 |
จากบุหงาปารีสู่ปืนใหญ่จอมสลัด หนังสือเพื่อมนุษยชาติสู่ภาพยนตร์คลั่งชาติ (spoil ทั้งหนังสือและภาพยนตร์)
จริงๆแล้วผมเขียน journal นี้ในHi5 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน หลังจากที่ผมกลับจาก SF CTW หลังจากชมภาพยนตร์เรื่องปืนใหญ่จอมสลัด แต่ที่ผมเอามาแปะในพันทิป ตอนนี้ด้วยเหตุผลที่เกิดขึ้นในจิตใจกะทันหันบางประการ ^_^
ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ ---------------------------------------------------------------------------------- วันนี้ผมไปชมภาพยนตร์เรื่องปืนใหญ่จอมสลัด ซึ่งสร้างจากหนังสือบุหงาปารีของคุณวินทร์ เลียววารินทร์ ซึ่งผมเพิ่งอ่านจบไปเมื่อสองวันก่อนนี้เอง
หลัง จากเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ผมเกิดคำถามในใจขึ้นหลายประการว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทภาพยนตร์โดยคุณวินทร์จริงๆน่ะหรือ ทำไมแนวทางของแผ่นฟิล์มและแผ่นกระดาษถึงได้แตกต่างกันมากมายถึงเพียงนี้
ใน หนังสือเล่มดังกล่าว แม้่อ่านแค่หน้าแรก ผู้เขียนก็ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ว่า"แด่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางภาคใต้ของเรา" เนื้อเรื่องในหนังสือ ดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอน เปิดเผยรายละเอียดของตัวละครแต่ละตัวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแยบยล รวมถึงการนำประวัติศาสตร์มา " ำ" ได้อย่างแนบเนียน ทั้งเรื่องของ ปืนศรีนครา ปืนศรีปตานี และปืนมหาเลลา รวมถึงประวัติศาสตร์ของเมืองปตานี อันปกครองด้วยราชินีทั้งสามพระองค์
แต่ ดูเหมือนว่า เนื้อหาที่ผู้เขียนต้องการสอดแทรกให้ผู้อ่านได้รับที่สำคัญนอกจากความสนุก สนาน เพลิดเพลิน และเนื้อหาบางส่วนของประวัติศาสตร์แล้ว นั่นคือ "สงครามไม่ก่อให้เกิดผลดี" ดังบางตอน ซึ่งจะคัดมาให้อ่านภายหลัง ที่องค์หญิงบิรูทรงตรัสถามเรื่องของโมเสสแก่ยะรัง ว่าหากโมเสสไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว คนเป็นชาวฮิบรูแล้วท้ายที่สุด เขาจะเป็นผู้นำของชาวฮิบรูทั้งปวงหรือไม่ หรือชัดเจนอย่างยิ่งในจดหมายของฟาริดถึงรายา ฮีเจาเมื่อฟาริดจะเสียชีวิต แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในจิตใจ แม้ว่าตัวเองจะเป็นชาวปาเล็มบัง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะทำร้ายปตานี อันมีคนที่เขารักอยู่อย่างแท้จริง รวมถึงการพยายามลดกระแส"คลั่งชาติ" โดยการให้ออกญาแห่งอยุธยา"ดูเหมือนจะเป็นผู้ร้าย" ที่เข้าคว้าพุงปลาทั้งตอนที่ยามาดะ ติดพันหญิงสาวอยุธยา หรือตอนที่ยะหริ่งบิดายะรังต้องระเห็จออกจากปตานี
ผมเชื่อว่า นี่คือ"สาส์น"ที่แท้จริงที่ผู้เขียนต้องการสื่อถึงผู้อ่าน
แต่ ในภาพยนตร์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ตลอดเวลาสองชั่วโมงเศษ เนื้อหาของภาพยนตร์กลับชี้นำไปในแนวทางการปกป้องอธิปไตยของลังกาสุกะทั้ง สิ้น (น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ในหนังสือใช้คำว่า ปตานี แต่ในภาพยนตร์กลับใช้คำว่า ลังกาสุกะ) รวมถึงการตัดบทสนทนาอันชี้ให้เห็นถึงเนื้อหาที่แท้จริง แต่กลับมีเวลาให้กับการต่อสู้ของยะรัง และปารีกับโจรสลัดมากจนเกินไป ทำให้แทนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์ที่มีมิติทางสังคมมากขึ้น กลับกลายเป็นภาพยนตร์ action ทั่วๆไป ที่มีกลิ่นไอของ pirate of caribbean เจือกับ star war อย่างเข้มข้น นอกจากนั้นการที่มีดาราที่มีชื่อเสียงมาร่วมมากกลับทำให้บทของแต่ละคนยิ่ง อ่อนลงไปอีก ตัวอย่างเช่น การแสดงอารมณ์ของปารีที่ก้าวสู่ด้านมืด ก็แสดงให้เห็นได้ไม่ชัดเจน, ความรักของปารี ต่อบินตัง และปารีต่อองค์หญิงอูงูซึ่งนั่นทำให้ปารีกลายเป็นหนุ่มเจ้าชู้ ซึ่งก็ขัดกันเองกับการพยายามตามล้างแค้นให้ภรรยา, ความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงบิรู กับยะรังว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ที่น่าสนใจมากกว่า คือ"สาส์น"ที่ภาพยนตร์ต้องการส่งถึงผู้ชมกลับกลายเป็นการ "คลั่งชาติ" การรักษาอธิปไตยของลังกาสุกะจากผู้รุกราน บทพูดที่สะดุดใจมากที่สุด คือ"แด่ลังกาสุกะ!!!!" อันเป็นบทพูดของยะรังเมื่อทุ่มตัวกำจัดโจรสลัด ไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์อื่นๆ เช่นสุริโยไท เป็นต้น นั่นอาจเป็นสาเหตุให้บทของทูตอยุธยา ต้องถูกตัดออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้อยุธยาเป็นผู้ร้าย, ปตานีกลายเป็นลังกาสุกะ, และการไม่ออกชื่อ ปืนศรีนครา และปืนศรีปตานี อันมีอยู่จริง รวมถึงเปลี่ยนบทภาพยนตร์จากปืนมหาเลลา เป็นปืนมหาลาโล
และสุดท้ายภาพยนตร์เรื่อง"ปืนใหญ่จอมสลัด"ก็เป็นเพียงภาพยนตร์ภาพสวย actionมันส์เท่านั้นเอง
สำหรับ ผู้ที่จะไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมไม่ได้ทักท้วง หรือห้ามปรามแต่อย่างใด แต่หากจะชวนใครซักคนไปชมแล้วล่ะก็ ผมแนะนำว่าเก็บเงินค่าบัตรชมภาพยนตร์สองใบ บวกเงินอีกสิบบาท เดินไปที่ร้านขายหนังสือ แล้วซื้อหนังสือ "บุหงาปารี"มาอ่าน คนละรอบ ดูจะดีกว่าเป็นไหนๆ -------------------------------------------------------------------------------- ตอนท้ายของบทความอาจจะรุนแรงไปซักหน่อย เพราะเดิมทีผมตั้งใจจะเขียนลง Hi5 เท่านั้น แต่เนื่องจากตอนนี้โรงฉายภาพยนตร์เืรื่องนี้มีน้อยมากแล้ว จึงขออนุญาตคงไว้ตามต้นฉบับเดิม
จากคุณ :
Fluorine
- [
11 ธ.ค. 51 02:24:07
]
|
|
|
|
|