ความคิดเห็นที่ 1 คนที่ใช้ก๊อกน้ำหุ้มทองอย่างคุณดู๋จะไปเข้าใจอะไร จากคุณ : ดาวราตรี - [ 14 ม.ค. 52 23:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครับ จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง - [ 14 ม.ค. 52 23:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยค่ะ เงิน 2000 บาทอาจมีค่าน้อยสำหรับบางคน แต่กับบางคนมันก็มีค่ามากเช่นกันค่ะ จากคุณ : teelovesmax - [ 14 ม.ค. 52 23:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 2000 บาทนี่ น้อง ๆ ที่ทำงานเดี๊ยน รับประทานข้าวได้เกือบเดือนเลยค่ะ จากคุณ : isiss12 - [ 15 ม.ค. 52 00:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืม... น่าคิดครับ จากคุณ : Real Eminem - [ 15 ม.ค. 52 00:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาม่า เป็นสิบๆลัง อยู่ได้เกือบครึ่งปีนะนั่น จากคุณ : champchenko - [ 15 ม.ค. 52 00:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆถ้าแกคิดว่าน้อย ก็ไม่ควรแสดงออกอย่างนั้นนะ จากคุณ : Lick-My-L-Ball - [ 15 ม.ค. 52 00:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 2000 / หกเดือนรึป่าวครับ ก็ตกเดือนละ สามร้อยบาท วันละ สิบบาท ผมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศ สิบบาทแต่ละวันที่ได้มาอาจจะน้อยมังครับ เพราะบางคนที่จนๆเค้าก็มีรายได้ ห้าสิบบาทอัพต่อวัน แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 00:06:53 จากคุณ : HOWL - [ 15 ม.ค. 52 00:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กินข้าวได้หลายมื้อเลยนะนั่น จากคุณ : lovekawee - [ 15 ม.ค. 52 00:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านชามละ 10 บาท ก็กินได้ 200 ชาม 3 มื้อ ได้ 66 วัน เยอะนะ จากคุณ : เด็กขายก๋วยจั๊บ - [ 15 ม.ค. 52 00:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนรวย  ไม่ควรดูถูกคนจน แต่ที่ผมเห็นในรายการ  ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้มากกว่า   " เขาผิดเหรอ " อีกอย่างคือ   คุณดู๋ดูไม่ค่อยเข้าใจระบบกลไกการเงินนิดหน่อยตอนที่อีกสองท่านคุยกัน ก็ปล่อยๆไปหน่อยก็ได้นะครับ     คนรวยไม่ดูถูกคนจน   คนจนไม่อิจฉาคนรวย เราอยู่ด้วยความดีครับ   (-_-") จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น - [ 15 ม.ค. 52 00:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยลงไปเก็บข้อมูลตามหมู่บ้านต่างๆในชนบท ถ้าใครคิดว่าเงิน 2000 บาท หรือแม้แต่ 100-200 บาท ไม่มีประโยชน์ละก็คิดผิดมากๆเลยครับ ชาวบ้านในชนบทไม่ค่อยมีรายได้กันมากนัก แต่ส่วนใหญ่เขาอยู่กันได้เพราะข้าวปลาอาหารไม่ต้องซื้อ แต่บางคนก็ไม่มีจริงๆ แม้แต่ข้าวที่จะกินก็ต้องกู้หนี้ยืมสินกับพี่น้องอยู่เรื่อยๆ 100-200 ก็เอา....เงิน 2000 ต่อเดือนนี่ สวรรค์เลยครับ ส่วนเรื่องคุณดู๋ผมไม่ออกความเห็นแล้วกันเพราะผมไม่ได้ดู..... จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง - [ 15 ม.ค. 52 00:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 I think Sanya is not wise to give such a comment. Coz it could sound very offensive for many many people. จากคุณ : rumiana - [ 15 ม.ค. 52 00:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เค้าคงคิดว่าน่าจะให้มากกว่านี้มั้ง จากคุณ : ;-) - [ 15 ม.ค. 52 00:21:07 A:68.161.169.187 X: TicketID:127780 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สงสัย เงิน2,000บาท/เดือน หรือ 2,000บาท/6เดือนกันแน่ ถ้าได้เดือนละ2,000 แล้วคนได้เงินเดือนที่15,100เค้าไม่น้อยใจเหรอ จากคุณ : Salted Egg - [ 15 ม.ค. 52 00:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 *** มาก-น้อย แล้วแต่ความคิดครับ สำหรับผมแล้ว นโยบายแจกตังค์นี่ ห่วย สิ้นคิด ผลาญภาษีชาติครับ มันคิอการซื้อเสียงดีๆนี่เอง ที่ด่ารัฐบาลชุดก่อนๆว่า ประชานิยมมอมเมาประชาชน ไอ้ที่ทำอยู่นี่ พอกันแหละ ไม่มีใครดีทั้งคู่ เฮ้อออออออ แจกตังค์ 2,000 ถ้าใช้แบบไม่คิดเลยวันเดียวก็หมด สู้เอาเงินนี้มาตั้งเป็นศูนย์อบรมความรู้ งานอาชีพอะไรดีกว่า ใครตกงานก็มาหัดเรียนทำนู่นทำนี่จะได้มีวิชาเลี้ยงตัว หรือไม่ก็ตั้งโรงเรียน สถาบันพิเศษเปิดวันหยุด หรือหลังเลิกงาน ให้ประชาชนมาเรียนศึกษาหาความรู้ แบบ "ผู้คิดค้น" ไม่ใช่แต่ส่งเสริมให้เป็นแต่ "ผู้ผลิต" ไทยจะเป็นดีทรอยท์อุตสาหกรรม แล้วก็ส่งเสริมแต่ประกอบรถยนต์ ประกอบคอมพิวเตอร์ ตัดเย็บเสื้อผ้า ฯ ทำเสร็จส่งไปเมืองนอก แล้วอิมพอร์ตเข้ามาขายใหม่ในราคาแสนแพง ถ้ารัฐเอาใจใส่จริงๆ ควรส่งเสริมให้ประชาชนคิดเป็น ไม่ใช่รอแต่คำสั่ง รอแต่ความช่วยเหลือครับ ประเทศจะได้เจริญ ดูญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นตัวอย่างซิ เค้าส่งเสริมให้คนคิดประเทศจะได้เจริญ ไม่ได้บ้าเห่อฝรั่ง เห่อต่างชาตินะ แต่เห็นบ้านเมืองเค้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ เค้าก้าวไปไกลกว่าเราหลายก้าวแล้ว พี่น้องคร้าบบบบบ นี่อะไร เอะอะก็ให้เงิน ให้ของ ลดแลกแจกแถม เงินน่ะใครก็อยากได้ แต่ถ้าได้แล้วต้องมาแบกรับภาระหนี้กันทั้งประเทศ ผมก็ไม่อยากได้ครับ แถมเวลาเกิดปัญหา ไอ้คนก่อเรื่องก็ลอยนวลมันทุกที ประชาชนคนเดินดิน ตาสีตาสา มนุษย์เงินเดือนนี่แหละรับไปเต็มๆ ขอโทษครับที่อาจจะนอกเรื่อง "คุณดู๋" แต่ขอพูดหน่อยเถอะกับนโยบายห่วยๆอันนี้ *** จากคุณ : สมาชิกหน้าเหลือง - [ 15 ม.ค. 52 00:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เคืองคุณดู๋ครับ แต่ก็เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ที่ว่าสำหรับคนที่ขัดสน เงิน 2000 สำคัญจริงๆ แต่งงกับมาร์คมากกว่า งงว่าเรื่องการแจกเงินครั้งนี้ มาร์คกล้าทำได้ไง กล้าเพราะเคยด่าคนอื่นไว้เสียๆหายๆยังไง ตัวมาร์คเองกลับประชานิยม"กว่า"เฉยเลย แต่เชื่อสิครับ มาร์คต้องออกมาบอกว่าไม่เหมือน แล้วก็เปลี่ยนชื่อ จากประชานิยม(กว่า) เป็นชื่ออื่น โกหกจนเคยตัว น่ากลัวจริงๆ พาออกนอกเรื่องอีกละ เห่อ เห่อ จากคุณ : มัสสึดะของผมเท่านั้น - [ 15 ม.ค. 52 00:27:05 A:118.172.35.38 X: TicketID:199248 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอาเงินไปซื้อข้าว ถุงละ 5กิโล ได้ 10ถุง กินได้หลายเดือน สำหรับบ้านเรา จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ - [ 15 ม.ค. 52 00:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประชานิยม จากคุณ : EN-3388 - [ 15 ม.ค. 52 00:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีคนมาตามลบ อีกแร๊ะ จะลบทำไมเนี่ย กับประเด็นน่าถกกันแบบนี้ จากคุณ : มัสสึดะของผมเท่านั้น - [ 15 ม.ค. 52 00:35:59 A:118.172.35.38 X: TicketID:199248 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บางคนอาจมองว่าเปลืองภาษ๊ เปลืองงบประมาณคะ แต่การให้เงินจะเป็นกลไกช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นคะ  เมื่อคืนก่อนคุณธานินร์ เจียรวนนท์ มาออกรายการคุณสรยุทธ์ ก็มาพูดเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งท่านก็บอกว่าถ้าเป็นท่าน ท่านจะเพิ่มเงินเดือนให้ประชาชน คะ ฟังเผินๆอาจจะมองว่าเปลืองงบของชาติ แต่ถ้าได้เข้าใจกลไกเพื่อให้เศรษฐกิจเดินได้ จะเข้าใจมากขึ้นคะ ลองดูทีวีย้อนหลังคะ ท่านพูดไว้เยอะทีเดียว จากคุณ : alovenate - [ 15 ม.ค. 52 00:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เหอๆๆ ประชาธิปัตย์ ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วไม่ใชหรอ ทำอะไรไม่ผิด จากคุณ : CRuCiO_FivE - [ 15 ม.ค. 52 00:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าว่าเค้าสิคะ เดี๋ยวกระทู้ก็โดนลบหายจนได้หรอก ว่าได้ที่ไหนกัน เฮ้อ จากคุณ : jorjor - [ 15 ม.ค. 52 00:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามหลักเศรษฐศาสตร์ เงิน 1 บาท ที่ใส่เข้าไปในระบบ จะกลายเป็น 4 บาทโดยประมาณ เพราะการหมุนของเงินในระบบ การใส่เงินเข้าไปที่คนมีเงินน้อย เค้าไม่เก็บอยู่แล้วครับ เอาไปใช้แน่นอน 4-5 เดือนก่อน อเมริกาก็แจกเช็คคืนภาษีให้ประชาชนทุกคน โดยใช้เงินจำนวนมากกว่านี้มาก ของเราทำก็ไม่แปลก... แต่ต้องตามดูผลว่าจะได้แค่ไหน... สำหรับผม เงินมันน้อยไป เหมือนเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง.... จากคุณ : น้องเจ๊เตียง - [ 15 ม.ค. 52 00:45:14 A:58.10.68.216 X: TicketID:160899 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่รู้ไม่ผิดนะครับ การมองแบบเศรษฐศาสตร์ เข้าใจได้ยากพอควรสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน แต่มันก็สะท้อนจุดที่คุณดู๋อยู่ จากคุณ : granun - [ 15 ม.ค. 52 00:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ใครไม่เอา บอกผมได้นะ เดี๋ยวส่งหมายเลขบัญชีไปให้ จากคุณ : to me, you're perfect - [ 15 ม.ค. 52 00:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตกลงพออ่านในนี้แล้วผมไม่แน่ใจว่า "2,000 บ./ เดือน" หรือ "2,000 บ./ 6 เดือน" ??? แต่ 2 พันบาทนี่สำหรับคนจนและลูกจ้างธรรมดาถือว่าไม่น้อยนะครับ อย่างผมทำงานอิสระ เดือนก่อนโดนเจ้าหนึ่งเบี้ยวตังค์ ผมยังต้องรีบไปขอเงินภาษีคืนเลยครับ (ได้ประมาณ 2 พันเหมือนกัน 555) ตั้งใจว่าจะเอาเงินส่วนนี้ไปซื้อ printer (คือ 2 พันนี่สำหรับคนทั่วๆไปมันอาจจะถูกผันไปเป็นค่ากับข้าว, ค่าเช่าบ้าน, หรือเอาไปผันเป็นโอกาสทางอาชีพหรือโอกาสทางการเงินอื่นๆได้อีกนะครับ) นี่ยังเสียดายเลยทำงานฟรีแลนซ์มา 2-3 ปี ไม่เคยทำประกันสังคม ไม่งั้นคงได้เงิน 2 พันฯที่ว่านี้กับเค้าด้วย แต่ให้พูดตามตรงผมก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเช่นนี้นะครับ เหมือนเอาผักชีโรยหน้า แก้ที่ปลายเหตุน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:18:13 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:17:00 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 00:55:46 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 00:55:18 จากคุณ : เบอท (albertpotjes) - [ 15 ม.ค. 52 00:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คิดอีกแง่คุณสัญญาออกมาพูดก็ดี เป็นการพูดแทนใครหลายๆคน (เชื่อว่ามีคนคิดแบบคุณดู๋หลายคน) แล้วอาจารย์วีระก็ได้ให้เหตุผลที่สมควรไปด้วย ส่วนนโยบายนี้ ความเห็นส่วนตัว คิดว่าไม่ใช่การผลาญภาษีเล่นอย่างที่หลายคนว่ามา แต่เป็นการโยนเงินลงไปให้ระบบขับเคลื่อน คนจนมีเงินจับจ่ายซื้อของจำเป็น เงินนั้นก็จะหมุนไปสู่พ่อค้า ผู้ผลิต ... จนถึงต้นทาง เหมือนในโฆษณา ที่เราเคยเห็น เศรษฐกิจก็จะขับเคลื่อนไปได้ คนมีเงินจ่ายภาษี สุดท้าย เงินนั้นก็จะกลับมาอยู่ในคลังนั้นแหละ มันก็ดีอย่าง เสียตรงที่ คนจนไม่ต้องทำงาน ได้เงินมาง่ายๆ เพาะนิสันที่ไม่ดีให้คนไทย คือ ขี้เกียจและ รอรับความช่วยเหลือ ถ้าทำไปนานๆ แทนที่จะดี กลับแย่ในระยะยาว แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 00:58:15 จากคุณ : RebmemeR - [ 15 ม.ค. 52 00:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ได้ดู...แต่ โครงการนี้ได้งบไป   16000-17000 ล้านบาท.. มีคนได้รับประมาณ 8 ล้านคน คนละ 2000 บาท = 16000 ล้านบาท.. สรุปได้เลยว่าเป็นการแจกครั้งเดียว++++(ไม่ใช่รายเดือน) แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 01:03:08 จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!! - [ 15 ม.ค. 52 01:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาตรการนี้ถือเป็นมาตรการระยะสั้นหวังว่าจะทำครั้งเดียวจบ... เพราะเหตุการณ์ตอนนี้มันเข้าด้ายเข้าเข็มมาก... อะไรที่ทำให้เศรษฐกิจไม่หยุดชะงักต้องทำก่อน... ขืนปล่อยให้เศรษฐกิจชะงัก อย่างอื่นจะล้มเป็นโดมิโน... ส่วนที่ต้องทำต่อไปคือพยุงอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นกลุ่มต้นน้ำ ที่ทำให้เศรษฐกิจล้มเป็นโดมิโนในเกือบทุกประเทศ.... ส่วนระยะยาวก็อย่าง คห.16 ว่า ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ทั้งตัวประชาชนและประเทศชาติ ไม่พึ่งภาคการส่งออก หรือภาคการค้าอันใดอันหนึ่งมากเกินไป สร้างวินัยการเงินให้ประชาชนทุกระดับ.... ง่ายๆ ก็คือ "เศรษฐกิจพอเพียง" นั่นเอง.... จากคุณ : น้องเจ๊เตียง - [ 15 ม.ค. 52 01:10:54 A:58.10.68.216 X: TicketID:160899 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอไม่พูดถึงประเด็นคุณดุ๋ แต่คนที่ด่าๆ เอาแต่ด่ารัฐบาลเนี่ย ถามหน่อยเถอะ ก่อนที่จะด่า คุณรู้เรื่องหลักเศรษศาสตร์มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะด่า คิดสักนิด ไม่งั้นมันจะโชว์ความ.... ของคุณออกมา   เค้าออกมาแก้ไขก็ด่า  เค้าไม่แก้ไขก็ว่าไม่ทำอะไรเลย  สรุปแล้วจะเอายังไง กับพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ จากคุณ : sUnTaO - [ 15 ม.ค. 52 01:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ คห.32 ถ้าเหลี่ยมทำผมก็ว่าดี... พูดเรื่องเศรษฐกิจเถอะอย่างหล่งเหลี่ยมอะไรเลย... จากคุณ : น้องเจ๊เตียง - [ 15 ม.ค. 52 01:22:14 A:58.10.68.216 X: TicketID:160899 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มันคือ stimulus money ค่ะ แจกเงิน ให้คนใช้เงิน เพื่อให้เศรษฐกิจมันเดินต่อไปได้อ่ะ ไม่งั้นคนไม่มีเงิน ไม่ใช้เงิน ของขายไม่ได้ ทุกอย่างมันจะหยุดชะงักหมด ส่วนเรื่องซื้อเสียง ... ตอบไม่ได้ว่าคนออกนโยบายนี้ในไทย ตั้งใจจะให้เป็นการซื้อเสียงหรือเปล่า ของแบบนี้คงอยู่ที่เจตนามากกว่า อเมริกาก็แจกเงิน แจกไปรอบนึงเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็ได้ยินว่าจะมีอีกค่ะ เพราะคนตกงานกันมากเหลือเกิน เรื่องคุณดู๋ ไม่ออกความเห็นแล้วกัน เพราะไม่ได้ดู จากคุณ : Moon_Light - [ 15 ม.ค. 52 01:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่เข้าใจเรื่องไหนควรศึกษาครับ ยังดีพูดด้วยเหตุผล บางคนแถไปทักษิณ จากคุณ : Nutonline - [ 15 ม.ค. 52 01:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตกลงนี่มันกระทู้ไรอ่ะ? เดินเข้ามางง จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 15 ม.ค. 52 01:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องแจกเงินในสภาวะเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา คงไม่ใช่เรื่องใหม่หรอกครับ ตัวอย่างอย่างที่ประเทศเยอรมันสมัยที่มีการรวมกันของ ฝั่งตะวันออกกับตะวันตก ช่วงปี 1989-1990 ก็มีการเอาเงินจากฝั่งตะวันตกไปแจกให้คนฝั่งตะวันออกที่ยากจน จนมีเสียงก่นด่าจากคนในประเทศจำนวนมาก แต่ในที่สุดก็เกิดการหมุนเวียนของเงินในประเทศ หลังจากนั้นเศรษฐกิจของทางฝั่งตะวันออกก็เริ่มดีขึ้น แล้วผลดีก็สะท้อนกลับมาสู่ฝั่งตะวันตกหลังจากนั้น จนคนส่วนใหญ่ยอมรับเรื่องดังกล่าวไปในที่สุดครับ จำได้ว่าตอนนั้นตอนที่กำแพงเบอร์ลินล้มลงมา พอใครที่ออกมาจากกำแพงทางรัฐบาลเยอรมันตะวันตกแจกเงินให้ทันทีคนละ 100 มาร์ค เห็นสีหน้าของคนจนฝั่งตะวันได้เงินมา 100 มาร์คแต่ละคนนี้น้ำตาไหลเลยครับ มันดูแยอะสำหรับพวกเค้าจริงๆครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับผมว่าเงินจะมากจะน้อยมันอยู่ที่คนรับมั๊งครับ จากคุณ : เล็กดินแดง - [ 15 ม.ค. 52 01:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เคืองนโยบายนี้มากๆเราอะ เบื่อนโยบาย ประชานิยม ตั้งแต่ยุคก่อนนี้และ บอกตรงๆ เราหัวเอียง พธม.หน่อยๆด้วยซ้ำ นโยบายแจกตังค์ทำมาเผื่อเผื่อขูดรีดภาษี พ่อค้าต่อเหรอ เพราะนโยบาย แบบนี้ มันจะหาเงินจากไหน เพราะไทยเราก็ใช่จะมีตังค์เหลือแหล่ งานนี้ รีดภาษีกันอาน ถ้าจะทำ แบบ ลงทุน โครงการใหญ่ ๆ แบบไต้หวัน เช่น รัฐเป็นลงทุนทำไอซีชิป หรือจะปรับปรุงการรถไฟห่วยๆ หรือ เอาไปทำปรับปรุงสังคยานาการศึกษา หรือสร้างรายได้ แบบโอทอบ สร้างอาชีพจะไม่ว่าเลย นี่ เราตังค์มาแจก ประเทศชาติมันรวยหรือไง พอยุคนี้ทำ เด๋วรัฐบาลยุคหน้าก็แจกๆๆๆ อีก เพระไม่แจก จะไม่ได้รับเลือก ไม่คิด หารายได้เข้าประเทศ ปรับปรุงประเทศ สร้างอะไรที่มันเข้าท่า แบบ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ปรับปรุงเป็นฮับ การท่องเที่ยว สร้างท่าเรือขนส่ง อะไรที่มันเป็นโรงการ และโดยเฉพาะการสร้างงานให้คนไม่ได้หรือไง ส่งเสริมการสร้างรถยนต์ของตัวเอง หรือ งบการกู้ยืม เพื่อการสร้างงาน มีตังค์เหลือ ก็ อาจสร้าง สหกรณ์ขนาดใหญ่ ตามจังหวัดต่างๆ ให้ คนไม่ต้องไปใช้สอย บิ๊กซี โลตัสให้มาก พวกผู้ประกอบการเขาปวดหัว กะ ค่าเช่าตามห้างแพงๆ ค่ามาร์จิ้นสูงๆ ที่ทางห้างใหญ่ๆ เก็บกัน ผลคือ คนธรรมดานี่แหล่ะ ที่ต้องซื้อสินค้าที่แพงขึ้น สร้างห้าง ของชาติตัวเอง แบบนี้อะได้มะ หรือ ไปลงงบกับการเกษตร ที่พัฒนา การกู้ยืม ข้าวของชาวนาอะไรก็ว่ากันไป หรือ ไปพัฒนาให้การแพทย์ การศึกษา ซะยังดีกว่า นี่ นโยบายแจกตังค์ มองอนาคต นักการเมือง รุ่นต่อๆไปแล้ว ไม่คิด จะหาเงินเก็บในประเทศมั่งหรือยังไงงงงไอ้เรื่องเรียนฟรีนะเห็นด้วยนะ อันนี้ เห็นด้วยมากๆ  จ่ายอะจ่ายไป แต่ยังไม่เห็นนโยบายอะไรที่รัฐบาลจะเรียกเงินเข้าประเทศมั่งเลย พวกญ๊ปุ่นทำ เยอรมันทำไม่ว่าเล้ยย เพราะประเทศเขาพร้อม เขามีรถไฟที่ดี มีระบบการศึกษาที่ดี มีอะไรหลายๆอย่างที่ดี แต่ของเรา ยังมีอีกหลายด้าน ที่ไม่พัฒนา ทำไม ไม่เอาเงินไปลงตรงนั้นก่อน อยากให้มองไต้หวัน นะ ไต้หวัน เป็นประเทศที่น่าสนใจในการเดินรอยตามมากๆ จากเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนยังล้าหลังเราอยู่เลย เกาหลีก็ด้วย ผิดหวังกับนโยบาย  ทำช้านผิดหวังสุดฤทธิ์ ปล. ที่เห็นด้วยที่สุด คือ งบการศึกษา และ การรักษาพยาบาล แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:10:18 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 01:46:49 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 01:46:42 จากคุณ : chosen - [ 15 ม.ค. 52 01:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอ่อ ผมดูอยู่แต่ไม่ได้ยินว่าให้ 2000 บ./6 เดือน เลยครับ -*- เห็นเค้าบอกว่าให้ครั้งเดียวแล้วจบกันเลย ผมก็จนนะ แต่ก็เข้าใจคุณดู๋ครับ ผมมองภาพไม่ออกครับว่ามันจะกระตุ้นสำเร็จจริงหรือ เหมือนที่คุณดู๋บอกว่าน่าจะให้เพิ่มเป็น 10000+ มันจะได้เอาไปต่อยอดเป็นชิ้นเป็นอันหน่อย แต่ก็เข้าใจนะครับว่ามันมากกว่านี้ไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าบางทีไม่ให้อาจจะดีกว่า แล้วเอาเงินไปทำอย่างอื่น คือเอามา 2000 ครั้งเดียว เห็นเค้าบอกอย่างน้อยเอาไปกินข้าว พืชผลขายได้เพิ่มอะไรประมาณนี้ ผมคิดว่าให้มา 2000 ครั้งเดียว คนไม่น่าจะถึงขนาดเอาไปซื้ออะไรกินเพิ่มนะ เพราะปกติก็กินกันอยู่แล้วถึงจะไม่มี 2000 ที่ให้มาก็เถอะ เงิน 2000 ผมว่าหลายคนอาจจะเก็บ ไม่งั้นก็ซื้ออะไรเป็นชิ้นไปเลยซึ่งก็น่าจะตรงจุดประสงค์สำหรับอย่างหลัง เอางบตรงนี้ไปใช้แบบ คห.16 ผมว่ายังจะดูดีกว่า คห.12 ผมว่าชาวชนบทที่คุณว่า อาจจะไม่ได้ 2000 นะ เพราะ คนที่ได้คือ ข้าราชการ และ ลูกจ้างที่ลงทะเบียน หรือ ทำประกันสังคมอะไรนี่แหละ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ รู้แต่ว่าถ้าทำประกันสังคมได้แน่ ส่วนชาวไร่ ชาวนา ก็รอผลที่จะได้จากนั้นอีกที จากคุณ : Ephraim - [ 15 ม.ค. 52 01:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นด้วยกับ 30 นะ จากคุณ : ปลาตัวกลม - [ 15 ม.ค. 52 02:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขนาดคนจบ เศรษฐศาสตร์   ทั่วโลก เขายังคิดแก้กันแทบตายยังทำไม่ไ่ด้ ทำไมหลาๆยreply เก่งจัง มองออกไปหมดว่าจะทำยังไง อะไรยังไงไม่ดี จากคุณ : bankiiez - [ 15 ม.ค. 52 02:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รัฐบาลก่อนแจกแบบนี้ = เอาเงินภาษีไปแจกหาเสียง เอาเงินไปฟาดหัวประชาชนหวังคะแนนนิยม ผลาญงบประมาณชาติ ประชานิยม ไม่ดี เลว เราไม่เอาระบอบแบบนี้ ออกไปๆ มาเป็นเอง = เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่ประชานิยม รัฐธรรมนูญเขาว่าไว้แบบนี้ ไม่ได้ลอก คิดเองทั้งนั้น เอวัง จากคุณ : Valefor - [ 15 ม.ค. 52 02:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คนเงินเดือน 12000 บาท จ่ายประกันสังคม เดือนนึงประมาณ 300-500 แล้วนะ บางคนจ่ายมาหลายปี และไม่เคยใช้สิทธิ์ เพราะไม่เคยเจ็บป่วยก็มี มาตราการนี้ ถือว่า เอาเงินที่ประชาชนจ่ายเข้าประกันสังคม มาช่วยประชาชน ก็น่าจะดี และช่วยได้นะ สำหรับคนที่ไม่เคยจ่ายประกันสังคม เค้าก็มีมาตราการอื่นมาช่วยนะ ลองดูก่อนดีกว่าจะไปบ่นมากมาย อย่างน้อยๆ เงิน 2000 ที่เพิ่มมา สำหรับคนจน ก็จะช่วยให้ซื้อของอุปโภคบริโภคได้เพิ่มขึ้นนะ  ดิฉันเองก็ไม่ร่ำรวย ไม่มีประกันสังคม เพราะเป็นเจ้าของกิจการส่วนตัวเล็กๆ และก็ไม่ได้ 2000กับเค้า แต่ก็ไม่โวยวายอะไร เพราะแต่ละเดือนก็ไม่เคยต้องจ่ายประกันสังคมอยู่แล้ว คนที่จ่ายเค้าก็ควรได้ ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อคนมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นมาบ้าง ก็คงจะมีเงินมาอุดหนุนสินค้าของดิฉันเพิ่มขึ้นบ้างก็ดีใจแล้ว จากคุณ : ปลาตัวกลม - [ 15 ม.ค. 52 02:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปล. กลับมาอีกที อ่านคห. 30 กะ 43 ชักเริ่ม เออเห็นด้วยเล็กๆแหะ แต่ก็นะ เอาเงินไปลงอย่างอื่นก็ยังดีกว่าอะม้าง -*- แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:27:55 จากคุณ : chosen - [ 15 ม.ค. 52 02:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คห.42 มันต่างกันที่ "เวลา" และ "สถานการณ์" ไงครับ... ถ้าเวลานี้ไม่เหตุการณ์ปิดโรงงานระห่ำ, คนตกงานพุ่ง. ส่งออกย่ำแย่, กำลังซื้อหด, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แล้วรัฐบาลมาแจกเงินแบบนี้ต้องโดนด่ามากมาย.... วิกฤตมาถึงอ่าวไทยแล้วครับ ถ้าไม่กระตุ้นก่อนตาย รอให้ตายแล้วกระตุ้นคงไม่ฟื้นแน่ๆ ... ส่วนคห.41 ว่ากันที่เนื้อหาเถอะ ผมเบื่อ "สังคมพาดหัวข่าว" หาเนื้อไม่ได้ มีแต่พาดหัว ปล. ลืมไปว่าเป็นกระทู้เรื่องคุณดู๋ ผมว่าเค้าก็ถามเหมือนกับที่หลายๆ คนสงสัย ซึ่งก็ดีที่เค้าถาม เพราะถ้าพิธีกรรู้ทุกเรื่องก็คงไม่ต้องเชิญใครมาออกรายการ.... จากคุณ : น้องเจ๊เตียง - [ 15 ม.ค. 52 02:29:06 A:58.10.68.216 X: TicketID:160899 ]

ความคิดเห็นที่ 46 0 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 00:58:12 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:37:36 จากคุณ : pat22nd - [ 15 ม.ค. 52 02:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 If asking me, I didn't see the program and read your story, I think he didn't mean to look down. He's just curious if the people could get more than 2000 Baht. I believe he's a good man enough. จากคุณ : singer_poohbear - [ 15 ม.ค. 52 02:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ที่มาของเงินนี่สิ ผมล่ะหนาวแทน 2000 วันนี้ หนี้ท่วมหัววันหน้า จากคุณ : ~STEP-PANDA~ - [ 15 ม.ค. 52 02:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แจกเงินเพื่อให้ใช้จ่าย ล่อลื่นระบบเงินให้หมุนเวียนไป?   แค่นี้ไม่พอหรอกนะ และยังไม่ใช่แบบทักษิโณมิคส์ ทักษิโณมิคส์คือการ เอาเงินไปเป็นกองกลางของกองทุนหมู่บ้าน  เพื่อทำ OTOP  หรือ SME  (ซึ่งก็โดนเหมาว่ามันคือการเอาเงินมาแจก)   คนก็มากู้ไปลงทุนทำธุรกิจ  ได้บ้าง เจ๊งบ้าง โดนเบี้ยวบ้างก็ว่ากันไป (นโยบายดีๆ ของประชาธิปัตย์อย่าง กยส มันก็มีหนี้เีสีย คนเบี้ยวหนี้เหมือนกัน)   นอกจากนี้ยังเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ (เพื่อผลทางการเมือง หรือกระตุ้นการใช้จ่ายก็แล้วแต่) แต่มันไม่ใช่จบแค่นั้น   เพราะถ้าคนไม่มั่นใจก็ไม่มีการใช้จ่าย ที่แจกไป ให้กู้ไป(เป็นหนี้เพื่อก่อรายได้)ก็เจ๊งกันระเนระนาด    ทักษิโณมิคส์ยังต้องไป "หาเงินจากภายนอก" ซึ่งก็คือกระตุ้นการส่งออก  หาเงินจากต่างประเทศเข้ามาเสริมการไหลเวียนของเงินภายในประเทศด้วย  ถามว่าได้ผมดีไหม ก็ได้ผลล่ะนะ  ถามว่ามีผลเสียไหม ก็อาจจะมี  เพียงแต่ผลร้ายแรงที่คาดๆ กันมันยังไม่ทันเกิด ก็เรื่องอื่นก่อนน่ะสิ ทีนี้  นโยบายของอภิสิทธ ตอนนี้เห็นแต่แจก ลดภาษีบ้าน   แต่เรื่องส่งออก หารายได้เข้าประเทศน่ะ ยังไม่ออกมาเลย  ก็ต้องรอดูกันต่อไป จากคุณ : Zenithius - [ 15 ม.ค. 52 02:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 พอมองเป็นการเมืองดูเหมือนบางคนจะไม่ใช้เหตุผลเลยนะ มัวแต่ดูเหมือนไม่เหมือนที่คนก่อนเคยทำไว้ไหม เเล้วจะแก้ปัญหายังไง แทนที่จะดูว่ามันแก้ปัญหาได้หรือไม่ ถ้าเหมือนคนก่อนก็ให้ไปใช้วิธีอื่นหรือ ถ้าแก้ไม่ได้ก็แปลว่าบริหารพลาด ก็ถือว่ามาร์คจบไป จะไปดูทำไม เหมือนไม่เหมือน แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 02:48:19 จากคุณ : Lick-My-L-Ball - [ 15 ม.ค. 52 02:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เค้าแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะโคม่ากันทั้งโลก  เงินก็กระจาย ไปทุกส่วนแหละค่ะ  ชาวบ้าน ตจว. ก็ได้เหมือนเดิม มากขึ้นด้วย  นักเรียนก็ ได้เรียนฟรีเพิ่มขึ้น  เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ  พวกอาสาสมัครทั้งหลาย  แม้แต่ ค่า น้ำไฟ รถเมล์ ฟรี ฯลฯ  จะทยอยออกมาเรื่อยๆค่ะ คนที่ได้ประโยชน์ก็เยอะนะคะ  ตัวเราเองแม้จะไม่เข้าเกณฑ์ข้อไหนเลย   แต่ก็ยินดีกับคนที่ได้ และมาตรการเหล่านี้ ช่วยคนจนได้เยอะนะคะ  เศรษฐ กิจก็จะได้ฟื้นตัวด้วย   คนจน ๆ ตาม ตจว. บางที 10 บาทยังไม่มีเลยค่ะ จากคุณ : xs original - [ 15 ม.ค. 52 02:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าบอกว่า  เอาเงินส่วนนี้ไปสร้างงาน สร้างโรงเรียนฝึกอาชีพ จะดีกว่าไหม? ผมคิดว่า  ตอนนี้ มัน "ฝืด" แล้วครับ ต้องแก้ไขตรงจุดนี้ก่อน  ขืนไม่แก้ไข วัฎจักรเศรษกิจมันก็จะล้ม พอล้ม มันไม่ได้ล้มแค่อันเดียว มันจะเป็นโดมิโน ทำให้อันอื่นล้มไปด้วย ทีนี้ยิ่งแก้ยากแล้วครับ    ก็เลยจำเป็นต้องปล่อยเงินส่วนนี้ เข้าไปในระบบเพื่อให้มันเกิดสภาพคล่อง ในทางเศรษกิจ เกิดการหมุนเวียนได้ตลอด  ถ้าเอาเงินไปสร้างงาน สร้างอาชีพหมด กว่าจะได้ใช้ เกรงว่ามันจะล้มไปหมดก่อนหนะซิครับ  ยิ่งฝืดมาก สร้างอาชีพ สร้างผลิตภัณฑ์มา มันก็ขายไม่ออกอยู่ดี เพราะสภาพเศรษกิจมันฝืด  คนไม่มีกำลังพอที่จะซื้อเหมือนเดิม มันยิ่งทำให้แย่เข้าไปใหญ่ จากคุณ : sUnTaO - [ 15 ม.ค. 52 03:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมเห็นด้วยกับนโยบายนี้นะ แต่สองพันมันก็ยังน้อยไป แต่ก็ไม่ได้คนเดียวนี่นา....คิดไปคิดมามันก็โอเคอยู่นะสองพัน คนที่เรียนด้านนี้คงเข้าใจ ผมปวดหัวกับการเรียนวิชานี้มาก ๆ ฮ่า ๆ ๆ จากคุณ : arnata_first - [ 15 ม.ค. 52 04:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นด้วยเหมือนกันครับ นโยบายนี้ เงิน2000บาทไปสู่ถึงมือประชาชนส่วนหนึ่งจริงๆรูปธรรมชัดเจน เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ (ก็เหมือนตอนเงินโบนัสออกละครับ ซื้อของ ใช้หนี้ เที่ยวและอื่นๆ เงินมันก็หมุนในระบบเศรษฐกิจแล้วมันก็กลับสู่รัฐในรูปแบบภาษี) จะดีไม่ดีอย่างไร ต้องรอดูครับ จากคุณ : Cheetahman - [ 15 ม.ค. 52 04:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ออกความเห็นเรื่องเนื้อหา.... แต่จอขอกอทอเลือกตั้งชื่อได้เหมาะกับเรื่องที่พูดมาก.... จากคุณ : UNFORTUNATELY - [ 15 ม.ค. 52 05:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สมมุติว่าคุณท้องเสียปวดท้องเข้าห้องน้ำมากๆ จะราดอยู่แล้ว มองไปที่เห็นระยะ 100 คือห้องส้วมเก่าๆโทรมอันนึง และมีป้ายติดเอาไว้ว่า อีก 2กิโล มีห้องน้ำสะอาดมาตรฐานยอดเยี่ยม คุณจะเลือกทำอย่างไรครับ? ผมว่าวิธีแก้ปัญหาตอนนี้เป็นเอาให้รอดก่อนไม่งั้นก็แย่แล้วครับ จะมาสร้างนั่นนี่เกรงจะไม่ทันการ ...อีกอย่าง.... เค้าไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้จะไม่สร้างไม่วางรากฐานการศึกษา อะไรต่างๆเพิ่มนี่ครับ นี่มันเหมือนมาตรฐานแก้ไขปัญหาแรก คือเอาให้รอดก่อน ถ้าท้องเสียก็เอาให้รอดไปยกนึงก่อน พอดีขึ้นถ้ามันมาอีกซึ่งคงไม่รุนแรงเท่า lot แรกแน่นอนค่อยไปปล่อยต่อห้องน้ำสะอาดข้างหน้านู้นอีกที ถามว่าเหมือนระบบเก่ามั๊ย? ไม่เหมือนหรอกครับ รอดูผลก่อนดีกว่าให้เค้าทำก่อนดีกว่าว่าจะออกมาเป็นยังไง นี่ยังไม่ทันทำเลยด่าซะแล้ว ถ้าไม่ดีจริงๆก็ว่ากันไปครับ จากคุณ : PGT - [ 15 ม.ค. 52 06:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เงิน 2000 มีค่ามากจิงๆคะสำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ยังจำข่าวโจรฉกเงินที่ชลบุรีได้มะคะ ที่ผู้หญิงคนนั้นขับแมงกะไซด์ปาดหน้ารถโจร ที่ฉกเงิน 2000 ของแกที่แกจะเอาไปจ่ายค่าเทอมลูกอะ นาทีนั้น ชีวิตของผู้หญิงคนนั้น=2000บ.=อนาคตลูก จากคุณ : มนตร์เมืองเหนือ - [ 15 ม.ค. 52 06:31:59 A:58.8.133.54 X: TicketID:198180 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เงิน 2000 ให้ผมใช้แค่กินอย่างเดียวผมอยู่ได้ประมาณ 20 วันครับ เกือบเดือนเลยนะ :) จากคุณ : มันเยี่ยมจริงๆเลยครับจอร์จ - [ 15 ม.ค. 52 06:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หลังๆไม่พูดถึงพี่ดู๋กันเลยแหะ.... 2000 บาท ไม่มากและก็ไม่น้อยครับ มันขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นว่า สภาพแวดล้อม รายรับ รายจ่ายของเขาเป็นยังไง แต่ก็ไม่เถียงว่า 2000 บาทที่ได้ไป ก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้นมาช่วงนึงอย่างไม่ต้องสงสัย นโยบายแจกเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้หมุนเวียน ตอนผมเรียนอยู่ ก็จำได้ว่า เคยมีมาก่อน..ก็เข้าใจตามหลักทฤษฎี... แต่ทางปฏิบัติ ผมมองยังไงก็ยังยากอยู่ดีในการจะแก้ไขปัญหา... แต่ก็ไม่รู้อ่ะ ผมเรียนแค่ Macro แล้วก็ Micro เป็น principle ด้วย เลยไม่รู้แน่ๆ 55+ ..................... ส่วนตัว 2000 บาท ถ้าบังคับให้ผมอยู่ได้นานที่สุดจริงๆ โดยที่ชีวิตประจำวันต้องเป็นแบบเดิม ผู่อยู่ได้นานที่สุดประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 2 อาทิตย์ ครึ่ง ไปทำงาน ทานข้าวกลางวัน ทานข้าวเย็น กลับบ้าน เอาแค่นี้ ตัดฟุ่มเฟือยอย่างอื่นออก จะมีใครหาว่าผมฟุ่มเฟือยไหมเนี่ย แต่ถ้าไม่ตัดฟุ่มเฟือยออก เอาความอยากเป็นที่ตั้ง....2000 บาท ผมทานอาหารได้ประมาณ 4-5 มื้อ - -" จากคุณ : cadiac - [ 15 ม.ค. 52 07:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แอบผิดหวังกับนโยบายนี้นะคะ......... เพราะปกติไม่ชอบนโยบายประชานิยมเลย.. ค่าน้ำค่าไฟฟรีพวกนี้...... ทุกวันนี้คนไทยฟุ่มเฟือยกันมากเลย.... เราว่าเผลอๆ เงิน 2,000 นั้น... ผู้หญิงก็คงได้ชุดได้กระเป๋าหรือรองเท้ามาเพิ่ม ผู้ชายก็คงลงไปที่ขวดเหล้า...นี่มองจากนิสัยกลุ่มคนที่เราคลุกคลีกด้วยนะ จะมีสักกี่เปอร์เซ็นที่เก็บเงิน 2,000 ไปใช้ที่จำเป็นจริงๆ เหมือนถูกล็อตเตอร์รี่เลขท้าย 2 ตัว สัก 1 คู่นั่นแหล่ะ ได้มาฟรีๆ พี่มาร์คกับพี่กรณ์ ทบทวนใหม่ได้มั้ยคะ จากคุณ : จิงดิ - [ 15 ม.ค. 52 08:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านคร่าวๆแล้ว: คนที่สนับสนุนนโยบาย มีคำอธิบายมาให้อ่านเพียบ แต่ทำไมคนที่ไม่สนับสนุนหลายคน มีใช้หลักๆแค่ 3 คำเอง-   เหลี่ยม  มาร์ค  และ ประชานิยม ตอนนี้มองแค่รูปขวานทอง ในแผนที่โลกกันดีกว่าครับ อย่างพึ่งมองที่ตัวคนเลย เอาไว้ก่อนนะ นะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 08:23:19 จากคุณ : Silent-Viper (Silent-Viper) - [ 15 ม.ค. 52 08:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก ราคาอุปโภค-บริโภค สูงขึ้น และประชาชนส่วนให่ตอนนี้ไม่มีที่ดินทำกิน ขาดความรู้ในด้านการเพาะปลูก การเพิ่มเงิน ค่าครองชีพ หมุนได้แปปเดียวก็ฝืด ทำไปมีแต่เสียดาย ตอดเล็กตอดน้อย ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าครองชีพกับการแจกเงิน เพราะแจกเสียเปล่า เพราะเงินที่แจกไม่ได้อุดหนุนในอุตสาหกรรมที่กำลังเสียสมดุลคืออสังหาริมทรัพย์ กลับไปเพิ่มการเสียสมดุลให้มากขึ้นซะมากกว่ากับการแจกเงิน ดอกเบี้ยควรลอยตัว อสังหาริมทรัพย์ควรลดกระหน่ำ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคควรควบคุม ที่ดินควรมีการแจก และให้ความรู้ด้านการเพาะปลูกอย่างเร่งด่วน ยอมรับการเจรจาลดราคาสินค้าประเภทอาหาร อาหาร ที่อยู่ ยา และของใช้ ควรได้สมดุลกัน จากคุณ : งูๆปลาๆ - [ 15 ม.ค. 52 08:27:35 A:124.121.151.234 X: TicketID:176211 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไปอ่านดูในหว้ากอ เหมือนว่ามันแจกให้แต่ข้าราชการไม่ใช่หรือ เรายังถามเลยว่าแล้วคนทำงานเอกชนล่ะ คนค้าขาย เขาไม่ลำบากเลยหรือไง จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 15 ม.ค. 52 08:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ที่เขาแจกนี่มัน 2000 บาท / ปี ไม่ใช่เหรอ เท่ากับ 166 / เดือน มันก็น้อยจริงๆอย่างที่เขาว่าแหล่ะ จขกท ฟังไม่ละเอียดป่าว... จากคุณ : พล - [ 15 ม.ค. 52 08:46:07 A:58.8.48.16 X: TicketID:016158 ]

ความคิดเห็นที่ 65 รัฐบาลอนุมัติจ่ายรายละ 2,000 บาท ช่วยลูกจ้างประกันสังคม8ล้านคนภายในเม.ย.นี้ http://www.suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=7644 13 มกราคม พ.ศ. 2552 19:47:00 ครม.อนุมัติกระทรวงแรงงานอัดงบ 1.6 หมื่นล้านบาท จ่ายให้ลูกจ้างที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 14,000 บาท ซึ่งอยู่ในระบบประกันสังคม 8.01 ล้าน คนละ 2,000 บาท ภายในเดือน เม.ย.นี้ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (13 ม.ค.) อนุมัติหลักการแนวทางการช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนที่เป็นสมาชิกประกันสังคม(สปส.)และบุคลากรภาครัฐจำนวน 2,000 บาทต่อคน ว่า ได้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินงบประมาณในส่วนของงบประมาณกลางปี 1.1 แสนล้านบาท รวมเป็นเงิน 2.29 หมื่นล้านบาท        โดยแบ่งเงินออกเป็นสองส่วน คือ เงินช่วยเหลือค่าชีพของผู้ประกันตนที่มีรายได้ต่ำกว่า 14,000 บาทต่อเดือน จำนวน 8.01 ล้านคน รายละ 2,000 บาท เป็นเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท และเงินฝึกอบรมอาชีพช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานจำนวน 6.9 พันล้านบาท ตั้งเป้าจะช่วยเหลือผู้ประกันตน 5 แสนคน ทั้งนี้จะใช้เงินสำรองจ่ายไปก่อนจำนวน 120 ล้านบาท ส่วนงบประมาณ 5 พันล้านบาท ใน 18 โครงการยังต้องรอการพิจารณา        นายปั้น วรรณวินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการแนวทางการช่วยเหลือมนุษย์เงินเดือนที่เป็นสมาชิกประกันสังคม(สปส.)และบุคลากรภาครัฐจำนวน 2,000 บาทต่อคน ว่า มีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 9.3 ล้านคน และ คนที่มีฐานเงินเดือนไม่เกิน 14,000 บาทที่จะได้รับการช่วยเหลือครั้งนี้มีจำนวน 8.01 ล้านคน         โดย สปส.จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องฐานข้อมูลผู้ประกันตน พร้อมกับวางระบบเพื่อขอเลขบัญชีออมทรัพย์ธนาคารของผู้ประกันทั้งหมด 8.01 ล้านคน แยกสมาชิกแต่ละธนาคาร หลังจากนั้นจะนำเสนอให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อจ่ายเงินเข้าสู่บัญชีของลูกจ้างผู้ประกันตนโดยตรง โดยไม่ผ่านฝ่ายธุรการหรีอฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยจะสามารถจ่ายผ่านระบบบัญชีธนาคารได้ ภายในเดือนเมษายน ชี้แจกเงิน 2พันบาทไม่ใช่เงินกองทุนฯ        นายปั้น กล่าวว่า แจกเงินผู้ประกันตนนั้น ไม่ได้นำเงินจากกองทุนประกันสังคมแน่นอน  โดยรัฐบาลขออนุมัติเงินจากงบประมาณกลางปี ตามที่หลายหน่วยงานเสนอขอต่อรัฐบาล เงินดังกล่าวใช้เงินกองทุนประกันสังคมไม่ได้ เพราะมีรายละเอียด ระเบียบข้อจำกัดอยู่มาก และคิดว่าคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ด สปส.)คงไม่อนุมัติ เนื่องจากอำนาจการพิจารณานั้นอยู่ที่บอร์ด สปส.ไม่ใช่เป็นอำนาจของ สปส. ลดสมทบเฉพาะธุรกิจขาดทุน       นายชัยสิทธิ์  สุขสมบูรณ์  ประธานสหพันธ์แรงงานธนาคารและการเงินแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะกรรมการบอร์ด สปส.ฝ่ายลูกจ้าง กล่าวว่า กรณีการลดเงินสมทบให้นายจ้างและลูกจ้างฝ่ายละ 1.5% ว่า ต้องพิจารณาในรายละเอียดว่า กระทบกับกองทุนหรือไม่ ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ จู่ๆจะไปลดทันที มันกระไรอยู่         โดยเฉพาะสถานประกอบการที่ค้างจ่ายเงินประกันสังคมอยู่แล้ว สถานประกอบการที่เก็บเงินลูกจ้างไปแล้วแต่ไม่จ่ายเงินเข้ากองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทประเภทรับเหมาช่วง ได้ประโยชน์ไปเต็มที่ ซึ่งจะต้องพิจารณากันในรายละเอียด เห็นว่าน่าจะช่วยเหลือเฉพาะสถานประกอบการที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น         "นายจ้างที่ไม่ซื่อตรง เอารัดเอาเปรียบพนักงานได้เฮกันใหญ่ถ้าเราให้มั่วไป และมันจะเสียกระบวนการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน ดังนั้นน่าจะมีการจัดระดับช่วยเหลือเฉพาะสถานประกอบการแต่ละเซคเตอร์ และช่วยเหลือเฉพาะโรงงานที่มีสีเหลือง ถึง สีแดง ซึ่งหมายถึงผลประกอบการขาดทุนเท่านั้น อาจจะไม่ต้องเร่งร้อนมากเพราะสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง อาจจะใช้เวลาเก็บข้อมูลสัก 3-6 เดือนก็ได้"นายชัยสิทธิ์ กล่าว วอนช่วยลูกจ้างนอกระบบ 23 ล้านคน        นางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวว่า การช่วยเหลือดังกล่าวคนที่อยู่ในชุมชนแออัดหรือคนที่ทำงานอาชีพอิสระหรือที่เราเรียกว่าแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมกว่า 23 ล้านคนหรืออาจมากกว่านั้น จะไม่สามารถได้รับการช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเป็นลูกจ้างเหมาของหน่วยงานของรัฐไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อะไร ขั้นเงินเดือนก็ไม่ขึ้นบางคนทำงานมาแล้ว 5-10 ปี ก็ยังไม่ได้บรรจุ ประกันสังคมก็ไม่คุ้มครองก็จะไม่ได้รับสิทธิดังกล่าวไปด้วย        ถ้ารัฐบาลทำอย่างนี้คนจนก็ไม่ได้รับ ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะสำรวจข้อมูลที่แท้จริงถึงคนที่ไม่ได้รับ และให้การช่วยเหลือที่ครอบคลุมด้วย ส่วนมาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ รถฟรีนั้นคนจนแม้จะได้รับจริง คนกลุ่มอื่นๆก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับ เผยปี2551 เลิกจ้าง 55,549 คน        นายพิชัย กล่าวอีกว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน และจะสามารถบรรจุงานให้กับผู้หางานได้กว่า 40% ของผู้มาสมัครงาน ทั้งนี้กรมการจัดหางานจะจัดงานนัดพบแรงงานทั่วประเทศ พร้อมกันในวันที่ 20 - 21 มี.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานเข้าสู่งานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้แรงงานสามารถหางานได้ในเว็บไซต์ http://www. doe.go.th ในระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับแรงงานให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งงานได้รวดเร็วขึ้น หรือมาสมัครงานได้ที่ ศูนย์ e-job (อีจ็อบ) ที่กระทรวงแรงงาน        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงาน กระทรวงแรงงาน พบว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2551 มีสถานประกอบการปิดกิจการ 698 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง 55,549 คน สำหรับในปี 2552 ระหว่างวันที่ 1 -12 ม.ค.2552 พบว่า มีสถานประกอบการปิดกิจการแล้วจำนวน 14 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง 3,069 คน สถานประกอบการมีแนวโน้มปิดกิจการ 15 แห่ง คาดว่าจะมีลูกจ้างถูกเลิกจ้าง 2,122 คน จากคุณ : noboy (noboy) - [ 15 ม.ค. 52 08:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เฉย ๆ นะ เรื่องประชานิยม ถึงเราไม่ได้ประโยชน์แต่ถ้าคนที่แย่กว่าได้ประโยชน์ก็ไม่เป็นไร แต่ควรดูด้วยว่าคนที่ได้ประโยชน์จะนำเงินไปหมุนเวียนในระบบจริงรึเปล่า ถ้าเป็นเรา เราคงเก็บ เพราะคนที่เข้าข่ายในกรณีนี้ก็น่าจะพออยู่ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วถึงแม้จะไม่มี 2 พันบาท เอามาให้ หรือถ้าจะช่วยจริงก็ไม่เห็นต้องเอาเงินมาแจกเลย คุณก็ให้เค้าลดนำส่งพวกประกันสังคมเพิ่มไปจากที่ลดไปแล้วก็หมดเรื่อง เงินไม่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ ให้มันเสี่ยงต่อการทุจริต ถ้าจะได้ผลจริง ๆ ควรทำยังไงให้เงินไปถึงมือคนที่คิดว่าขัดสนจริง ๆ มากกว่า ประเภทว่าหาเช้ากินค่ำไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม คนพวกนี้น่าจะต้องการเงินเพื่อการใช้สอยประจำวันมากกว่า แต่ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าทำยังไงถึงจะโปร่งใส ไม่มีการสวมรอย จากคุณ : ง่ายไปมั้ย - [ 15 ม.ค. 52 08:51:20 A:192.168.0.17 X:58.64.105.168 TicketID:000386 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ให้เงินไปหมุนนะดีแล้ว ถ้าเอาไปทำโครงการต่างๆ เดี๋ยวก้อหาเรื่องโกงกินกันไปอีก ที่นี่จะไม่ได้อะไรเลยนะ เงินกำลังจะหมุน กำลังจะหมุนไป แต่เราไม่ได้งะ เงินเดือนเกิน  ฮือๆๆ จากคุณ : Perfect Day : P-Blur - [ 15 ม.ค. 52 09:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ดูอยู่เหมือนกัน นั่งดูจนปิดเบรค ได้ยินแต่แจก แจก แจก คนนั้นเค้าบอกว่าได้แค่ 2000 เพราะเงินไม่มี เลยสงสัยว่า ถ้ามีเงินมาก ก็จะขุดออกมาแจกให้หมดรึเปล่า ตามความคิดเรา แจกแบบนี้มันไร้ประโยชน์ ถ้าเงินสองพันบาทนี้หมดไป แล้วจะทำยังไงต่อ เราว่าแบบนี้ยิ่งทำให้คนมีนิสัยรอรับบริจาคอย่างเดียวเกินไป จากคุณ : 123 - [ 15 ม.ค. 52 09:23:35 A:125.24.30.253 X: TicketID:177106 ]

ความคิดเห็นที่ 70 2000 ต่อปี่ มันน้อยจริงๆ ถ้าคุณดู๋จะไม่พุดว่า กินข้าวแป๊บเดียวก็หมดแล้ว อันนี้ไม่ไหวนา ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ถกกันต่อไป ดีๆ ช่วยๆกันคิด จากคุณ : Kao-na - [ 15 ม.ค. 52 09:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ได้เงินก็คงดีกว่าไม่ได้เงิน แต่อย่าลืมไปขอหนึ่งสำหรับนิสัยคนไทยโดยส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะถือว่าเงินส่วนนี้เป็นเงินที่ได้มาฟรีๆ ไม่เชื่อลองนึกดูด้วยตัวเองสิคะ แล้วถามจริงๆ เหอะว่ามันจะเป็นการกระตุ้นที่ส่วนที่ถูกที่ควรจริงเหรอ? ถ้าลองให้นึกเอาเองจากที่เห็นโดยทั่วๆไป สิ่งแรกๆ ที่จะนึกถึงก็จำพวกการเสี่ยงโชคเพื่อต่อเงิน ไม่ว่าจะซื้อหวย เล่นการพนัน ฯลฯ เอาไปฉลองกินเหล้าแก้เครียด (คำอ้างของใครหลายๆ คน) โดยลืมนึกหรือไม่ยอมนึกถึงวันข้างหน้าของตัวเอง อื่นๆ อีกหลายอย่างที่การจับจ่ายด้านนี้ไม่ได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง แต่ตกไปสู่คนจำพวกหนึ่งแทน บางครั้งบางหน มาตราการดีๆ ของประเทศอื่น ก็ใช้ว่าจะดีสำหรับประเทศเราเสมอไป มันต้องดูอะไรหลายๆ อย่างประกอบด้วย ที่สำคัญคือต้องดูนิสัยการใช้เงินของคนในประเทศเป็นหลักคะ   ส่วนตัวคิดว่าการนำเงินส่วนนั้นมาสร้างงานหรือเริ่มต้นเมกก้าโปรเจคอื่นๆ ให้มีอาชีพเพื่อรายได้ในอนาคต มันคงดีกว่าการให้เงินกินเปล่าเป็นครั้งคราวไปสำหรับคนไทยนะคะ จากคุณ : live-walk - [ 15 ม.ค. 52 09:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่ใช่แค่อเมริกา ญี่ปุ่น ไทย ที่แจกเงิน  ที่ไต้หวันก็แจก 3600 หยวนต่อคน ให้ครั้งเดียวจบเช่นกัน  เหตุผลก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเฉียบพลัน ไม่ได้หวังผลระยะยาว  หวังแค่ว่ามีเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี  ต้องมีทั้งระยะสั้น  กลาง  ยาว  เพื่อหล่อเลี้ยงระบบทั้งหมด เพื่อให้ประเทศประคองตัวได้เรื่อย ๆ ตอนนี้มาตรการระยะสั้นซึ่งถือว่าเร่งด่วนสุดออกมาแล้ว   ต่อไปก็ต้องดูแผนระยะกลางและยาว เพื่อพิสูจน์ความสามารถของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ เห็นชอบวกไปเข้าเหลี่ยม ขอบอกว่าช่วงเหลี่ยมมันเหมือนสมัยนึงที่นิยมกู้เงินนอกที่พอค่าเงินบาทลอยตัว เจ๊งทั้งประเทศ   แต่คราวนั้นกู้เหลี่ยมแทนแล้วก็มาเจ็บกันไป เงิน 2000 บาทอาจน้อยสำหรับบางคน  แต่คนที่กินข้าวสามมื้อในงบ 50 บาทต่อวันก็มีไม่น้อยเลยนะ จากคุณ : susijang - [ 15 ม.ค. 52 09:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 มองให้ง่ายๆ แค่คน 8 -9 ล้านคน เอาเงิน 30 บาทมาซื้อ ข้าวกิน 1 จาน จากแม้ค้า    มันทำให้แม่ค้า มีเงินซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อข้าวสาร   ต่อไป ชาวนา ชาวสวน  คนเลี้ยงหมู ก็มีเงิน ซื้อไปรองเท้า เสื้อผ้าจักรยาน   ต่อไป เจ้าของโรงงานรองเท้า, เสื้อผ้า,จักยาน  ก็ต้องจ้างคน ซื้อวัตถุดิบ ต่อไป ลูกจ้างก็มีงานทำไม่ตกงาน มีเงินซื้อข้าวกินจากแม้ค้า   ต่อไป แม่ค้า มีเงินซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อข้าวสาร มันวนให้เงินหมุน เพราะตอนนี้คนไม่กล้าใช้ อย่างน้อยเงิน 2000 มันก็ช่วยกระตุ้น เพราะประชาชนคิดว่าได้มาฟรี ก็กล้ากิน ใช้ได้ง่ายขึ้น จากคุณ : ทีโอดอร์ - [ 15 ม.ค. 52 10:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เคยได้เหมือนกันค่ะ ที่อเมริกา ให้คนละ $600 สรุปบ้านเราได้ $1200 ของเรากับแฟน ว่าจะเก็บก็ไม่ได้เก็บ เพราะรายจ่ายเยอะเหลือเกิน จากคุณ : Little Love Bug - [ 15 ม.ค. 52 10:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่าน่ะ ยกเลิก ประกันสังคมจะดีกว่า เงินเข้าสู่ระบบทุกเดือน จากคุณ : okays - [ 15 ม.ค. 52 10:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รายการนี้มีความเป็นธรรมชาติมากเหมือนออกมาคุยกัน คุยไปเรื่อยๆก็ต้องมีผิดพลาดพลั้งปากไปบ้าง คุณดู๋คงไม่ได้เจตนาจะดูถูกคนจน ไม่น่าจะคิดกันไปไกลซะขนาดนั้นเลยค่ะ 2000 ให้ครั้งเดียวจบเลย เราก็ว่ามันน้อยไป ที่สำคัญมันไม่ได้ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ต่อเนื่องซักเท่าไหร่ จากคุณ : ศนิ xxx - [ 15 ม.ค. 52 10:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่รู้ว่าพวกที่วิจารณ์นี่ได้ดูรายการมาจริงรึเปล่า ส่วนตัวเองไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่ก็พอเข้าใจได้ โดยเฉพาะที่อาจารย์ วีระพูด ที่บอกว่าถ้าแจกตอนอื่นเค้าจะด่าแหลก แต่ช่วงเศรษฐกิจตอนนี้มัน จำเป็นที่ต้องทำ  การแจกครั้งนี้จะเป็นการแจกเป็นเช็คให้โดยตรงเพื่อไม่ให้ เงินไปติดค้าง และต้องการให้มีการใช้ทันที พวกที่บอกว่าเดี๋ยวก็เอาไปซื้อ กระเป๋า ของฟุ่มเฟือย แต่มันก็คือการใช้จ่ายเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนไม่ใช่หรือ มีเงินซื้อ โรงงานก็มีการจ้างงาน และที่บอกว่าทำไมไม่เอาไปจัดการเป็นกอง ทุนโน่นนี่ให้ชนบท ลองคิดดูสิกว่าเงินจะลงไป กว่าจะเขียนโครงการอีกกี่เดือน กี่ปีถึงจะได้ใช้ ไม่นับรวมเรื่องการหมกเม็ดเบี้ยรายทาง หรือคุณคิดว่าจะไม่มี ปัญหานี้เกิดขึ้น นี่คือที่จับความได้จากการฟังอย่างตั้งใจและพยายามคิดตาม เพราะยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน (เพราะไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้ 2000ด้วย 55..) จากคุณ : P- fifty three - [ 15 ม.ค. 52 10:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 78 น้อยไหม น้อยครับ เอาไปทำไรได้ไหม ก็ไม่ค่อยได้ครับ แต่ถ้าให้ผมก็เอาครับ ก็ดีกว่าไม่ได้ไรเลย จากคุณ : อินจอง - [ 15 ม.ค. 52 10:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณดู๋ พูดก็ไม่ผิดนะว่า "มันน้อยจัง" เราคิดว่าน่าจะมองในมุมคนทำงานในกรุงเทพฯ  เพราะค่าครองชีพที่กรุงเทพมันสูงมาก  ไปไหนมาไหนก็มีแต่เงินทั้งนั้น เงินสองพันแทบจะไม่พอใช้ และอาจเป็นความตั้งใจของรายการประมาณว่าให้แสดงความเห็นกันในคนละมุมมองก็ได้ ส่วนในเรื่องนโยบาย  เราว่าก็ดีนะมีหลักเกณฑ์ที่รับได้และกระจายตัว  ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชั่ง   (แม้ว่ามันจะเป็นประชานิยมก็ตามที) เพิ่ม แต่คนเงินเดือนน้อย เงิน 2000 มีค่ามากๆ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 11:12:50 จากคุณ : nine_tail - [ 15 ม.ค. 52 10:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ 55555555555555555555 จากคุณ : leummao - [ 15 ม.ค. 52 10:47:28 A:124.120.6.27 X: TicketID:199304 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แก้ปัญหาแบบขอไปที เพราะว่าคนที่ได้เงิน คือคนที่มีประกันสังคม กับข้าราชการ แล้วคนตกงาน กรรมกร ชาวไร่ ชาวนา จะช่วยเค้ายังไง แล้ววงเงินทั้งหมด 16,000 ล้าน มันน้อยไป อย่างน้อย น่าจะซัก ห้าหมื่นล้าน ถึงพอจะกระตุ้นระบบได้ จากคุณ : dust in water - [ 15 ม.ค. 52 10:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ...........ถ้ามองในแง่ดีคุณดู๋คงคิดว่าทางรัฐฯน่าจะให้มากกว่า 2พันก็ได้นะ!! จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ - [ 15 ม.ค. 52 10:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 83 2000 บาท ทำให้เราอยู่ได้  20 วันเชียวนะ จากคุณ : ยาควัน - [ 15 ม.ค. 52 11:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ให้กิฟคห.76 พวกที่ด่านี่เค้าก็ด่าทุกรัฐบาลแหละ พอรัฐมีนโยบายออกมา เค้าก็จะเก่งกว่ารัฐบาล ในหัวมีโปรเจ็คงู้นงี้เต็มไปหมด ทำไมไม่เอาเงินไปทำนั่นทำนี่ ดีกว่า เก่งโคดๆ เมพขิงๆ จากคุณ : Avalance7 - [ 15 ม.ค. 52 11:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ไม่ได้ดูรายการนะคะ ... แต่สำหรับเรา...เงิน 2 พันมันก็มีค่าเหมือนกัน จ่ายตรง ๆ แบบนี้ก็ดีจะได้ถึงมือประชาชนจริง ๆ  คนที่ลำบากต้องการก็มีค่ะ บอกตามตรง...เงินเดือนเราไม่ 9000 ด้วยซ้ำ  และไม่มีเงินเก็บเลยตลอด 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา มันก็ถูกที่ว่าน่าจะเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยด้านอื่น ๆ ถ้าช่วยจริง ๆ นะ คนที่อมมันก็มีเยอะ  สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าถ้าเงินส่วนนี้ลงไปแล้ว  จะถึงมือชาวบ้านจริง ๆ สักเท่าไหร่ ให้ 100 ได้ถึง 10 รึเปล่า... จากคุณ : <<-X_CAcaLot->> - [ 15 ม.ค. 52 11:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สองพันตามต่างจังหวัดนี่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีมากๆเลยล่ะค่ะ จากที่แต่ก่อนเค้าไม่ค่อยกล้าที่จะซื้อของ ทำให้ตลาดเงียบ พ่อค้าแม่ค้า เดือดร้อนเพราะขายของไม่ได้ เศรษฐกิจซบเซา พออัดเงินเข้ามาในระบบ ถึงจะแค่หนึ่งร้อยบาท ก็จะทำให้คนกล้าที่จะจ่ายเพราะเงินจำนวนนี้ได้มาฟรี ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ตาม ฟุ่มเฟือยหรือจำเป็น แปดล้านคน ถ้าใช้เงินกันแค่คนละหนึ่งร้อยบาท เศรษฐกิจก็เดินต่อไปได้แล้ว เพราะจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มถึงแปดร้อยล้าบบาท เงินที่ว่าก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีเงินไปซื้อของมาขาย ซื้อข้าวมากิน เพราะเค้าเริ่มขายของได้ เงินส่วนนี้ก็จะกระจายออกไปอีก ออกไปให้ผู้ผลิตสินค้า ซึ่งผู้ผลิตก็จะผลิตสินค้าออกมาได้เพราะตลาดเริ่มมีความต้องการ เมื่อโรงงานผลิตสินค้า พนักกงานในโรงงานก็จะไม่ต้องตกงานเพราะโรงงานมีรายได้ เมื่อไม่ตกงาน เค้าก็มีเงินที่จะใช้จ่ายในระบบได้อีก ก็จะนำมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เงินก็จะกลับมาหมุนเวียนในระบบได้อีกครั้ง นี่ยกตัวอย่างง่ายๆนะคะ ว่าแค่หนึ่งร้อยบาทยังทำให้เงินมันหมุนเวียนได้ตั้งเท่านี้ แล้วนี่ได้มาสองพันบาท การหมุนเวียนก็เพิ่มขึ้นตั้งไม่รุ้เท่าไหร่แล้ว ค่ะ(อย่าลืมนะคะนี่เป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ส่วนระยะยาวก็ต้องรอดูต่อไป) ส่วนที่บอกทำไมไม่เอาไปตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพ  แถวต่างจังหวัดนี่มีเยอะค่ะ อาชีพต่างๆเค้าก็เปิดสอนหลายหลักสูตร ทั้งซ่อมมือถือ ซ่อมคอมฯ ทำขนม เย็บเสื้อผ้า  แต่...คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ นี่คือนิสัยคนไทยค่ะ ยากๆไม่ชอบ ชอบง่ายๆ กว่าจะไปเรียน กว่าจะมาตั้งตัวกว่าจะมาเปิดร้าน  ตอนนั้นเศรษฐกิจคงพังไปถึงไหนต่อไหนล้วค่ะ ไม่เถียงว่ามีประโยชน์ในระยะยาว แต่ว่าคนที่จะไปเรียนแบบนั้นมีไม่เยอะสิคะ นี่แหละปัญหา (ร้านเราอยู่ใกล้ๆศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานค่ะ คนมาเรียนนี่น้อยมากๆทั้งที่หลักสูตรก็ดีและราคาถูกด้วย เคยให้น้องไปเรียนหลักสูตรซ่อมมือถือ แค่สองร้อยบาทต่อคอส อาจารย์ก็สอนดีมาก ไม่หวงวิชาเลย แต่มีคนไปเรียนน้อยมากๆ ถามอาจารย์ก็บอกบางคอสเปิดมาไม่มีคนมาเรียนเลยก็มีค่ะ) แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 11:29:04 จากคุณ : เจ้าหญิงของเฟิร์ส - [ 15 ม.ค. 52 11:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สรุปนะครับ 2000 บาท นี่แจกให้ฟรีๆเลย ครั้งเดียว ส่วนประเด็นของผมที่ต้องออกมาโจมตีมาร์คก็คือ ทำไม มาร์คแจกเงินได้ แล้วเมื่อก่อนตอนที่ทักษิณแจกเงิน ให้ประชาชนเอาไปลงทุน จึงถูกมาร์คประณาม ทำให้ ตอนที่ทักษิณเป็นนายก คน"ส่วนหนึ่ง"ที่เชื่อมาร์ค ก็เกลียดทักษิณ ไปแล้วว่าแจกเงิน ไปซื้อมือถือ ซื้อของฟุ่มเฟือย แต่พอปัจจุบันก็มีคน"ส่วนหนึ่ง"มาแก้ตัวแทนมาร์ค ว่าทำได้ ดี แก้ปัญหาโดยใช้วิธีเศรษฐศาสตร์ คือ มาร์คจะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ ถ้ามาร์คไม่เคยด่าทักษิณมาก่อน ประเทศของเรา ทำไมมีแต่การบิดเบือนอย่างนี้ครับ คนอื่นทำไม่ได้ เลว แต่พอถึงเวลาตัวเอง ทำได้ ดี ถ้ามีคนคอยสนับสนุนพฤติกรรมแบบนี้ของมาร์ค ก็สมควรแล้วครับ ที่เมืองไทยลุ่มๆดอนๆแบบนี้ จะเป็น NICS เป็นเสือตัวที่ห้า ก็ไปไม่ถึง พูดกันมาเกือบ 20 ปี เอาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แก๊งค์มาร์คทำประเทศเจ๊ง ทักษิณมาฟื้น 6 ปี แล้วแก๊งค์มาร์คก็ออกมาทำลายอีก 3 ปี มันจะเอาอะไรมาเจริญล่ะครับ สนับสนุนให้สังคมพูดความจริงครับ อย่าแก้ปัญหาโดยพูดความจริงครึ่งเดียว จากคุณ : มัสสึดะของผมเท่านั้น - [ 15 ม.ค. 52 11:52:21 A:118.172.94.145 X: TicketID:199248 ]

ความคิดเห็นที่ 88 2000 บาท ไม่น้อยไปหรอกค่ะในการกระตุ้นให้คนใช้จ่ายเงิน ใช้สอยในชีวิตประจำวันบ้าง ตามหลักเศรษฐศาสตร์มหภาคในภาวะการแบบนี้รัฐต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบค่ะ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย มีวิธีการต่างๆ มากมายก็ว่ากันไป เพราะทุกวันนี้ทุกคนต่างกลัวคำว่าเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีใครกล้าใช้จ่ายเงินทองเลย ความคิดเห็นของคุณคุณดู๋เมื่อคืนสะท้อนภาพของคนไม่เข้าใจหลักเศรษศาสตร์ได้ดีค่ะ ว่า 2000 บาทจะช่วยอะไรได้ แล้วอาจารย์วีระก็ได้ไขข้อสงสัยได้ดีค่ะ ว่า 2000บาท มันจะทำให้เกิดอะไรขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องซื้อเสียงรึเปล่า ลอกเลียนแบบคนก่อนรึเปล่าไม่ขอออกความเห็นนะคะ จากคุณ : Miss perjer_123 - [ 15 ม.ค. 52 12:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อยากให้เอาโฆษณา เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป สู่ชุมชน มาฉายอีกจังเลย จากคุณ : ปากหนัก - [ 15 ม.ค. 52 12:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 90 2000 บาท ให้ครั้งเดียว คุณดู๋อาจจะมองว่ามันน้อยไป ให้แค่นี้เพียงพอเหรอ แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของรัฐบาล คือ ต้องการให้คนเอาเงิน 2000 บาท ไปใช้จ่ายซื้อสิ่งของต่างๆ เพื่อเงินจะได้เข้าสู่ระบบ เศรษฐกิจมันจะได้ดีขึ้น ดังนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าให้มากน้อยเท่าไหร่ ถึงจะได้คนละ 50000 แต่ถ้าทุกคนเก็บไม่นำมาใช้ มันจะเกิดประโยชน์อะไร เงินมันก็จะนิ่ง กลับกันแค่ให้ละ 200 แต่ทุกคนที่ได้เอาเงินมาใช้เลย คิดดู เศรษฐกิจจะเกิดสภาพคล่องขนาดไหน อีกอย่างเงินที่ได้เป็นเงินได้เปล่า เหมือนกับถูกหวย คนก็เอาไปใช้ซื้อของอยู่แล้ว จากคุณ : Zodatra - [ 15 ม.ค. 52 12:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ฉลาดๆกันหน่อยนะคะ เค้าไม่ได้มีแต่นโยบายให้ 2000 มีอีกหลายอันคะสำหรับรากหญ้าที่ไม่มีเงินเดือน และไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม แบบนี้เข้าทำนองตาบอดคลำช้างนะคะ จากคุณ : แพรวา - [ 15 ม.ค. 52 12:56:03 A:58.147.43.251 X: TicketID:200548 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เอ่อ คนที่เงินเดือน 14000 หรือเกินนิด ๆ นี่ซวยเลย อดได้ คุณดู๋น่าจะหมายความว่า น่าจะให้มากกว่า สองพันมั้งครับ จากคุณ : ajnguang - [ 15 ม.ค. 52 13:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อย่างที่หลายท่านบอกแหล่ะค่ะ ว่า 2000 ที่ให้นั้น ให้ไปเพื่อกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจมันหมุนเวียน( จากที่เรียนมาจากวิชาการเงินการคลัง และพอจำได้) ซึ่งมันเป็นมาตรการในระยะสั้น เพื่อกระตุ้นให้เงินมันเกิดการหมุนเวียนในระบบ เพราะตามหลักแล้ว เงินที่ใส่ลงไปในระบบ เมื่อมันเกิดการใช้จ่าย มันจะหมุนเวียน และเพิ่มจำนวนเม็ดเงินในระบบให้มากขึ้น(ไม่รู้กี่เท่า จำไม่ได้) จึงเท่ากับว่าเป็นการทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง เป็นมาตรการเร่งด่วนอ่ะค่ะ คุณกอร์ปศักดิ์ก็บอกนี่คะว่า เป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายในประเทศ เดี๋ยวมันจะมีมาตรการอื่นๆออกมาอีก  อาจารย์วีระก็บอกว่า ตามพฤติกรรมผู้บริโภค เงินที่ได้มาง่ายๆ ก็มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายไปแบบง่ายๆ ส่วนวิธีที่หลายท่านบอกให้ไปฝึกอาชีพ หางานอะไรนั่น ถ้าฝึกไปแล้วโรงงานไม่มีรายได้ เมื่อไม่มีรายได้ก็ไม่มีการจ้างงาน ฝึกไปก็เสียเงินเปล่าค่ะ เพราะตอนนี้คนจะใช้เงินก็คิดแล้วคิดอีก ตอนนี้ที่ทำได้ ภาครัฐก็ต้องกระตุ้นให้คนใช้เงินให้มากที่สุดล่ะค่ะ ถ้าคนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สินค้าขายได้มากขึ้น บริษัทมีกำไร ก็มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพราะต้องผลิตสินค้า  คนทำงานก็จะมีรายได้จากการถูกว่าจ้างทำให้มีรายได้ และจะใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ก็จะกลับไปที่จุดเริ่มต้นคือบริษัทมีรายได้ วนเวียนกันไปแบบนี้แหล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 14:08:50 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 13:20:20 จากคุณ : สมพรปาก - [ 15 ม.ค. 52 13:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 94 America did that too ka 4-5 months ago i believe,and i heard that the government are going to give more money to the people again sometimes soon. จากคุณ : Mudblood Lady No.7 @ Daigon - [ 15 ม.ค. 52 13:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอกลับเข้าเรื่องคุณดู๋ครับ ที่นี่ห้องเฉลิมไทย สำหรับผม ผมไม่เชื่อว่าคุณดู๋ไม่รู้จริงๆ ว่าเงิน 2000 สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เยอะมาก ถึงเขาจะกินอาหารมื้อละเป็นพันมาตลอดชีวิต แต่ผมคิดว่าถ้าตั้งแต่เกิดมารู้จักหาความรู้รอบตัวบ้าง น่าจะรู้ว่าสองพันนำมากินอาหารตามร้านข้างทางทั่วไปได้ตั้งยี่สิบวัน (ต่อคน), จ่ายค่าไฟได้เดือนนึง, จ่ายค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาลได้เทอมนึง ฯลฯ ยิ่งมาทำรายการพิธีกรแบบนี้ จะบอกว่าไม่รู้วิถีชีวิตคนส่วนใหญ่ของประเทศ มีงงเล็กๆ นะ จากคุณ : ayres - [ 15 ม.ค. 52 13:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โครงการ ของแม้ว กับของมาร์ค เรื่องนี้ต่างกันครับ แม้วแจกแต่ต้องแลก ต้องเสียถึงได้ ไม่ได้ให้อะไรฟรีๆ อย่างนี้เป็นประชานิยมควรประนาม...5 5 มาร์คแจกให้เปล่าไม่ต้องแลก เอาไปเลย อย่างนี้คือพอเพียง..ครั้งเดียว จากคุณ : JohnHenry - [ 15 ม.ค. 52 14:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ดูอยู่เหมือนกัน เราว่าคุณดู๋ไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นความไม่รู้ ถึงจะสร้างความขัดเคืองให้คนที่คิดต่าง แต่เราว่าก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงขนาดต้องว่ากล่าวมากนัก จากคุณ : LuNaTicCaT - [ 15 ม.ค. 52 14:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่ได้ให้แต่คนต่างจังหวัดใช่ปะ จากคุณ : Teang_mo - [ 15 ม.ค. 52 14:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 99 -- ปรับปรุงข้อความ -- แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 14:33:47 จากคุณ : Puggood - [ 15 ม.ค. 52 14:25:28 ]

ความคิดเห็นที่ 100 มาช้าไปหรือเปล่า แต่อยากแชร์ เงิน 2 พันบาทที่แจกไป ไม่ใช่สำหรับ 1 ปีนะคะ เรียกว่าจ่ายให้ครั้งเดียวแล้วจบกัน คุณกอบศักดิ์เองยังบอกว่า กลัวว่าคนจะประหยัดเก็บไว้ใช้กัน 3-4 เดือน แต่เป้าหมายจริง ๆ คือ อยากให้ผู้คนออกมาใช้จ่าย ให้เงินกลับเข้ามาในระบบตอนนี้ (ที่กำลังจะตาย) ส่วนเราตอนแรกก็คิดเหมือนคุณดู๋ค่ะ เราไม่ได้ร่ำรวยนะ แต่มองไม่ออกว่า 2 พัน มันจะกระตุ้นระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศได้อย่างไร (คือโง่อะ มองไม่ออก) เพราะเราเข้าใจว่า เป้าหมายคือ ต้องการให้คนเอาไปต่อยอดในอาชีพ (แต่จริง ๆ เป้าหมายเค้าเป็นอีกแบบ) ก็ดีนะคะ ที่คุณดู๋ถามแบบนั้น เพราะก็เป็นคำถามสำหรับคนที่ไม่เข้าใจไม่ใช่หรือคะ ถ้าถามไปว่า 2000 มากไปหรือเปล่า เดี๋ยวก็จะมีคนมาด่าว่าซะอีก จากคุณ : ไคลี่ มีหนอก - [ 15 ม.ค. 52 15:03:17 A:125.24.168.225 X: TicketID:160741 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ ทางเอฟเอ็ม 98.0โดยได้วิเคราะห์และวิจารณ์เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ 13 มกราคม 2552 ถาม - งบกลางปีของรัฐบาลที่ผ่านครม.คิดเห็นอย่างไรกับ 17 โครงการของงบเกือบแสนล้านบาท ตอบ= เห็นแล้วอึ้ง  ไม่นึกว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณออกมาเป็นเช่นนี้ ตามที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า  งบจะมี 2 ลักษณะ คือ การสร้างงาน  และแจกเงิน  จะหวังให้สร้างงาน 100%อย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้  ต้องมีการแจกเงินหาเสียงบ้างแต่ไม่คิดว่าจะเป็นงบหาเสียงมากเท่านี้ โดยเฉพาะที่แจกคนละ 2,000บาท 9 ล้านคนหนเดียว   ผมนึกไม่ออก  ทำไมคิดได้แค่นี้ไม่อยากจะบอกว่าจบจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดหรือเคมบริดจ์จะคิดได้เท่านี้ งง  ที่สุดเพราะงบ 1.8 หมื่นล้านจะหายไปเลย สหรัฐเคยทำในสมัยรัฐบาลจอร์จ ดับเบิ้ล ยู บุช เคยใช้มาตรการนี้เมื่อเดือนพ.ค.2551 ที่ผ่านมาโดยคืนภาษีให้ครอบครัวละ 1,800ล้านเหรียญสหรัฐสามารถดึงเศรษฐกิจขึ้นมาได้เพียง 2 เดือนเพราะคืนภาษีในช่วงกลางเดือนพ.ค.2551 สามารถช่วยดึงเศรษฐกิจเดือน พ.ค.-มิ.ย.ขึ้นมาจากนั้นเศรษฐกิจก็ตกลงไปอีก ไม่นึกว่าจะทำกัน มันแค่ฉายฉวยม้วนเดียวขนาดนี้ยังมีอันอื่นที่แจกเงินอีก   กรณีเพิ่มเบี้ยคนชราอีก 500 บาท อันนี้พูดยาก  เพราะไม่ใช่งบฉุกเฉินควรจะใช้งบปกติ ไม่ควรใช้งบฉุกเฉินโดยเฉพาะอยู่ในช่วงของอัตราเงินเฟ้อลงทำให้ดูงง   ส่วนเรื่องให้งบฝึกงานกว่า 6,000 ล้านบาทเป็นงบให้เงินเดือนเพื่อช่วยฝึกงานให้เป็นผู้ประกอบการ ผมอยู่กับธุรกิจมาเยอะ การสร้างผู้ประกอบการไม่สามารถทำได้ภายใน 6 เดือน เมื่อสร้างผู้ประกอบการรายย่อยขึ้นเมื่อจะเป็นผู้ประกอบการเองเขาเหล่านี้ต้องนำเงินเก็บมาลงทุนยิ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง ความต้องการซื้อมีน้อย ใครเริ่มลงทุนตอนนี้เจ๊งได้ง่ายช่วงนี้ดูแลผู้ประกอบการอยู่ได้ก็ดีแล้วแต่นี่ไปเพิ่มอีก ยิ่งทำให้เจ๊งทั้งรายเก่าและรายใหม่ ผมไม่คิดว่าเขาจะบ้องตื้นขนาดนี้ คิดบ้องตื้นมาก ทั้งงบ1.8หมื่นล้านบาทเป็นการละลายแม่น้ำหนเดียวเหมือนของสหรัฐอเมริกาดึงเศรษฐกิจได้เดือนสองเดือน  ตัวอย่างของตัวเลขสหรัฐอเมริกาก็สอนเรามาแล้ว สนใจหาอ่านเพิ่มเติมได้ใน นสพ.โพสต์ทูเดย์  หน้า 2 วันที่  15 มกราคม 2552 จากคุณ : ไฟเขียวผ่านตลอด แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 15:05:40 จากคุณ : คนแดนไท - [ 15 ม.ค. 52 15:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 102 คุณดู๋คิดว่าเงิน ๒๐๐๐ บาทมันน้อยก็จริงของเขา ถ้าเอาเงิน ๒๐๐๐ มารวมกันมันจะมีค่ามหาศาลจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์ก็ได้ ถ้านำมาแจกกันก็คงจะใช้หมดในไม่ช้า จากคุณ : ถนนคอนกรีต - [ 15 ม.ค. 52 15:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สมัยก่อน ใช้วิธีพัฒนา กระตุ้นเศรษฐกิจแบบมีหลักการ ค่อยเป็นค่อยไป ให้ชาวบ้านว่างจากฤดูงานเกษตรเค้าเอาไปทำทุนหากินต่อ ทำให้คนจนมีรายได้ จะได้มีการเสียภาษีเพิ่มเอง ทำ OTOP ก็คือหาเงินเข้าประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่ ไม่มีโครงการอะไรเลย แต่ใช้วิธีขึ้นค่าไฟ ทั้งที่น้ำมันลดราคา การแจกอย่างมีระเบียบแบบแผน เพื่อให้คนยืนบนขาตัวเอง กับไม่มีโครงการอะไร  แจกสะเปะสะปะ กลายเป็นแจกพนง.กินเงินเดือน ที่แทบไม่ว่างเอาไปทำทุนกับหากินอย่างอื่น มันเหมือนกันตรงไหน และที่สำคัญ ไอ้ที่มันเจ๊งบ๊งเงินขาดมือกันทุกวันนี้ เพราะไอ้พวกบ้องตื้นปิดสนามบินไม่ใช่รึ แทนที่จะแจกเงิน   สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนด้วยการบังคับใช้กม.ให้ทั่วถึงดีกว่า ถ้าคนทำผิดร้ายแรงระดับนี้ ยังลอยนวลอยุ่ ยังไงๆ ต่างชาติเค้าก็ไม่มาลงทุนหรอก เกิดเค้าเข้ามาแล้วถูกโกง ไปแจ้งความแล้วคุ่กรณีมีอิทธิพล เค้าก็สูญเงินฟรีสิ จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน - [ 15 ม.ค. 52 15:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ^ ^ ^ "กลายเป็นแจกพนง.กินเงินเดือน ที่แทบไม่ว่างเอาไปทำทุนกับหากินอย่างอื่น มันเหมือนกันตรงไหน " คือ ไม่ได้จะแก้ต่างให้รัฐบาลนะคะ กระทู้นี้คุยถึงเงิน 2000 นะคะ แล้วตามความประสงค์ของรัฐบาล คือให้เอาเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายนะคะ ไม่ใช่เอาไปเป็นทุนทำอย่างอื่น  เงิน2000 มันจะไปทำทุนอะไรได้ ส่วนมาตรการอื่น ไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่ได้ดูตลอด แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 15:31:29 จากคุณ : สมพรปาก (สมพรปาก) - [ 15 ม.ค. 52 15:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 105 จากการทนง่วงนั่งดูจนจบ เราว่าคุณดู๋คงมองในมุมของเขาของคนที่มีรายได้สูงถึงได้ถามออกมา เราเองตอนแรกก็ยังงงๆอยู่ว่าทำไมต้องจ่ายแล้วจะเอาไปทำอะไรได้ แต่พอดูๆไปก็เข้าใจมากขึ้นเหมือนที่หลายๆความเห็นในนี้อธิบายมา คิดว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นหลังจากนั้นจะมีมาตรการต่างๆ ตามมา ส่วนคนที่ว่างงานอยู่ทางรัฐก็มีนโยบายช่วยเหลือที่จำได้คร่าวๆ ก็จ่ายให้เดือนละ 5 พัน แต่ต้องกลับไปฝึกอาชีพที่ท้องถิ่นหลังจากนั้นก็จะหาทางให้ องค์กรส่วนท้องถิ่นของรัฐขยายงานเพื่อรองรับมากขึ้น ส่วนตัวก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรโดยตรงเพราะว่ารายได้เกิน แต่เห็นคุณกอร์ปศักดิ์บอกว่าขั้นต่อไปสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปจะเป็นมาตรการทางภาษีที่ตอนนี้กระทรวงการคลังกำลังดูอยู่ แต่ที่เป็นห่วงคือรัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน กู้มาจากที่ไหนในหรือต่างประเทศจำนวนเท่าไหร่แล้วถ้ามาตรการเหล่านี้ไม่ได้ผลจะทำอย่างไร จากคุณ : หางนกยูงสีแดง - [ 15 ม.ค. 52 15:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ความคิดเห็นที่ 104 จากคุณ : สมพรปาก (สมพรปาก)ู ลองอ่าน 101 ดูครับ ต่างชาติทำแล้วได้ผลชั่วคราว แตหลังจากนั้น  เจ๊งหมดครับ เพราะขาดมาตรการรองรับ กระตุ้นงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนี้ นอกจากแจกแล้ว   ต้องมีการชวนเชิญนักลงทุนมาลงทุน จะมีสิทธิทางภาษีหรืออะไรต่างๆ ปชป. มีเป็น นโยบายไหมครับ ถ้าไม่มีเลย ก็คงเป็นแค่การหาเสียง ซื้อเสียงเท่านั้น จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน - [ 15 ม.ค. 52 15:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ความคิดเห็นที่ 77 <<< เห็นด้วยกับครับ แต่ไม่มี Give ให้แล้ว ผมจะเข้ามาตอบแบบคุณพอดี จากคุณ : นายกองกัซ - [ 15 ม.ค. 52 15:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ถ้าคนเป็นปรกติ.. เราก็ควรจะ เอาเเห เอาอวน..ไปให้เขาหาปลากินเอง.. แต่ถ้าคนนอนโรงพยาบาล เราควรจะเอาอวนกะแห ไปให้เขาหาปลางั้นหรือ.. ปล. ต่างประเทศที่เขาเจอพิษเศรษฐกิจ ก็เพราะพี่ไทยปิดนามบินด้วยซินะ.. อืม... จากคุณ : An.mkII โดนแบนเเต่เเจกกิ๊ฟได้. - [ 15 ม.ค. 52 15:46:12 A:125.27.185.85 X: TicketID:039414 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่เป็นแม่ค้า  ตอนนี้สิ่งที่อยากได้คือ คนมาซื้อของค่ะ  ไม่อยากได้คนมาแย่งลูกค้าค่ะ  ตอนนี้ขายไม่ดี เลยพยายามอดใจไม่ซื้อของใช้ เช่นของเล่นหรือเสื้อผ้าลูกและของตัวเอง จากคุณ : Pa Lek - [ 15 ม.ค. 52 15:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 110 จะมีคนเข้ามาอ่านไหมเนี๋ยะ มาช้า ผมไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับ นโยบายนะครับ แต่ ประเด็นคุณดู๋ ผม ไม่ได้ดู แต่ จาก จขกท. เล่ามา ผมพอเข้าใจคุณดู๋ครับ เขา ไม่ได้ไม่เข้าใจครับ ว่า คนจนเป็นอย่างไร เงินเท่านี้มีค่ามากแค่ไหนสำหรับคนจนครับ  แต่เขาคิดอย่างคนรวยต่างหากครับ  ว่า การได้เงินไปใช้จ่าย อย่างไร้ความคิด (จริงๆ ไม่ไร้ แค่มีกินไปวันๆ) มันไม่เกิดประโยชน์ เงิน 2000 ใช้แป๊ปเดียวก็หมด ครับ  ถ้าจะให้คนลืมตาอ้าปากได้ เงินต้องมากพอที่จะไปลงทุนครับ เพื่อได้กำไรกลับมา ตามที่ลงทุน ดังนั้น เขาเลยมองว่าเงินนิดเดียว จะทำอะไรได้ ไม่ได้ทำให้คนรวยขึ้นได้ ไม่ใด้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ถ้าผมมองอีก เงินเดือน เกิน หมื่น ผมว่าไม่จนนะครับ มีหลายคนบอก 2000 กินได้เกือบเดือน จริงครับ ดังนั้น 1 เดือน ใช้กินไม่ถึง 3000 หรอก ค่า เช่าบ้าน อีก รวมๆ ไม่เกินเดือน 7000 บาท ยังไงๆ ก็เหลือ เก็บ ได้ 3000 บาท(ถ้าไม่มีครอบครัว กินอย่างประหยัด ผมว่า ไม่ใช่คนจนหรอกครับ แค่พอมีพอกิน) แต่เราเหมารวมว่า คนที่ใช้เงิน เกินตัว เงินเดือน เกิน 1000 คือ คนจนผมว่า ไม่น่าใช่ (ไม่ต้องเถียงนะครับ ว่าต้องส่งทางบ้านอีก อะไรต่อมิอะไร มันไม่พอหรอก เงินเดือน ถึง หมื่น อย่างน้อยต้อง จบ ป.ตรี ต้องมี สกยภาพ ที่จะเพิ่มเงินเดือนได้อยู่แล้ว แค่วางแผนชีวิตดีๆ ไม่ฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่เกินความจำเป็น) จากคุณ : gotthepower - [ 15 ม.ค. 52 15:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ไม่คุยเรื่อง 2000 ได้ไหม ขอถามเรื่องที่อ้น ศรีพรรณ พูดไม่สุภาพในรายการเมื่อคืนนี้ มีใครได้ดูบ้างอยากทราบความคิดเห็น จากคุณ : SAM (สมุทรปราการ) - [ 15 ม.ค. 52 15:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ......ราว่าเผลอๆ เงิน 2,000 นั้น... ผู้หญิงก็คงได้ชุดได้กระเป๋าหรือรองเท้ามาเพิ่ม ผู้ชายก็คงลงไปที่ขวดเหล้า...นี่มองจากนิสัยกลุ่มคนที่เราคลุกคลีกด้วยนะ จะมีสักกี่เปอร์เซ็นที่เก็บเงิน 2,000 ไปใช้ที่จำเป็นจริงๆ เหมือนถูกล็อตเตอร์รี่เลขท้าย 2 ตัว สัก 1 คู่นั่นแหล่ะ ได้มาฟรีๆ... จากคุณ : จิงดิ - เราว่าดีค่ะ ถ้าเค้าได้มาแล้วเอาไปใช้จ่าย อย่างน้อยซื้อกระเป๋า รองเท้าเพิ่ม 1 คู่ เงินนั้นก็จะเข้าไปในระบบ โรงงานรองเท้าก็มีสินค้าออก รายได้เข้า คนงานก็ยังอยู่ได้ยังมีเงินเดือนให้รับ สิ้นเดือน สินค้าขายได้ โรงงานก็จ่ายภาษี เงินนั้นก็หมุนกลับมาเป็นภาษีต่อไป สักแต่ว่ากลัวได้เงินมาแล้ว ไม่จ่ายนี่น่ากลัว เราเศรษฐกิจจะฝืดทันที ถ้าเอาไปกินเหล้า อย่างน้อยก็ต้องกินกลับแกล้ม กินกับแกล้มก็ต้องเป็นอาหาร ผักในตลาดก็ขายได้ แม่ค้าก็มีรายได้ มีทุนสำหรับสั่งของในลอตถัดไป เกตรษกรก็จะได้ทำการเพาะปลูกต่อไป มีเงินมาซื้อปุ๋ย ในเมือง ร้านขายปุ๋ย ขายยาก็ขายได้ ก็จ่ายภาษีกันต่อไป จะได้ไม่หยุดชะงัก มันจะหมุนเวียนกันไป ค่ะ เป็นมาตการเร่งด่วน เราไม่ใช่ประเทศแรกที่ทำ จริงๆ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ เยอรมัน และ อเมริกา ทำนำหน้าไปก่อนเราแล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดว่าประเทศไทยจะหยุดชะงักขนาดนี้ เพราะเราไม่ใช่ประเทศอุตสหกรรม โดมิโน่มันมาถึงเราแล้วค่ะ ช้าไม่ได้ หลังจากนี้เราก็ดูกันต่อว่ามันจะได้ผลแค่ไหน และรอมาตการต่อไปจะจัดการอย่างไร ก็ฟังๆ อยู่ว่าจะทำอย่างไร ดีนะที่ยังมี เศรษฐกิจพอเพียง ให้พอได้เป็นแนวทาง ท่านมองการไกลจริงๆ ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร และรู้ว่าประเทศไทยเราเหมาะกับแนวทางไหน ไปแข่งเรื่องอุตหกรรม มันแข่งกันยากน่ะ เรามีด้านการเกษตร ก็ต้องทำของเราให้เข้มแข็ง และพัฒนาคนให้เข้าใจ อย่างนโยบายเรื่องการศึกษาน่ะ ดีมาก เพราะคนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างชาติ ยาวเลยเรา... จากคุณ : คนไทย - [ 15 ม.ค. 52 15:55:07 A:222.123.98.154 X: TicketID:180727 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ถ้าคนเป็นปรกติ.. เราก็ควรจะ เอาเเห เอาอวน..ไปให้เขาหาปลากินเอง.. แต่ถ้าคนนอนโรงพยาบาล เราควรจะเอาอวนกะแห ไปให้เขาหาปลางั้นหรือ.. ปล. ต่างประเทศที่เขาเจอพิษเศรษฐกิจ ก็เพราะพี่ไทยปิดนามบินด้วยซินะ.. อืม... จากคุณ : An.mkII โดนแบนเเต่เเจกกิ๊ฟได้. - [ 15 ม.ค. 52 15:46:12 A:125.27.185.85 X: TicketID:039414 ] อันนี้ใช้ Smart Search นิดหน่อยก็ตอบได้ครับว่า....ทำไม? จากคุณ : Fly With ME - [ 15 ม.ค. 52 15:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ทำไมครับ.. จากคุณ : An.mkII โดนแบนเเต่เเจกกิ๊ฟได้. - [ 15 ม.ค. 52 15:58:10 A:125.27.185.85 X: TicketID:039414 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เพิ่มเติมนิด ครับ จาก คห. 110 จากที่ผมเล่ามา ลืมสรุปครับ สรุปคือ ผมว่า คนรวยมอง เงินแตกต่างจากคนจน ตรงที่ว่า จะทำอย่างไรให้มีเงินมากขึ้น นี่แหละครับ คนจน ยอม เป็นลูกจ้าง ให้มีเงินพอกิน ดีกว่าติดหนี้ แล้ว ทำไม่สำเร็จ ดังนั้นยอม ไปเสริบ อาหาร วัน 200 ดีกว่า ติดหนี้ ซื้อแผง ขายก๋วยเตี๋ยว เป็นแสน แต่รายได้มากกว่า วันละ 2000 คนรวยไม่ได้ ดูถูกตังน้อย ครับ เพราะถ้าโดนโกงแค่บาทเดียว เขาก็รับไม่ได้แล้วครับ ถ้าไม่เห็นค่าของเงิน เขาจะรวยได้อย่างไร (ยกเว้น เกิดบนกองเงินกองทอง) จากคุณ : gotthepower - [ 15 ม.ค. 52 16:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เฮ้อ... เหนื่อยหน่ายกับความคิดของบาง คห ที่ไม่ได้รู้จักหาข้อมูลก่อนมาตอบกันเล้ยยย ตอนนี้มันเหมือนคนบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบห้ามเลือดก่อน ไม่มีเวลาไปสร้างโรงพยาบาลเพื่อเตรียมไว้รักษาคนเจ็บหรอกครับ ใครที่บอกว่าแจกเงินไปแล้ว คนก็เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา ก็นั่นน่ะสิครับ เค้าต้องการให้นำไปใช้ ไงล่ะครับ ใช้ทำอะไรก็ได้เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนต่อ และไม่ใช่เงินแค่สองพัน แต่เป็นหมื่นล้าน โดยมีประชาชนช่วย กันกระจายไปยังที่ต่างๆ ไม่ต้องไปกระจุกอยู่ที่เดียวแบบการจัดงบประมาณ พวกที่บอกว่า เอาไปพัฒนาอะไรที่ยั่งยืนดีกว่า ก็ตอนนี้เค้ากำลังทำมาตรการระยะสั้นอยู่ เพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบเร็วที่สุดอยู่ จะมาระยะยาวทำแป๊ะอะไรล่ะครับ เอาไปสร้างโน่นสร้างนี่เมื่อไรเงินจะมา ไม่เข้าใจแล้วหาเรื่องด่าเค้าอยู่ได้ ถ้าจะต้องติก็คงเป็นเรื่องเงินที่น้อยเกินไป (ไม่ได้หมายถึงสองพัน หมายถึงหมื่นล้าน) และชื่อโครงการที่ทำให้คนสับสน แต่ถึงจะสับสนจนก่นด่ายังไงกันก็เถอะ สุดท้ายพอได้เช็คมา ขี้คร้านเข้ารีบเอาเข้าแบงค์กันตัวสั่น คนที่ด่าๆ น่ะ ได้เช็คมาแล้วก็ฉีกทิ้งเลยนะครับ ไม่ใช่เอาไปซื้อแกงปลาไหลมาซดน้ำแกง จากคุณ : ปลากวน - [ 15 ม.ค. 52 16:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 117 สำหรับประเด็นคุณดู๋ ผมว่าคุณดู๋คงไม่ทราบถึงจุดประสงค์ของ 2,000 นี้ จากคำถามคือมันน้อยไปที่จะเอาไปทำอะไรได้ คือ จะเอาไปต่อยอดธุรกิจก็ไม่ได้ ไม่พอ ซึ่งประเด็นตรงนี้ก็ได้คำตอบว่า ไม่ต้องการให้ไปทำแบบนั้น ต้องการให้ไปใช้จ่ายให้หมด หวังจะให้เกิดการหมุนเวียนของเงินโดยเร็วที่สุด (ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ ชัดเจนมากว่าคนไม่ออกมาซื้อของ ต่างคนต่างเก็บเงินไม่ยอมใช้จ่าย) 2,000 นี่ก็ถือเป็นเงินโบนัสจากรัฐ โดยหวังว่าคนจะนำเงินที่แจกนี้ มาใช้เพื่อให้เศรษฐกิจยังจะหมุนต่อไปได้ ในแง่ของนโยบาย ผมไม่ชอบตรงที่มันเป็นการแจกเงินโดยไม่มีเงื่อนไข ยิ่งสำหรับเรื่องเรียนฟรี 100% ผมกลับคิดว่าเงินอุดหนุนนี่คือตามรัฐธรรมนูญ แล้วถ้าจะให้เรียนฟรี 100% ผมว่าน่าจะมีเงื่อนไขว่า ต้องได้เกรดเท่าใหร่ขึ้นไป จะดีกว่า แล้วไปเน้นเรื่องการสร้างมาตรฐานการการวัดผลประเมินผล ผมว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการแจกเงินโดยไม่มีเงื่อนไขที่ใครๆ ก็ได้ ของที่ได้มาง่ายๆ มันไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ครับ จากคุณ : นายนู้น - [ 15 ม.ค. 52 16:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ถ้ามีเงื่อนไขว่าต้องได้เกรดเท่าใหร่ขึ้นไปถึงเรียนฟรีก็โดนด่าอีกครับ เรื่องความไม่เท่าเทียม ฉนั้นต้องเป็นฟรี 100% และได้เกรดเท่าไหร่ถึงจบและไม่ถึงก็เรียนใหม่เรียนซ้ำว่ากันไป จากคุณ : Fly With ME - [ 15 ม.ค. 52 16:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 119 .               แรงงาน 8 ล้านคน ข้าราชการ 1.45 ล้านคน สำหรับเงิน 19,000 ล้านบาท ถือว่า ไม่แพงเลยครับ แต่คนกลุ่มนี้ถึงอย่างไร เขายังคงมีรายได้อยู่ครับ แต่สำหรับ คนตกงาน 1.45 ล้านคน และ คนในสังคมชนบทที่มีรายได้ต่ำกว่า 8000 บาทต่อเดือน จำนวน 22 ล้านคน ......................... ภาครัฐจะช่วยเขาอย่างไร              ประเทศเรามีเงินจำนวนจำกัด ................... ควรช่วยเหลือใครก่อนดีครับ จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก - [ 15 ม.ค. 52 16:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เห็นด้วยกับนโยบายนี้ การเงินฝืดขนาดนี้ก็ดีที่จะได้มีเงินหมุนเวียน แต่ควรจะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมานะค่ะ ปล,คุณกอร์ปศักดิ์ที่มาเมื่อวานพูดเรื่องนี้ทำเรื่องยากให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นค่ะ เป็นกำลังใจให้รัฐบาลนะค่ะ จากคุณ : ส้ม - [ 15 ม.ค. 52 16:32:57 A:161.200.255.161 X: TicketID:190461 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ตอบ คคห 118 นะครับ คือในเรื่องเงินอุดหนุน ทุกคนได้สิทธิ์เท่ากันตามรัฐธรรมนูญ ควรจะต่างกับเงินเรียกเก็บเพิ่มเติม โดยรัฐธรรมนูญมีช่องให้เก็บได้ ซึ่งผมว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะแจกตามงบฯ ผมว่าก็ไม่พออยู่ดี มันจะดีกว่าหรือไม่ครับ หากเงินดังกล่าวจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพของเด็กไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม อย่าใส่ใจกับความคิดเห็นผมมากเลยครับ ยังไงมันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : นายนู้น - [ 15 ม.ค. 52 16:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ผมว่า มาอีหรอบเดียวกับ มิยาซาว่า อัดฉีดไปหลายหมื่นล้าน แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย จากคุณ : จอมกระบี่ไร้พ่าย - [ 15 ม.ค. 52 16:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ตอบ คคห 121 นะครับ ผมพูดเรื่องเรียนฟรีอย่างดียวครับ จากที่คุณพูดมาความหมายคือจะเรียนฟรีได้ต้องได้เกรดตามเกณฑ์ใช่หรือไม่ครับ? ถ้าใช่แบบนั้นก็จะเจอแบบที่บอกว่าไม่เท่าเทียมกัน ฉะนั้นยังไงก็ต้องเรียนฟรีได้ทั้งหมด แต่ก็ติดเรื่องคุณภาพอีก ปัญหาคือเรายอมรับความจริงกันหรือเปล่า? พ่อแม่, ครู, ผู้บริหาร ว่าศักยภาพเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน การจะให้เด็กที่จบออกไปมีคุณภาพตามเกณฑ์จริงๆ นั้นใช้เวลาไม่เท่ากัน ถ้าแค่นี้เปิดใจไม่ได้อะไรก็เป็นไปไม่ได้ครับ จากคุณ : Fly With ME - [ 15 ม.ค. 52 17:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 124 อยากรู้จริงๆ ว่าใครคิดนโยบายนี้.. ดูรีบร้อนมากๆๆ เอาเงินมาจากกองทุน ประกันสังคม แจกคนที่มีเงินเดือน ไม่เกิน 15000. คนที่มีเงินเดือนเท่านี้ ไม่ใช่กลุ่มคนที่รัฐจะต้องเข้าไปช่วยนะคะ คนที่ตกงาน โดนเลิกจ้าง.. และกลุ่มคนจนไม่มีจะกินในชนบท.. ต่างห่างที่กำลังต้องการความช่วย เหลือจากรัฐ..ถ้าจะช่วยจริงๆ แจกจริงก็ให้ไปเลยครอบครัวละ 2000 บาท หรืออะไรก็ว่าไป หรือปล่อยกู้ไม่มีดอกเบี้ยให้คนตกงานยังจะดีซะกว่า.. แล้วอีกอย่างแรงงานรายวัน เช่น คนงานก่อสร้าง ลูกจ้างตามร้านเล็กๆ ที่ไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวน่าสงสาร กว่าอีก คนที่มีประกันสังคม ที่มีเงินเดือนระดับนี้และยังมีงานทำอยู่ด้วย ไม่เห็นต้องช่วยเค้าเลย (เพราะเค้าก็คงประคองตัวผ่านช่วงนี้ไปได้) จากคุณ : มุก (สร้อยมุกดา) - [ 15 ม.ค. 52 17:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เค้าใช้คำถามแทนคนหลายๆคน ครับ.. เคยเป็นพิธีกร หรือเคยสงสัยมั้ยครับทำำไมต้องมาถามโง่ๆคำถามที่ใครๆ้ก้อคิดว่าจะถามไปทำไมบ้างมั้ยครับ จากคุณ : LaBeLLoBLuEz - [ 15 ม.ค. 52 17:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 126 กลัวอย่างเดียวค่ะ..ว่าเงินจะไปไม่ถึงมือ ชาวบ้าน ..รู้ๆกันอยู่นิสัยนักการเมืองไทยกับข้าราชการไทย..โดยส่วนมาก..โกงนิดโกงหน่อยได้เป็นโกง.. จากคุณ : sitemap - [ 15 ม.ค. 52 17:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ตอบ คคห 123 นะครับ (ผมว่ามันชักจะแตกประเด็นไปไกลแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังอยากตอบครับ) จริงอย่างที่คุณว่าแหละครับ ศักยภาพของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นความจริงครับ แต่มันต้องพัฒนาได้ครับ ถึงแม้จะต้องใช้เวลามากมายอย่างไร และแน่นอนครับว่า สำหรับระบบการศึกษาไทยที่ยังอยู่ในกรอบ "ปี" และค่านิยมทางการศึกษาที่เราๆ ท่านๆ ก็พอจะทราบกันอยู่ ผมเองไม่ได้อยู่ในระบบดังกล่าว แต่ก็เฝ้าติดตามและทราบถึงความเปลี่ยนแปลงในเชิงลบ ที่เห็นได้ชัดในภาพรวมว่าคุณภาพของเด็กมันแย่ลงฮวบฮาบอย่างน่าแปลกใจ เพราะเด็กเหล่านี้เริ่มไม่สนใจถึงคุณภาพ พวกเขาเพียงต้องการเรียน "ให้มันจบๆ ไป" อย่างที่ผู้ที่วางกรอบแนวคิดการศึกษา คิดเพียง "ให้มันจบๆ ไป" เช่นกัน หากจะมองในแง่ ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาในกรอบของหลักสูตรที่เน้นเชิงวิชาการแต่ไม่ได้เน้นทักษะชีวิต เน้นที่ตัวข้อความ ไม่ได้เน้นที่ตัวเนื้องาน ก็คงได้แต่ตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ ว่า คงจะมีใครมาทำให้มันดีขึ้นเสียที จากคุณ : นายนู้น - [ 15 ม.ค. 52 18:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 128 โอ้โห คนแสดงความเห็นเยอะเลย แต่ แตกประเด็นไปเยอะเหมือนกัน ขอแจมด้วยแล้วกัน ก่อนหน้านี้ไม่พูดถึงนโยบาย ขอแสดงความเห็นบ้างครับ ผมว่า เงิน 2000 บาท ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ จริงอยู่ ว่าต่างประเทศเขาก็ทำกัน แต่ก็ใด้ผลไม่เกิน 2 เดือน เศรฐกิจก็ทรุดอีกครับ ตำพริกละลายแม่น้ำ แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีข้อดีเลย เพราะทางด้านจิตวิทยา จะทำให้คนกลับมาใช้จ่ายอีกครั้งครับ ดังนั้นต้องดู นโยบาย ระยะกลาง และระยะยาว ต่ออีกครับ ทุกนโยบายมีข้อเสียทั้งนั้นแหละครับ เพราะยังไงๆ เงินก็ไม่ถึงมือคนจนเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรอกครับ มีช่องหากินได้มากมาย จะหวังให้นโยบายได้ผลประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นก็ไม่ได้ เหมือน ยุคทักษิน ทุกอย่างถูกทำไว้ด้วย ความฉลาด พัฒนาประเทศได้จริง แต่ก็มีคนไปทำให้นโยบาย ถูกหาว่าไร้ความคิด แต่ตอนนี้ แทบ ทุกสิ่งที่ ทักษินคิด ถูกกลับนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งสิ้น ผมชอบนะครับ (ถึงแม้ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ แต่ก็ชอบ ที่เขาได้เล็งเห็นประชาชน ชาวรากหญ้าเหมือนที่ทักษินทำ ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง) ผมก็จะเป็นกำลังใจให้ อยากให้ทำให้ดีกว่า ผมเป็นห่วงจริงๆ แต่ละนโยบาย ออกมาเหมือนจะจินตนาการเกินไป แต่ก็ใช่ว่า ทำไม่ได้ ถ้าได้คิดถึง ทุกๆ ด้านแล้วออกนโยบาย แก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพิ่มนิดครับ เงิน 2000 บาท อ้างกันจังว่า ตามหลักเศรฐศาตร์ ต่างชาติทำ อเมริกา ทำก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ผมไม่ได้เรียน บริหารนะ แต่ผมว่านะ ถ้าเปรียบกับ บริษัทหนึ่ง ต้องการฝ่าวิกฤต ก็ต้อง ลงเม็ดเงิน ให้มากขึ้น หรือการระดมทุน ใส่เข้าใปในบริษัท พัฒนาส่วนต่างๆ  อันนี้ไม่เถียง แต่ ถ้าเอาเงิน หลายล้าน แทนที่จะไปพัฒนาบริษัท กลับ เอาไปแจกลูกจ้าง เพื่อให้ลูกจ้าง เอาเงินมาจับจ่ายซื้อของ ของ บริษัท แล้วบริษัทจะโตขึ้น อันนี้งง ครับ อัฐยาย ซื้อ ขนม ยาย แล้วยายจะรวยขึ้นได้อย่างไร  แต่ก็ยังดีกว่าที่ รัฐบาลจะไม่คิดทำไรเลย อย่างน้อยโครงการนี้ เงินก็ถึงมือประชาชน จะได้ผลหรือไม่อยู่ที่ประชาชน  ( เหมือนกองทุนหมู่บ้าน รัฐให้ ทำธุรกิจ แต่กลับไปซื้อของซะงั้น ตอนนี้ รัฐบาลใหม่ให้เพื่อใช้จ่าย กลับเก็บออมซะ ก็ไม่เกิดประโยชน์) จากคุณ : gotthepower - [ 15 ม.ค. 52 18:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ส่วนตัว เห็นด้วยกับนโยบายนี้นะคะ เพราะเงินถึงมือประชาชน โดยตรง แล้วมันก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา จากการจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นทวีคูณ และคิดว่า นโยบายอื่นๆที่สร้างสรรค์กว่านี้ ไม่น่าจะเห็นผลเร็วเท่าด้วย เรื่อง 2000 มากหรือน้อย คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะบอกว่าเยอะค่ะ เพราะส่วนมากเป็นคนจน แต่เราอยู่ในกรุงเทพอย่างงี้ ก็คิดว่ามันน้อยแหละ บางคนกินมื้อเดียวหมดไปแล้วหลายพัน แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 19:04:30 จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 15 ม.ค. 52 19:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เรียนคุณ gotthepower "เพิ่มนิดครับ เงิน 2000 บาท อ้างกันจังว่า ตามหลักเศรฐศาตร์ ต่างชาติทำ อเมริกา ทำก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ผมไม่ได้เรียน บริหารนะ แต่ผมว่านะ ถ้าเปรียบกับ บริษัทหนึ่ง ต้องการฝ่าวิกฤต ก็ต้อง ลงเม็ดเงิน ให้มากขึ้น หรือการระดมทุน ใส่เข้าใปในบริษัท พัฒนาส่วนต่างๆ  อันนี้ไม่เถียง แต่ ถ้าเอาเงิน หลายล้าน แทนที่จะไปพัฒนาบริษัท กลับ เอาไปแจกลูกจ้าง เพื่อให้ลูกจ้าง เอาเงินมาจับจ่ายซื้อของ ของ บริษัท แล้วบริษัทจะโตขึ้น อันนี้งง ครับ อัฐยาย ซื้อ ขนม ยาย แล้วยายจะรวยขึ้นได้อย่างไร" เอาตามความเข้าใจของอิชั้นนะคะ ไม่รู้ว่าจะถูกหรือผิด ว่าไปตามหลักการที่อ้าง ก็คือ เงิน2000 เนี่ยรัฐบาลให้เพื่อหวังว่าประชาชนจะเอาไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ใช่ให้เอาไปเก็บ ซึ่งก็แล้วแต่ประชาชนแต่ละคนจะนำไปซื้ออะไรก็แล้วแต่ สมมติว่า หมู่บ้านนึงมีประชากรอยู่ 100 คน แล้วเกิดปัญหาเศรษฐกิจของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน เลยมีนโยบายให้เงินคนในหมู่บ้านทุกคนคนละ100บาท  ทีนี้หมู่บ้านนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวกับร้านขายอาหารตามสั่ง แล้วก็มีคนเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา กับคนปลูกพืชผักขาย ร้านขายของชำ (เอาแค่นี้พอก่อนเดี๋ยวยาว) ทีนี้คนในหมู่บ้านก็เอาเงิน100 ที่ได้ไปใช้จ่าย บางคนซื้อก๊วยเตี๋ยวกิน บางคนไปที่ร้านขายตามสั่ง เจ้าของร้านทั้ง 2 ร้านก็จะมีรายได้ และเมื่อขายดี ก็ต้องจ้างลูกจ้างเพิ่ม ผลก็คือเกิดการจ้างงานในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านมีรายได้  อีกอย่างพอคนไปทานมากๆเข้า วัตถุดิบที่ใช้ปรุงก็หมด เจ้าของก็ต้องซื้อวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นหมู,ไก่,ปลา,ผัก, น้ำปลา,ผงชูรส ฯลฯ ก็เท่ากับว่า คนที่เลี้ยงหมู,เลี้ยงไก่,เลี้ยงปลา,ปลูกผัก และร้านขายของชำ ก็สามารถขายของได้ ทำให้มีรายได้ และอาจจะต้องมีการจ้างคนมาช่วยกิจการ(ในกรณีที่ขายได้ดี) ผลก็คือมีการจ้างงานต่อ พอมีการจ้างงาน จากทั้งร้านขายก๋วยเตี๋ยว, ร้านขายอาหารตามสั่ง, คนเลี้ยงหมู,เลี้ยงไก่,เลี้ยงปลา,ปลูกผัก และร้านขายของชำ คนในหมู่บ้านที่ถูกว่าจ้างจากกิจการต่างๆ ก็จะมีรายได้ ซึ่งเมื่อคนมีรายได้ก็จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยอีก เป็นวงจรแบบข้างต้นอ่ะค่ะ อันนี้คือการยกตัวอย่างนะคะ ในทางปฏิบัติจริง อาจจะมีคนที่ใช้เงินจนหมด หรืออาจะเก็บไว้ก็ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับประชาชนแล้วว่า จะเก็บหรือจะใช้ ถ้าใช้ก็จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ถ้าไม่ใช้เงินก้ไม่หมุนเวียน ซึ่งนโยบายแจกเงินนี้เป็นมาตรการระยะสั้นค่ะ  ซึ่งก็ต้องมีมาตรการระยะกลางและระยะยาวตามมาอีก ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่า ให้เอาเงินไปพัฒนาบริษัทนั้น ณ สถานการณ์ตอนนี้ ถึงจะพัฒนาสินค้าออกมาให้ดีเลิศ แต่คนไม่มีกำลังซื้อ พัฒนาบริษัทไป ก็ไม่น่าจะรอดค่ะ เพราะสินค้าออกมา แต่คนไม่ซื้อ นอกจากจะไม่มีรายได้แล้ว ยังเสียเงินที่ลงทุนพัฒนาไปอีก อาจจะเจ๊ง2เด้งนะคะ ตอนนี้หนทางแก้แบบเร็วๆ และเป็นช่วงระยะสั้นๆ และเฉพาะหน้าก็คือการแจกเงินเนี่ยแหล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 19:31:38 จากคุณ : สมพรปาก (สมพรปาก) - [ 15 ม.ค. 52 19:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ตอนเลือกตั้งมีสิทธิ์เท่ากันไม่ใช่เหรอ จากคุณ : okays - [ 15 ม.ค. 52 19:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ไม่ใช่ประชานิยม นะเออ แต่เป็นอภิมหาประชานิยม  :)      *-* จากคุณ : Staples - [ 15 ม.ค. 52 20:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 133 อ.จุฬาชี้ตำน้ำพริกละลายน้ำ ทุ่ม1.15แสนล.กระตุ้นศก. [14 ม.ค. 52 - 14:01] ข่าวไทยรัฐออนไลน์   นายแล ดิลกวิทยรัตน์  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าววันนี้ (14 ม.ค.) ระหว่างการเสวนาเรื่อง "วิกฤติเศรษฐกิจโลกต่อสภาวะการจ้างงานในประเทศไทย" ถึงมาตรการการอัดฉีดเงิน 115,000  ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า เป็นมาตรการที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ  กระจัดกระจายเกินไป  ไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง  ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญที่สุด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานโดยเฉพาะการให้เงินผู้ที่มีเงินเดือนไม่ถึง 14,000  บาท  จำนวน  2,000  บาท  ว่า เป็นมาตรการที่ไร้ประโยชน์และไม่เข้าใจว่ารัฐบาลทำเพื่ออะไร มุ่งเน้นการหาเสียงมากกว่า มาตรการที่รัฐบาลที่ควรจะทำคือใส่เงินเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างโดยตรง  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและควรจะมีมาตรการชะลอการเลิกจ้าง  หากรัฐบาลจ่ายเงินให้ผู้ถูกเลิกจ้างก็ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว  เพราะผู้ที่ถูกเลิกจ้างจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยทันทีไม่นำไปเก็บออมหรือซื้อ สินค้าฟุ่มเฟือย   รัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง  โดยมีตัวแทนนายจ้างและลูกจ้างร่วมมือกัน  ส่วนวงเงินกองทุนจะเป็นเท่าใด  รัฐบาลจะต้องมีการประเมินว่าคนถูกเลิกจ้างจะมีจำนวนเท่าใด  จึงจะสามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับกองทุนได้อย่างชัดเจน นายแล กล่าวด้วยว่า  ไม่อยากเห็นนายจ้างมองแรงงานเป็นเพียงทรัพยากร  ควรมองว่าเป็นมนุษย์  และไม่ต้องการให้นายจ้างฉวยโอกาสอ้างว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแล้วปลดคนงาน  ทั้งๆ ที่ธุรกิจยังเดินหน้าได้  รวมทั้งเห็นว่าหากเกิดภาวะเศรษฐกิจควรที่จะลดต้นทุนส่วนอื่น  เช่น  ค่าน้ำมัน  วัตถุดิบ  หรือภาษี  ก่อนที่จะปลดคนงาน  ที่ควรเป็นสิ่งที่ทำขั้นสุดท้าย ที่มา: http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=119115 จากคุณ : sao..เหลือ..noi   - [ 14 ม.ค. 52 15:42:37 A:58.8.168.181 X: ] http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7419751/P7419751.html ก็ต้องฟังคคห.ของนักวิชาการ และ ห้องการเมืองเขาวิเคราะห์กันด้วย  แล้วค่อยสรุปอีกที เรื่องนี้  ในรดน.ยังหากองเชียร์ปชป.ตัวจริงมาอธิบายไม่ค่อยได้  และแก้ข้อกล่าวหาไม่ค่อยได้ จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 15 ม.ค. 52 21:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 134 การให้เงินแบบนี้ แล้วคนแปดล้านคนที่ได้ เอาเงินไปทำอะไรครับ ใช้จ่าย ฟุ่มเฟือยเท่านั้นเอง  มันเหมือนรัฐบาลให้อังเปาตอนตรุษจีน  เงินสะพัดครับ แต่มันไม่ได้ผลผลิตอะไรเพิ่มขึ้น เพราะมันเป็นการระบายสินค้าเก่าที่ค้างสต๊อกที่ปัจจุบันขายไม่ได้  พ่อค้าแม่ค้า ขายได้ แต่จะผลิตต่อหรือเปล่า ผลิตต่อมันไม่ใช่ชิ้นสองชิ้น ไม่ใช่ ต้นทุนแค่สองพัน  มันหมายถึงเงินก้อนใหญ่ซึ่งผลิตของออกมาใหม่ ก็ไม่รู้จะขายได้ไหม  เพราะ อนาคตที่แน่ๆ คือ คนที่อยู่รอบๆตัว ลูกค้าเราจะตกงานกันเมื่อไรก็ไม่รู้  นั่นแหละสิ่งที่น่ากลัว คือทำออกมาจะขายใคร ทำออกมา ลูกค้าประหยัด ไม่ซื้อ   สมมติขายกับข้าว ณ ปัจจุบัน ขายได้หมด มีลูกค้าก็บุญแล้ว คนกินคนใช้ลดลง ถามว่าคนไม่กินข้าวกันเหรอ  กินแต่กินน้อยลง ราคาสินค้าไม่ได้แพงขึ้นแต่คนใช้จ่ายน้อยลง เพราะต้องเก็บเงินไว้ประกันอนาคตไม่รู้จะตกงานเมื่อไหร่   ฉะนั้นนโยบาย แจกเงินอันนี้ บอกได้เลยว่าทำออกมาเพื่อระบายสินค้าที่ค้างเก่า แต่จะมีการผลิตเพิ่มหรือเปล่ายังตอบไม่ได้  เมื่อไม่แน่ใจจะผลิต ก็ไม่แน่ใจจะจ้างงาน  คนก็ไม่แน่ใจรายได้อนาคต  เงินสองพัน บางที อาจใช้กันไม่ถึง เพราะจะมีส่วนหนึ่งน่าจะเก็บเอาไว้ เงินมันจะกลายเป็นเงินออม ไม่ได้ถูกเอามากระตุ้นการใช้จ่าย สิ่งที่สำคัญคือ ทำยังไงให้คนมีงานทำ การทำงานแล้วได้เงิน หางานให้คนทำยืดอายุไปอีกซัก หกเดือน ไม่โดนปลด เลิกจ้างน่าจะดีกว่า จากคุณ : arthure21 - [ 15 ม.ค. 52 23:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คห.133 อาจารย์ก็มีความเห็นต่างกันครับ รอดูผลจริงดีกว่า ถ้าไม่ได้เรื่องก็ต้องไล่รัฐบาล... ส่วนห้องนั้นผมไม่เข้าไปหรอก... เดี๋ยวคอมติดไวรัส http://news.mcot.net/economic/inside.php?value=bmlkPTc0MjIxJm50eXBlPXRleHQ= ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. เริ่มขยับดีขึ้น กรุงเทพฯ 15 ม.ค. - นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ในเดือน พ.ย. จากระดับ 67.1 สู่ระดับ 67.5 ในเดือน ธ.ค. 2551 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค. เป็นต้นมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ ประมาณร้อยละ 3. 4, 60.7 และ 35.9 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 56 แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์ของเศรษฐกิจ การหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะไทยต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แม้สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายลง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ยังคาดการณ์ว่า การบริโภคยังคงขยายตัวไม่มากนักในปัจจุบัน จนถึงช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการยังคงทรงตัวต่ำกว่าระดับปกติ โดยผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้นให้เห็นเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระดับร้อยละ 2 ในปี 2552 นายธนวรรธน์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการให้เงิน 2,000บาท สำหรับผู้มีเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และประชาชนจะมีเงินบริโภคมากขึ้น เมื่อรวมกับการขยายเวลา 5 มาตรการ 6 เดือน ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีทิศทางเป็นบวก ในขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสปรับลดได้อีกอย่างน้อยร้อยละ 0.5 นอกจากนี้ คาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในภาพรวม ถือว่าน่าพอใจ แต่ปัญหาเร่งด่วนขณะนี้ คือ ปัญหาแรงงานที่ยังไม่ชัดเจนว่ามีมาตรการอย่างไร และจะเป็นปัญหาใหญ่ช่วงเดือน มี.ค.นี้ เป็นต้นไป “คาดว่าหลังรัฐบาลดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากงบประมาณเพิ่มเติม 100,000 ล้านบาท การเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณท้องถิ่น 100,000 ล้านบาท และการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐบาลอีก 100,000 ล้านบาท จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2-2.5 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ร้อยละ 0-2” นายธนวรรธน์ กล่าว นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เชื่อว่า เอกชนจะมีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นตามไปด้วย หากรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ และดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่อไปได้ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมามีความฉับไวและเห็นผลทันที รวมทั้งเป็นไปตามที่ภาคเอกชนเคยเสนอแก่รัฐบาล เช่น การให้เงินเพิ่ม 2,000 บาท โครงการพัฒนาแหล่งน้ำทางการเกษตร ทำให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ไตรมาสที่ 2 และ 3 การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นบวก ซึ่งรัฐบาลและเอกชนต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการประสบความสำเร็จ. - สำนักข่าวไทย อัพเดตเมื่อ 2009-01-15 15:03:03 จากคุณ : น้องเจ๊เตียง - [ 16 ม.ค. 52 00:08:04 A:58.10.68.84 X: TicketID:160899 ]

ความคิดเห็นที่ 136 73 นี่ใช่เลย รายได้มันจะกระจายต่อ ๆ กันไปเอง อย่าลืมว่ามันไม่ใช่แค่สองพันบาทจากคนคนเดียว แต่เป็นสองพันบาทจากคนตั้งแปดเก้าล้านคนนะ และเห็นด้วยว่ามันคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น ๆ แบบเร่งด่วนจริง ๆ เหมือนที่ท่านบน ๆ บอกว่าถ้าเราท้องเสียจู๊ด ๆ มาแล้วเนี่ยส้วมเน่า ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวกับส้วมสะอาดมาตรฐานเป็นเลิศอีกสองกิโลข้างหน้าเราจะเข้าที่ไหนก่อน โอเคเก็ทแระ แต่ยังไงก็จะรอดูผลของนโยบายอันนี้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า จากคุณ : thaisoon - [ 16 ม.ค. 52 02:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 137 แก้ปัญหาแบบขอไปที เพราะว่าคนที่ได้เงิน คือคนที่มีประกันสังคม กับข้าราชการ แล้วคนตกงาน กรรมกร ชาวไร่ ชาวนา จะช่วยเค้ายังไง แล้ววงเงินทั้งหมด 16,000 ล้าน มันน้อยไป อย่างน้อย น่าจะซัก ห้าหมื่นล้าน ถึงพอจะกระตุ้นระบบได้ คนตกงานถ้าอยู่ในระบบประกันตนเค้าก็จ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแต่ไม่เกิน 7500 บาท เป็นเวลาหกเดือนอยู่แล้ว และหากต้องการงานใหม่เค้าก็มีการอบรมงานให้และจ่ายเงินเดือนให้อยู่แล้ว ส่วนชาวไร่ชาวนาเกษตรกรก็มีมาตรการการประกันราคาสินค้าเกษตรอยู่แล้วนี่ ส่วนกรรมกรนี่อาจจะไม่ได้อัดฉีดเร็วเหมือนคนที่เค้าประกันตน อันนี้ก็น่าเห็นใจ หากมาตรการการลดภาษีการซื้อบ้านผ่านบ้านขายได้มีการสร้างเพิ่มคงมีงานทำ แต่จะนานไปไหม งั๊นเปลี่ยนงานใหม่ ไปรับการอบรมกับรัฐก็ได้นะจะได้มีงานทำ ถ้าไม่เลือกงานจนเกินไปอะนะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราคงไม่หวังให้รัฐเลี้ยงดูเราไปตลอดชีวิตหรอกใช่มั๊ย ยังไงเราเองก็ต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองด้วยส่วนหนึ่งนั่นแหละถึงจะถูก จากคุณ : thaisoon - [ 16 ม.ค. 52 03:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ความคิดเห็นที่ 124   อยากรู้จริงๆ ว่าใครคิดนโยบายนี้.. ดูรีบร้อนมากๆๆ เอาเงินมาจากกองทุน ประกันสังคม แจกคนที่มีเงินเดือน ไม่เกิน 15000. คนที่มีเงินเดือนเท่านี้ ไม่ใช่กลุ่มคนที่รัฐจะต้องเข้าไปช่วยนะคะ คนที่ตกงาน โดนเลิกจ้าง.. และกลุ่มคนจนไม่มีจะกินในชนบท.. ต่างห่างที่กำลังต้องการความช่วย เหลือจากรัฐ..ถ้าจะช่วยจริงๆ แจกจริงก็ให้ไปเลยครอบครัวละ 2000 บาท หรืออะไรก็ว่าไป หรือปล่อยกู้ไม่มีดอกเบี้ยให้คนตกงานยังจะดีซะกว่า.. แล้วอีกอย่างแรงงานรายวัน เช่น คนงานก่อสร้าง ลูกจ้างตามร้านเล็กๆ ที่ไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวน่าสงสาร กว่าอีก คนที่มีประกันสังคม ที่มีเงินเดือนระดับนี้และยังมีงานทำอยู่ด้วย ไม่เห็นต้องช่วยเค้าเลย (เพราะเค้าก็คงประคองตัวผ่านช่วงนี้ไปได้) จากคุณ : มุก (สร้อยมุกดา)  - [ 15 ม.ค. 52 17:08:06 ] เค้าไม่ได้เอาเงินประกันสังคมมาจ่ายนะ อันนี้งบกลางปี แต่เห็นด้วยว่าน่าจะแจกคนที่จนมาก ๆ กว่านี้ซะหน่อยไหน ๆ ก็แค่ต้องการจะให้คนใช้จ่ายเงินอยู่แล้วอ่ะ แต่มันคงหาฐานข้อมูลคนจนแบบนั้นลำบากมั๊ง เพราะเค้าต้องการให้เงินมันหมุนเร็ว ๆ รอหาฐานคนจนนอกระบบอาจจะช้าไป ซวยเลย จากคุณ : thaisoon - [ 16 ม.ค. 52 03:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 ม.ค. 52 10:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 140 แจกเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายเหรอครับ... แล้วเพื่อนๆว่าสุดท้ายงบประมาณก้อนนี้จะไปกองที่ไหนเอ่ย?ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ... ... โน่นเลย บริษัทสุรามหาชน(จำกัด)แห่งประเทศไทย ว่าแล้วไปช้อนหุ้นรอดีกว่า... จากคุณ : จน เครียด กินเหล้า (the chess player) - [ 16 ม.ค. 52 14:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ที่ว่าเงินจำนวนนี้ทำให้ผู้หญิงได้รองเท้ากระเป๋าเพิ่มน่ะ ก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่งแล้วละค่ะ คนขายรองเท้าก็จะได้กำไร ลูกจ้างร้านรองเท้ายังมีงานทำ เขาจะเอาเงินไปใช้ในตลาด ซื้อข้าว แม่ค้าข้าวก็จะเอาเงินไปซื้อผลไม้ จับจ่ายใช้สอย และมันคือคำว่า "หมุนเวียน" เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาค่อนแคะกันแล้วละ เรื่องมันผ่านมาแล้วไม่ว่าจะประชานิยมหรือเปล่า ต่อให้คุณมาร์กกับคุณกรณ์ใช้ภาษีมากกว่านี้ แต่ถ้าทำให้พวกเรา "ไม่อดตาย" ก็ไม่เป็นไรค่ะ ทำไปเถิด อย่าให้เราตกงานและไม่มีข้าวกิน ต้องหิวจนตายก็พอ จากคุณ : เห็ดหอมสด - [ 17 ม.ค. 52 02:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ไม่ได้ดูรายการ แต่เงิน 2000 ที่เค้าให้ ตามทฤษฏีถ้าเค้าเอามาใช้ไม่ใช่ออมไว้ ตัวเลขเกิดในวงจรใช้จ่ายมันจะมากกว่า 2000 เป็นทวีคูณ อารมณ์คงประมาณ นายก. เอาเงิน 2000 ไปซื้ออาหาร (สมมติ) 1 มื้อ ร้านอาหารก็เอาไปซื้อหมู เนื้อ ปลา คนขายหมู เนื้อ ปลา ก็เอาเงินที่ได้ไปซื้อ กางเกง เสื้อ คนขายเสื้อ กางเกงก็เอาเงินที่ได้ไปซื้อ  แชมพูสระผม ผ้าอ้อม น้ำหอม คนขายแชมพูสระผม ผ้าอ้อม น้ำหอมก็นำเงินที่ได้ไปซื้อ อาหาร ที่เราเข้าใจก็ประมาณนี้ ผิดก็บอกได้นะคะ เพราะฉะนั้นเงินแค่ 2000 บาทให้แค่คนเดียวถ้าเอาไปซื้อของไม่ใช่เก็บแค่ที่เรายกตัวอย่างมาเค้าก็สามารถเอาเงินนี้ไปทำให้เกิดวงจรรายจ่ายได้ 12000 บาทแล้ว แต่ในความเป้นจริงเค้าจะใช้หมดหรือว่าเก็บไว้นี่สิ ส่วนเงินเค้าก็บอกว่าจะจ่ายเป็นเช็คสลักหลัง ให้กับคนที่มีประกันสังคม รึเปล่านี่แหละค่ะ ถ้าเป็นจริงดังว่า ลูกจ้างบางคนที่เค้าไม่ได้ขึ้นทะเบียน (ส่วนใหญ่ตามบ้านนอกที่ห่างไกล) เค้าก็ไม่ได้เงินนี้ เราว่าที่เค้าให้ 2000 มากระตุ้นศก. เราเห็นด้วย จากคุณ : meawai - [ 19 ม.ค. 52 01:57:15 ]