.ย. 51 11:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มเหศวรพงศ์   อิศวร-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว สวมมงกุฎน้ำเต้ากาบ นอกจากนี้ยังมีการทำมงกุฎเป็นยอดต่าง ๆ อีก เช่น ยอดน้ำเต้ากาบทรงปลี ยอดน้ำเต้ากาบทัดจันทร์ และยอดน้ำเต้ากาบปลายสะบัด เป็นต้น เทพเจ้าผู้สร้างโลก ผู้เป็นใหญ่ในเรื่องรามเกียรติ์ กายสีขาว 1 พักตร์ 4 กร เป็นมเหสักขเทวาราชองค์ที่ 1 สถิตที่ยอดเขาไกรลาส มีมเหสี 3 องค์ ทรงนามว่า อุมาภควดีมเหศวรี และ สรัสวดี มีโอรสชื่อพระขันธกุมาร พระพิเนศ และพระพินาย พระอิศวรมีพระนามต่าง ๆ ดังนี้ พระเป็นเจ้า พระศุลี พระจอมไกรลาส พระสยมภูวญาณ พระสยมภูวนาถ เมื่อคราวถอดงาช้างขว้างไปปักอกทศกัณฐ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พิฆเณศวร-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าเป็นช้างสีสัมฤทธิ์ หรือสีแดง สวมเทริดยอดน้ำเต้า หรือมงกุฎน้ำเต้าเฟือง เทพเจ้าแห่งศิลปะ พระพิฆเณศวร หรือ พระวิฆเนศวรนี้ ตามความนิยมแห่งไสยศาสตร์ว่า เป็นเจ้าแห่งความรู้ มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เป็นต้นว่า อขุรถ คชมุข กรีมุข เอกทันต์ ลัมพกรรณ สัมโพทร ทวิเทห คเณศ พิเนศ เป็นโอรสของพระอิศวรกับพระอุมา มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ อ้วนเตี้ยท้องพลุ้ย หูยาน มีเศียรเป็นช้าง มีงาข้างเดียว มี 4 กร ถือ บ่วง และขอช้าง ภาพเขียนบางภาพมีถือวัชระบ้าง จักร์บ้าง สังข์บ้าง คฑาบ้าง ดอกบัวบ้าง มีพาหนะเป็นหนู ในบทละเครื่องรามเกียรติ์เป็นนายกอง ปีกซ้ายทัพพระอิศวรเมื่อสงครามตรีบุรัม ต่อมาอวตารเป็นเสนาวานรชื่อนิลเอก จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ลืมรูปค่ะ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 นารายณ์- พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีดอกตะแบก สวมมงกุฎยอดเดินหน หรือมงกุฎยอดชัยเทพเจ้าผู้รักษาความดีพระนารายณ์อยู่ในตำแห่งพระมเหสักขเทวราชองค์ที่สองแห่งพระเป็นเจ้าทั้งสามของพราหมณ์ มีชื่อหลายชื่อตามฤทธิ์ตามเดชและเหตุการณ์ เช่น วิษณุ หรือพิษณุหิริอนันตไศยน ลักษมีบดี และจตุรภุช เป็นต้น กายเป็นสีดอกตะแบก 4 กร ทรงสังข์ คฑา จักรศร มีพญาครุฑเป็นพาหนะ มีอนันตนาคราชเป็นบัลลังค์ สถิต ณ เกษียรสมุทร มีมเหสีชื่อ พระลักษมี และพระศรี พระนารายณ์อวตารเป็นปางใหญ่มีอยู่ 10 ปาง คือ 1. มัตสยาวตาร เป็นปลาไปปราบสังขอสูร 2. กูรมาวตาร เป็นเต่าไปปราบอสูรมัจฉา 3. วราหาวตาร เป็นหมูไปปราบเหรันตยักษ์ 4. นรสิงหาวตาร เป็นนรสิงห์ไปปราบท้าวหิรัณตาสูร 5. วามนาวตาร เป็นคนเตี้ยไปปราบท้าวตาวันตาสูร 6. ปรศุรามาวตาร เป็นรามสูรไปปราบกษัตริย์อรชุน 7. รามาวตาร เป็นพระรามไปปราบท้าวทศกัณฐ์ 8. กฤษณาวตาร เป็นพระกฤษณะไปปราบท้าวพาณาสูร 9. พุทธาวตาร เป็นพระสมณโคดมปราบท้าววัสดีมาร 10. กัลกิยาวตาร เป็นมหาบุรุษจะบันดาลให้โลกเป็นบรมสุข ในเรื่องรามเกียรติ์ พระอิศวรเชิญให้อวตารในโลกมนุษย์ เป็นโอรสท้าวทศรถพร้อมด้วยพระลักษมีพญาอนันนตนาคราช คฑาเพชร จักร สังข์ กับหมู่เทวดา แบ่งภาคไปเกิดเป็นทหารวานรพงศ์ ในกรุงชมพูและ ขีดขินและประทานพรให้พระนารายณ์ไปกำเนิดในครรภ์นางเกาสุวิยา ทรงนามว่า ราม ให้จักรเกิดในครรภ์นางไกยเกษีเป็นพระพรต พญานาคและสังข์เกิดในครรภ์นางสมุทรชาเป็นพระลักษณ์กับพระสัตรุดให้พระลักษณ์ไปเกิดในลงกา เป็นธิดาทศกัณฐ์ ชื่อ สีดา จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 พรหมธาดา-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว 4 พักตร์ ทำหัวโขนเป็น 2 แบบ คือแบบแรกทำเป็นหน้า 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นหน้าปกติ 1 หน้า ชั้นที่ 2 ทำเป็นหน้าเล็ก 3 หน้า สวมมงกุฎชัย แบบที่สองทำเป็นหน้าชั้นเดียว มีหน้าปกติ 1 หน้า หน้าเล็ก 3 หน้า เรียงไว้ตรงท้ายทอย สวมมงกุฎน้ำเต้า 5 ยอด หัวโขนนี้อาจใช้แสดงสหบดีพรหม และท้าวมาลีวราชด้วย เทพเจ้าแห่งพรหมวิหาร เป็นพระมเหสักขเทวราช องค์ที่ 3 ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในชั้นพรหม มี 4 พักตร์ 8 กร ถือธารพระกร ช้อน หม้อน้ำ คัมภีร์ มีประคำคล้องพระศอ มีธนูชื่อ ปรวีตะ มีหงส์เป็นพาหนะ พระพรหมมีกายสีขาว เป็นผู้มีน้ำพระทัยกอรปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทางพระพุทธศาสนาจึงได้เรียกว่า พรหมวิหาร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อินทร์-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีเขียว สวมมงกุฎยอดเดินหน เจ้าแห่งเทพนครอมรวดี ผู้ให้ความช่วยเหลือมนุษย์ เป็นมเหสักขเทวราชองค์ที่ 4 เป็นใหญ่อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นโอรสพระกศัยปเทพบิดร พระอทิติเป็นมารดา มีนามหลายนาม เช่น สหัสนัยน์ เมฆวาหน เพชรปาณี มรุตวาน ศักระ มเหนทร มัฆวาน อมรินทร์ เป็นต้น มีกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร สถิตในวิมาน ชื่อเวชยันต์ ช้างทรงชื่อไอราพต สารถีชื่อมาตุลี ช่างชื่อวิศวกรรม มีมเหสี 4 องค์ คือ สุจิตรา สุชาดา สุธรรมา และสุนันทา แบ่งภาคเป็นพาลี จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มาตุลี-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว สวมมงกุฎน้ำเต้ากลม อำมาตย์พระอินทร์คนที่ 1 เป็นสาถีขับรถพระอินทร์ กายสีขาว 1 พักตร์ 2 กร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 86 วิศนุกรรม หรือวิศวกรรม หรือวิษณุกรรม-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีเขียว หัวโล้น ที่ผมเขียนเป็นลายดอกไม้ หัวโขนอีกแบบหนึ่งโพกผ้าหรือสวมมงกุฎน้ำเต้า หรือเทริดยอดน้ำเต้า อำมาตย์พระอินทร์คนที่ 3 เป็นเทวดานายช่างของพระอินทร์ คู่กับวิศวพรหมซึ่งเป็นนายช่างของพระพรหม กายสีเขียวมี 1 พักตร์ 2 กร ในบทละครเรื่องรามเกยรติ์ ได้ทำหน้าที่เป็นยกกระบัตรทัพแห่งพระอินทร์ เมื่อคราวรบกับอินทรชิต จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ปัญจสีขร-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว สวมมงกุฎน้ำเต้า 5 ยอด เป็นเทพคนธรรพ์ มีกายสีขาว 1 พักตร์ 4 กร เป็นเทพเจ้าแห่งวิชาการดนตรี ถือบัณเฑาว์ และพิณหรือกระจับปี่ รับอาสาพระอิศวรช่วยพระนารายณ์อาวตารลงไปปราบยักษ์ โดยจุติมาเป็นณาณรสคนธ์ วานรเตียวเพชร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ปรคนธรรพ(ประโคนธรรพ์)-พระ ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีหงเสน หรือสีเขียว หรือสีเขียวใบแค หัวโขนบางหัวจะมีลายเป็นวงทักขิณาวัฎที่บริเวณใบหน้า มีลักษณะทำเป็นหน้าหนุ่ม และหน้าแก่ สวมชฎายอดบวชหรือชฎายอดฤาษี(ยอดดอกลำโพง) จอนหูมีแบบมนุษย์ และแบบฤาษี หรือสวมมงกุฎยอดน้ำเต้า ยอดของคนธรรพ์ เป็นเทพเจ้าแห่งวิชาการดนตรี ขับร้อง และดีดสีตีเป่า นัยว่าเป็นผู้คิดประดิษฐ์พิณขึ้น มีนิสัยเจ้าชู้ ถือว่าเป็นบรมครูแห่งการดนตรี กายสีหงเสน หรือสีเขียว หรือสีเขียวใบแค มี 1 พักตร์ 2 กร มีลักษณะเด่น คือ มีลายเป็นวงทักขิณาวัฎทั้งตัว มีพระขรรค์เป็นอาวุธ มักถือพิณติดตัวเป็นประจำ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ฤาษี พระพรตมุนี เป็นบรมครูแห่งการนาฎศิลป์ทั้งหลาย เป็นผู้รจนา (แต่ง) คัมภีร์ภรตนาฎศาสตร์ เป็นผู้จดจำท่ารำจากพระพรหม นำไปสอนโอรสทั้ง 100 คน เพื่อให้ไปเผยแพร่ยังโลกมนุษย์ จึงถือเป็นบรมครูแห่งการนาฎศิลป์ทั้งปวง มีการประดิษฐ์หัวโขนขึ้นบูชากับใช้ครอบศีรษะในพิธีไหว้โขนครูละคร จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ฤาษีผู้สร้างกรุงอโยธยา มี 4 ตน อจนคาวี - ฤาษี ยุทธอักขระ - ฤาษี ทะหะ - ฤาษี ยาคะ - ฤาษี ในการแสดงพระฤาษีทั้ง 4 ตน จะสวมชฎาดอกลำโพง เดิมในชมพูทวีป ณ ป่าทวารวดี ฤาษีทั้ง 4 ตน บำเพ็ญพรตอยู่เป็นเวลาแสนปี เมื่อสร้างกรุงขึ้นใหม่ในบริเวณที่อยู่ของพระฤาษี จึงเอาชื่อฤาษีทั้ง 4 ตน และชื่อป่ามาตั้งเป็นชื่อกรุงว่าทวารวดีศรีอโยธยา มีท้าวอโนมาตัน เป็นปฐมกษัตริย์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ฤาษีที่ชุบนางกาลอัจนา โคดมหรือโคตม - ฤาษี ในการแสดงจะสวมชฎายอดบายศรีสีกลีบบัว หรือสีกลัก จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ฤาษีที่ทำพิธีหุงข้าวทิพย์ในกรุงอโยธยามี 5 ตน กไลโกฎ-ฤาษี ลักษณะหัวโขน ทำเป็นหัวฤาษีหน้าเนื้อ สวมเทริดฤาษียอดบายศรี หัวโขนบางหัวจะทำเขาโผล่ขึ้นมาอีกด้วย พระฤาษีกไลโกฎ เป็นบุตรพระมุนี ชื่อ อิสีสิงค์ บำเพ็ญพรตอยู่ในป่าศาลวัน เมืองพัทวิสัย แห่งท้าวโรมพัตตัน บิดาเคยสั่งห้ามมิให้แตะต้องสัตว์ซึ่งมีเขาที่อก มีตบะเดชแก่กล้าจนทำให้ฝนแล้งไปสามปี ท้าวโรมพัตตันใช้ให้พระธิดาชื่อ อรุณวดี ไปทำลายตบะ ฝนก็ตกต้องทั่วแผ่นดิน เมื่อพระกไลโกฎเสียตบะ และยังติดใจในกามรสจึงเข้าไปอยู่ในกรุงพัทวิสัยกับชายา ต่อมาท้าวทศรถไปทำพิธีขอโอรส พระกไลโกฎ ได้ไปเป็นประธานในการทำพิธี จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 11:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เคยแสดงโขนตอนเด็กๆ เป็นลิง 18 มงกุฏ ชื่อมาลุนทเกสร เท่าที่จำได้ข้างในหัวโขน จะมีเชือกเล็กๆให้งับเวลาตีลังกา จะได้ไม่หลุด ตอนสุครีพถอนต้นรังนี้  เคยเล่นมา ขอเล่าให้ฟังเท่าที่จำได้นะครับ  ผิดพลาดอย่างไรขออภัยและช่วยท้วงติงด้วย ที่สุครีพต้องถอนต้นรังนั้น เป็นเพราะไปทำศึกกับพญากุมภกรรณ ( น้องชายของท้าวทศกัณฐ์ ) ถูกกุมภรรณสบประมาทว่าเป็นแค่ลิงไม่อยากลดตัวลงไปสู้  ให้ไปลองถอนต้นรังยักษ์มาให้ดูก่อน เพื่อพิสูจน์ความเหมาะสม   เป็นการล่อหลอกและท้าทายให้ออกแรง สุครีพเป็นลิงอาวุโส ศักดิ์ศรีเยอะ และคาดว่าเพราะอยู่ใต้เงาของพาลีผู้พี่มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อถึงเวลาจึงโชว์พาวว์ ( ขอใช้คำนี้ ) โดยไม่บันยะบันยัง   ถอนต้นรังใหญ่จนหมดแรง กุมภกรรณจึงถือโอกาสเข้าโจมตี  สุครีพสู้ไม่ได้โดนจับกุม  หนีบกับซอกรักแร้ ( ยักษ์แขกคงเหม็นน่าดู ) เหาะไปเกือบถึงกรุงลงกาแล้ว  แต่โชคดีหนุมานหลานรักตามไปทันช่วยเสด็จอาไว้ได้  พญาลิงทั้งสองไล่ข่วนกัดกุมภกรรณจนหูตาเหวอะหวะต้องหนีเข้ากรุงลงกาครับ ( ใครเคยโดนลิงกัดจะรู้ซึ้ง ) ขอฝอยอีกนิดนะครับ  มีโขนอีกตอนนึงที่ได้เล่น คือ " จองถนน " เป็นการถมทะเลจากปลายแหลมชมพูทวีปไปเกาะลังกา บริเวณนี้ ในอินเดียคือแนวหินที่เรียกว่า ราเมศวราม อยู่เหนือแหลมกัญญากุมารี ( หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Cape Comorin) ขึ้นมาหน่อย สถานที่ทั้งหมดนี้อยู่ในรัฐทมิฬนาดู ถ้าพิจารณาจากแผนที่จะพบแนวหินและเกาะแก่งที่เชื่อมจากจุดนี้ไปยังตอนเหนือของเกาะศรีลังกา  ที่ราเมศวรามมีวิหารพระศิวะเก่าแก่  เชื่อว่าพระรามตั้งขึ้นเพื่อบูชาองค์มหาเทพก่อนถมทะเลทำถนน ในตอน " จองถนน" นี้ หนุมานได้รับบัญชาให้คุมลิงเมืองขีดขินขนหิน  ส่วนนิลพัท คุมลิงฝ่ายเมืองชมพู  ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างถนนไปยังฝั่งกรุงลงกา ทำไปทำมา  พญาลิงจ่าฝูงทั้งสอง  ซึ่งฝ่ายหนึ่งสีขาวอีกฝ่ายสีดำ( หรือสีน้ำรักที่ใช้ลงก่อนปิดทอง )  ก็โชว์พาวว์แข่งกันโยนรับหิน  แข่งกันมากเข้าเลยฉุนขาด ทะเลาะกัน กัดกันเจี๊ยกจ๊ากวุ่นวาย  พระรามจึงลงโทษหนุมาน  ด้วยวิธีไรจำไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าให้ทำถนนต่อ และทำไปทำมา หนุมานก็ไปได้นางสุพรรณมัจฉาเป็นภรรยา มีลูกคือมัจฉานุ กึ่งลิงกึ่งปลาที่พ่อแม่ไม่เหลียวแล ภายหลังพญาไมยราพณ์รับไปเลี้ยงยังนครบาดาล ส่วนนิลพัท รับโทษไม่ให้ร่วมกองทัพพระรามต่อ  ต้องกลับไปคุมเมืองชมพู  แต่ภายหลังครั้งสงครามพระพรต พระสัตรุต  ก็ได้ถวายงานเป็นทหารเอกไม่แพ้หนุมาน นิลพัทเป็นพญาลิงที่ผมชอบที่สุดเพราะมีสีดำ  และมีฤทธิ์พอฟัดพอเหวี่ยงกับหนุมาน ( จริงๆ เขาว่าพญาลิงที่เก่งกาจสุดคือพาลี  เพราะตอนพระรามแผลงศรมาสังหาร ท่านยังคว้าจับไว้ได้ แต่สุดท้ายต้องใช้ศรนั้นแทงตนเองตายตามคำสัตย์ )  ตอนนิลพัทถูกขับจากทัพพระราม ก็มีบทโศกอีกเช่นกัน  พอๆกับตอนที่สุครีพโดนพาลีไล่  หรือตอนพิเภกถูกทศกัณฐ์ขับ   แต่เห็นด้วยกับ คคห. ข้างบนว่าไม่น่ามีบทโศกไหนจะเทียบเท่าทศกัณฐ์สั่งเมือง  หรือหากจะมี ก็ตอนพาลีสอนน้อง ( สุครีพ) ก่อนเอาศรแทงตัวตาย ตามความเห็นส่วนตัว ขอให้น้ำหนักทางพาลีมากหน่อย เพราะผมเคยเล่นเป็นตัวลิงครับ 55 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 12:13:32 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 12:11:45 จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 12:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 94 รบกวนถามนิดนะคะ   การแสดงโขนเมื่อคืน มี 2 ตัวแสดงฝ่ายชาย ที่ไม่สวมหน้ากากโขน  นั่นคือ พระราม และ พระลักษณ์ หรือปล่าวคะ ^^   จริงๆ อยากเห็นโฉมหน้าจริง ของนักแสดงเมื่อคืน ทั้งหมดจังเลยค่ะ ยิ่งถ้า มาแนะนำตัว ว่าใครแสดงบทไหนจะเยี่ยมมากเลยค่ะ ^^ จากคุณ : paninee - [ 16 พ.ย. 51 12:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 95 โขนหาดูไม่ได้ง่ายๆ นะครับ การแสดงในงานพระราชพิธีที่ ทรท. ถ่ายทอดให้ชมนี่เป็นบุญตาของเราๆ ท่านๆ อย่างยิ่ง แต่เสียดายเรื่องแสงครับ ช่วงแรกยังไม่มีการจัดแสงลงมายังพื้นที่แสดง แต่หลังๆ มี ทำให้เห็นความสวยงามของการแสดงมากขึ้นไปอีก จากคุณ : DMS_1986 - [ 16 พ.ย. 51 12:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คห 94 ใช่ค่ะ พระรามกับพระลักษณ์ จากคุณ : มิดรันเดียร์ - [ 16 พ.ย. 51 12:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เห็นในหลวงเอากล้องมาถ่ายเองด้วย จากคุณ : north_shine - [ 16 พ.ย. 51 13:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สนุกตั้งแต่เริ่มแนะนำ บรรดาทหารเอกเลยค่ะ จังหวะ ดนตรี อะไรต่างๆ ดูเพลินเลยค่ะ จากคุณ : เสี่ยวลี่ - [ 16 พ.ย. 51 14:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 99 โขนนี่ มีการถ่ายทอดทางทีวีไหมครับ ขอทราบเวลาครับ จะไปดูย้อนหลัง จากคุณ : ซามาราโป๊ย - [ 16 พ.ย. 51 14:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 100 คิดถึงอาจารย์เสรีจังค่ะ จากคุณ : ยาควัน - [ 16 พ.ย. 51 15:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ชอบชอบ เวลาเหล่าพญาวานร ตีลังกา สุดยอด เยี่ยมมั่กมาก จากคุณ : ผู้เฒ่าเด็กดื้อ - [ 16 พ.ย. 51 15:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ประทับใจตอนนี้เช่นกันค่ะ คห. 10  อ.ปกรณ์  พรพิสุทธิ์ ค่ะ   เคยแสดงเรื่องทวิภพ  ด้วยนะคะ จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 16 พ.ย. 51 16:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 103 มานึกได้ครับว่าตอนนี้มีนิทรรศการ "พระพิราพ" ที่หอสมุดแห่งชาติ  วันก่อนโผล่ไปดูแบบบื้อๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้  ชมแล้วก็เกิดความสนใจ  ไปหาหนังสือเกี่ยวกับพระพิราพมาอ่าน ขอนำบางส่วนจากหนังสือมายำๆ เล่าต่อนะครับ พระพิราพเป็นบรมครูทางนาฏศิลป์  เป็นคุรุเทพที่ชาวโขนละครและนาฏศิลป์เคารพอย่างยิ่ง  ท่านเป็นครูสูงสุดทางฝ่ายอสูร มีฤทธิ์แรงเพราะเพศเป็นยักษ์ คติการนับถือพระพิราพมาจากทางอินเดียและเนปาล  ที่โน่นเขาเรียกท่านว่า Bhairava  - พระไภรวะ อันเป็นภาคปราบมารของพระศิวะ หน้าตาน่ากลัว มีมหิทธานุภาพร้ายกาจยิ่ง  ท่านจะร่ายรำศิวะนาฏราช  เมื่อถึงยุคที่มารและความชั่วร้ายเป็นใหญ่  เป็นการร่ายรำเพื่อใช้ไฟบรรลัยกัลป์ล้างจักรวาล ก่อนจะสร้างความสงบและดีงามขึ้นใหม่อีกครั้ง  และเนื่องจากท่านมีประสงค์จะปราบมาร  จึงจำต้องอยู่ในภาคที่น่ากลัวยิ่งขึ้นไปกว่าอสูรมารอีก   พระไภรวะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับทางนาฏศิลป์แขก  เพราะนอกจากเป็นปางหนึ่งของพระศิวะผู้ให้กำเนิดนาฏศิลป์แล้ว  ท่านเองยังเป็นผู้ให้กำเนิดท่าฟ้อนรำ “ วิจิตรตาณฑวะ” ซึ่งเป็นท่ารำวิจิตรพิสดารท่าหนึ่งของพระศิวะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับชีวิตและความเป็นความตาย  บรรดาแขกฮินดู จึงเคารพยำเกรงพระไภรวะกันมาก เห็นชัดๆก็ที่เนปาล ซึ่งมีทั้งรูปเคารพนับไม่ถ้วนและวิหารใหญ่โตหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ดูระบาร์สแควร์ กลางเมืองกาฏมัณฑุ เมื่อคติการนับถือแพร่มาถึงบ้านเรา  จากพระไภรวะสู่พระพิราพ  ท่านจึงมีศักดิ์เป็นคุรุสูงสุดฝ่ายหนึ่งของทางนาฏศิลป์  มีพระราชพิธีครอบองค์พระพิราพ และพิธีต่อท่ารำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ ซึ่งต่างก็เป็นพิธีกรรมชั้นสูง ละเอียดลึกซึ้งและนานปีจึงจะมีขึ้นสักครั้ง สำหรับนิทรรศการพระพิราพนี้ มีการแสดงรูปบูชาพระศิวะจากลังกา  แสดงพระพิราพเต็มองค์ แสดงศีรษะโขนพระพิราพหลายขนาด  แสดงวิธีและพิธีบูชา ลงนะ-อักขระประเภทต่างๆระหว่างการสร้างศีรษะโขนตามธรรมเนียมโบราณแท้ ซึ่งเป็นผลงานของพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ จากวัดสุทธาราม กับคณะศิษย์ของท่าน จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อีกภาพ จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขั้นตอนการประดิษฐ์ จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 106 มีรายละเอียดให้จดด้วยครับ จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ที่เขาติดไปห้ามถ่ายไว้นั้น  ลูกศิษย์พระอาจารย์บอกว่า จริงๆแล้วมิได้หวงห้ามอะไรทั้งสิ้น  แต่เป็นเพราะกลัวว่าบางคนถ่ายแล้วเอารูปพระพิราพไปไว้ในที่ต่ำ ที่สกปรก โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  แล้วจะเกิดความอัปมงคลต่อตัวผู้ถ่ายเอง  เป็นความหวังดีของท่านน่ะครับ  ผมเองก็ต้องระวังตัวไปด้วยอย่างยิ่ง  เพราะปกติเป็นคนอีเหละเขละขละ และนอกจากนี้ยังมีป้าย "สถานที่ราชการ ห้ามทรงเจ้าเข้าผี" ด้วยนะ....( เป็นป้ายเตือนที่ประทับใจมากๆ) จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 108 /\ /\ ลืมภาพครับ จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:42:12 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ศีรษะพระพิราพในรูปแบบต่างๆ จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:43:53 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ลืมอีกแระ 55 จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 111 นิทรรศการนี้จัดแสดงหัวโขนขนาดเล็กที่สุด ตั้งแต่เล็กขนาดปลายนิ้วก้อยถึงขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมทั้งจัดแสดงขั้นตอนการสร้างหัวโขนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการที่สมบูรณ์ ออกมาเป็นผลงานหัวโขน จัดแสดงที่หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร อยู่ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี สามเสนใน กรุงเทพ เปิดแสดงตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2551 ถึง ธันวาคม 2551 นี้ เวลา 09.00 น.ถึงเวลา 16.00 น . เว้นวันหยุดราชการ ครับผม จากคุณ : azurite - [ 16 พ.ย. 51 16:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ^ ^ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ จะได้กลับเมืองไทยช่วงปลายธันวาพอดี ไม่รู้ว่าจะทันมั้ย แต่อยากไปค่ะ จากคุณ : :*:MiLky:*:Sky:*: - [ 16 พ.ย. 51 17:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอบคุณ คุณ มิดรันเดียร์  และคุณ azurite  อีกครั้งค่ะ อ่านทุกคำเลยค่ะ  กระทู้นี้  สุดยอดมากๆค่ะ (เสียดายเราใช้ give หมดไปแล้ว เสียดายๆๆ จริงๆเลยค่ะ) ได้โปรดรับดวงนี้ไปแทนนะคะ         มอบแด่ทั้ง 2 ท่านเลยค่ะ ^^ จากคุณ : paninee - [ 16 พ.ย. 51 18:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ถ้าจำไม่ผิด งานนี้ผู้แสดงเป็นพระรามคือคุณหนุ่ม เภตรา ศรีวรานนท์ ซึ่งปกติเคยเห็นแสดงเป็นทศกัณฐ์(และมังตรา) เลยสงสัยนิดๆว่าอ.ปกรณ์หายไปไหน เพราะคุณเภตราตัวหนาไปนิดนึงตามแบบโขนยักษ์ อ.ปกรณ์จะดูอ้อนแอ้นกว่า แต่วันนี้บทพระรามก็แสดงได้ดีมากๆ จากคุณ : เกษียรสมุทร - [ 16 พ.ย. 51 19:07:57 A:124.122.147.92 X: TicketID:121214 ]

ความคิดเห็นที่ 115 คิดว่าเมื่อคืนพระรามคือคุณฤทธิเทพ เถาว์หิรัญนะคะ เมื่อคืนวานนักแสดงกองการสังคีตกับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์คงเหนื่อยน่าดู อย่างคุณฤทธิเทพ ที่แน่ๆต้องเล่นโขนเป็นพระรามตอนยักษ์ซื่อชื่อพิเภกที่เวที 1 แล้วไปเล่นละครนอกเป็นพระสุวรรณหงส์ที่เวที 3 อีก จากคุณ : ป้าหนา (ป้าหนา) - [ 16 พ.ย. 51 21:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 116   ดีใจจัง!! ดีใจที่มีผู้อ่านกระทู้นี้เยอะนะคะ จุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะว่า อยากชื่นชมคนทำงาน เมื่อเราเห็นงานที่ออกมาดี  รู้สึกได้ว่า ต้องมุ่งมั่นตั้งใจทำ เข้าขั้นเป็นศิลปะ คือสามารถจรรโลงจิตใจ ทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกดีๆได้ อย่างนี้แล้ว ก็ต้องชื่นชมนะคะ ในใจหวังลึกๆว่า หนึ่งในบรรดาผู้อ่าน จะมีความเชื่อมโยงไปยังคณะทำงาน แล้วนำคำชื่นชมของพวกเราไปบอกเขาได้นะคะ วันนี้ทั้งวันไม่อยู่ เลยไม่ได้เข้ามาสนทนาในกระทู้เลย เสียดายมาก นอกจากนี้ก็ต้องขอขอบคุณหลายๆท่านที่กรุณาเข้ามาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับศิลปะการแสดงหลายๆแขนงนะคะ จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 16 พ.ย. 51 23:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 117 #21 โอ้ว ต้องขอบคุณมากเลยนะคะที่บอกมา ตอนยักษ์ล้ม.... อืมมม ฟังชื่อแล้วน่าดูมาก เคยได้ยินมาว่าโขนตอนนี้เนี่ย เค้าห้ามเล่นในบางโอกาส ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 16 พ.ย. 51 23:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ตอนทศกัณฐ์ล้มนั้นถือเป็นตอนต้องห้าม ห้ามแสดงเพราะเสมือนผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสิ้นซึ่งก็ไม่ต้องขยายความนะคะ..... แต่บทพรรณานั้นสุดยอดดดดดด จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 16 พ.ย. 51 23:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณมากเลยค่ะ ยักษ์ล้ม ไม่รู้ว่ารัชกาลใดทรงพระราชนิพนธ์ไว้ เพราะรามเกียร์ตินั้น หลายๆรัชกาลทรงให้ความสนใจนิพนธ์ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 00:10:15 จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 17 พ.ย. 51 00:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ^^ ตอนเด็กมีโอกาสได้ดูโขนที่โรงละครแห่งชาติหลายครั้งค่ะ ตอนนั้นชอบดูพวกลิงๆมากกว่าตัวอื่น เพราะตีลังกากันได้ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีแสดงกันอยู่หรือเปล่า คิดว่าการแสดงของโรงเรียนนาฏศิลป์สี่ภาคน่าจะยังมีโขนให้ดูนะคะ วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ จากคุณ : อูสะจัง - [ 17 พ.ย. 51 00:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 121 วันนั้น ผมไปร่วมงานพระราชพิธีด้วยครับ แต่ไปแค่ตอนเช้า ช่วงที่มีขบวนพระโกศแห่มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเท่านั้นนะครับ ไม่ได้อยู่จนถึงเย็น เพราะเหนื่อยมาก แล้วก็ล้าสุดๆ - -" เลยจำเป็นต้องกลับก่อน (คนเยอะด้วย) เลยอดดูโขน และอดรับเสด็จในหลวงกับพระราชินีเลย T_T จากคุณ : แงๆอยากดูโขนเหมือนกัน - [ 17 พ.ย. 51 03:34:18 A:10.90.4.192 X:202.28.181.11 TicketID:192201 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ชอบกระทู้นี้จัง ขออนุญาตโพสต์รูปการแสดงโขนที่เคยถ่ายมานิดหน่อยนะครับ จากคุณ : เป็นกลาง - [ 17 พ.ย. 51 05:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 123 . จากคุณ : เป็นกลาง - [ 17 พ.ย. 51 05:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 124 .. จากคุณ : เป็นกลาง - [ 17 พ.ย. 51 05:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ... จากคุณ : เป็นกลาง - [ 17 พ.ย. 51 05:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 126 .... จากคุณ : เป็นกลาง - [ 17 พ.ย. 51 05:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 127 งานนี้ ครูปกรณ์ มาเชิดหนังใหญ่บนเวทีโขน กับกำกับการแสดงค่ะ ไม่ได้แสดงในงานนี้ ส่วนใหญ่งานนี้ครูๆทั้งหลายจะเป็นคนฝึกซ้อมกับกำกับการแสดงค่ะ อาจจะด้วยวัย และอะไรหลายๆอย่าง (ครูปกรณ์ 52 แล้วอ่ะค่ะ) เรื่องชื่อนักแสดงลองเข้าไปดูได้ที่ เว๊บบอร์ดของกรมศิลป์นะคะ มีคนใจดีมาโพสต์ไว้ให้ http://www.finearts.go.th/th/board/show_message.php?ID_Topic=00001219&ID_Room=00000007&PHPSESSID=ea94548fdf07245f46b711eedb97992e ปกติสำนักการสังคีตเค้าจัดการแสดงอยู่เรื่อยๆนะคะ ปกติจะเป็นศุกร์ เสาร์สิ้นเดือน ที่โรงละคร เสาร์ที่ 2 ของเดือนที่สุพรรณอ่ะค่ะ ถ้าสนใจลองเข้าไปเช็ควันเวลาได้ที่เว๊บบอร์ดข้างบนอ่ะค่ะ คนใจดีคนเดิมเค้าลงไว้อีก อิอิ ดีใจจัง มีคนชอบดูโขนเพิ่มอีกแล้ว กลัวเหลือเกินว่ามันจะหายไป เพราะคนที่มาดูตอนนี้ก็มีแต่คนสูงอายุ หาอายุน้อยกว่า 30 น้อยมากๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 51 11:54:24 จากคุณ : apple a day - [ 19 พ.ย. 51 11:51:28 ]