ความคิดเห็นที่ 1 ภาพการยืนไว้อาลัยของ                      “เออร์เนสโต ราฟาเอล  กูวารา”( Ernesto Rafael Guevara)               ด้วยท่าทีนิ่งสงบแต่ลึกเข้าไปในดวงตาคือความคั่งแค้นระคนโศก ต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเรือสัญชาติฝรั่งเศส  “la Coubre”  ณ ชายฝั่งเมือง HAVANA ประเทศคิวบาในปี 1961 จากคมเลนส์ของช่างภาพ  Alberto Diaz ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เกือบ 50 ปีที่ภาพนั้นเผยแพร่สู่สังคมโลก อัตลักษณ์ของ idol ฝ่ายซ้ายสวมหมวกแบเร่ต์ติดดาวแดง...ยังคงปรากฏ                                         ตั้งแต่       “สติกเกอร์ติดท้ายรถบรรทุกของชนชั้นกรรมาชีพในประเทศโลกที่สาม”                                         กลายพันธุ์สู่       “ลายสกรีนบนเสื้อผ้าแฟชั่นในโลกเสรีประชาธิปไตย ที่วัยรุ่นทั่วโลกสวมใส่"                        แต่ส่วนมากไม่รู้ถึงหัวใจขบถของสหายคนนี้ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในเมืองไทยแม้จำนนต่อหลักฐานท้ายสิบล้อ...แต่ก็ขาดพยานชี้ชัดว่าคนขับคนไหนนำสติกเกอร์ เช มาติดในเดือนปีใด มูลเหตุสมผลจึงน่าจะเป็นยุคพิราบขาว 14 ตุลาคม 2516                      เมื่อปัญญาชน นักคิด นักเขียน ทวงถาม “อุดมการณ์ทางการเมืองจากกลุ่มผู้นำประเทศ”             ...ส่งผลให้ภาพของ เช “จรรยุทธ” ข้ามทวีปสู่โลกทุนนิยม จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่สิ่งที่ทำให้ “คนรุ่นหลังๆ ได้รู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น”   ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง The Motorcycle Diaries หรือ                           “Diarios de motocicleta”         ผลงาน ของ  Walter Salles จากการดัดแปลงจากหนังสือในชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย Ernesto 'Che' Guevara และคู่หู Alberto Granado      อันเปี่ยมความหวังและสรรค์สร้างกำลังใจให้คนรุ่นใหม่ ซึ่งนอกจากจะไล่ตามความฝันของตัวเองแล้ว ยังสร้างจิตสำนึกที่จะสร้างสิ่งดีงานแก่โลกนี้ไปพร้อมกัน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5                                           ***********                  “Before he changed the world , the world changed him...”                                                                                      ***********                                                                                         14 พฤษภาคม 1928       คือวันที่เจ้าหนูเออร์เนสโต้ลูกครึ่งสเปน-ไอริช ลืมตามาดูโลก ในโรซาริโอ (Rosario) อำเภอเล็กๆของกรุงบัวโนสต์ ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา           เมื่อถึงวัยอุดมศึกษา เออร์เนสโต้เข้าเรียนแพทย์ด้านวิชาการโรคผิวหนัง มหาวิทยาลัย Universidad Nacional de Cordoba ควบคู่ไปกับการศึกษาลัทธิมาร์กซิสต์(Maexismus) จากความชิงชัง Juan Domingo Peron (ฮวน เปรอง) ประธานาธิบดีจอมข่มเหงประชาชนเข้ากระดูกดำ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 51 04:31:30 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ เออร์เนสโต้ ได้เห็นโลกที่แตกต่าง เกิดขึ้นในปี 1952 เมื่อเขาร่วมกับเพื่อนรุ่นพี่ อัลเบอร์โต้ กรานาโด้ (Alberto Granado) ท่องแดนอเมริกาใต้ด้วยมอเตอร์ไซค์เป็นเวลาสี่เดือน จากบ้านเกิดผ่านชิลี เปรู โคลัมเบีย และเวเนซูเอล่า จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 “The Mighty one” มอเตอร์ไซค์ Norton 500 cc รุ่นปี 1939 กำลังจะออกเดินทางจากบัวโนสต์ ไอเรส                           “เพื่อสานฝันของสองหนุ่ม”                ... แต่ใครเลยจะรู้ว่าหนึ่งคนที่มันแบกบรรทุก                               “จะเป็นผู้เปลี่ยนโลก” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กว่า8,000 ไมล์ของสองข้างทางที่แผ้วผ่านได้พานพบชีวิตคนต่ำต้อยถูกกดขี่ รวมทั้งการได้เป็นแพทย์อาสาในนิคมโรคเรื้อน ที่                                         “ซานพลาโบ”        ชุมชนอเมซอนในประเทศเปรู ส่งผลให้เออร์เนสโต้ หันมาสนใจศึกษาเรื่องการเมืองในอเมริกาใต้อย่างจริงจัง จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ******************                                              “Let the world change you... and you can change the world”                                   ******************                     หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางทั่วอเมริกาใต้ เออร์เนสโต้ เล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาในปี 1953 ส่วนกรานาโด้ ได้งานในเวเนซูเอล่า แต่สำหรับเขา                      “อุดมการณ์สำคัญกว่าครอบครัวและอาชีพ”    เข้าร่วมกับคณะรัฐประหารใน “กัวเตมาลา”เพื่อโค่นล้ม Jacobo Arbenz Guzman รัฐบาลใหม่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประสบการณ์จากกัวเตมาลา และ                   “หวังสร้างโลกในอุดมคติที่ผู้คนเท่าเทียมกัน”          เออร์เนสโต้รอนแรมสู่ เม็กซิโกในเดือนกรกฎาคม ปี 1955...เพื่อเข้าร่วมขบวนการกองโจรติดอาวุธของ                                      “ฟีเดล คาสโตร”    อดีตทนายความผู้นำกลุ่ม Moncadistas ซึ่งลี้ภัยทางการเมืองหลังจากพ้นโทษในข้อหา                                     “หัวหน้าก่อกบฏในคิวบา”                          ต่อต้านรัฐบาลโฉดบาติสต้า (Fulgencio Batista) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่นี่โลกได้รู้จัก เออร์เนสโต้ เป็นครั้งแรกในนาม                                                “เช”                                                (CHA)                                                                                หมายถึง                                              “เพื่อนตาย” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ย้อนกลับไปในปี 1933         หลังจากจอมเผด็จการแห่งคิวบา “Gerardo Machado” พ้นอำนาจ นายสิบ “บาติสต้า” โค่นล้มรัฐบาลชั่วคราวที่ถูกตั้งขึ้น...มอบยศให้ตนเองเป็นผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด                 ต่อมาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1940      ...หลังจากปกครองประเทศด้วยความโฉดได้เพียงสี่ปี จึงถูกผลักดันออกจากอำนาจและลี้ภัยไปอยู่ที่ ฟอริด้า     ...บาติสต้าเก็บความคั่งแค้นไว้จนถึงปี 1953 จึงกลับมาทำรัฐประหารจนประสบความสำเร็จ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การทวงอำนาจเพื่อประชาชนเกิดขึ้นเมื่อ 25 พฤศจิกายน 1956 ขบวนการกองโจร 82 คน                มีเช ทำหน้าที่เป็นหน่วยแพทย์ เดินทางด้วยเรือยนต์จากเม็กซิโก ขึ้นฝั่งคิวบาในวันที่ 2 ธันวาคม          แต่ถูกกองกำลังรัฐบาลบาติสต้าตีแตก หลงเหลือกำลังพลเพียง 12 คน         ...ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นทำให้ เช ต้องเปลี่ยนหน้าที่กลายมาเป็นนักรบระดับหัวหน้า ผ่านการดำเนินการปฏิวัติกว่า 9 ครั้ง       จนได้รับชัยชนะในวันที่    1 มกราคม 1959 ยึดอำนาจของบาริสต้าอย่างเบ็ดสร็จเด็ดขาด จนทำให้อดีตประธานาธิบดีโฉดต้องหลบหนีออกจากคิวบา แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 51 04:44:49 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หลังกำจัดทรราช  คาสโตรเชิญสมาชิกระดับหัวหน้าของพรรคคอมมิวนิสต์คิวบาร่วมร่างนโยบายประเทศ แต่ไม่ให้บริหาร             ส่วนตำแหน่งทางการเมืองมอบให้ “สหาย” ผู้ร่วมรบกันมายาวนาน             สำหรับ เช ได้รับสัญชาติคิวบาและตำแหน่งใหญ่ทางการเมือง                                      พร้อมดำเนินนโยบายเร่งด่วน   “ยึดที่ดินปลูกอ้อยของนักธุรกิจจำนวนมากแปลงเป็นสินทรัพย์แล้วนำไปปันส่วนจ่ายประชาชน”          กลายเป็นชนวนสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐอเมริกา เมื่อผลประโยชน์ที่นักธุรกิจของตนได้ถักทอเครือข่ายไว้ถูกริดรอน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จนในปี 1960 “พญาอินทรีย์ประชาธิปไตย” ในนามของประธานาธิบดี John F. Kennedy         ส่งชายฉกรรจ์ชาวคิวบาอพยพจำนวน 15,00 นายเดินทางเข้าเทียบชายฝั่งทางตอนใต้ของอ่าวหมู(Playa Giron)         เกิดการปะทะและ ฝ่ายเคเนดี้พ่ายแพ้        ยิ่งทำให้ เช เกลียดอำนาจที่ไร้ศีลธรรมของพญาอินทรีย์ที่ให้คนเชื้อชาติเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเอง        จึงเปิดเจรจาข้อตกลงกับสหภาพโซเวียต ในปี 1961 เพื่อขอความสนับสนุนด้านอาวุธและด้านอื่นๆอย่างจริงจัง      ในขณะที่อเมริกาเพิ่มแรงกดดันด้วยการกระทำของ CIA ลอบวางระเบิดเรือสัญชาติฝรั่งเศสดังที่กล่าวไว้ในเบื้องต้น ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 75 ศพบาดเจ็บ 200 กว่าคน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่            “ความพยายามสร้างโลกในอุดมคติที่ผู้คนเท่าเทียมกัน”ของเช เริ่มห่างไกลทุกขณะ        ...ตำแหน่งใหญ่โตทางการเมืองไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ทน           ในปี 1965 เช สละตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดรวมทั้งสัญชาติคิวบา กลับมาสวมหมวกแบเร่ต์ เข้าป่าในนานาประเทศที่ต้องการ                               “การปฏิวัติ” เพื่อประชาชน                ...เริ่มจากคองโก ทวีปแอฟริกา แต่ล้มเหลว        จากนั้นปี 1966 จึงร่วมกับกลุ่ม กบฏโบลิเวียราว 44 คน ทำสงครามปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการประเทศโบลิเวีย          แต่ขบวนการของเช กลับพ่ายแพ้ เหลือเพียง 14 คน เช โดนยิงบาดเจ็บ และถูกจับได้ในเดือนตุลาคม 1967 โดยกองกำลังทหารของรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกาคู่แค้นตัวสำคัญ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 “ที่สุด เช ถูกทหารนายหนึ่งฆาตกรรม  เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1967 เวลา 13.10 น. จบสิ้นชีวิตนักปฏิวัติใน 39 ปี” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ************** จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 “The world is not enough”                                                                      เกือบห้าสิบปีที่ชายผู้เปลี่ยนโลก คนนี้ ได้จากโลกที่ไม่เท่าเทียมไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และอัตลักษณ์ของเขา กลายเป็นสินค้าในสังคมทุนนิยม   ...แต่อย่างน้อย  นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ตำนานของชายคนนี้คงอยู่ตลอดกาล จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 04:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ทั้งนี้ การกระทำของชายหนุ่มคนนี้ ในช่วงที่เขาทะยานไล่ตามความฝันอันร้อนแรงของวัยหนุ่ม เพื่อค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ ควบคู่ไปกับการกระทำที่เปลี่ยนโลก                                 คือสิ่งที่ทำให้เกิดคำถามว่า            "คนรุ่นใหม่ และพวกเรา ซึ่งอาจจะเป็นึนธรรมดาๆ แม้ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อะไรเลย มีเพียงสองมือเล็กๆ พร้อมที่จะทำความดี หรือสร้างสรรค์ สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับ โลก หรือสังคมกันเมื่อไร                                                                                                                                                      ...เมื่อพวกเราพร้อม...           หรือว่า เรายังไม่พร้อม แต่ก็ยังมุ่งมั่นสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นบ้างไปกับช่วงชีวิตที่พวกเรากำลังทะยานฝัน ดังตัวอย่างของชายที่ชื่อ                                      "...เช กูวารา”             ในช่วงที่เขา กับเพื่อนคู่หู และ มอเตอร์ไซค์ นอนตัน                                       "ได้ซิ่งเปลี่ยนโลก"        ...ในวันนั้น...ในวันที่ "ชีวิต" ได้เริ่มก้าวออกเดิน เพื่อค้นหาความหมายของบางสิ่งทียิ่งใหญ่                                                               ? จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 05:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หนัง "เช" เรื่องอื่นๆ ครับ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 05:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ...ถ้ามีเวลาจะเเวะมาต่อนะครับ...ขอบคุณครับ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 05:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ จำได้ว่าไปดูในงานเทศกาลหนังนานาชาติ ช่วยแปะรูปค่ะ ^^" จากคุณ : คืนที่ฟ้าไร้ดาว - [ 19 ธ.ค. 51 07:09:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบเชเหมือนกัน  แล้วได้ดูหนัง Che เรื่องล่าสุดที่คานส์แล้วด้วยค่ะ  ก็ดีนะคะ เห็นเชในฐานะทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ  ฉบับโซเด็นเบิร์กนั่นล่ะค่ะ http://www.thaicinema.org/cannes2008_filmincom.asp#che จากคุณ : แสงท่าเรือ - [ 19 ธ.ค. 51 08:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อมูลแน่นปึ้กเลยครับ ถ้าได้ดูเรื่อง Evita ฮวน เปรอง จะกลายเป็นเทพทันที แบบว่าความรู้สึกคนละฟีลกับเรื่องนี้เลย แต่ตลกดีนะครับที่บ้านเราเชนี่ดันเป็นสัญลักษณ์ของสิบล้อและแฟนเพลงเพื่อชีวิตตอนเด็กๆผมนึกว่าเขาเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิตซะอีก f_argentina จากคุณ : Desolation Angel - [ 19 ธ.ค. 51 08:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรียกได้ว่า เช สัญลักษณ์แห่งอิสระภาพเลยก็ว่าได้นะครับ หึๆๆ จากคุณ : Dr.Studios - [ 19 ธ.ค. 51 08:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 27 :) จากคุณ : the'60s - [ 19 ธ.ค. 51 09:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เช.... ยังไม่ตาย........................... จากคุณ : 1978 (b39kew) - [ 19 ธ.ค. 51 09:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าหนังเช สองเรื่องใหม่ดังในปีหน้า เราต้องเห็นหนุ่มๆไว้หนวดเครากันทั้งเมืองแน่ๆ จากคุณ : เคราครึ้ม - [ 19 ธ.ค. 51 09:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนครับ โดยเฉพาะคุณแสงท่าเรือ...ดีจังเลยครับที่คุณแสงฯ ได้ดูงานของโซเดนเบิร์กแล้ว...อยากดูมากๆ เลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสดูเมื่อไหร่ (บ้านเราจะเอาเข้ามาฉายไหมนี่) และก็ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ ในส่วนที่ลิงค์มาให้นะครับผม :) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 11:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบหนังเรื่องนี้มาก  เดี๋ยวส่าง ๆ จะไปดูอีกซักรอบ "บันทึกลูกผู้ชายชื่อ เช" จากคุณ : 30ยังแจ๋ว - [ 19 ธ.ค. 51 13:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 งานเข้าแล้วเรา... จากคุณ : D-FUJIMA - [ 19 ธ.ค. 51 14:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สองเรื่องที่ว่า เรื่องไหนบ้างครับ จากคุณ : ยสินทร์ - [ 19 ธ.ค. 51 16:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มีแผ่น แต่ยังไม่เคยดูเลยอ่ะ จากคุณ : autumn...story - [ 19 ธ.ค. 51 16:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มันคือเรื่องเดียวกันแหละครับ แต่โซเดนเบิร์กตัดออกเป็น 2 ส่วน คือ The Agentine กับ Guerrila จากคุณ : ORANZE - [ 19 ธ.ค. 51 17:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอถามนิดนึงนะครับ Steven Soderbergh นี่อ่านว่า โซเดนเบิร์ก เหรอครับ ในนี้ เดน กันหมดเลย ผมอ่านว่า สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก มาตลอดเลย ถ้าผมอ่านผิดก็ขออภัย แต่ถ้าผมถูกก็ขอท้วงติงตรงนี้ด้วย ส่วนอันนี้ค่อนข้างมั่นใจ เช เกวารา นะครับ ไม่ใช่ กูวารา จากคุณ : โอจารุมารุ - [ 19 ธ.ค. 51 21:07:40 A:58.9.248.89 X: TicketID:181915 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #36 ขอบคุณครับ ที่ท้วงติง จะนำได้กลับไปพิจารณา เพราะมีบ่อยครั้งที่เราๆ มักจะพูดกันมาเพราะความเคยชิน ที่คนส่วนใหญ่เขาพูดกันมา...จะได้หาข้อมูลที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ในการนำเสนอต่อไป :) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 19 ธ.ค. 51 21:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เราว่าใน evita ก็เสียดสีเปรอนไว้นะ เพียงแต่ไม่เห็นชัดเจนในความเลวและโกงกินเท่านั้นเอง เช เป็นคนที่เรานับถือ ในขณะเดียวกัน เราก็คิดว่าเชเป็น idealist เกินไป โลกที่เค้าหวังจะให้เกิดเป็นเหมือนยุคพระศรีอาริย์ หากเกิดได้จริงก็คงดีมาก แต่คงยากที่จะมีวันนั้น ว่าแต่ #25 ฮามากค่ะ จากคุณ : vamos_ferrero - [ 19 ธ.ค. 51 23:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อัลแบร์โต้ ดิแอซใช้โกดักเหมือนผมเลย แต่ว่าจะหารุ่น plus x-pan ที่ไหนล่ะเนี่ย จากคุณ : ERWA - [ 20 ธ.ค. 51 19:46:54 ]