ความคิดเห็นที่ 1 Se7en นี่เป็นหนัง Thriller เบอร์หนึ่งของผม ถามว่าหนังสื่ออะไร ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ เป็นแนวตามล่าฆาตกรธรรมดา แต่หนังสนุก น่าติดตาม ไม่แปลกใจที่ติดอันดับหนังยอดเยี่ยมของหลายสำนัก ส่วน Fight Club ผมกลับไม่ชอบ ทั้งที่ ผกก คนเดียวกัน แต่คนชอบเรื่องนี้เยอะมากครับ ผมดูแล้วก็ไม่ค่อยเก็ทเหมือนกัน จุดเด่นของทั้งสองเรื่อง น่าจะเป็นการหักมุมที่น่าตื่นตะลึงในกรณีที่ไม่โดน spoil มาก่อนนะ จากคุณ : France Bonapalta - [ 28 พ.ย. 51 00:46:36 A:58.9.152.49 X: TicketID:190008 ]

ความคิดเห็นที่ 2 SE7EN ผมว่าเป็นหนังฆาตกรต่อเนื่องทั่วๆไป แต่จุดเด่นของมันอยู่ที่ ไม่ได้เฉลยฆาตกรในตอนท้าย แต่เป้นช่วงเกือบๆท้ายเรื่อง ซึ่งจุดมุ่งหมายของฆาตกรในตอนท้ายนั้น....ขนลุก Fight Club มีหักมุมนิดๆ ไม่แปลกใหม่อะไรแล้วถ้าเทียบหนังปัจจุบันนี้ แต่จุดเด่นของมันคือการเสียดสีสังคม ระบบทุนนิยม แบบเสียดสีจริงๆ ไม่ใช่สักแต่บอกว่าเสียดสี แล้วไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมชอบการต่อยกันแบบลูกผู้ชายในหนังมาก มันเป้นหนังที่ผมคิดว่าลูกผู้ชายทุกคนควรดูสักครั้งในชีวิต จากคุณ : CARAGIO - [ 28 พ.ย. 51 00:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 se7en หรือ  มันไม่ใช่หนังช่วงสุดสัปดาห์   มันคือการเทศนา จากคุณ : ole (trufa) - [ 28 พ.ย. 51 00:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Fight Club เป็นหนังเสียดสีทุนนิยมนะ ถ้าจำไม่ผิด เดี๋ยวขอรีรันแป๊ป จากคุณ : Fares - [ 28 พ.ย. 51 00:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชอบทั้งสองเรื่องเลยครับ แต่ชอบ Fight Club มากกว่า เพราะว่าเดินเรื่องเล่าเรื่องได้เจ๋งดี ดูแล้วอยากไปเข้าร่วมคลับกับเขาบ้างจริงๆครับ ส่วน Se7en อีเลฟเว่นนั้นดูแล้วน่าติดตามและคอยลุ้นในการแกะปมไปเรื่อยๆ แถมสรุปตอนท้ายก็เล่นซะอึ้งไปเลยทีเดียว ถามว่าทั้งสองเรื่องมีจุดเด่นอะไรเหรอ....... คำตอบคือ แบรด พิทท์ ไงครับ จากคุณ : nusfish - [ 28 พ.ย. 51 01:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความเห็นผมอาจจะสปอยล์ครับ Seven มันคือหนังที่ดูจบแล้วต้องกลับมามองในจุดประสงค์ของตัวโกงใหม่เลยครับ ถึงขั้นฉากแรกของหนังเลยด้วยซ้ำ (จะเห็นได้ว่าฉากเริ่มคือตัวโกงเฉือนลายนิ้วมือทิ้งไปแล้วกำลังเขียนข้อความต่าง ๆ อยู่)  แล้วระหว่างดู ถ้าเป็นผมตอนจบก็คงทำเหมือนพระเอกล่ะครับ(อาจจะยิ่งกว่านั้นเยอะ ๆเลยก็ได้) อีกทั้งหนังยังมีรายละเอียดที่เล่นกับจิตใจมนุษย์อีกเยอะครับ (เช่น ระหว่างความคิดของ 2 นักสืบ) Fight Club มันคือหนังที่สามารถกระตุ้น อะดรินาลีน ในตัวผมให้พลุ่งพล่านได้มากที่สุดเลยครับ คือผมออกมาจากโรงหนัง ระหว่างทางกลับบ้านในสยามเนี่ยะแหละ ผมเดินมองหน้าคนทุกคน เผื่ออาจจะเจอคนที่อยู่ในคลับเหมือนกัน (จะได้ออกแรงนิดหน่อย) ครับ  แต่หนังมันก็แฝงอะไรให้ถกเถียงกันไว้อีกเยอะครับ  (สปอยล์) ป.ล. จุดเด่นอีกอย่างคือ ทั้ง 2 เรื่องคือหนังท็อปฟอร์มของ เดวิด ฟินเชอร์ ครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 51 04:47:19 จากคุณ : Ethan_Ko - [ 28 พ.ย. 51 04:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอ คห.ข้างบนทำผิดกฎข้อที่ 1 กับ ข้อที่ 2 นิ 555+ จากคุณ : เจ้าหญิงหมาป่า - [ 28 พ.ย. 51 08:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Seven คุณลุ้นให้จับคนร้ายมาตลอด แต่ตอนจบสำนึกของคุณมันต้องตีกันอยู่บ้างว่า เอาเลย...หรือไม่ก็ อย่านะโว้ย ไม่งั้นมันจะชนะ Fight Club เสียดสีอย่างเจ็บแสบ ชั้นเชิงเดินเรื่องเจ๋งดี จากคุณ : scozember - [ 28 พ.ย. 51 09:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Seven การดำเนินเรื่องตื่นเต้น ชวนติดตาม และบทสรุปตอนจบของเรื่องที่น่าทึ่ง Fight Club การประชดประชัน เสียดสีสังคมและระบบทุนนิยม และการหักมุมของเรื่อง จุดเด่นอีกอย่างของทั้ง 2 เรื่องคือ บทบาทและฝีมือการแสดงอันเยี่ยมยอดของนักแสดงนำค่ะ ทั้ง Brad Pitt , Morgan Freeman และ Edward Norton จากคุณ : spycat - [ 28 พ.ย. 51 10:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สปอยย์ เซเว่น...........ดูจบแล้ว.....อึ้งมาก ฆาตกรมันเล่นกับจิตใจของนักสืบได้ดีจริงๆ ใครจิตไม่แข็งพอ แพ้ สุดท้ายพระเอกก้อพ่ายไป ทั้งที่รู้ว่า ถ้ายิงออกไป จบห่.......แต่ความแค้นมันไม่เข้าใครออกใคร แล้วแนวคิดการฆาตกรรมมันก้อโคตรประหลาดเลย การทำอะไรที่ยึดตามหลักศาสนาด้วยการตีความที่บิดเบี้ยว มันก้อน่ากลัวทั้งนั้นแหละนะ ไฟท์คลับ...........นอกจากจะโคตรมันส์ กระตุ้นอารมณ์คนได้ดี ดูแล้วอยากออกไปซัดปากคน(เราเป็นผู้หญิงนะเนี่ย ฮ่าๆๆ) ยังมีเรื่องของคนสองบุคลิก......ซึ่งโอเค มันไม่แปลกแล้วสำหรับพล๊อตนี้ แต่การนำเสนอมันเยี่ยมมากจริงๆ รวมถึงแนวคิดการตั้งคลับให้คนมาต่อยกัน การผลิตระเบิดจากสบู่ หรืออะไรบ้าๆที่มันทำก้อเหอะ เป็นสเน่ห์ของเรื่องนี้เลย จากคุณ : ## WoodStock ## - [ 28 พ.ย. 51 10:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Fight Club ผมชอบที่เนื้อหา และอย่างยิ่งกับวิธีนำเสนอ... เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าในหนังเรื่องหนึ่ง วิธีนำเสนอ...ทั้งเทคนิค การถ่ายทำ การเล่าเรื่อง...ต้องนำมาใช้เพื่อรองรับเนื้อหา บางเรื่องเนื้อหาดี แต่นำเสนอไม่ได้จังหวะ ก็จะจืด บางเรื่องเทคนิคอลังการณ์ เล่าเรื่องเวอร์ๆ มุมกล้องแปลกๆ แต่ไม่เข้ากับเนื้อหาเลย ก็แป๊ก ผมจึงชอบเรื่องนี้มากตรงที่เนื้อหามันก็สุดยอดอยู่แล้ว แถมการนำเสนอก็สอดรับกันได้อย่างยอดเยี่ยม มีทั้งการใช้สัญลักษณ์ การใช้อุปมาอุปไมย แล้วฟินเชอร์ก็ปล่อยของเต็มที่ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 51 01:07:07 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 51 13:12:07 จากคุณ : don_custom - [ 28 พ.ย. 51 13:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แกนหนังเหมือนตรง อยากสะท้อนเสียดสีสังคม แต่แสดงออกมาคนละหัวข้อ นำเสนอ คนละแบบโดยเอาไปแอบไว้ในหนัง ผมว่าไม่ได้ใช้สัญลักษณ์ แต่แอบไว้ใน ไดอะลอคเลย แล้วแต่คุณจะตีความ ไฟท์คลับ ด่า พวกวัตถุนิยมเต็มๆ คำพูดของ ไทเลอร์ (แบรต พิทท์) ทุกประโยคมีนัยยะหมด คห 11 ผมไม่แน่ใจที่คุณคิด เพราะ ถ้าดูรอบเดียว ไม่คนบอกพลอตคร่าวๆก่อน จะรู้สึกอย่างนั้น คือ จังหวะหนังแปลก  ผมไม่แน่ใจผกก ต้องการให้ดูสองรอบหรือป่าวนะ  ผมว่าไม่แป๊กนะ  ผมว่าการเล่าเรื่องการนำเสนอ เด็ดมาก เพราะให้คิดเองว่าจะนำเสนอพลอตเรื่องอย่างนี้ไม่ง่าย  ส่วน seven คือ เน้นความเป็นหนังมากกว่า เลยเข้าใจง่าย จากคุณ : lightfellow - [ 28 พ.ย. 51 16:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ คห. 12  เราว่าที่ คห. 11 พูดว่า แป๊กนะ หมายถึง  ถ้าเนื้อหาดี แต่นำเสนอไม่ได้ ก็จะจืด จะแป๊กนะ เราว่า เค้าไม่ได้ว่า เรื่อง FightClub แป๊ก นะจ้ะ เราชอบ FightClub เพราะ พอดูอีกรอบ แล้วเห็นความเนียนในการเดินเรื่อง ดูครั้งแรกเลย หลับ ตอนประมาณนาทีที่ 15-20 ไม่เคยดูได้เกินนั้น เป็นประมาณ 3-4 ครั้งที่พยายามหยิบเรื่องนี้มาดู จนกระทั่ง ตั้งใจแน่ๆว่า เอาวะ จะดูเรื่องนี้ให้ได้ ดูจบแล้ว โอโหหห นี่ตูพลาดไปได้ไงตั้งหลายรอบ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 51 19:08:49 จากคุณ : HowtoMake ScannerDarkly teaser - [ 28 พ.ย. 51 19:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ ขอบคุณ #13 ครับ แล้วก็ขออภัย#12 ที่ทำให้สับสน กลับมาอ่านที่ตัวเองโพสก็ชวนงงจริงๆ จากคุณ : แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง (don_custom) - [ 29 พ.ย. 51 01:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นหนังที่.... เข็มขัดสั้น .... คาดไม่ถึงนั่นเอง!!!! (หนังชั้นเซียนเลยทั้ง 2 เรื่อง) จากคุณ : yami (xcessshin) - [ 29 พ.ย. 51 01:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #1 - The first rule of Fight Club is, you do not talk about Fight Club. #2 - The second rule of Fight Club is, you DO NOT talk about Fight Club. #3 - If someone says stop, goes limp, taps out, the fight is over. #4 - Two guys to a fight. #5 - One fight at a time. #6 - No shirts, no shoes. #7 - Fights will go on as long as they have to. #8 - If this is your first night at Fight Club, you have to fight. หนังที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลยครับ ชอบนักแสดงทั้งสองคน ชอบสีหน้า แววตา ชอบจังหวะ มุมกล้อง (ถึงแม้จะมีเรื่องอื่นดีกว่ามากก็ตาม) ชอบแนวคิด ชอบนัยยะซ่อนเร้น ชอบวิธีการเล่าเรื่อง และด้วยความเป็นมนุษย์เงินเดือนบ้ายี่ห้อธรรมดาๆ ไทเลอร์จึงเป็นเสรีที่ผมไม่มีวันเป็น ปล.เพลง where is my mind  ที่ล่อยลอยมาตอนท้ายเรื่อง ทำผมคลั่งไปเลยล่ะ ปล.2 พระเอกไม่มีชื่อ (ไอ่ที่หลายคนบอกว่าชื่อแจ๊ด ไม่น่าจะใช่ เพราะเป็นชื่อ เป็นเจ้าของมะเร็ง ที่ตัวเอกไปอ่านเจอแล้วนำมาใช้เองต่างหาก)( ฉันคือ มะเร็งของแจ็ค...) นั่นหมายความว่า หนังตั้งใจจะไม่บอกชื่อ แล้วการที่ตัวเอกเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆตามกลุ่มบำบัด อาจจะหมายความว่า เค้าอาจจะเป็นใครก็ได้ รวมถึงคุณ !!! จากคุณ : คิมบ๊อก (คิมบ๊อก) - [ 1 ธ.ค. 51 13:39:17 ]