ว่ากันว่าชีวิตคือการเดินทาง แต่จะมีใครสักกี่คนรู้ว่ามีอะไรรอเราอยู่ที่ปลายทางนั้น
แล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ชีวิตของเราต้องการแน่แล้วเหรอ
.
หนังอินดี้ (และอินเดีย) เรื่องนี้พาคนดูเดินทางจากคำถามสู่คำถามเพื่อเป็นผู้พิชิตเงินรางวัลก้อนใหญ่ในตอนสุดท้าย
ขณะเดียวกัน คนดูก็ได้เรียนรู้ชีวิตของ Jamal Malik เด็กหนุ่มที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายๆต่างๆในชีวิต
ทั้งความยากจนและการสูญเสียคนที่เป็นที่รัก สุดท้ายแล้วปลายทางที่ Jamal เดินทางไปถึง จะมีสิ่งที่เค้าต้องการรออยู่หรือเปล่า
.
หนังสอดแทรกประเด็นในการวิพากษ์สังคมไว้อย่างแยบยลและชาญฉลาด
นอกจากจะเป็นการตอบคำถามว่าทำไมเด็กสลัมคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ถึงได้รู้คำตอบของคำถามหลายๆข้อ ยังเป็นการบอกเล่าเรื่องราวในสังคมที่ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน
การเอารัดเอาเปรียบมีให้เห็นกันเป็นเรื่องธรรมดา การหาผลประโยชน์ใส่ตัว
โดยไม่คำนึงถึงว่าจะผิดมนุษยธรรมหรือไม่ เพียงเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
นอกจากนั้นหนังยังให้คำตอบเป็นนัยๆว่าทำไมเด็กสองคนที่เปรียบเสมือนผ้าขาว เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายทั้งคู่ คนหนึ่งต้องสูญเสียความดีในจิตใจไปกับเรื่องเลวร้ายรอบๆตัว
ในขณะที่อีกคนหนึ่งสามารถก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่หลงทาง ถ้าคนคนนั้นมีความรักเป็นเสมือนเครื่องส่องนำทาง
.
ส่วนที่ชอบในหนังคือการตัดสลับเหตุการณ์ในชีวิตของ Jamal ระหว่างตอนเด็กและตอนโตที่ทำได้อย่างมีความหมาย
ดนตรีและเพลงประกอบที่เข้ากับอารมณ์ของหนัง งานถ่ายภาพที่ทำให้อินเดียดูมีชีวิตชีวามากๆ
นอกจากนั้น หนังยังทำให้เราเชื่อถึงความรักที่มีอยู่ในเรื่องนี้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
ส่วนที่ไม่ชอบในหนังคือบางฉากที่ตัดสลับเหตุการณ์ ดูโดดไปจากส่วนอื่นบ้างเล็กน้อย
และไตเติ้ลสุดท้ายหลังจากหนังจบ (ใส่เข้ามาเพราะกลัวไม่รู้ว่าหนังอินเดียเหรอเนี่ย -_- )
ส่วนตัวเราคิดว่าหนังเรื่องนี้มีดีพอที่จะเป็นหนึ่งในห้าเรื่องสุดท้ายของเวทีออสการ์ปีนี้ค่ะ
แต่จะเป็นผู้ชนะได้หรือเปล่า คงต้องรอคำตอบจากหนังเรื่องอื่นๆที่จะทยอยเข้าฉายเดือนธันวานี้แหละ
ถ้าให้เปรียบเทียบกับสองยักษ์เล็กจากค่ายเดียวกัน เราชอบมากกว่า Little Miss Sunshine และ Juno นะ
เกรด A
แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 51 08:31:04
แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 51 08:30:39