Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    คำมั่นสัญญาของคู่แท้ ตาลอบ กับ ยายทอง จนเป็น Happy Birthday ในวันนี้ ซึ้งที่สุด

    ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน ความเหมือน ความพอดี ความลงตัวหากแต่นิยามความรักของตาลอบที่มีต่อยายทองนั้นกลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้นไม่เคยมีความหมายต่อตาและยายเลยเพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปีนั้นไม่เคยมีวันไหนที่ความรักของตาที่มีต่อยาย และยายมีต่อตานั้นลดน้อยลงไปตามกาลเวลาเลยหากแต่ความรักของทั้งคู่กลับเพิ่มพูนขึ้นสวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา"สำหรับตาวันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไรเลยดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้กันทุกวันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้หรอกตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหนเพราะถึงไม่มีวันนี้ ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน” อมรสีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้จักกันในนามของ “ตาลอบ”ส่วนภรรยาคู่ทุกคู่ยากชาวบ้านเรียกขานกันว่า “ยายทอง” พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทองจังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย
    ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆสภาพเก่าๆหลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆคอยดูแลอยู่ห่างๆเมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาลทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่ ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรักกับยายทอง
    แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคานหลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกันชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไรไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่าจะครองรักและดูแลกันตลอดไป ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึงเวลาผ่านมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า และตลอดเวลาที่ผ่านมาความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กับกันก็มากพอและสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ แต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชาหรือฟ้ากำหนด จู่ๆปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เมื่อ 6
    ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาตไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก นอกจากส่งเสียงร้องไห้ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตาซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไรยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมาพอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไปส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า “ อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว ” บางทีก็บอกยายว่า “ เราจะอยู่กับเธอจะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน” ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน”
    ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิง
    หากแต่สิ่งที่ตาทำนั้นได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆต่างก็แสวงหา ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกันตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุดตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยเพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลยทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคยเราต้องอยู่แบบมีความหวังเพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง “หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆตาลอบก็อยากให้ปาฎิหารย์นั้นมีจริงเพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้งเพื่อที่จะถามข้อข้องใจที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปีว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่งจะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่” ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอันแสนสุขจะถูกพรากไปและแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่ายหนึ่งคำมั่นสัญญาทุกคำที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วยแทบจะทุกนาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้กับการเฝ้าดูแลประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิดไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น ตาดูแลยายไม่เคยห่าง ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่อง อาบน้ำ เช็ดตัวไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ เช็ดฉี่ อาหารการกิน อาการเจ็บป่วยต่างๆเราต้องคอยสังเกตุตลอดเวลาเวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอนหรือถ้ายายยังไม่ได้กินข้าวตาก็จะยังไม่กิน เพราะต้องป้อนยายก่อน” การดูแลปรนนิบัติยายตาลอบจะทำเพียงคนดียวทุกครั้ง และตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยป็นอย่างดีแม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยายเพราะเกรงว่าจะอับชื้นและทำให้เป็นแผลกดทับได้ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวันเสิ้อผ้าของยายตาก็จะไม่ซักผงซักฟอกเพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น ฯลฯทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไปไม่อยากให้ยายตายเลย อยากให้อยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่เป็นคู่รักกันตลอดไปตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่าตายไปภาระจะได้หมดลง ไม่คิดเลย”
    ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชราวัย 73 ปี ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้าโดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆรถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือเพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้นก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลาเพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลังและต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานา บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง รถขายของ รถเก็บของเก่า บ้างก็ว่ารถขนศพแต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้นเพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก ให้ยายได้รับการทักทาย พูดคุยจากผู้คนต่างๆเพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่มีความสำคัญๆในอดีตไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆทำมาหากินด้วยกันทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงามเพื่อกระตุ้นความจำความรู้สึกของยายและอย่างน้อยความหลังเหล่านี้เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคานโดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่พายายไปที่โรงพาบาลทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่าไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก
    เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย
    เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเองซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อกว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู ตามแรงปราถนาหากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ ที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียวคำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
    ก็ไม่มีวันลบเลือนและยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวันที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

    จนเป็นต้นกำเนิดของหนัง  Happy Birthday
    http://www.nazaclub.com/video.php?id=657

    http://www.nazaclub.com/video.php?id=658

    "ของขวัญที่สำคัญที่สุดของคุณคืออะไร? สำหรับเขา…คือ…เธอ"

    เรื่องราวความรักของชายหนุ่ม "เต็น" และหญิงสาว "เภา" ที่บุพเพนำพาให้ทั้งสองมาพบรักกัน โดยมีหนังสือท่องเที่ยวเป็นสื่อกลาง หนังสือเล่มที่เต็มไปด้วยข้อความที่ถูกเขียนส่งต่อให้กันและกัน โดยที่ทั้งสองยังไม่เคยพบหน้ากัน

    จนเมื่อได้พบกันโดยบังเอิญ ความคุ้นเคยและสนิทสนมที่เคยผ่านตัวหนังสือมาแล้ว ก่อเกิดขึ้นกลายเป็นความรัก พร้อมถ้อยคำมั่นสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทอดทิ้งกันตราบนิรันดร์………….

     
     

    จากคุณ : nranee - [ 21 ธ.ค. 51 09:28:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com