CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang


    <<<<<<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... The House Bunny + Mean girls , คุณค่าของคุณ อยู่ตรงที่ใด >>>>>>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (9 คน)
      ชอบ (9 คน)
      เฉยๆ (0 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 19 คน

     47.37%
     47.37%
     0.00%
     0.00%
     5.26%


    หมายเหตุ: ตัวเลือกโหวตข้างต้น คือ โหวตให้กับ The House bunny


    เลือกอ่านบทความต่อไปนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + เชิญชวนมาคุยเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2008&date=27&group=14&gblog=121


    ... หนังวัยรุ่นกระโปรงบานขาสั้นที่เรียกกันว่า หนัง teen/tween ที่ดีและดูสนุกที่สุดที่ผมชอบในยุคหลังๆคือ Mean girls เรื่องของเด็กสาวที่เปลี่ยนตัวเองไปเป็น กลุ่มสาวพลาสติก หรือ กลุ่มเด็กสาวที่ติดหรูหราให้คุณค่าที่เสื้อผ้าหน้าผม



    เริ่มต้น เธอหวังแค่เข้าไปเพื่อสืบข้อมูลมาช่วยกลุ่มเด็กเรียน แต่หลังจากเป็น สาวพลาสติก ไปสักพัก เธอก็ชักติดใจในวัตถุรอบตัวจนลืมตัวตนที่แท้จริงไปชั่วขณะ

    ในตอนนั้นยังนึกว่า Lindsay Lohan ที่รับบทเป็นนางเอก จะแจ้งเกิดในวงการหนัง แต่สุดท้ายเธอก็เป๋บนถนนชีวิตการแสดงของตัวเอง ทั้งๆที่ถ้าไม่มีอคติ เธอเองก็เล่นหนังใช้ได้ดีอยู่ ตรงกันข้ามกับตัวร้ายในหนัง Rachel McAdams ที่ไปได้รุ่งกว่าบนถนนของนักแสดง




    ... ดูจาก Mean girls แล้วเท่าที่สังเกต หนังวัยรุ่นแนว teen/tween ส่วนใหญ่ คนเขียนบทมักจะแบ่งลักษณะวัยรุ่นเป็นสองแบบ

    1.พวกวัตถุนิยม หรือ materialistic สวยเอ็กซ์เซ็กซี่ มีของดีๆใช้ และ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มัดใจหนุ่มๆ

    2. พวกเด็กเรียน หรือ nerdที่ดูเชยๆแว่นหนาๆใส่เสื้อผ้าปิดถึงคอกับตาตุ่ม และ ไม่เป็นที่ต้องการของหนุ่มๆ

    แล้ว หนังก็จะให้ ตัวเอกของเรื่อง ไปอยู่ในกลุ่ม nerd ช่วยพลิกกลุ่ม nerd ให้กลับมาเท่ โฉบเฉี่ยว หรือไม่ก็ให้ตัวเอกเปลี่ยนตัวเองเข้ากลุ่ม materialistic เพื่อวางแผนอะไรบางอย่าง เหมือนใน Mean girls

    ก่อนที่ ฝั่งตัวเอก จะเผลอถลำหลวมตัวลืมตัวไป กับ ความหรูหรา หลงลืม รากเหง้าหรือตัวตนของตัวเอง




    … The House Bunny  ก็อาศัยโครงสร้างของพล็อตข้างต้น ต่างกันก็ตรง ตัวละครเอก ไม่ใช่ ตัวละครที่เป็นวงใน แต่ เป็น คนนอกที่เดินมาเข้าสู่ กลุ่มเด็กเรียนหรือเด็ก nerd ที่กำลังมีปัญหาในการหาสมาชิกเข้าบ้านพักนักศึกษาให้ได้ครบตามกำหนด มิเช่นนั้นจะถูกยุบบ้าน

    แต่เพราะพวกเธอในบ้านหลังนี้ออกแนวเชยๆไม่แนวไม่ชิล นักศึกษาน้องใหม่จึงไม่อยากเข้ามาอยู่ และ พวกเธอเด็ก nerd เหล่านั้นก็กำลังประสบปัญหาชีวิตส่วนตัวเมื่อพวกเธอรู้สึกว่าไม่เป็นที่นิยมชมชอบในสังคม

    Shelley นางเอกของเรื่องเป็นสาวหูกระต่ายจากนิตยสาร playboy ที่ถูกกำหนดให้มีบุคลิก สวยใสไร้สมอง เป็นต้นแบบของ สาวแบ๊ว ที่ไม่ได้ แอ๊บ แต่ดูเหมือนจะ แบ๊ว มาแต่กำเนิด คือ มองโลกเป็นสีชมพูสดใสไปหมด มองโลกแบบเด็กๆ

    ฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอคือการได้เป็นนางแบบอล่างฉ่างที่หน้ากลางของ นิตยสาร playboy

    Shelley จับพลัดจับพลูเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ และ อาสาจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าบ้านหลังนี้ให้ฮิปให้ทันสมัยถูกใจวัยรุ่น



    ... การที่ให้ สาวสุดเซ็กส์ มาเปลี่ยนแปลง กลุ่มวัยรุ่นบุคลิกทึนทึกเชยๆให้เซ็กซี่ แล้วผู้คนก็มาชื่นชมความเซ็กซี่ ทำให้หนังเริ่มต้นเหมือนจะบอกว่า
    “อย่าทำตัวเป็นเด็กเรียนนะ ไม่งั้น จะไม่ popular”

    “ใส่ความ sex เข้าไว้ ใส่เสื้อรัดติ้ว โชว์เนื้อหนังเข้าไว้ หากอยากจะเป็น somebody”


    ซึ่งถ้าบทสรุปของหนังจบแค่นั้น คุณค่าของหนังวัยรุ่นเรื่องนี้คงลดน้อยไปเยอะ

    ดีที่หนังไม่ได้จบง่ายๆตรงกันขายความเซ็กซี่ แต่ แสดงให้เห็นอีกด้านว่า ถึงจะเซ็กซี่ เรียกน้ำลายไหลจากหนุ่มๆที่เดินผ่าน แต่ ความเซ็กซี่ของ Shelley ไม่สามารถมัดใจชายหนุ่มแสนดีที่เข้ามา ไม่สามารถสร้าง รักแท้ ให้เกิดขึ้น

    เธอสามารถหาชายหนุ่มที่ต้องการความความเซ็กซี่ ของเธอได้มากมาย แต่ ชายหนุ่มเหล่านั้นก็ไม่ได้ต้องการจะมีรักแท้กับเธอ ในขณะที่ชายหนุ่มดีๆที่เขารักเธอ เขารักที่ ความรู้สึกนึกคิดใจคอ หรือ ตัวตน ข้างในที่ไม่ได้เกี่ยวกับความเซ็กซี่ ใดๆทั้งสิ้น
    ถ้าหวังใช้นมเพื่อเรียกหนุ่ม หญิงสาวผู้นั้นก็จะได้ชายหนุ่มคนรักที่รักนมไม่ใช่รักเธอ ครั้นวันใดที่นมของเธอไม่เป็นที่ต้องการหรือมีนมที่เขาชอบมากกว่า เขาก็พร้อมจะเดินจากไป

    การใช้ เปลือกภายนอก ในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน ก็จะทำให้เราเจอผู้คนที่ไม่จริงใจ เพราะคนเหล่านั้น ก็มองเราที่เปลือกนอกเฉกเช่นเดียวกัน





    .... ความพลาสติกหรือหรูหราของเสื้อผ้าหน้าผมใน Mean girls  กับ ความเซ็กซี่ใน The House Bunny นอกจากจะเป็นการสื่อให้เห็นถึง ค่านิยมของวัยรุ่น ที่ฝาก คุณค่าในตัวเองไว้ที่เปลือกนอก จนสูญเสีย ความเป็นตัวของตัวเอง

    หนังยังแสดงให้เห็นว่า

    อย่าตัดสินคน เพียงผิวเผิน เช่น การเป็นเด็กเรียนไม่จำเป็นว่า จะต้องเชย หรือ ไม่ประสีประสาสังคม , การเป็น สาวเซ็กซี่ ก็ไม่จำเป็นว่าต้องหลงติดกับวัตถุ หรือ ให้เลือดไปเลี้ยงนมจนไม่เหลือไปเลี้ยงสมอง เหมือนที่คนชอบว่ากัน

    เพราะ การใช้ชีวิตไม่ได้มีรูปแบบสำเร็จรูป

    เราสามารถเป็นเด็กเรียนให้คุณค่ากับการเรียน โดยไม่จำเป็นที่จะต้อง ทำตัวให้ทึนทึกหรือปฏิเสธสังคม แต่เราสามารถเป็นเด็กเรียนที่ตั้งใจเรียนได้ ไปพร้อมๆกับเป็นคนมีเสน่ห์และเป็นที่ชื่นชม

    เช่นเดียวกัน

    การแต่งๆตัวสวยๆดูดี ก็ไม่ได้จำเป็นว่าต้องโง่งมสนแต่เสื้อผ้า หากแต่หลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาหาความรู้ให้กับตัวเองได้




    ... หนังวัยรุ่นทั้งสองเรื่องนี้ ยังมีพฤติกรรมที่น่ายกเป็นตัวอย่าง คือ การจ้องดูถูกคนอื่นเพื่อยกระดับตัวเอง เช่น สาวๆพลาสติกมองสาวๆเด็กเรียนว่าเชยสะบัด ตกสมัย มองว่าตัวเองเหนือกว่า หรือ สาวๆลูกเศรษฐีมองสาวหูกระต่ายสุดเซ็กซี่ว่าปัญญาอ่อน ไม่มีชาติตระกูล

    ซึ่ง นอกจาก จะเป็นการตัดสินคนแค่เปลือก เหมือนที่เขียนไปข้างต้น ตัวอย่างที่ยกมา ยังเป็นการถ่ายทอดทฤษฎีจิตวิทยาที่เขาว่ากันว่า คนที่ชอบดูถูกคนอื่นมากๆ เกิดจาก ความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าในใจ (low self esteem)และแสวงหาการยอมรับอย่างรุนแรง จึงพยายามชดเชยด้วยการ เหยียดคนอื่นให้ต่ำกว่า โดยไม่ทันรู้ว่า การเหยียบคนอื่นไม่ได้ทำให้ตัวเองสูงขึ้นแต่อย่างใด

    เหมือนที่นางเอกใน Mean girls พูดตอนแข่งขันวิชาการกับทีมตรงกันข้าม แล้วพยายามมองหน้าตาหรือเสื้อผ้าเชยๆของคู่แข่ง พยายามหาจุดที่ไม่ดีให้นินทา ก่อนจะได้สติว่า

    การดูถูกคนอื่น ไม่ได้ช่วยให้ตัวเองนั้นเก่งกาจขึ้นมาได้แม้แต่น้อย


    ... เชื่อว่า หากใครเคยสนุกไปกับ Mean girls ก็น่าจะสนุกกับ The House Bunnyได้ไม่ยาก เพราะ หนังก็มาในทางใกล้เคียงกัน มีจุดเด่นคล้ายกันคือ คือ มีสาระ มีความลื่นไหลลงตัว เล่าเรื่องสนุกเพลิดเพลิน มีอารมณ์ขัน และ มีการแสดงที่มีเสน่ห์ของตัวละครนำ



    แอนนา ฟาริส ผู้รับบท Shelley สาวหูกระต่าย เหมือนไม่คิดจะไปจากบทตลกเสียแล้ว เพราะเห็น เดินเข้าเดินออกอยู่ในหนังตลกอยู่ตลอด แต่ก็ต้องยกให้ เพราะใน The House Bunnyเธอเล่น แบ๊ว ได้ใจดีเหลือเกิน (ว่าแต่ ดูหน้าตาของเธอแปลกๆไป ปากของเธอดูผิดปกติเหมือนบวมๆขึ้น) เช่นเดียวกับก๊วนเด็ก nerd ที่ออกมาทำให้คนดูยิ้มได้แทบตลอดทั้งเรื่อง

    The House Bunnyไม่ได้ขำฮาก๊าก แต่ออกแนวน่ารักและมีสาระ คุ้มค่าแก่การรับชม และ ถ้าใครยังไม่เคยดู Mean girls ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองหามาดู หนังวัยรุ่นคุณภาพดีฝีมือการแสดงยุคแรกรุ่งของ Lindsay Lohan



    ideaบทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
    (บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

    เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 27 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2551]]
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2008&date=25&group=14&gblog=120

    Teeth , จาก 'จิ๊มิ๊มีฟัน' สู่ พรหมจรรย์ ความบริสุทธิ์ และ กองเซ็นเซ่อร์
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2008&date=28&group=14&gblog=122

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 28 พ.ย. 51 10:08:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com