ความคิดเห็นที่ 1 ผู้ร่วมรายการคนต่อมา แสดงเป็น Sam วินเชสเตอร์คนน้อง (หัวดื้อ) (แฟนเจเร็ดกรี๊ดแข่ง)...ก่อน Supernatural เขาเป็นที่รู้จักในบทแฟนของ Rory ในเรื่อง Gilmore Girls (กรี๊ดสุดเดช) งานภาพยนตร์ของเขามี...... สาวกรี๊ด ตะโกนบอก เจเร็ด "I love you" เจเร็ด ตะโกนกลับ "I love YOU!" ผู้ดำเนินรายการ : .....งานภาพยนตร์ของเขามีHouse of Wax, Cheaper by the Dozen, Flight of the Phoenix กรุณาต้อนรับ Jared Padalecki (แล้วก็แนะนำ Robert Singer และ Eric Kripke) ระหว่างที่แนะนำคนทีเหลือ สองหนุ่มเหมือนเล่นอะไรอยู่นอกเฟรม คนดูหัวเราะตลอด จนผู้ดำเนินรายการต้องหันไปมอง ผู้ดำเนินรายการ : ผมขอถามคำถามสัก2-3ข้อ ก่อนจะให้ทุกท่าน(ผู้ชม)ได้ถามมนะครับ.... อีริคครับ ผมอยากรู้ว่าคุณได้ไอเดียของซีรีย์ การเริ่มต้น และคอนเซ็ปท์ ยังไง จึงมาเป็นอย่างที่เราเห็นบนจอ อีริค : เป็นเวลานานมากที่เราต้องการทำรายการที่เกี่ยวกับความเชื่อและตำนานคนเมืองของอเมริกัน เรากลับไปค้นคว้าเรื่องเล่าสมัยนักเรียนทีเราหลงใหล จริงๆแล้ว pitch (เรื่องอย่างย่อ เพื่อการพิจารณาการผลิตรายการ) อันแรกที่ผมทำเมื่อสมัย ผมเริ่มงาน ตอนอายุ 23-24 คือรายการ ตำนานคนเมือง ผมลองทำหลายแบบ แต่ไม่ได้รับความสนใจนำไปสร้าง หลังจากนั้นผมไปทำงานให้กับ WB (Warner Brothers) และผมเพิ่งออกมาจาก ซีรีย์ Tarzan (ออกเสียงพูดชื่อเรื่อง ฮามาก เหมือน น่าอาย ที่เคยไปทำเรื่องนี้) พวกเขาถามว่า"คุณอยากทำซีรีย์ อะไร" ผมก็บอกว่าอยากทำ "ตำนานคนเมือง"   พวกเขาถามว่า "แล้วคอนเซ็ปท์เป็นไง?"   ผมก็บรรยายใหญ่เชียว เค้าโครงเรื่องที่ที่ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์ เกี่ยวกับนักข่าว เหมือนเรื่อง The Night Stalker เลย พวกเขามองหน้าผมแล้วว่า "แหวะ..มีเรื่องอื่นไหม?" ผมเอาที่จดไว้ในสมุดของผมวันก่อนหน้านั้นขึ้นมา "เป็นเรื่องอย่าง Route 66 มี 2 หนุ่ม กับการขับรถเที่ยวทางไกล" พวกเขาว่า "โดนมาก สร้างเลย" เรื่องมันผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้เหนือใต้ แล้วเราก็พัฒนามันจากตรงนั้น กลายเป็นว่าเรามาถูกทาง เพราะ 2 หนุ่มเหมือนขับรถไปเจอรายการสยองต่างๆกัน ทุกสัปดาห์ ผู้ดำเนินรายการ : แล้วเวลานั้นคุณคิดวางตัวละคร 2 คนนี้ยังไง ทำยังไงให้ความเป็นครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องนี้ อีริค : คุณเขียนอย่างที่คุณรู้... ผมมาจากครอบครัวที่ใกล้ชิด ผมมีพี่ชาย และผมมีเพื่อนมากมาย ผมรู้ วิธีที่ผู้ชายพูด วิธีที่พวกเขาสื่อสารกัน โดยไม่ต้องทำอะไรมาก มันก็เติบโตจากตรงนั้น ในเรื่องของบุคลิกตัวละคร ผมรู้ว่าต้องการน้องชายที่มีความรู้สึกขัดแย้งภายใน มีความโกรธ และ มีปัญหา และผมต้องการพี่ใหญ่ ที่ฉลาดทันคน มันก็เริ่มต้นจากตรงนี้ครับ ซีรีย์แบบนี้ ในแนวนี้ มันต้องการอิทธิพลพื้นฐาน ที่เป็นหลักการนำเสนอ   ครอบครัว และความเป็นครอบครัว ความใส่ใจของพี่น้องคู่นี่ที่มีต่อกัน ..... (ถึงตอนพูดว่าใส่ใจ...เจเร็ดทำเป็นรินน้ำให้เจนเซ่น คนดูฮา อีริคหันไปดู แบบงงๆ เล่นไรฟระ เจนเซ่นก็โบกมือให้ ..) ....จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดง 2 คนนี้ ช่วยให้เรานำเสนอได้มาก... (กว่าจะตอบจบได้ โดนแอบกวนซะ) (2 หนุ่ม นั่งหน้าเป็น ขำที่แอบแกล้งอีริคให้ตอบตะกุกตะกักได้) ผู้ดำเนินรายการ : อีริค คุณรู้จักงานของพวกเขาดี หรือ คุณเรียกนักแสดงมากมายมาทดสอบบทครับ? อีริค : ผมทดสอบบททุกคนในเมือง เหมือนอย่างที่เคย เวลาเราทำตอน pilot ภรรยาผมเป็นแฟนซีรีย์ Gilmore Girls ก็เลย.. (คนดูกรี๊ด...เจเร็ดชี้นิ้วไปที่แฟนๆ แบบ นี่แฟนๆของผม). ผมก็เลยรู้จักงานของเจเร็ด ส่วนเจนเซ่น ผู้กำกับของเรา  David Nutter คนกำกับตอน pilot รู้จักเขาจากเรื่อง Dark Angel ใช่มั๊ย...ดังนั้น... Dark Angel! ..เจนเซ่นจากเรื่อง Dark Angel ครับ! เชียร์หน่อย...(แฟนกรี๊ด) เมื่อเราเลือกตัวผู้แสดง David  Nutter ว่า เราต้องให้เจนเซ่นจับเที่ยวบิน(...ออกค่าตั๋วเครื่องบินให้เรย) มาทดสอบ ซึ่งขณะนั้น เจนเซ่นกำลังถ่ายทำ Smallvilleอยู่ แล้วเราก็ดีใจที่ได้ตัวเจนเซ่นมา พอเขาเดินเข้ามาในห้อง และพบกับเรา พวกเรา(ผู้สร้าง)มองหน้ากันแล้วพูดอย่างตื่นเต้นมากว่า "เราเจอเขาแล้ว...เราเจอแซมแล้ว!" เจเร็ด : ไม่มีใครซื้อตั๋วเครื่องบินให้ผมมา ผมต้องขับรถมาเองนะ อีริค : แล้วทุกๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เมื่อเราพบเจเร็ด เราว่า นั่นแหละ! แซม และให้เจนเซ่น เป็นดีนก็ได้ ทุกอย่างลงตัวครับ ผู้ดำเนินรายการ : แล้วพวกคุณล่ะ เจเร็ด และ เจนเซ่น คุณบอกได้ไหมว่า... เจเร็ด : ผมให้เจนเซ่นตอบดีกว่า เจนเซ่น : เอ้ย..นายตอบไปเลย เจเร็ด : อ่า...เฮ่ย..นี่มันนิสัยนายจริงๆ(ต่อว่านิดๆ ว่าเป็นอย่างนี้ทุกที).. อ่า...จริงๆแล้วคำถามมันคืออะไรเหรอ (มิน่าถึงได้โยนให้เจนเซ่นตอบ) เจเร็ดมองเจนเซ่นแบบ ช่วยหน่อยดิ เจนเซ่น :อะไรนา...สะกดคำเหรอ? ใช้มันในประโยคได้ไหม? (แซวนิดๆ) (ตอนนี้พูดกันสับสน แต่เล่นมุข สะกดคำกัน ผู้ดำเนินรายการต้องรีบพาพายเรือเข้าฝั่ง) ผู้ดำเนินเรายการ : ไม่ใช่ครับ (เข้าฝั่งด่วน)...คำถามคือ... คุณช่วยเล่าเรื่องตอนทดสอบบทในมุมมองของคุณได้ไหมครับ? เจเร็ด : ผมรู้จักคนใน WB จากการที่ได้แสดงในเรื่อง Gilmore Girls มา 5 ปี ผมรู้ข่าวเรื่องนี้จะทำ pilot และได้รับบทมาอ่าน และผมชอบตัวละครมาก ผมจำได้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ  มันชื่อว่า Supernatural ผมคิดว่าก็คงเหมือนเรื่อง Charmed หรือ Buffy ซึ่งเป็นซีรีย์ที่ดี แต่ไม่ใช่ซีรีย์ที่ผมอยากมีส่วนร่วม แต่พอผมอ่านบทแล้วคิดว่ามันน่าสนใจมาก มันมากกว่าซีรีย์สยองๆ ผู้ดำเนินรายการ : คุณชอบมันตรงไหนหรือครับ? เจเร็ด : ผมเป็นลูกชายของครูสอนภาษาอังกฤษ แม่มักพูดถึง เรื่องลึกลับ ตำนาน ดังนั้นผมคุ้นเคยกับพวกเรื่องเล่าตำนาน และJoseph Campell ที่สอน การสอน ......ที่สอนการสอนของ Joseph Campell ... -_- ! (ลูกชายครูสอนภาษา มีปัญหาในการใช้ภาษาซะแล้ว) เจเร็ดเกาหัวเขิน... เจนเซ่น : (แซว) ช่างไม่ได้ทำให้แม่เสียหน้าว่าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเล้ย เจเร็ด : ไม่หรอก....ผมขอโทษครับ ผมทำงานถึง ตี 4 ใน Vancouver แล้วจับเครื่องบินมานี่ เลยค่อนข้างเหนื่อย (งือ...น่าสงสารจัง เหนื่อย เบลอ แล้วยังโดนแซวเจ็บอีก...เจนเซ่นใจร้าย) เหมือนใน Joseph Campell มันมีมากกว่าเรื่องฮีโร่ที่ลังเล (ไม่แน่ใจว่าจะเป็นฮีโร่ดีไหม) ...มันไปถึงสัญญลักษณ์ และสคริปต์ต่างๆที่เข้ามาเปิดเผย และ....สิ่งสุดท้ายที่คนที่นี่อยากฟังคือ ผมนั่งอธิบาย....(รู้ตัวว่าคงไม่น่าสนใจ) เจนเซ่นส่งเสียงกรนดังขึ้นมาขัด เจเร็ด : (ตัดบท) ผมชอบบท ผมชอบตัวละครครับ เจเร็ดหันไปดูทำเป็นปลุกเจนเซ่น เจนเซ่นทำเป็นร้องเอ้ย สะดุ้งตื่น เจเร็ด : เรากำลัง...เรากำลังออกรายการอยู่นะ เจนเซ่นขยี้ตา คว้าน้ำมาดื่ม เจนเซ่น : ตื่นอยู่น่า... เจเร็ดเขินเกาหัวอีก (หรือไม่ได้สระผมหว่า) แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 04:04:34 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 03:48:04 จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 02:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ : (ถามเจเร็ด)เมื่อตัวแทนส่งสคริปต์ให้คุณเวลานั้น คุณเองก็ทดสอบบทแซมมาตลอดใช่ไหม เจเร็ด : ครับ แบบว่า อ่านบทแล้ว ผมคิดว่าบทน่าพลิกแพลงเล่นได้มาก ผมก็เลยไปพบพวกเขา (เจเร็ดหันไปถามชื่อคนที่พบเวลานั้น กับ อีริค แต่มีบ๊อบนั้งตรงกลางก็เลยเล่นซ่อนหา กันซะ) อีริค : เขา(เจเร็ด)เข้ามาอย่างกระตือรือล้นและเข้าถึงตัวละคร และเหมาะกับบท มันดูเวอร์ที่จะพูดว่าเขาสมกับบท แต่เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาเป็นตัวเลือกที่ง่ายมาก ผู้ดำเนินรายการ :  คุณรู้สึกดีไหมกับผลที่ออกมา เจเร็ด : ครับ แต่บทที่ผมทดสอบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ซีรี่ย์เลย   มันมีการเปลี่ยนแปลงมาก ...รู้ว่าเวลาเขาให้บทมาท่อง เขาก็จะเขียนใหม่อยู่ดี พวกเขาจะใช้เวลานาทีสุดท้ายเพื่อให้บทออกมาดีครับ ผู้ดำเนินรายการ : เจนเซ่น แล้วประสบการณ์ของคุณล่ะ เจนเซ่น : ก็เหมือนกันครับ (ช่างไม่คิดเลย) เจเร็ดเล่นมุขหลับกรนใส่บ้าง (ทำนองว่าตอบน่าเบื่อว่ะ..... แต่เอียงไปซบทางเจนเซ่นนะ) แล้วทำเป็นตื่นขึ้นมาทักว่า "ไงเหรอ เจนเซ่น" เจนเซ่น : อ่า..หึ หึ...เหมือนกับที่อีริคบอกแหละครับ ว่าตอนแรกเขาให้ผมทดสอบบทแซม ผมรู้จัก David Nutterดี ก่อนหน้านี้ เราเคยทำงานด้วยกันมาหลาย pilot   ผมรู้สึกไว้ใจ และเชื่อคำแนะนำเขา เขาเล่าให้ฟังถึงบทแซมให้เข้าใจ ผมอ่านสคริปต์ก็คิดว่า (ทำเสียง เหมือนเสียงในความคิด) "แล้วบท ดีน ล่ะ ผมชอบดีน...ดีนฮาๆดีนะ...." แต่ผมก็ เอาล่ะ ยังไม่เปลี่ยน ไปทดสอบบทแซมเหมือนเดิม แต่แอบศึกษาบทดีนไปด้วย เผื่อไว้ ทดสอบบทแล้ว พวกเขาชอบ ผมก็กลับบ้าน เย็นวันนั้น พวกเขาโทรศัพท์มาบอกว่า มีคนชื่อ เจเร็ด แพดเดอ แพดเดอ อะไรซักอย่างเนี่ย (ทำเป็นแซวชื่อ) ซึ่งพวกเขาชอบมากอยากให้รับทเป็นหนึ่งในพี่น้อง(วินเชสเตอร์) ผมก็ว่า โอเค แล้วก็เลยไปเช็คในอินเตอร์เน็ตซะหน่อย...... เจเร็ด : เขา(เจนเซ่น) คิดว่าผม "ฮ๊อต" มาก คนดูฮาแตก... เจนเซ่น : (เล่นด้วยเลย) หมอนี่ "สุดฮ๊อต" เรย ผมเล่นเป็นพี่ชายเขาไม่ได้หรอก.... (กลับเข้าเรื่อง) แล้วพวกเขาก็บอกว่า เขาอยากได้ผมกลับมารับบท ดีน..... แน่นอน ผมตื่นเต้นมากครับ ^o^ ผู้ดำเนินรายการ : ก่อนเวลาที่คุณมาแสดงด้วยกันจริงๆ คุณได้รับเลือกเป็นตัวแสดงแน่แล้ว เจนเซ่น : อ่า... มันไม่ได้มีการบอกอย่างตรงๆ..... เจเร็ด : อ๊ะ..ตอนนั้นได้แล้วเหรอ? (หันไปถามอีริค) อีริค : พวกเขาเป็นนักแสดงแค่ 2 คนที่เราพาไป Network เจเร็ด : มันค่อนข้างเป็นกระบวนการที่น่ากลัวครับ ผู้คนทั้งหญิง และ ชาย ที่เห็นเคยไปร่วมทดสอบบทมาแรมปี มี คน 5 คนที่คุณรู้สึกกลัวนั่งอยู่ในห้องกับคุณ มาทดสอบบทเดียวกัน แต่เมื่อเรา(เจนเซ่น กับ เจเร็ด) ไปถึง เราทักกัน แล้วผมถามว่า คนอื่นไปไหนหมด ไม่มีใครที่นั่นเลย เจนเซ่น : เหลือแค่เรา 2 คนแล้วละพวก มันเป็นครั้งแรกที่เจอกัน เราแสดงซีนทดสอบดัวยกันให้ทางผู้บริหารชม...นั่นแหละครับ.... แล้วเราก็เกลียดขี้หน้ากันตั้งแต่นั้นมา เจเร็ด : ช่ายครับ เจนเซ่นเอื้อมไปหยิบน้ำเพื่อจะดื่ม เจเร็ด : เราใส่ยาพิษในน้ำของนาย (หันไปบอกหน้าตาย ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้) เจนเซ่นชะงักกึก ถือแก้วน้ำค้าง แล้วมองดูที่แก้ว กระแอม...แต่ดื่มน้ำอยู่ดี ผู้ดำเนินรายการ : คิม คุณเข้ามาทำงานกับ Supernatural ได้ไงครับ คิม : (หน้าตาย) ผมไปทดสอบ บทแซม (เหมือนกัน) (กร๊ากกกกกก) เจเร็ด : นี่ทุกคน ทดสอบบทแซมเหรอไงเนี่ย! คิม : David Nutter คนที่กำกับ pilot เป็นเพื่อนที่ดีของผม เขาทำซีซั่นแรกของ the X-Files เขาโทรมาหา ขอให้ผมกำกับสักตอนนึง ผมก็รับคำ มากำกับตอน Dead in the Water แล้วก็สนุกกับมัน ผมชอบ แจน กับ ดีน อ่า...หรือ แซม กับ ดีน? ระหว่างผมขับรถกลับบ้าน พวกเขาโทรมา อยากให้เป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมก็วกรถกลับ แล้วก็มาอยู่นี่แหละครับ อีริค : ผมไม่รู้ว่าเราจะทำยังไง ถ้าไม่มีคิม (หยอดลูกชม เอาใจ) คิม : ผมรู้ว่าคุณจะทำยังไง คุณก็ไปจ้างคนอื่นไง เจเร็ด : ไม่มีคนอื่นหรอก อีริค : ไม่มีคนอื่น...ที่ชื่อ คิม (ตะหาก) คิม : รู้มะ ถ้าทุกอย่างนี่ล้มเหลว พวกคุณไปเล่นตลกคาเฟ่ได้นะ เจนเซ่น : ผมไม่อยาก ยืนเล่นตลกกับเขา(เจเร็ด)  เพราะผมต้องต่อขายืน (เจเร็ดสูงกว่า) เจเร็ด : ผมค่อนข้างขี้เกียจ ผมขอนั่งดีกว่า(เกทับ ว่าต้องนั่งถึงจะสูงเท่าเจนเซ่น) ระหว่างนั้นเขา(คิม)ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าพวกเราทุกคนโทรคุยกันว่า เขาเยี่ยมมาก เขาเป็นใคร? David Nutter แค่พูดว่า "พวกคุณจะรักคิม" เจนเซ่น : อย่างกับเจไดแน่ะ (การพูดของ David Nutter เหมือน พวกเจไดใน Starwars แค่ประโยคเดียวก็สะกดทุกคนง่ายๆ) เจเร็ด : (แสดงให้ดู) เขาเป็นใคร!...."พวกคุณจะรักคิม แมนแนอร์"...แค่นั้นก็ชัวร์แล้ว เจเร็ดทำไมค์ตัวเองตก เจนเซ่นเอาไมค์ตัวเองยื่นให้ เจเร็ดรับไปแล้วใช้ทั้ง 2 อันพูด แต่ยังหันไปยืมบ๊อบอีก เจเร็ด :  ขอยืมหน่อยครับ....ดังนั้นเราก็เลยเหมือนกับขอร้องให้เอาคิมมาทำงาน คิม : งาน....ขอแค่มีงานทำ....เท่านั้นแหละ เจเร็ด : เขาหิวโซเลย พยายามกินแขนผมด้วย ผมละกลัวจริงๆ ผู้ดำเนินรายการ : ผมไม่ได้คิดจะทำให้คิมอายนะครับ แต่คิมมีอะไรดีเหรอครับ? เจนเซ่น : เจเร็ด และ ผม เข้าใจได้ดีกับเขา เขากำกับในแบบที่เราชอบ เขาไม่ใช่คนที่กำกับผ่านโทรศัพท์จากที่ไหนซักแห่งใน L.A. แบบ แสดงซ้ำๆ โคลสอัพๆ แลัวไปฉากอื่นต่อ เขา(คิม)จะอยู่ด้วย มีตอนนึงที่เขากำกับ คือตอน Bugs เป็นซีนที่เราต้องเข้าไปในทีห้องแคบๆกับผึ้ง 65,000ตัว ช่างกล้องและทีมงาน อยู่ในชุดกันผึ้งเต็มตัว แล้วก็ว่า "เอาล่ะ เจเร็ด เจนเซ่น เข้าไปเลย" เจเร็ด : "แล้วอย่าไปตบผึ้งล่ะ เพราะจะทำให้มันโกรธ" เจนเซ่น : ผมต้องยกให้คิม เพราะเขาพูดว่า "รู้มะ ถ้าพวกคุณไม่ได้ใช้ชุดกันผึ้ง ผมก็ไม่ใช้เหมือนกัน" แล้วเขาก็เข้าไปกำกับในชุด กางเกงขาสั้น เสื้อยืด กำกับโดยมีผึ้งตอมเต็มหน้า และนั่นคือความสัมพันธ์ที่เรามีกับคิมครับ ผู้ดำเนินรายการ : จอห์น คุณเข้าร่วมงานได้ยังไงครับ? จอห์น : ผมมีงาน pilot ที่ไม่ผ่าน แล้วก็ว่างอยู่ ชอบสคริปต์ และ เมื่อพบอีริค ผมชอบเขาครับ (มาแบบ ไม่หือ ไม่อือ) อีริค : จอห์นเป็นคนของผมครับ จอห์น : จิงคับ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 04:07:13 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 04:02:31 จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จอห์น : ผมทำงานกับ the X-Files เป็นเวลานาน ผมทำรายการสยองมามาก เรื่องนี้โดนใจผมมาก โดยเฉพาะเมื่อผมได้ดูการตัดต่อของ pilot   เพราะมี 2 สิ่งสำคัญที่ทำให้ซีรีย์แบบนี้ประสบความสำเร็จ หนึ่งคือทุนที่มากพอ และไอเดียที่ 2 พี่น้องผจญภัย เพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเอง ช่างเยี่ยมจริงๆ ผมเห็นได้เลยว่าจะสามารถทรมานตัวละครทั้ง 2 คนนี่ ตอนแล้วตอนเล่า ไปได้ซัก 5 ซีซั่น (เจนเซ่น หงายศรีษะไปข้างหลัง ...เอิ้ก) และการคัดเลือกผู้แสดง...ความเข้ากันได้ (chemistry) ของทั้งสองคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สร้างได้ครับ chemistryระหว่างสองคนนี้ดีมาก ทำให้สนุกในการเขียนบทให้กับสองคนนี้.... (เจนเซ่น กับ เจเร็ด หันไปมองกัน ทำตาซึ้งให้กัน เจเร็ดยื่นหน้าเข้าหาทำปากจูจู๊บ เจนเซ่นทำหน้าตายโบกนิ้วชี้ทำนองว่า มะได้ ต่อหน้าคนดู) คนดูวิ๊ดวิ้ว ฮา เจเร็ด : คุ้มที่จะลองนะ นะ จอห์น : (สรุป เข้าเรื่อง) ผมก็เลย โอเคครับ ผู้ดำเนินรายการ : บ๊อบ? (ถาม Robert Singer ทำนอง แล้วคุณล่ะ?) บ๊อบ : ผมขอดูเขาสองคน (เจนเซ่น กับ เจเร็ด กู๊กกิ๊กกัน) แค่นั้นได้ไหม....(ฮาาาาา) ผมดู pilot แล้วชอบ แล้วคิดว่าสิ่งที่สตูดิโอต้องการคือ... (เจนเซ่น กัน เจเร็ด ทำไรกันนอกเฟรมกล้อง) อีริค : คุณไม่สามารถทำอะไรได้เล้ยยย (คุมสองคนนี่ไม่อยู่จริงๆ) บ๊อบ : เป็นอย่างนี้เวลาที่ต้องกำกับเหมือนกัน (เฮ้อ) บ๊อบ: (เข้าเรื่อง) ทางสตูดิโอ ว่า "เราโยนเงิน 40+ ล้านให้ อีริค คริปกี แล้วปล่อยให้เขาใช้เงินตามใจไม่ได้หรอก เราต้องการใครซักคน....." (เจนเซ่น กัน เจเร็ด ยังทำไรกันนอกเฟรมกล้องอยู่อีก) บ๊อบ : มัน....ช่าง(คุม)ยากเหลือเกิน...(เด็กเวร 2 คนนี่...บ๊อบทำท่ากุมขมับ) .... (เข้าเรื่อง) เขาต้องการคนมีประสบการณ์มาดูแลคนหนุ่มเพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรค แน่นอนพวกหนุ่มๆก็คิดว่า เราไม่ต้องการตาแก่นี่หรอก อย่างไรก็ตาม เราก็มาเจอกันหลายครั้งจนพวกเขาไว้ใจ และสบายใจที่ให้ผมเข้าร่วมทีม งาน มันน่าสนใจมากครับเพราะเราเป็นคนต่างวัยกัน เรามีวิธีเข้าถึงการละครต่างกัน แต่เราก็ทำงานร่วมกันได้ เราพบว่าเราไปถึงจุดหมายเดียวกัน เพียงแต่เราใช้วิธีต่างกัน ผู้ดำเนินรายการ : คุณพอจะอธิบายได้ไหมครับ บ๊อบ : เรื่องต่างวัยนี่อันนึง และ ผมค่อนข้าง..... อีริค : (แซว พูดต่อคำ) สร่างเมา บ๊อบ : นั่นก็ดัวย ผมมาจากการใช้วิธีมุมมองของตัวละคร ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวละคร แล้วปล่อยให้เรื่องเดินไป ให้ตัวละครทำอะไรที่ผมสนใจในซีน โดยมาแล้วผมสนใจว่าตัวละครจะสนองตอบอย่างไร อีริคทำงานหนักมากในการเขียน เรื่องที่ออกมาดี ตัวละครควรเป็นธรรมชาติ เราแทบจะไม่ขัดแย้งกัน ผมเคยทำงานคนเดียวมาเป็นเวลานาน มันรู้สึกดีที่มีเพื่อนร่วมทำงาน อีริค : ผมขอประจบเขา(บ๊อบ)หน่อย (ทำเสียงตื้นตัน).... เขานำความลึก และ การเติบโตของตัวละครเข้ามา ซึ่งผมทำไม่ได้ ถ้าผมคนเดียวเขียน มันก็เป็นแบบเรื่อง Boogeyman เขาทำให้ตัวละครเต็มไปด้วยความรู้สึก และบ๊อบเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างมาก ซีรีย์ประสบความสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีเขา บ๊อบ กะ อีริค กอดกัน (แบบ ฮาๆ) ผู้ดำเนินรายการ : (ถามยาว ขอแปลแบบย่อๆ) สำหรับนักเขียน เช่นจอห์น... คุณเขียนเรื่องอย่างไร วางทิศทางของเรื่อง ให้ไปที่เรื่องตำนาน ไปในแนวอื่น แล้วก็กลับเข้ามาทิศทางเดิม จอห์น : 2 อย่างครับ เราจิกตบ และถกเถียงกันมากว่าจะควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร เราจะมีตอนที่ไม่ใช่เรื่องตำนานซัก 5-6 ตอน แล้วค่อยกลับมาเรื่องลึกลับอีก แล้วเราก็จะจบซีซั่นด้วยเรื่องที่น่าตื่นเต้น กลับไปเรื่องลึกลับเป็นเรื่องที่ 2 หนุ่มต้องเผชิญ และ ก็เรื่องครอบครัว นั่นคือทิศทางของเรา เราอยากทำอะไรที่น่าตื่นตา อีริค : เรามีแผนของเรื่องลึกลับของซีซั่น และแผนว่าเรื่องจะไปทางไหน ซึ่ง 7 ตอนแรกในซีซั่นแรก เราต้องการเรื่องที่จบในตอน เพื่อดึงคนดูใหม่ๆเข้ามา แล้วค่อยสานต่อเรื่องลึกลับ ผมว่ามันสมดุลย์ถูกใจผมดี เรื่อง Lost ยอดเยี่ยมมาก เป็นซีรีย์เหลือเชื่อ ผมกลับรู้สึกว่าเรื่องลึกลับไม่รู้จบมันค่อนข้างเหนื่อย ถ้าคุณอยากให้มีเรื่องลึกลับต่อเนื่อง อย่างน้อยควรจะมีเรื่องย่อยอย่างอื่นที่สุดท้ายแล้ว คนดีได้ชนะบ้าง ทำให้คุณได้รู้สึกว่าได้ฟังการเล่าเรื่อง ผู้ดำเนินรายการ : คุณพอจะรู้ไหมว่าเรื่องจะจบยังไง อีริค : ผมรู้ ผู้ดำเนินรายการ : มีใครในพวกคุณ(ผู้ร่วมรายการ) ทราบไหมว่าเรื่องจะจบยังไง บ๊อบ : ครับ แต่ถ้าเราบอกคุณ เราต้องฆ่าคุณทิ้ง อีริค : มันเป็นเรื่องยากครับ ถ้าคุณไม่รู้ว่าซีรีย์จะถูกยกเลิกเมื่อไหร่ ถ้าคุณทำเรื่องไปเรื่อยๆซัก 37 ปี อย่าง เรื่อง Gunsmokers คิม : โอ...พระเจ้า.. 2 หนุ่มคงต้องใช้เครื่องช่วยเดิน (หง่อมงั่ก) อีริค : แล้วพวกเขาจะจบซีซั่นโดยค่อยๆตายอย่างช้าๆ ... ถ้าผมรู้ว่าระยะเวลาเท่าไร หรือมี แผนของ 5-6 ปี ผมรู้ว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจะเริ่มเป็นรูปร่างอย่างไร ผู้ดำเนินรายการ : อย่างนั้นเราต้องคอยดูกันแหละครับ ทีนี้มาตอบคำถามจากคนดูกันเถอะ จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนดู : ดิฉันมาจาก Sacramento อยากทราบว่ามีอะไรสำคัญที่ Sacarmento ทำไมจอห์น(วินเชสเตอร์คนพ่อ)ถึงไปที่นั่น 2 ครั้ง อีริค : จอห์น คุณเป็นคนเขียนนะ ตอบหน่อยสิ จอห์น : อ่า...เขาไป 2 ครั้งเหรอ? ผมไม่อยากบอกออกไปตอนนี้ เจนเซ่น : จริงๆง่ะ จอห์น : ผมจะไม่บอกคุณเหมือนกัน (หันไปบอกเจนเซ่น) เจนเซ่น : (กวน) ก็ผมอยากรู้เด๋วนี้นี่ อีริค : ใช่ทำไมง่ะ จอห์น : ทีหลังน่ะ ทีหลัง เจนเซ่น : ขอบคุณมากกกก (ประชด) ผู้ดำเนินรายการ : อย่างนั้นก็มีคำตอบ แต่คุณจะไม่บอกว่ามันคืออะไร จอห์น : แน่นอนครับ ผู้ดำเนินรายการ : พูดถึงสถานที่ มีอะไรเกิดขึ้นที่ Lawrence, Kansas หรือครับ? อีริค : ผมอยากบอกว่า ถ้าคุณได้..... เจเร็ด : พูดอีกอย่างคือ "ใช่" อีริค : ใช่ครับ เราทำการค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับ ตำนานคนเมืองของอเมริกัน และที่ Lawrence, Kansas มีตำนานที่มีชื่อเสียง ลองเข้าไปเช็คGoogleดูสิครับ ผู้ดำเนินรายการ : พวกคุณรู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร เจเร็ด, เจนเซ่น? อีริค : ผมไม่คิดว่าเคยบอกนะ เจนเซ่น กับ เจเร็ด : โอย แน่นอน รู้ๆ (แต่ดูเหมือน บลัฟมากกว่า) เจเร็ด : ผมยังไม่ได้ตัดสินใจจะบอกคริปกีว่ามันคือไร คนดู : ดิฉันมาจากเท็กซัสเหมือนกัน (2 หนุ่ม ร้องวู้รับ สไตล์เคาบอย) สำหรับทุกๆคน บรรดาตำนานเหล่านั้น ทำให้พวกคุณกลัวไหม? คิม : ไม่มีอะไรทำให้ผมกลัว(เสียงตายมาก) ผมกำกับรายการทีวี และถ้าคุณมีชีวิตรอดเรื่องแบบนี้มาได้ คุณบ่ยั่นอะไรแล้ว เจนเซ่น : ผมเชื่อคุณครับ คิม :  จอห์น คุณกลัวอะไร จอห์น : บทไม่เสร็จตามเวลา คุณนั่นแหละ เวลาที่คุณโทรมาพูดว่า "ไอ้บทนั่นอยู่ไหน" นั่นคือเรื่องน่ากลัวของผม แล้วพวกนาย 2 คนล่ะ...(เจนเซ่น กับ เจเร็ด) เจนเซ่น : เจอตลอดทั้งซีซั่นอยู่แล้วพวก เรื่องผึ้งก็หนึ่งล่ะ... เจเร็ด : มาผมขอเล่าหน่อย พ่อผมให้ผมดูเรื่อง Shadow Man มันเกี่ยวกับเรื่อง เงาที่อยู่ใต้เตียงของเด็กเงียบๆไม่เด่นคนนึง แล้วมนุษย์เงาก็จัดการเด็กเกเรให้เขา จนวันนึง มีมนุษย์เงาของเด็กอีกคนเข้ามา ผมกลัวมากเลย (เล่ามาได้ โคดน่ารักเรย.....ด้วยความเขิล เจเร็ดเกาหัว แล้วยกปกเสื้อขึ้นมาปิดหน้า...สาวกรี๊ด) อีริค : ผมตอบเอง ต้องมีสักคนตอบให้ตรงคำถามบ้าง ผมกลัวมือตะขอ ตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว ฆาตกรมือตะขอ ที่พูด "ดีใจไหมที่ไม่ได้เปิดไฟ" โอย...เด็ดมากเลย.... คนดู : ใน pilot เราเห็นแซมต้องการไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่จอห์น(พ่อ)บอกว่าไปให้พ้นซะ แซมบอกว่าไม่ได้พูดกับดีนมา 2 ปีแล้ว เกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เจนเซ่น : อีริค คุณว่าไง? อีริค : คุณรู้ไหมคุณควรทำอย่างที่จอห์นทำ พูดว่า "แล้วคุณจะรู้เอง" (ฮาาาาา) จริงๆแล้ว มันเป็นข้อผิดพลาด แฮะๆ ความสับสนของเรื่อง (แปลได้แค่ประมาณนี้ เพราะงงกับระบบการเรียนอเมริกัน) ท่ามกลางการถกเถียงนานา ผมก็แอบหัวเราะ ฮี่ ฮี่ มันแค่เรื่องพลาด แต่เดี๋ยวก่อนนะ ให้ผมให้คำตอบที่จริงกับคุณ....(เอามีอลูบคาง) "แล้วคุณจะรู้เอง" (5555555) เจนเซ่น : นั่นเลย คนดู : ถ้ารายการน่ากลัวเกินไป คุณต้องแลกอะไรกับ Network หรือเปล่า อย่างขอ 2 วินาที กับหน้าเปื้อนเลือด หรือทำอย่างอื่น เจนเซ่น : เราเจอเรื่องแบบนั้นบ้าง 2-3 ครั้ง ในซีซั่นนี้ บ๊อบ : ตอน Nightmare เป็นตอนแรกที่โดน เราถูกห้ามไม่ไห้แสดง หัวที่ถูกตัดออกแล้วกลิ้งไป แล้วเราก็เริ่มเถียง ขอกลิ้งไปครึ่งรอบได้ปะ แล้วเขาก็โอเค ครึ่งรอบได้ แต่มีเลือดกระฉูด 2 วินาที ไม่ได้ ให้ได้แค่ 1 วินาที... จริงๆแล้ว Networkดีกับเรามาก เขาปล่อยเราผ่านมากกว่าที่เราคาด เจนเซ่น : ยังมีเรื่องปืน กับ ผม แล้วผมโดนยิงที่หัว อีริค :  ตอน Nighmare เป็นตอนแรกที่มีเรื่องเกียวกับมาตรฐาน และ การทำงาน   มีซีนที่ดีนโดนยิงที่สมองกระจายในฝันร้าย ยิงเข้าทางหน้าผาก เลือดกระฉูดออกท้ายทอย พวกเราก็ฮาสะใจกัน   แต่ Network บอกไม่มีทาง เจนเซ่น : ผมมีแบ็คแพ็คอันใหญ่อยู่ข้างหลัง ใส่น้ำองุ่นและน้ำเชื่อมข้าวโพด แล้วก็มีท่อต่อไปออกที่ท้ายทอย ผมถือปุ่มเล็กๆไว้ พอเขาสั่ง แอ๊คชั่น เราจับเวลากับปืนยิง ผมกดปุ่มทำท่ากระตุกโดนยิง แล้วเลือดปลอมกระจายที่ผนังข้างหลัง มันออกมาดี แต่สุดท้ายตัดออกบางส่วน เหลือแต่อะไรกระจายบนผนัง กับ ช๊อตกลับมาที่รูบนหน้าผากผม บ๊อบ : ผู้กำกับของตอนนั้นก็อยู่นี่ นั่งอยู่ข้างภรรยาผม (อันนี้ขอข้าม ไม่ค่อยเข้าใจ...) คิม : เราเหมือนเล่นเกมกับพวกเขาครับ เราจะตัดต่อให้ออกมาดูรุนแรงน่ากลัวมาก แล้วเวลาเขาขอตัดออกซัก 4 เฟรม เราก็ทำท่าอิดเอือน แล้วทำตาม ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่ต้องการ 4 เฟรมนั้นหรอก จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนดู : พวกคุณเคยเจออะไร อย่างรอยเลือดแปลกๆ หรือ หุ่นไล่กาน่ากลัว หรืออะไรก็ได้รอบตัวที่ทำให้คุณหวาดๆ ถึงแม้คุณจะรู้ว่ามันเป็นของเทียม อย่าง พลาสติก หรือ เลือดปลอมก็ตาม เจเร็ด : มีครั้งหนึ่ง ตอนSkin ที่ดีนเป็น shape shifter (ตอนที่ปลอมตัวเป็นดีน) เราอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง แล้วนาฬิกาบนผนังอยู่ๆก็ตกลงมา ทุกคนก็หันไปมองรอบๆ แต่ไม่มีใครถามว่าใครทำ พวกเราทำเป็นไม่สนใจแล้วทำงานต่อไป ตัดสินใจว่าไม่อยากรู้อะไรมากกว่านั้น ก็ทำอย่างที่คนกล้าๆเขาทำกันแหละ (แฮ่ะๆ) เจเซ่น : ในตอน Asylum เราไปถ่ายทำในโรงพยาบาลโรคจิตที่ถูกทิ้งร้างจริงๆ ทางเดิน และห้องต่างๆผุพังรกร้างประมาณนึง ทีมงานเตือน ห้ามขึ้นไปชั้น4 ห้ามอะไรเทือกนั้น...... ตอนพักอาหารกลางวัน ผมนึกฉลาดลองใช้ทางลัด ผมลงบันไดมาไปเจอประตู ที่เป็นทางเข้าทางเดินยาวไกลมืดๆ ไม่มีไฟเลย เพราะทีมงานปิดไฟไปหมดแล้ว.... ผมคิดว่า...เฮ่ย...ดูไม่ไกลเท่าไหร่หรอกนะ น่าจะรอดอยู่ (ปากอย่างแต่ทำหน้าปอดชัดๆ) ....เรื่องนี้ผมโคดกลัวเรย คิม : ดีน วินเชสเตอร์ ครับทุกท่าน ไม่กลัวอะไรเลย คนดู : ตอนนี้รายการคุณเข้าไปอยู่ในเน็ตเวิร์คใหม่แล้ว (CW เป็นช่องของเคเบิ้ลมัง) เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องจะไม่เคร่งครัดเหมือนเดิม และจะมีบทเรต NC-17 (ต่ำกว่า 17 ห้ามดู) อย่างตอนเลิฟซีนนึงของ เจนเซ่นหรือเปล่า เจนเซ่น : (หันไปมา หันไปทาง บ๊อบ และ อีริค) แม่จ๋า นู๋ไม่เข้าใจ คนดูสาวตะโกนบางอย่าง เหมือนมีคำว่า nude? เจนเซ่น : ไรนะ? คนดูสาว : (ตะโกน) sex ไง เจนเซ่น : โอว (ถึงกับขยับท่านั่ง) เจเร็ด : นั่นแล้ว...(บางอ้อ) เจนเซ่น : ผมลืมเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย (พูดกลั้วหัวเราะ) เจนเซ่น : ขอบใจนะเพียก (หันไปบอกอีริค สำหรับที่เขียนบทให้ได้มีเลิฟซีน) อีริค : แน่น้อน! สุขสันต์วันเกิดเจนเซ่น เจนเซ่น : ครับ.. เจนเซ่นยิ้มแบบกรูโดนแล้ว.... อีริค : (บอกคนดู) ครับ CW นำเสนอ nudeหนุ่มได้อยู่แล้ว เจเร็ด หัวร่อกร๊ากกกก อีริค: มีเรื่องอีกเยอะครับ อย่าเปลี่ยนช่องนะ....... เรากำลังเขียนให้มีเรื่องรักๆ ตามแต่ความเหมาะสม เจเร็ดสำลัก หัวเราะไปดื่มน้ำไปก็อย่างนี้แหละ เจนเซ่นทำทีตบหลังช่วยพวก เจนเซ่น : ขออากาศหายใจหน่อยครับ คนดู : พวกคุณสนุกสนานอย่างนี้ เราไปทำงานให้คุณที่กองถ่ายได้ไหม เจเร็ด : คร๊าบ ขอบคุณที่พวกคุณมาร่วมงานครับ เจนเซ่น : คร๊าบ ขอบคุณมาก คนดู : เรื่องที่เสนอเป็นเรื่องตอนคุณโตแล้ว ถึงมีอะไรอีกมากในอนาคต แต่ดิฉันสนใจเรื่องในอดีต มีอีกหลายแง่มุมเกี่ยวกับวัยเด็กของพวกเขา การเติบโต การเดินทางไปเรื่อย พ่อของเขาได้มีโอกาสตะลุมบอนกับปีศาจบ่อยไหม แล้วแซมปรับตัวอย่างไร พวกคุณจะขยายเรื่องช่วงนี้ไหม? อีริค : เมื่อวานนี้เราเพิ่งตัดต่อตอนลำลึกวัยเรื่องในอดีตของแซม ดีน และ พ่อ ไปครับ... เราได้เห็นว่าเขาผ่านวัยเด็กมาอย่างไรบ้าง ผมพอใจกับงานที่ออกมาครับ เราลองดูสักครั้งนึงแล้วคิดว่าคงทำอีก เพราะมันเป็นโอกาสเล่าเรื่องได้มากในช่วง เวลา 22 ปีนั้น ดังนั้น เราทำแน่ครับ ตอนที่ว่านี่จะออกอากาศเดือนเมษายน เจเร็ด : ข้อดีของเรื่องลำลึกอดีตก็คือ เวลาที่ แซม และ ดีน วัยเด็ก ถ่ายทำ แซม และดีน ตอนโต(อย่างพวกเรา) ได้นอนครับ.... (บอกคนดู)ช่วยกันผลักดันให้มีตอนแบบนี้นะครับ อีริค : ใช่ ใช่ เจนเซ่น : ช่วยผลักดันครับ....ตอนลำลึกอดีต เจเร็ด : สำคัญมากคับ คนดูสาวน้อย : (กิ๊กกั๊ก กว่าจะถามได้เขิลแทบแย่ เพื่อนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวใหญ่) ดีนใส่สร้อยเส้นนึงตลอดเวลา มันมีความหมายอะไรหรือคระ (เสียงสั่นนิดๆเชียว) เจนเซ่น : (หันไปหาอีริค) คุณจะปล่อยให้ผม ตอบคำถามนี้ใช่ปะ อีริค : โอว ช่าย (แบบสะใจาย นายรับคำถามนี้ปายเรย เหอๆ) เจเร็ดหัวร่อกร๊ากกกกก เจนเซ่น : มันมีความสำคัญครับ แต่เราบอกไม่ได้ เจนเซ่นเท้าคาง ยิ้มให้เต็มๆ (อิจฉาเด็กว่ะ) จอห์น : มาน-มา-จาก Sacramento (เหอๆ) --- ฮาแตกกันทุกคน ผู้ดำเนินรายการ : เป็นคำถามที่ดีครับ เรื่องสร้อย คนดูสาวน้อย : นู๋สังเกตทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาแหละค่ะ คนดู : ดิฉันเห็นคุณกล่าวถึง การใช้ green screen - blue screen ในเทคนิคการถ่ายทำ มันง่ายมากสำหรับคุณเวลา"แกล้งทำ"หรือคะ แล้วเวลาดีวีดีออกมาพวกคุณควรจะรวมเบื้องหลังตลกๆเข้าไปไหม? เจนเซ่น : อาทิตย์ที่แล้วมาเราเพิ่งทำ เบื้องหลัง สำหรับดีวีดีไปครับ (คนดูตีมือ ดีจาย) เจนเซ่น : กลับมาคำถามแรกนะครับ เกี่ยวกับเทคนิคถ่ายทำ green screen เรา do do หลายอย่าง (เจนเซ่น ตั้งใจจะใช้คำว่า do ขยายการกระทำ แต่กลายเป็นเอา do ไปวางหน้า do ทำให้ไปพ้องกับคำว่า doo doo ที่แปลว่า อึ) .... เจนเซ่น : (นึกได้ ขำตัวเอง) ผมพูดว่า doo doo (อึ) ล่ะ บ๊อบ : เขาพูดว่า doo doo เจเร็ด : (บอกคนดู) เขาพูดว่า doo doo เจนเซ่น : อ่า....(ขำตัวเอง) เจเร็ดหัวเราะหน้าหงาย คนดู ผู้ร่วมรายการหัวเราะ เจนเซ่น : (พยายามเอาตัวรอด พายเรือเข้าฝั่งให้ได้ กลับไปพูดเรื่องที่ค้างไว้) เราทำงานกันมากกับ... คิม : (พูดต่อทันที) doo doo เจนเซ่น : (ไม่รอดแระ หัวร่อตัวเอง) เจเร็ดนายตอบก็แล้วกัน....เอิ้ก เจเร็ด : อืม....อย่างที่คิมและเจนเซ่นว่าแหละครับ เรา doo doo (ได้โอกาสซ้ำเติม) ผมว่าเราได้เรียนรู้กันมาก ได้ทำงานที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเวลาต้องใส่อารมณ์แสดง กับ การแสดงทางร่างกายอย่างนี้ เวลาพวกเขาบอกว่า "เอาล่ะ พวกคุณอยู่ในป่า มันมืดและน่ากลัว แล้วคุณได้ยินเสียงแปลกๆ" คุณหันกลับไปมองหลัง แล้วเจอ...ผนังสีฟ้า แปะเทป มีทีมงาน คน 2 คน ยืนอยู่ สูบบุหรี่ พูดจาหยาบคาย แลกกันดูรอยสัก.... พูดถึงเรื่องที่ผมต้องเจอ อะนะ เจนเซ่น : นอกจาก green screenจริงๆแล้ว เราก็ทำงานในฉากธรรมดา แล้วเทคนิคจะถูกใส่เข้ามา อย่างเรื่อง Phantom Traveler มีควันออกมาจากช่องลม ซึ่งไม่ใช่แบบที่เราเห็นทั่วไป เราต้องแกล้งทำเป็นเห็นว่ามีมันอยู่ ซึ่งไม่มี green screen เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วมีตอนที่จะออกอากาศ ที่คิมกำกับ.. Shadow.. (คนดูหัวเราะ.เพราะตอนนั้นออกอากาศไปแล้ว.) อีริค : ตอนนั้นออกอากาศไปแล้ว เจนเซ่น : ก็ผมยังไม่ได้ดูง่ะ (เหมือนงอน) คิม : คุณจะต้องชอบมันแน่ เราถถ่ายตอนเม็กตกลงจากที่สูง เราแขวนเธอเหนือพื้น 6 ฟุต แสดงท่าหงายตกลงมา แล้วเราก็ใส่เทคนิคคอมพิวเตอร์เข้าไป ทำให้ดูเหมือนตกลงมาจากชั้น 7 เจนเซ่น : แล้วเราก็วิ่งไปที่หน้าต่าง ไม่มีตัวเธออยู่ที่นั่นเลย เราจ้องอยู่ที่ กากบาทสีแดงใหญ่ๆ อีริค : เจนเซ่น นี่หมายความว่าพวกนายต้อง"แสดง" (ใช้ฝีมือแสดง) จริงๆเรอะ เจเร็ด : ม่าย ม่าย ตัวจริงของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้เราอยู่ใน แคนาดา นี่เป็น... เจนเซ่น : ตัวแสดงแทน แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 52 05:17:23 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 01:29:22 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 18:25:00 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 05:23:24 จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอปาด หน่อยนะครับ จะได้รู้ว่ามีคนตามอ่านครับ อิอิ จากคุณ : Ghz_Baz - [ 6 ม.ค. 52 03:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คนดูถามเจนเซ่น ว่าเขาเป็นคริสเตียน แล้วยากไหมที่ทำซีรีย์แบบนี้ และ หมายเลขโทรศัพท์ ที่คุณฝากข้อความ voicemail ให้กับวินเชสเตอร์คนพ่อ ไม่ใช่หมายเลขสมมุติที่ขึ้นต้นด้วย 555 อย่างหมายเลขที่ใช้สำหรับในหนัง อยากทราบว่าได้รับโทรศัพท์จากแฟนๆไปทิ้งข้อความที่หมายเลขนั้นหรือเปล่า เจเร็ด : ถ้าคุณต้องการโทรหาเขาจริงๆ คุณโทรไปที่ 1-800-WET-LEGS เจนเซ่นเอนกระซิบบอกเจเร็ดอะไรบางอย่าง (ดูหนิดหนม และแอบ Yมาก) เจเร็ด : อ้าวเปลี่ยนแล้วเหรอ เจนเซ่น : ผมลืมไปแล้วครับ คำถามของคุณคือ...? (ไมค์หลุดกระจาย) คิม : เรื่องความเป็นคริสเตียนของคุณ เจนเซ่น : อ่า ครับ..ผมถูกเลี้ยงขึ้นมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา ที่ผมทำอยุ่นี่แค่การแสดง เราเล่าเรื่องกัน ผมแค่แสดงเป็นตัวละครหนึ่ง บางครั้งเรื่องก็ทำให้ยายผมสะดุ้งกลัว เมื่อสิ้นสุดการทำงานของแต่ละวันแล้ว ผมโอเคกับมัน แล้วเรื่องเบอร์โทรศัพท์ มีอีเมล์เยอะเลยที่พูดถึงเรื่องนี้ อีริค : เราไม่สามารถฟังทุกอันได้ครับ มันมีสัก2,000 ข้อความ voicemail ได้ ผมฟังแค่ 20-30อัน "แซม ดีน มีผีอยู่ในห้องใต้หลังคา มาเร็ว!" ผมชอบพวกนี้ครับ เจนเซ่น : นั่นเด็ดจริงๆ คนดู : ลูกชาย กับ ดิฉันเป็นแฟนซีรีย์ค่ะ พวกคุณเยี่ยมมาก เราอยากรู้ว่าคุณขับรถอะไร เจนเซ่น : มันคือ Chevy รุ่น Impala ปี 1967 ครับ คนดู :  Metallicar! (เชียร์เพลงร๊อค) เจนเซ่น : เราเพิ่งซื้อคันที่ 5 เรามี 5คันด้วยกันครับ เจเร็ด : เพราะอย่างนี้คุณๆถึงหาซื้อไม่ได้ใน ebayไง เจนเซ่น : เราซื้อมาหมดแล้ว คนดู ถามถึงเพลงร๊อค สมัย 70s ร๊อคคนผมรากไทร อะไรบันดาลใจให้ใช้เพลงเหล่านั้น อีริค : เรื่องนี้สำคัญกับผมมากครับเมื่อทำpilot ผมเป็นคนมาจากเมืองเล็กใน Ohio และนี่เป็นเพลงที่ผมฟัง ผมเป็นแฟน Zeppelin พอมาผลิต pilot ผมคุ้มคลั่งมาที่จะเอาเพลงแบบนี้ใส่เข้ามาในโครงเรื่อง pilot ผมถึงกับเขียนในสคริปต์เลยว่า"คิว เพลง และเอาเพลงอย่างalternative pop ยัดก้น นายไปซะ" (ทำนองว่า อย่าบังอาจมาใช้เพลงแบบนั้นในงานกรู)   นั่นเป็นเหตุผลที่ใน pilot  2หนุ่ม พูดถึง เทป และ วง AC/DC, Motothead, Metallica ถ้าเราได้ถ่ายทำเข้าใน pilotแล้ว พวกเขาก็จะต้องใช้เพลงของผมต่อไป เพราะมันเข้าไปอยู่ในซีรีย์แล้ว (555) เราสนุกมากับงานหลังการถ่ายทำ การหาเพลงมาใช้ แล้วโทรหากันตอนเช้าวันนึง "Billy Squier เพลงของ Billy Squierล่ะเป็นไง" ....ผมคิดว่าสัญญลักษณ์ของเรื่องคือความ Midwestern (คนอเมริกัน ที่อยู่ตอนกลางของประเทศ เรียกได้ว่ามีลักษณะลูกทุ่งหน่อยๆ เชยๆนิด เคร่งศาสนา ยังคงมีความเชื่อเรื่องตำนาน) ทั้ง 2 คนนี้มาจาก Kansas ขับรถแบบแมนๆ แล้วฟังเพลงแบบนี้....ผมชอบมากครับ เมื่อคืนก่อนๆมีเพลงของ Joe Walsh (ใช้ในเรื่อง) ผมนั่งหัวเราะ “Yay, Rocky Mountain Way on WB.” (หมายถึง เพลงและวัฒนธรรมแบบนี้บน Network อย่าง WB) บ๊อบ : แล้วมันกระจายไปมากเลยครับ คนตัดต่อคนนึง  เขาเป็นแบบพวกทันสมัย เราเลือกเพลงที่จะใช้ด้วยกัน ผมแนะนำให้ใช้เพลงในเรื่อง และ2วันต่อมาเขาบอกผมว่า "Bad Company เด็ดจริงๆ" (<--ชอบล่ะซิ) คนดู ขอคำแนะนำเรื่องการแสดงเพราะเขาเป็นนักแสดง อยากรู้ว่ายากมากไหมที่จะเริ่มอาชีพการแสดง เจเร็ด มองหน้า เจนเซ่น แบบใครจะตอบก่อน เจนเซ่น : ว่าไปเลย (ขรึมๆ บอกเจเร็ด) เจเร็ด : เอาล่ะ ผมตอบให้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำถามนี้ สมัยมัธยมผมชนะแข่งได้ไปงาน Teen Choice Award แล้วได้ยื่นถ้วยรางวัลให้กับ Freddie Prinze Jr ตอนเขาได้ Best Hotties of the World เจเร็ด : นายดิ่งลงเหวมากเลยจากนั้นมา เจนเซ่น : ช่าย ผมใช้มุขเรื่องของ Freddie Prinze Jr   ผมเจอตัวแทนในงาน ซึ่งผมยังให้เขาเป็นตัวแทนถึงทุกวันนี้ และแฟนผม แซนดี้ อยู่ตรงนั้น ผมคุยทางโทรศัพท์กับตัวแทนคนนั้น เขาเชื่อว่าผมทำได้   ผมกลับมาเรียนต่อมัธยมจนจบ คุณแม่คุณครูของผม และคุณพ่อนักบัญชี พวกเขาตื่นเต้นมากว่า "เขาจะเรียนจบมัธยมแล้ว" ส่วนผมก็ว่า "ขอผมไปแสดงได้ไหม ได้ไหม" ยังไงก็ตาม ผมบินมาช่วงที่วงการทำ pilot และ ได้ทำ pilot แล้วผมก็ใช้เงินนั้นสำหรับช่วงฤดูร้อน ผมมีเพื่อนมากมายที่มีความสามารถมากกว่า และ ตั้งใจมากกว่าผม แต่ยังคงต้องดิ้นรนอยู่ อาชีพนี้มันยากครับ เพราะฉะนั้น พยายามให้มากต่อไป พยายามให้ตัวเองดีขึ้นครับ ผู้ดำเนิรายการ : เจนเซ่น คุณเริ่มต้นยังไงครับ เจนเซ่น : เหมือนที่เจเร็ดว่าแหละครับ ไม่มีสูตรตายตัวที่เรามาถึงขั้นนี้ สำหรับผมเป็นเรื่องโชคมากกว่า ผมแสดงละครเวทีใน Dallas และได้ตัวแทนจาก L.A. มาดู เขามาติดต่อผม แต่ผมไม่ได้เชื่อเขา ไม่สนใจ เขาเข้ามาพบพ่อแม่ผม ผมก็เห็นว่าเขาสนใจจริงๆ จน2-3ปีให้หลัง ตัวแทนคนนั้นยังติดต่ออยู่ ในที่สุดผมก็คิดว่าจะลองไปดูซัก 2 เดือน ดูว่าเขาพูดจริงไหม แล้วก็ได้งานเลย ทำงานมาแล้ว 8-9 ปี คนดู : Shadow เป็นตอนที่สนุกมาก ขอบคุณมาก ขอเข้าเรื่องสำคัญเลย พวกคุณชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลอะไร เจเร็ด :  แล้วคุณมีอะไรให้ดื่มล่ะ? คนดู : เพราะ ดิฉันเห็นเบียร์ในแต่ละตอน ก็เลยสงสัยว่า พวกคุณดื่มเบียร์แบบไหน (แบบธรรมดา หรือแบบ light beer.....คำถามนี้ส่อว่าเป็นคำถามหลอก เพราะ light beer เคยถูกเอาไปเกี่ยวข้องกับความเป็น gay) 2 หนุ่มมองหน้ากัน (โอ้ ถามได้เนียน.).... เจเร็ด หัวเราะก๊าก ตรงที่ว่า You are "hard guy"? or "light guy"? เจเร็ด : โอย...แม่ต้องฆ่าผมแน่เลย เจนเซ่น : เอ่อ...เราตัดการบันทึกตอนนี้ได้ปะ เจเร็ด : เรื่องตลกคือ Chris Cooper ผู้เชี่ยวชาญทำของประกอบฉาก จะทำฉลากเบียร์ปลอม..... (มีเสียงคลิกประหลาด ดังขึ้น) เจเร็ด : (ชะงัก)... พระเจ้า(เหรอ)? เจนเซ่น : ผมคิดว่านั่นเสียงปืนเย็บกระดาษนะ (ทำท่าอึดอัด กลัว) เจเร็ด : (ต่อ).. พวกนั้นเป็นฉลากเบียร์ปลอมสำหรับทุกเมืองที่เราไป เช่นถ้าเราอยู่ใน Texas ก็จะเป็นเบียร์ยี่ห้อ Lone Star Lager (Lone Star - ดาวเดียว สัญญลักษณ์ของรัฐเท็กซัส) และใน Minnesota ฉลากเบียร์ก็จะเป็น Timberwolf Ale แต่พวกเรามันหนุ่มเท็กซัส.... เจนเซ่น : เราก็คงดื่มอย่างที่คุณจะวาดภาพว่าหนุ่มเท็กซัสจะดื่มอะไร เจเร็ด : ดื่มในถ้วย (ขอเดา อาจหมายถึงดื่มในถ้วยพลาสติกแบบเห่ยๆที่ใช้แล้วทิ้ง บอกถึงความเสร่อได้อย่างนึงของพวกลูกทุ่ง ที่ดื่มจากแก้วน่าเกลียดไงก็ได้ ขอแค่เป็นเบียร์...เสี่ยวมั่กๆ) จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผู้ดำเนินรายการ : (แปลย่อๆ) พวกคุณแต่ละคน ช่วยเลือกซีนที่ชอบที่สุดได้ไหมครับ แล้วทำไมถึงชอบ คิม :  ผมขอตอบ Shadow เป็นตอนที่2หนุ่มได้พบพ่อในที่สุด ผมภูมิใจมากที่มีซีนดีๆถึง 4 ซีน ซีนที่หนุ่มๆเตรียมอาวุธ ดีนโพล่งใส่แซมว่า "ไม่เข้าใจหรือไงว่า ชั้นเอาแกออกมาจาก Stanfordทำไม เพราะชั้นอยากให้เราเป็นครอบครัวอีกครั้ง!"....... (เจนเซ่นทำท่าปาดน้ำตา..แต่ดูแล้วน่าเขกกบาล) คิม : ผมขอบอกว่า เจนเซ่น รับบทหนักมาก เพราะ ดีนมักจะสร้างกำแพงอารมณ์ขึ้นมา แล้วการที่ได้ทลายกำแพงนั้นเพื่อจะได้เห็นหัวใจของดีน เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากสำหรับผม เมื่อพวกเขาได้พบพ่อในอพาร์ตเมนท์ และในทางเดิน   เราผลักดัน2หนุ่มอย่างมาก และพวกเขาแสดงได้ถึง 2,000% เมื่อได้แสดงกับ Jeffrey Dean (วินเชสเตอร์คนพ่อ) เราได้เห็นการแสดงกลายเป็นเรื่องจริง คำพูดกลายเป็นของพวกเขาเอง และอารมณ์ก็เป็นของแต่ละคน มันพิเศษมากสำหรับผมครับ เจเร็ด : ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ เราได้ผู้กำกับที่ยอดเนี่ยม บอกว่าควรจะทำอะไร โดยไม่ทำให้มันยากเย็น ดังนั้น เจนเซ่น กับผมขอบอกพวกคุณว่าเป็นพันครั้งทุกๆวันเลยว่า คิมเยี่ยมมาก เจนเซ่น : เราโชคดีมากที่มีคิม ผู้ดำเนินรายการ : มีไหมที่คุณไม่ยอมแสดงเพราะคุณคิดว่า ดีนจะไม่พูดอย่างนั้น? เจนเซ่น : มีครับ...บางครังผมก็รู้สึกหวงบทดีน และ การแสดงอารมณ์ของเขาเหมือนกัน ในฐานะนักแสดงคุณเติบโตไปกับตัวละครในซีรีย์ คุณรู้สึกใกล้ชิดกับมัน และอยากปกป้อง ผมคิดว่าผมไม่แน่ใจว่าควรจะเปิดเผยความรู้สึกไปลึกแค่ไหนในซีนนั้น ผมเดาว่าช่วงที่สับสน ผมจะปิดกั้นตัวเอง แต่คิมเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงผมได้ ผมดีใจที่มีเขาอยู่ จอห์น : มีตอน Skin ผมภูมิใจมาก มันแสดงถึงการเล่าเรื่องของเรา พวกเราแบบว่า "เราจะทำอย่างนี้นะ เราต้องการสัตว์ประหลาด" แล้วSupernatural จะทำยังไง ทำยังไงให้มันพิเศษ ผมจำได้ถึง สำนักงานของคริปกีใน WB.... อีริค : น้ำพุ...(สงสัยที่ทำงานมีน้ำพุ) จอห์น : พูดถึงเรื่อง Skin และ เรื่องเปลี่ยนร่าง ซึ่งมันเคยทำมากแล้วในทีวี เราต้องหาแบบของเราเอง ซึ่งเราแสดงให้เห็นเมื่อ ดีนตัวปลอมลงไปที่ท่อน้ำทิ้ง ผมจำได้ถึงพวกกระทู้ที่โพสต์ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเพื่อนส่งมาให้ดู แฟนรายการคนนึงโพสต์ว่า "พระเจ้าช่วย ดีนถอดเสื้อ!" แล้วทันทีต่อจากนั้น "พระเจ้าช่วย เขาลอกหนังออก!"   ผมรู้ตอนนั้นเลยว่า เราทำสำเร็จ ผมพอใจมากเลยครับ เจนเซ่น : นั่นแหละ เรื่องที่เราทำ... เจนเซ่น : ซีนที่ผมชอบ ไม่ใช่ทั้งซีน มันเป็นแค่ช๊อต คือช๊อตใน Dead in the Water ซึ่งคิมกำกับ ตอนที่ผมช่วยเด็กผู้ชายออกจากทะเลสาบ มันเป็นฉาก slow motion ซึ่งได้อารมณ์มาก การขึ้นมาจากนั้า การจัดฉากมันช่าง.... ผมมีเด็กชาย 10 ขวบในมือ และพยายามพยุงให้เราลอยด้วยแขนข้างที่เหลือ ผมขยับเท้าไม่ได้เพราะมีประดาน้ำ 2 คนจับอยู่ พวกเขาเตรียมที่จะดึงผมลงใต้น้ำ ผมไม่เป็นไร ผมเติบโตว่ายน้ำทะเลสาบมาตลอด แต่ความรู้สึกที่โดนใครมาดึงขาลงน้ำนี่ โดยเฉพาะเวลาที่มีเด็ก10ขวบอยู่ในมือ ที่คุณพยายามให้เขาลอย แล้วเขาต้องแสดงเป็นตาย มันรู้สึกค่อนข้าง...รุนแรง และ ลืมไม่ลง แต่เราก็ผ่านมาได้ มันกลายเป็นช๊อตที่ดีมากๆ ผู้ดำเนิรายการ : นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากครับ เจเร็ดแล้วคุณล่ะ เจเร็ด : ผมได้ใช้เวลาคิดระหว่างที่พวกเขาตอบ (เกาหัว) ผมขอย้อนไปซีนของตอน Wendigo ซึ่งเป็นตอนที่2 ต่อจากตอนpilot(ตอนแรก) ระยะระหว่าง2ตอนนั้นห่างกันมาก จากมีนาคม ถึง กรกฎาคม มีหลายคำถามในหัวผมว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเริ่มยังไง เราจะจบยังไง เราจะดำเนินเรื่องต่อไปยังไง  เพราะในตอน pilot วางเรื่องไว้มากเหลือเกิน เราจะทำให้เรื่องแรงต่อไปอย่างไร แล้วก็มีซีนนึง ที่บทพูดระหว่าง ดีนกับแซมซึ่งยาวถึง8-9 หน้า ผมก็ว่าแย่แล้ว ต้องขอเอาไปท่องในรถที่พัก(trailer) สำหรับผม โค้ชการแสดงมาช่วยผลักดันผมบ้าง แต่ผมไม่รู้ว่าเขา"ทำ"อะไรเจนเซ่นนะ.....(คนดูฮาตรงประโยคสุดท้าย) เจเร็ดนึกได้ว่าพูดพิลึกเอง ทำหน้า oops ขำ เจนเซ่นตาเหลือก แล้วขำรับชะตากรรม (กรูโดนอีกแล้ว) เจนเซ่น : เราไม่อยากพูดถึงมัน... เจเร็ด : มันค่อนข้างเสียงดังครับ เจนเซ่น : ไม่มีวันอีกแล้ว เจเร็ด : นั่นเป็นเรื่องลับช้ำลึก ที่เปิดเผยไม่ได้ครับ (พูดผิดแล้วยังซ้ำเขาอีก กรรมของเจนเซ่นจริงๆ) ยังไงก็ตามนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมหวังว่าผมจะทำได้อย่างที่คริปกีต้องการ มันเป็นเวลาที่หลังจากแสดงเสร็จแล้ว ที่คุณรู้สึก "วาว ไม่รู้ว่ามันมาได้ไงเนี่ย แต่...." อีริค : ผมจำได้พอดูแล้วพวกเราสุดยอดมาก เยี่ยมจริงๆ บ๊อบ : ซีนที่ผมชอบเป็นซีนเงียบๆ ซีนจบของตอน Faith ทั้งตอนเป็นตอนที่ถามตัวเราเองถึงความเชื่อที่ เรามี Julie Benzอยู่ในซีนเดียวกันกับเจนเซ่น แล้วเจนเซ่นพูดว่า "ผมไม่ค่อยสวดมนต์เท่าไหร่ แต่ผมจะสวดมนต์ให้คุณ" จูลี่ตอบว่า "นั่นคือความมหัศจรรย์แล้วล่ะ" ผมคิดว่ามันน่ารักมาก และทั้งคู่แสดงได้ดี ถ้าคนตั้งใจฟังดีๆ จากสิ่งที่สื่อออกมา ผมอยากให้เขารู้สึกเหมือนอย่างที่ผมรู้สึก อีริค : ผมเห็นด้วยกับทุกคนที่ตอบมาครับ ซีนพวกนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ผมขอเพิ่มซีนที่ ดีน โทรหาพ่อครั้งแรกบอกให้พ่อมาที่ Lawrence การที่เจนเซ่นสามารถสร้างกำแพงอารมณ์ แล้วกำแพงก็ถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า มันเหลือเชื่อมากครับ ทุกคนให้คำตอบที่ดีมากๆ แต่ผมต้องขอบอก ซีนของผมคือตอนที่คนมือติดในเครื่องปั่นเศษอาหาร ทีนี้ ตุ๊กตาลิงตีฉาบ แล้วเราก็เห็นใต้อ่างล้างจานมีเศษขยุกขยุยไหลออกมา ในบรรดาซีนสยองทั้งหมด ซีนนี้เป็นซีนที่ทุกคนต้องปิดตาดู ผมสนุกมาเลยที่ทำให้คนดูตอบสนองได้แบบนั้น ผมขอตอบว่า ซีนเครื่องปั่นเศษอาหารในบ้านครับ ผู้ดำเนินรายการ : นั่นอธิบายสิ่งที่บ๊อบพูดเกี่ยวกับ 2 วัฒนธรรมที่ต่างกัน ผมขอขอบคุณมากครับ และพวกคุณก็เป็นผู้ชมที่ดี อีริคมีอะไรจะพูดนิดหน่อยครับ.... อีริค : ผมอยากบอกว่า เรามีคนมากมายที่ทำงานกับ Supernatural อยู่ในผู้ชม ผมอยากให้เราปรบมือให้พวกเขาโดยทั่วสำหรับซีซั่นที่เหลือเชื่อของเรา พวกเขาทำงานแทบตายเพื่อให้ได้รายการอย่างที่ชมกัน เราทำไม่ได้ถ้าไม่มีพวกเขา ผู้ดำเนินรายการ  ขอบคุณผู้ร่วมงาน และผู้ชม.... จบแค่นี้ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 04:28:59 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 03:45:08 จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 03:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยอดเยี่ยมมากคร่าาาา แปลได้สนุกสนาน ได้อารมณ์ฮาจริงๆ jigij ขออนุญาตช่วยแปะรูปกับประวัติทีมงานนะคะ คนตัวเล็กคือ Kim Manner (Director) กำกับซีรี่ส์อเมริกามานักต่อนักแล้ว ซีรีส์ดังอย่าง the x-files ก็เป็นฝีมือการกำกับของลุงคิมถึง 53 ตอน อีกคนหนุ่มแว่น(ท่าทาง) ใจดี John Shiban นักเขียนบท คนนี้ก็ลูกหม้อ the X-Files เช่นกัน (ทีมงานสร้าง Supernatural หลายคนมาจาก x-files ค่ะ) แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 04:59:49 จากคุณ : jigij - [ 6 ม.ค. 52 04:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Robert Singer ผู้อำนวยการสร้าง/ผู้กำกับ เคยอำนวยการสร้างซีรี่ส์ Lois & Clark (ซุปเปอร์แมนทีวีภาคเก่า) ชื่อของโรเบิร์ต ซิงเกอร์ ได้ถูกยืมมาเป็นชื่อตัวละครสำคัญคนหนึ่งใน Supernatural ด้วย ก็คือลุงบ๊อบบี้ ซิงเกอร์ นั่นเอง จากคุณ : jigij - [ 6 ม.ค. 52 05:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนนี้เผื่อใครยังไม่รู้จัก Eric Kripke หนุ่มหัวใสขวัญใจ jigij คนต้นคิดซีรี่ส์ supernatural และสองพี่น้องแซมและดีน วินเชสเตอร์ นอกจาก Supernatural แล้วก็ยังมีผลงานการสร้างซีรีส์ Tarzan (โดนตัดจบที่ 7 ตอน เรื่องแบนมาก สมควรแล้วที่คริปกี้อายตอนพูดถึงซีรี่ส์นี้ในเทปสัมภาษณ์) ภาพยนตร์สยอง Boogeyman และ Boogeyman 2 ปล... นอกจากฝันถึงพี่ดีนแล้ว ความฝันอีกอย่างของ jigij ก็คืออยากเข้าไปนั่งในหัวของอีริค คริปกี้ หรือไปเป็นเมียน้อยคริปกี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด อยากรู้จริงๆ ว่าคิดอะไรไว้บ้าง แล้ว Supernatural จะไปลงเอยที่ตรงไหน แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 05:16:48 จากคุณ : jigij - [ 6 ม.ค. 52 05:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าให้ give คถณทองอ้วนได้ กี้ให้หมดใจเลยนะเนี่ยยย ^^ จากคุณ : Wisther - [ 6 ม.ค. 52 05:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทีนี้เราก็ได้บทสรุปแล้วว่าทำไมดีนกับแซมถึงแสดงได้เข้าถึงบทของสองพี่น้องผู้ชายที่อยู่ด้วยกันได้ดี ^^ ขอบคุณ คุณทองอ้วนมากๆนะคะ เราไม่รู้จะพูดยังไงเนี่ย ...เอ่อ มันยากนะที่เราจะนั่งทำความเข้าใจกับScript Paley ด้วยตัวเองได้เพราะมันยาวขนาดนี้ ถ้าเรานั่งอ่านเองคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 วันในการอ่านแปลและสรุปใจความออกมา คุณทองอ้วนแปลออกมาได้ดีและสนุกมาก (เจนเซ่นไม่ร้ายอย่างที่เราจินตนาการหุหุ แต่กวนสุดๆ) ปรบมือให้จากใจค่ะ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 6 ม.ค. 52 08:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฝากกิฟท์ให้ 100 ดวงนะคะ แวะมารับไปด้วยคุณทองอ้วน จากคุณ : vilandra - [ 6 ม.ค. 52 11:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณทองอ้วนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยนะคะ ที่แปล script Paley ให้พวกเรา คุณทองอ้วนแปลได้สนุกมากๆๆๆๆ อยากให้กิฟท์คุณทองอ้วนจัง แต่ให้ไม่ได้ ขอใช้มุขเดิม ให้พี่ดีนแทนละกันค่ะ อิอิ จากคุณ : preprae - [ 6 ม.ค. 52 13:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากมากเลยคะ ที่นำมาแบ่งปัน มีหลายๆตอนที่ฟังหลายต่อหลายรอบก็ยังไม่เก็ทมุก  เคลียร์แล้วค่า ขอบคุณมากมากเลย จากคุณ : ejw (ejw) - [ 6 ม.ค. 52 13:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุกๆคนค่ะ แปลก็อย่างคร่าวๆ บางเรื่องก็เดามุข อย่าง hard guy และ light guy ก็เดาว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่ อาจจะเป็นความหมายอื่นได้ แปลได้เท่าที่ความรู้ ความเข้าใจที่มีอยู่จำกัด ถ้าใครมีความรู้ ความเข้าใจ ความเห็นที่ถูกต้อง ก็บอกมาได้เลยค่ะ จะได้แก้ไข และได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย ตอนแรกแปลจากนั่งฟัง คลิปที่โดนตัดต่อมาแล้ว แล้วก็ได้ transcript ภาษา อังกฤษ ซึ่งเป็นเนื้อความสำคัญๆ  ไม่ได้เก็บหมด แต่ก็ช่วยได้มาก มากกว่าฟังอย่างเดียว transcript อังกฤษ ถ้าใครไม่ได้ดูรายการ อ่านอย่างเดียว จะรู้สึกว่าเจนเซ่น ค่อนข้างแสบพอควร หลังจากแปลจาก transcript อังกฤษแล้ว ก็ค่อยมาเปิด เก็บรายละเอียดในคลิปเต็มๆอีกที ต้องบอกว่า การที่เราได้เห็นด้วยตา ต่างจากการคิดตามจากการอ่าน เพราะภาษากาย บอกเรื่องราวได้อีกมาก มาก มาก เจนเซ่นไม่ร้ายหรอกค่ะ  ชอบกวนชอบแซวบ้าง ที่ชัดๆคือ ขี้อายมาก (และร้องเพลงเสียงใช้ได้เรย ^0^) แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 19:06:05 จากคุณ : ทองอ้วน - [ 6 ม.ค. 52 18:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่งกลับมาจากข้างนอก เอาน้ำส้มมาฝากคุณทองอ้วนแก้เหนื่อยน๊าาาา จากคุณ : jigij - [ 6 ม.ค. 52 21:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่น้อยหน้าคุณjigijค่ะ เรายกมาให้ ^^ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 6 ม.ค. 52 22:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณคร่า..... จากคุณ : ทองอ้วน - [ 7 ม.ค. 52 02:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากครับคุณทองอ้วน สุดยอดไปเลย จากคุณ : โพสไปงั้นแหล่ะ - [ 7 ม.ค. 52 13:29:04 ]