Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ดูแล้ว มาวิจารณ์ ... HAPPY BIRTHDAY ของขวัญวันเกิด สำหรับวันปีใหม่

    หนึ่งในหนังปลายปีที่แล้วที่อดดูจนทุกวันนี้ ( แม้จะครอบครอง DVD มานมนานแต่ก็ไม่ได้ดูซักที ) ก็เรื่อง Me , Myself นี่แหละ หลังจากที่หนังผ่านตาผู้ชม ก็ได้รับคำสรรเสริญและดังกันไปหมด ทั้งผู้กำกับ ทั้งนักแสดงหลักของเรื่อง ( อนันดา , ฉายนันท์ ) ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้กำกับและนักแสดงคู่บุญกันไปแล้ว เลยกลับอีกครั้งในปีนี้ด้วยเรื่องราวที่กินใจในเรื่องความรักเหมือนเดิม

    เกริ่นนำ : หนุ่มช่างถ่ายภาพนามว่า เต็น อารมณ์เสียมากที่หนังสือท่องเที่ยวที่หมายปอง มีมือบอนมาเขียนข้อความต่างๆลงไป หลังจากพยายามตามล่าหาตัวคนมือบอน ก็ได้พบสาวไกด์ทัวร์ให้ชาวต่างชาติ ที่มีอะไรคล้ายๆกันและก่อเกิดความรัก แต่ความสุขอยู่ได้ไม่นานเมื่อฝ่ายหญิงประสบอุบัติเหตุในวันเกิดตน จุดพิสูจน์ความรักจึงเกิดขึ้นว่า เขาจะรักเธออยู่มั้ย เมื่อเธอมีเพียงร่างแต่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว

    งานเบื้องหลัง : น่าจะเป็นปรากฎการณ์การทำภาพยนตร์ของบ้านเราเลยก็ได้ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยเทคนิคภาพที่ดีมาก ไม่ใช่แค่เลือกเอาวิวสวยๆมาเท่านั้น แต่การต่อเนื่องของภาพและเทคนิคพิเศษของภาพก็น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการทำเทคนิคหนังสือที่ต่อเนื่องจากช่วงเวลาหนึ่งสู่ช่วงเวลาหนึ่ง หรือที่ประทับใจที่สุดคือการถ่ายทำโดยใช้เทคนิคแสงต่างๆเข้าช่วยบอกอารมณ์ งานเสียงทำได้น่าตื่นเต้นไม่น้อย โดยเฉพาะฉากเสียงเมโลดี้เพลง Happy Birthday จากการ์ดวันเกิด ที่ค่อยๆมาจากลำโพงด้านหน้าแล้วเพิ่มมิติให้กังวาลจากลำโพงรอบทิศ เป็นเทคนิคเน้นอารมณ์อึดอัดให้กับหนังเพิ่มขึ้นได้มากอย่างน่าประทับใจ เทคนิคภาพและเสียงดีๆของหนัง ช่วยทำให้หนังดูจริงจังมากขึ้น มุมกล้องเป็นอะไรที่น่าสนใจในหลายๆฉาก แม้จะเป็นแค่ฉากสั้นๆแต่ก็เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย อย่างฉากที่เต็นและเภา นอนดูดาวบนฟ้า กล้องถ่ายย้อนจากด้านหลังขึ้นมาข้างบน ( ซึ่งต้องให้นักแสดง นอนบนตัวกั้น เช่นกระจก  แล้วถ่ายย้อนขึ้นมา ) เป็นงานที่ดูง่าย แต่ทำได้ไม่ง่ายและให้มุมมองใหม่ๆ เสื้อผ้าก็ลงตัวดี แม้อาจจะดูน่าสงสัยว่า ตัวทั้งคู่ก็ไม่ได้ดูรวยแต่ก็มีของดีใส่ทั้งตัวอยู่ตลอด ดนตรีประกอบเข้ากับธีมหนังแม้ไม่ได้มาแบบเครื่องดนตรีชุดใหญ่ แต่ละเมียดละไมใช่น้อย เพลงประกอบเดินตามสูตรสำเร็จของเดิมด้วยการทำเพลงเก่าเพราะๆมา setให้กับหนัง ต้องยกยอดความดีในกับทีมงานเบื้องหลังไปเลยครึ่งหนึ่ง ที่สามารถดันหนังเรื่องนี้ให้ดีเยี่ยม เป็นมาตรฐานใหม่ของหนังดราม่าเมืองไทยที่หาใช่แค่มีบทกับการแสดงที่ดีเท่านั้น แต่งานเบื้องหลังต้องถึงคุณภาพเช่นกัน แต่.....

    บทภาพยนตร์ : บทหนังแบบนี้อาจไม่น่าเซอร์ไพรซ์สำหรับหนังดราม่าโรแมนติก แต่มักจะพบจากหนังต่างชาติซะมาก หนังไทยก็หายากเต็มทน นานๆจะได้เห็นซักที ... Happy Birthday คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้หนังรักโรแมนติกบ้านเราดูจริงจังมากขึ้น แต่ เป็นหนังรักแบบไทยๆที่น่าดู ดูขึงขังจริงจังกับตัวบทภาพยนตร์มาก หนังไม่ได้เร่งบทให้ต้องโศกเร็วเกินไปหรือเอื่อยเฉื่อยกับบางช่วงของตัวละครมากเกินไป เว้นจังหวะพอดีๆ แต่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์เพราะน้ำหนักของช่วงท้ายที่มีการขึ้นศาล ดูจะกระชับมากไปหน่อย น่าจะเป็นจุดขายให้กับหนังและการแสดงได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเร่งกันไปไหนหรือเพราะถ้าหากลากต่อไปอีกก็กลัวจะเฉื่อยไป ถ้าคิดว่าของดีจริง ลากต่อไปได้อีกหน่อยมันก็ไม่ได้ทำให้หนังยืดเยื้อนักหรอก แต่อาจได้ผลลัพธ์ในทางตรงข้าม มันจะช่วยเผยถึงหัวใจตัวละครของเต็นได้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ขึ้นไปอีก ชอบอีกจุดหนึ่งคือ การที่บทเสนอด้านลึกของใจคน พาคนดูเข้าไปสู่หัวใจของคนที่ปลงไม่ได้ ตัดไม่ขาดจนหลุดไปจากโลกแห่งความเป็นจริง สร้างภาพในอากาศขึ้นมาเอง คิดเองพูดเองเหมือนคนบ้า นั่นเพราะสภาพจิตใจของตัวละครอย่างเต็นที่บอบช้ำจนเจ้าตัวเลือกที่จะหันหลังให้กับความจริงที่ควรเป็น แต่เลือกที่จะอยู่กับความฝันและความหวังของตนไปเรื่อยๆ  ต่างจากตัวละครพ่อแม่ ที่หัวใจแตกสลายไปพร้อมกัน แต่ทั้งคู่เลือกเผชิญหน้ากับความจริง  บทภาพยนตร์บางคำพูดดูขัดนิดหน่อย เหมือนเป็นภาษาเขียนมากเกินไปแต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆของบทพ่อแม่ แต่ไม่ได้น่าเอามาจับผิด ถ้าให้เวลาหนังช่วงหลังอีกซักนิดจะแจ๋วมาก แต่ .......

    จะมา " แต่  "  อะไรกัน !!!!  แล้วก็ "แต่ " ตั้งสองครั้ง ที่ต้องแต่เพราะ ช่วงท้าย 5-10 นาทีสุดท้ายมันโดดออกไปมาก แล้วก็ดู ไท๊...ไทยซะเหลือเกิน ตอนจบแบบสวนทางกับความเป็นจริงที่ควรเกิดขึ้น มันไม่ใช่ไม่ดี มันอาจเซอร์ไพรซ์คนดูแต่มันก็ไม่ใช่จะมาเล่นเซอร์ไพรซ์แบบนี้กันซะทุกเรื่อง สุดท้าย มันทำให้หนังที่ดูน่าเชื่อถือมาตลอด ดูโอเวอร์เกินจริงไปเลย ดูเอาใจคนไทยที่ชอบ " ตอนจบแบบมีความสุข " จนเกินไปหน่อย ขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างน่าเสียดาย ไม่รวมถึง งานเบื้องหลังของการเป็น "อนาคต " ที่หลอกตาแบบไม่แนบเนียนอย่างหนัก ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผม ของตัวละครที่ยังกะหลุดออกมาจากละครซีรีย์อวกาศชื่อดังของ Hollywood รถที่ใช้ก็ขาดน้ำหนักความน่าเชื่อถือเพราะว่ามันเป็นรถที่ขี่ในปัจจุบัน ที่ไม่ได้คลาสสิคมากพอที่จะมีคนใช้ในอีก 50 ปีข้างหน้า แค่รูปทรงมันดู " หลุด " จากปัจจุบันไปก็เท่านั้น นี่มองข้ามถึงเตนท์ ที่น่าจะดู " ไม่อนาคต  " เลย หากจะเล่นกับฉากอนาคต ต้องเก็บรายละเอียดกว่านี้ ไม่เช่นนั้นก็จะดู " หลอกๆ " ไปอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญ การแสดงออกของตัวละครฝ่ายหญิง " บางอย่าง "ในตอนท้าย" ที่ไม่น่าจะ "จริง " ได้ ( อันนี้ไม่ขอเล่าเพิ่มเพราะจะ spoil มาเกินไป ถ้าสงสัย เดี๋ยวเล่าเพิ่มทีหลัง   ) แต่บอกตามตรงจากความรู้สึกตนเองว่า หากผู้สร้างเลือกที่จะทำให้หนังมีทางเดินที่เจ็บปวด ก็ไม่ต้องมาทำเป็นใจดีตอนท้ายหรอกครับ เดินเรื่องอย่างนี้ตลอดรอดฝั่งไปเลย ถ้าจะพลิกเรื่องก็ต้องให้สวยงามและอิงความจริงกว่านี้ ไม่งั้นของที่กำลังจะ " Classic " ก็จะกลายเป็นแค่ของเอาใจตลาดเรื่องหนึ่งเท่านั้น

    การแสดง : หนังเรื่องนี้เหมือน " The Letter " สร้างมาเพื่อส่งนักแสดงนำไปกวาดรางวัลปลายปีล้วนๆ ... ถ้า แอน ทองประสม กวาดเอารางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมทุกเวทีไปได้จากฉากทุบหน้าจอทีวี อนันดา ก็คงเดินสายกวาดได้เหมือนกันจากฉากที่มองดูร่างของคนรักกำลังจะตายจากการถูกถอดเครื่องช่วยหายใจ อารมณ์มันหนักทั้งเรื่อง แต่เขาก็เก็บได้ครบทั้งเรื่องและสะกดคนดูด้วยการแสดงระดับ " มือถึงของ " .. ส่วน ฉายนันท์ แม้จะแทบต้องนิ่งสนิททั้งเรื่อง แต่เธอคือหัวใจของเรื่อง ในช่วงที่ต้องใช้อารมณ์หนักๆ เธอก็พาตัวละครเธอเดินไปได้อย่างงดงาม เข้าคู่กับตัวพระเอกอย่างเยี่ยม โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่คุยกันข้างเตียงเรื่องแต่งงาน นั่นคือการแสดงที่ยอดเยี่ยมในการฟาดฟันอารมณ์ที่ส่งกันได้แรงและถ่ายถึงคนดูได้แรงอย่างที่อยากได้ นักแสดงคนอื่น ทำหน้าที่ได้ดี แม้บทไม่โดดเด่น แต่ผ่านไปได้ บางครั้งอาจพูดเหมือนท่อง แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องตั้งแง่จับผิดให้มากมาย

    การกำกับ : นอกจากเขียนพล๊อตเองแล้ว ยังกำกับเองด้วย ต้องซูฮกให้ว่า พี่ท่านละเอียดละออในการเก็บงานจริงๆ แม้จะพบข้อผิดพลาดประปรายของหนัง แต่ก็เป็นที่ " ข้อจำกัด " ของหนังเอง ไม่ใช่จากการกำกับ เพราะเขาจัดการรายละเอียดอย่างดี ทั้งรายละเอียดสำคัญและรายละเอียดปลีกย่อย พี่ท่านเก็บได้ทุกเม็ด ถ่ายทอดได้เยี่ยม ไม่ได้ดันหนังให้ต้องร้องให้ฟูมฟายแต่ซึมลึกได้เข้าถึงความรู้สึก อันที่จริง ไม่รู้ว่าท่านเห็นดีเห็นงามกับตอนท้ายหรือเปล่า แต่แค่อยากบอกตามประสาคนไทยคนหนึ่งที่ดูหนังว่า เอาให้สุดไปซักทางเลยครับ พันร๊อคอย่างท่าน ไม่ต้องกลัวคนดูเกลียดหรอก ของดีจริง ไม่ต้องเอาใจกันตอนจบก็ได้

    กดคะแนน : 8.85 เต็ม 10 หนังดีมากเลยหล่ะ ควรค่าแก่การควงคนรักไปดูหนังยามลมหนาวพัดมากๆ  แต่ไม่ได้เต็มเพราะอย่างที่อ่านมา ขัดใจตอนจบอย่างแรงงงงง !!!!!

    ชอบ : การเก็บรายละเอียดของหนังในทุกข้อ การแสดง การกำกับ บทภาพยนตร์
    ยังไม่ปลื้ม : น้ำหนักของหนังแต่ละส่วนน่าจะถ่ายให้สมดุลกว่านี้ซักหน่อย และ 5 นาทีสุดท้าย ที่ " feel good " มากจนหลุดจากหนังไปเลย

    ทิ้งท้าย .. ปีนี้ ชื่อของ พงษ์พัฒน์ อนันดา ฉายนันท์ จะวนเวียนหลอกหลอนให้ได้ยินตามงานแจกรางวัลอีกปีแน่นอน นอกจากนี้ ใครอยากไปเที่ยวเมืองไทย อยากรู้ว่าเมืองไทยมีอะไรสวยบ้าง ต้องดูหนังเรื่องนี้ แล้วจะรู้ว่า เอาเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปยุโรปมาเที่ยวไทย คุ้มกว่าแบบหาที่เปรียบมิได้เลยหล่ะ !!!!

    อีกอย่าง คุณจูริง การบ้านที่ให้ จะเคลียร์ให้หมดก่อนปีใหม่นะครับ ขอโทษที่คร๊าบบบ !!!

    แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 13:58:38

    แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 13:53:12

     
     

    จากคุณ : Bud-to-budding - [ 18 ธ.ค. 51 13:52:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com