ความคิดเห็นที่ 1 อืมม ก็จริงอ่ะนะ น้ำมันลดแล้ว ไมมันไม่ลดตามวะ จากคุณ : ปลาวาฬพ่นน้ำ - [ 16 ม.ค. 52 08:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 50 บาทแล้วเหรอ @_@ จากคุณ : chajang - [ 16 ม.ค. 52 08:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวแทน VBK ออกมาชี้แจงหน่อยเร้ว จากคุณ : มอสทาร่ายักษ์ - [ 16 ม.ค. 52 08:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หึหึ นึกถึงตอนที่มันเล่มล่ะ 30-35 อ่านเรื่องไหนคิดว่ามันสนุกก็ซื้อเลย ไม่ได้คิดมากอะไร พอขึ้นมา 35-40 ก็คิดว่าพอรับได้ เพราะต้นมันคงมีการเปลี่ยนแปลง เวลาเดินทางที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ก็ซื้อการ์ตูนไปอ่านในรถฆ่าเวลา ตั้งแต่มันขึ้นราคามาที่ 45-50 บาท ไม่รู้เป็นไร จะซื้อแต่ละเล่มคิดแล้วคิดอีก ถ้าไม่ชอบหรือติดตามจริงๆ ก็ไม่ซื้อแล้ว จากคุณ : ChibiFox - [ 16 ม.ค. 52 08:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อก่อนเล่มละ 25 จำได้ซื้อยุคไยบะโด่งดัง ...แต่เดี๋ยวนี้ อืม T_T จากคุณ : ขิงกิส - [ 16 ม.ค. 52 08:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แทบจะเลิกซื้อเรื่องใหม่ๆแล้วเหมือนกันอ่ะ- - จากคุณ : NicoNico - [ 16 ม.ค. 52 08:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อวานเดินไปซื่อ BERSERK ก็งงเหมือนกันนะว่าทำไมมันขึ้นเป็น 50 บาทได้ ทั้งๆที่ต้นทุนก็น่าจะถูกกว่าก่อนหน้านี้แท้ๆ จากคุณ : เย็นตาโฟหวาน - [ 16 ม.ค. 52 08:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่า บริษัทก็คงรู้ล่ะ ว่าขึ้นราคาแล้วยอดขายน่าจะลดลง ขนาดเราๆท่านๆยังรู้เลย บางทีเค้าอาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นก็ได้ เช่น ค่ากระดาษ หลายคนมักจะคิดว่าน้ำมันลง แล้วทุกอย่างมันต้องลงตาม บางทีผมก็งง บางคนบอกร้านข้าวแกงไม่ลดราคาตามน้ำมัน คือ น้ำมันลงก็จริงนะครับ แต่ ข้าวแกง ไม่ได้ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ น้ำมันพืช ข้าวสาร เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรสไม่ได้ลงตามเลย ลองไปเทียบราคาดูได้ ข้าวสารนี่ ราคาค้างอยู่นานแล้ว ข้าวสารดีๆหน่อย ถุงล่ะ 160+ พวกหอมมะลิ 100% เนื้อหมู 100 บาทแล้วไม่เคยลง ปลาทับทิมนี่ตัวดี โลนึงจะแตะร้อยอยู่แล้ว ทั้งๆทีปีก่อนยัง 50 บาท น้ำตาล น้ำมันพืช นมสด มองในแง่ผู้ประกอบการ ผมขายอาหารอยู่ไม่เคยอยากขึ้นราคาอาหาร ถ้าไม่จำเป็น เพราะก็จะสังเกต ได้เลยว่าคนน้อยลงไป มีฟีดแบ็คเรื่องราคาว่าแพงขึ้นบ้าง แต่บางทีของมันก็ขึ้นเยอะเกินจนเราไม่ขึ้นราคาไม่ได้ เรามีลูกน้องต้องเลี้ยง ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ใช่วัตถุดิบ มันก็ขึ้น ไม่รู้สินะครับ ก็อย่างที่ จขกท ว่าไว้ ขึ้นมากไป ขายไม่ออกก็เจ๊งไปเอง ผมว่า บริษัทเค้าก็คงชั่งน้ำหนักมาแล้วพอสมควร ว่าขึ้นน่าจะไปรอดได้ดีกว่ารึเปล่า ?? จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 16 ม.ค. 52 09:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าว่าแต่ vbk เลยค่ะ บงกช ก็ด้วยแหล่ะ ทุกวันนี้การ์ตูนราคาแพงขึ้นมากกกกกกกกกก จากเล่มละ 40 กลายเป็น 45 แล้ว เล่มบางนิดเดียว แย่กว่า vbk อีกนะ แพงแบบไร้เหตุผลอ่ะ เรายังคุยกะพี่เจ้าของร้านการ์ตูนอยู่เลย ทำไมการ์ตูนขายแพงจัง แป๊บเดียว 45 บาทแล้ว บางเล่ม 50 เลยด้วยซ้ำไป ช็อคอย่างแรง -*- แพงแบบนี้ต่อไป อาจจะเลิกซื้อเอาง่ายๆ นะ ขอบอก จากคุณ : pae_ya - [ 16 ม.ค. 52 09:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นการตลาดของเขาละครับ เดี๋ยวคนหันไปอ่านในเน็ตจนหมดก็คงรู้ตัวว่าควรจะ.... ...ไปไล่ฟ้องเว็บที่เอาการ์ตูนลง ส่วนราคาไม่ลดให้หรอก หุหุ จากคุณ : Thorus - [ 16 ม.ค. 52 09:06:16 A:192.168.0.17 X:116.68.151.50 TicketID:190055 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่แปลกนะ berserk เป็นการ์ตูนรายเดือนที่รวมเล่มแล้ว หน้าเยอะเกิน 200 หน้า ปกติถ้า 160-180 หน้า เรื่องใหม่ ๆ ก็ 45.- ส่วน 200+ หน้า ก็ 50.- ไม่ได้จะแก้ตัวแทน VBK แต่ berserk มันก็แพงกว่าการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ในค่ายนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ส่วนถ้าจะพูดกันถึงต้นทุน ต้นทุนทำหนังสือ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำมันอย่างเดียว ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องกระดาษซะมากกว่า พูดไปแล้วเดี๋ยวจะมีพ่อค้ากระดาษมาอธิบายกันยาวอีก จากคุณ : ซินเดอเรล่า - [ 16 ม.ค. 52 09:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถูกค่ะ คห. 8 สินค้าบางตัว ก็ไม่ได้ผันแปรไปตามราคาน้ำมันโลกค่ะ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้านด้วย ไม่ทราบว่า ทุกวันนี้การ์ตูนที่เราอ่านๆ กันอยู่ เป็นกระดาษอะไร (รีไซเคิลรึเปล่า) ที่กระดาษแพงขึ้น อาจะเป็นเพราะเรื่องโลกร้อนก็ได้ค่ะ ช่วงรณรงค์เรื่องนี้ ทำให้คนหันมาสนใจเรื่องต้นไม้กันมากขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ทดแทนด้วยรึเปล่า แล้วก็เรื่องตัดไร่เลื่อนลอยด้วย - - ส่วนเรื่องข้าวแกง เราคิดว่าเป็นเรื่องของสินค้าเกษตรค่ะ บางตัวหายากเพราะเกษตรกรไม่ทำต่อ เนื่องจากราคาน้ำมันแพงก่อนหน้านี้ ตอนนี้หน้าหนาว พวกพืชไร่ก็เสียหายค่ะ เมื่อเช้าดูข่าวเรื่องพริก ไร่พริกเสียหายเพราะอากาศเย็นแต่ตอนบ่ายร้อน พริกเลยไม่โต คาดว่าพริกอาจราคาขึ้นเร็วๆ นี้ เมื่อวานอีก พืชไร่หลายๆ ชนิดเสียหายเพราะเจอน้ำค้างแข็ง อาจทำให้เน่าตายได้ คาดว่าหลังจากนี้ข้าวแกงอาจจะแพงขึ้นอีกก็ได้ค่ะ ต้นทุนสูงมากมาย แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 09:11:49 จากคุณ : pae_ya - [ 16 ม.ค. 52 09:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เฮ้อ....เรื่องใหม่ๆมาต้องพยายามไม่ซื้อแล้ว ทุกวันนี้หมดเงินกับค่าการ์ตูนไปไม่ใช่น้อย ยังดีนะว่า บางเรื่องก็อ่านบนเนทเอา... ปวดตาหน่อยแต่ประหยัดเงิน จากคุณ : Gueese - [ 16 ม.ค. 52 09:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากบอกว่าถ้าจะขึ้นจริงๆทำสินค้าให้มีคุณภาพขึ้นหน่อยก็ยังดี นี่หน้าปกสีเพี้ยน อ่านละมือดำปี๋ตะกั่วติด แหกนิดแหกหน่อยกระดาษจะหลุด รถเมล์ก็อีก น้ำมันลงแต่ขึ้นราคา ทีหลังขึ้นแต่รถตู้ดีกว่า (ขอบ่นตามน้ำนิด -*-) จากคุณ : pessimistic freak - [ 16 ม.ค. 52 09:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนใหญ่ยัง 45 แต่อีกแค่ 5 บาืทก้อครึ่งร้อย ... เรื่องนี้ยังไงก้อต้องปรับตัว ทั้งผู้ผลิต ทั้งคนซื้อ กำลังน้อยก้อซื้อน้อย แต่ถ้าอยากอ่านมากก้อเช่า หรือไม่ก้อแชร์กันอ่าน ส่วนตัวก้อซื้อน้อยลง เรื่องใหม่เรื่องไหนที่ซื้อแล้ว ดูแล้วไม่สนุกก้อตัดใจไม่ซื้อต่อ หยุดเล่มต้นๆ ดีกว่ามาช้ำใจตอนหลัง จากคุณ : Meow-Meow (piggy_and_kitty) - [ 16 ม.ค. 52 09:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่รู้ ซื้อเหมือนเดิม - -" ทำงานแล้วเลยไม่ค่อยคิดไรมาก เดือนหนึ่งโดน2-3พันบาทกับการ์ตูนนี้แหละครับ จากคุณ : dramer - [ 16 ม.ค. 52 09:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้ซื้อน้อยลงแล้วค่ะ ตามแต่เล่มที่ยังไม่จบ ค้างๆ อยู่เท่านั้น ได้ช่องทางอ่านจากเน็ตใหม่ด้วย แต่อย่างว่า ถ้ามันชอบมากๆจริงๆ ก็ต้องยอมซื้อ ดีที่มันแค่ 45 บาทอยู่ เฮ้อ หมดกันตังค์ชั้น จากคุณ : @panzy@ - [ 16 ม.ค. 52 09:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 การ์ตูนขึ้นราคา ก็ช่างมันเถอะ ของสิ้นเปลือง แค่ลดการซื้ัอเก็บ ไปเป็นเช่าอ่านตามร้านเช่าแทนจะดีกว่า..  ไหนๆ คุณภาพกระดาษมันก็ไม่ใช่อะไรที่เก็บได้นานด้วย... จากคุณ : S.S. - [ 16 ม.ค. 52 09:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้อ่านผ่านเน็ตตลอด แต่ berserk ต้องซื้อเพราะนาน ๆ ออกที ไม่เป็นไร ส่วนเล่มอื่น งดหมดแล้วตอนนี้ จากคุณ : ไทนาวี - [ 16 ม.ค. 52 09:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เชื่อสิ ถ้าน้ำมันมันขึ้นราคาอีกรอบ สินค้าอื่นๆก็ขอขึ้นราคาขึ้น พอน้ำมันมันราคาลดลงเหมือนเดิม ของก็ราคาไม่ลดลง เป็นวัฐจักรอุบาทต่อไป จากคุณ : J-shock - [ 16 ม.ค. 52 09:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้ใช้วิธีไปร้านการ์ตูนเดือนละ  2  ครั้งคะ นั่งรถไปซื้อที่หน้าราม  ลด  20  % ไปหนนึงกวาดเอามาหลายเล่ม  ลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเหมือนกัน   บางทีก็พึ่งเอาร้านมือสองนี่แหละคะ  เซพสุดๆ ส่วนเรื่องออกใหม่ก็ร้านเช่าโลด  รอดูซัก  7-8  เล่ม เห็นแววว่าสนุกชัวร์ ค่อยซื้อเก็บอีกที จากคุณ : sonata (ด้ายทอไหมทอง) - [ 16 ม.ค. 52 09:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห.8 และ คห.12 อธิบายได้ถูกต้องแล้วครับ น้ำมันลดไม่ได้หมายความว่าสินค้าทุกอย่างในตลาดต้องลดครับ คนเรียนเศรษฐศาสตร์น่าจะเข้าใจดี แต่ผมเห็นด้วยกับจขกท.นะ 50 บาทมันก็แพงไปจริงๆ จากคุณ : momotopui - [ 16 ม.ค. 52 09:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เค้าทำมาขาย ใครมีกำลังทรัพย์จะอุดหนุนเค้าได้ ช่วยอุดหนุนเค้าเถิดครับ ส่วนใครที่ไม่มีกำลังทรัพย์ ขอแนะนำอากู๋ช่วยท่านได้ หรืออีกทางก็คือเลิกอ่านมันซะ ตอนนี้ผมก็โหลดอยู่หลายเรื่องครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เซ็นโง่ว์นี่ล่ะครับปัญหาใหญ่ของผม จากคุณ : Hayana - [ 16 ม.ค. 52 09:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่าธุรกิจการ์ตูนไม่ได้กำไรอะไรมากมายหรอกครับ โอกาสเงินจมก็สูงด้วย ลองเทียบๆดูกับหนังสืออื่นๆ ในจำนวนหน้าพอๆกัน การ์ตูนยังถูกกว่ามาก โอเคว่าใช้กระดาษคุณภาพด้อยกว่า แต่หากเทียบต้นทุนจริง ผมก็ว่ายังกำไรน้อยกว่า ลองดู City Hunter 125 บาทนะครับ กระดาษอย่างดี พิมพ์ทั้งสีเดียว สองสี บางหน้าสี่สี จำนวนหน้าพอๆกับ pocket book ซึ่งถ้าเป็น pocket book ทั่วๆไป คงขายเฉียดๆ 200 ส่วนที่ว่าทำไมลดให้ร้านค้าเยอะ ถ้าลดน้อย ใครจะขายให้ละครับ ไม่งั้นก็ต้องไปขายตรงเอง แต่จะขายได้อย่างไร ผ่านเว็ปหรือ มูลค่ามันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร แค่ค่าส่งก็ไม่คุ้มแล้ว  ลองนึกภาพว่าถ้าเป็นร้านแล้วได้กำไรแค่ 10% เดือนๆนึงจะขายให้มีกำไรซัก 30,000 ต้องขายได้ถึง 300,000 บาท คิดเป็นประมาณ 6 พันกว่าเล่ม (ที่ราคาเฉลี่ย 45 บาท) นี่ยังไม่หักค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่า ค่าจ้างเด็กอีก เบ็ดเสร็จเหลือไม่เท่าไรหรอก สรุปคือ ถ้าให้ร้านค้าน้อย เค้าอยู่ไม่รอด ก็จะขาดช่องทางการจัดจำหน่ายไปอีก ผมซื้อการ์ตูนตั้งแต่เด็กขอเงินพ่อแม่ จนปูนนี้ทำงานมาเป็นสิบปี ก็ซื้อตามกำลังทรัพย์ครับ พ่อแม่ให้เงินเป็นเดือนตั้งแต่เด็กให้บริหารเอง สมัยก่อนมีน้อยก็ซื้อน้อย สมัยเด็กๆ เรื่องไหนผมอ่านรายสัปฯแล้วจะไม่ซื้อรวมเล่มเลย ทำให้อ่านได้เยอะเรื่องครับ อย่าง City Hunter ผมไม่เคยซื้อรวมเล่มเลย จนกระทั่ง SIC ออกใหม่ 125 บาทนี่แหละครับ ซื้อรวมเล่มเฉพาะที่ไม่เคยอ่านรายสัปฯ  แต่กลับกันตอนนี้ทำงานแล้ว ผมซื้อแต่รวมเล่ม ไม่ซื้อรายสัปฯ เพราะได้คุณภาพมากกว่า และขี้เกียจตามอ่านทีละตอน ผมว่าเมืองไทยการ์ตูนก็ไม่แพงแล้วครับ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น แม้ค่าครองชีพเค้าจะแพงกว่า แต่ก็ใช่ว่าเด็กๆเค้าจะได้เงินจากพ่อแม่มากมาย ก็ซื้ออย่างพอเพียงดีกว่านะครับ จากคุณ : โอบ๊อท - [ 16 ม.ค. 52 09:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แล้วไอเล่มที่เอาค้างสต๊อกมาขายใหม่ แต่เปลี่ยน แจ๊กเก็ต เพิ่มราคาล่ะ มันเกี่ยวกับน้ำมันเหรอ นอกจากฉวยโอกาส ลองไปเปิดดูได้ครับ ถอดแจ็กเก็ตออกมาดูปกใน มันจะไม่ลงราคาไว้ ลงแต่ที่แจ็กเก็ต เพราะมันเปลี่ยนง่าย เปลี่ยนแจ็กเก็ต ที่ละ 5 บาท จากคุณ : SuperTee (itCrazy) - [ 16 ม.ค. 52 10:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พอมองเห็นราคาของ Berserk ที่ซื้อเมื่อสองวันก่อน ถึงกับผงะเหมือนกัน แน่นอนไม่มีใครชอบของแพง แต่ของซื้อของขาย เมื่อต้นทุนขยับ ราคามันก็ขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้... อันนี้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ที่เข้าใจไม่ได้คือ 5 บาท ที่ขึ้นนี่ มันน่าจะเพียงพอที่อย่างน้อย ผู้บริโภคน่าจะได้อะไรๆ ที่มีการปรับปรุงขึ้นมากกว่านี้ และหลายปัญหามันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย 50 บาท ทำไม Berserk เล่มที่ผมซื้อ ผมยังต้องมายืนส่องสันกาวที่ร้าน เพื่อจะมองเห็นว่ายังมีเล่มที่เข้ากาวไว้ไม่ดี? 50 บาท ทำไม Berserk เล่มที่ผมซื้อ ผมยังเห็นเม็ดหมึกเลอะในการ์ตูน? 50 บาท ทำไม Berserk เล่มที่ผมซื้อ มือผมยังดำ หลังจากอ่านจบ? กี่ครั้งแล้วที่คุณไม่เคยแสดงตัวว่า คุณพยายามที่จะแก้ไขมัน? ผมจะไม่มีปัญหาเรื่องราคาเลย ถ้าสิ่งนั้นๆ ดีพอที่จะจ่าย คุณภาพดี คุณจะเอาจากผมเป็นร้อยก็เอาไปเหอะ ทำไมขึ้นราคาได้ แต่ทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้.......ทำไม........????? จากคุณ : ทศ21 - [ 16 ม.ค. 52 10:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเทียบกะนิยายอีโมสมัยนี้ ขายเล่มละร้อยสองร้อย การ์ตูนเล่ม 50 บาทเราว่าคุ้มกว่าค่ะ ถ้าคุณรู้ต้นทุนค่าเรื่องนิยายเหล่านั้น ก็จะรู้ว่า สนพ.เค้ากำไรมากขนาดไหน ยังไงซะการ์ตูนก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคโปรดใช้วิจารญาณในการซื้อ คุณโอบ๊อทเขียนได้เข้าใจชีวิตดีค่ะ ทำไมคนชอบคิดว่าทำ สนพ.แล้วรวย ขายหนังสือแล้วรวย เนอะ จากคุณ : ban_ri - [ 16 ม.ค. 52 10:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เช่าเป็นคำตอบสุดท้าย จากคุณ : nowkung - [ 16 ม.ค. 52 10:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมกลับไม่เห็นด้วยนะที่ว่าของหลายๆอย่างนํ้ามันลดแล้วทุกอย่างไม่จําเป็นต้องลด ก็ตอนขึ้นก็ขึ้นช่วงนํ้ามันพีคนี่นาใช้เหตุผลเดียวกันไม่ได้ก็แปลกดี บ้านเราก็งี้แหล่ะด้านได้อายอด จากคุณ : จขกท - [ 16 ม.ค. 52 10:53:45 A:192.168.0.17 X:125.24.209.230 TicketID:197807 ]

ความคิดเห็นที่ 30 50 บาทแล้วเหรอคะ!! อย่างนี้ขึ้นทุกเรื่องเลยรึเปล่าคะเนี่ย T__T จากคุณ : Satohara Miki - [ 16 ม.ค. 52 10:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 berserk 50บาท..ไม่สงสัยครับ... แต่ทคคิว 50 บาทเนี่ย..เล่นเอาอิ่งเลย แต่ก็หน้า200UP นะ ราคาครึ่งร้อยก็สาหัสเหมือนกันนะ ยังไงลูกค้าส่วนหนึ่งก็ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง แถมวิบูณกิจยังเป็นตัวแม่ เรื่องขึ้นราคาซะด้วย ขืนเป็นแบบนี้ ค่ายอื่นเอาตามแหงๆ จาก35-50 บาท มันขึ้นแบบกระโดดเลยนะ ขึ้นทีละ5บาทเนี่ยไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แค่อยากบอกว่ามันสาหัสเหมือนกัน ถ้ามีเหตุผล ก็บอกกันมั่งดิ สนพ. จากคุณ : NEKOmimi - [ 16 ม.ค. 52 10:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 . . พยายามลดๆการซื้อลงครับ . ผมก็ตัดไปหลายเรื่องแล้ว . ถ้าไม่ชอบสุดๆจริงๆ ก็เช่าอ่านเอา จากคุณ : bb_area - [ 16 ม.ค. 52 11:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วันก่อนไปซื้อเฮียกั๊ซก็คุยๆกับเจ้าของร้านอยู่นะ ว่าเดี๋ยวนี้แพงขึ้นจนได้ข้าวสองจานแล้วเนี่ย.. จะซื้อทีนึงยืนดูแล้วยืนดูอีก ว่าจะซื้อดีไหม เพราะทำงานแล้วเห็นค่าของเงินมากขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ เลยทำให้คิดว่าจะจ่ายอะไรแต่ละที มันคุ้มรึเปล่ากับค่าเหนื่อยที่เราทำมา มันคุ้มรึเปล่ากับการดำเนินชีวิต จากคุณ : ตุ๊กตาไขลานที่ไม่มีลานให้ไข - [ 16 ม.ค. 52 11:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ได้คิดว่าคนการ์ตูนรวย แต่คิดว่าการ์ตูนไทย ในปัจจุบันนี้ ราคาไม่คู่ควรคุณภาพ คิดมั้ยว่าทำไมนิตยสารแบบนี้เล่มละ 80 เล่มละ 90 ยังไม่เห็นกระทู้บ่น เพราะคุณภาพกระดาษยังคุ้มค่าราคา แต่ถ้าเห็นกระทู้บ่น มันมีตัวอย่างชัดเจนอย่าง RAYสมัยนึงคือคุณภาพเนื้อหาห่วย ไม่มีใครบ่นว่ากระดาษห่วย การ์ตูนญี่ปุ่น นั่นก็เป็นตัวอย่างของราคาคู่ควรคุณภาพ แน่นอนเทียบบนพื้นฐานค่าครองชีพบ้านเค้าด้วย กระดาษบางมีความเหนียว  หมึกดี เข้าเล่มดี ถ้าการ์ตูนไทย คิดว่ายังใช้กระดาษเชื้อปลวก (กระดาษที่ยุ่ยง่ายกว่ากระดาษประเภทอื่น) ใช้หมึกห่วยๆ เห็นได้ว่าบางครั้งหมึกมันทะลุไปอีกหน้าเอง และจับแล้วดำ พูดง่ายๆ หมึกที่มีอันตรายต่อร่างกาย เกรดไม่ดีกว่าหมึกหนังสือพิมพ์(แต่อันนี้เป็นเฉพาะบาง สนพ.) กับการเข้าเล่มห่วยๆ  บางครั้งหลุดเป็นแผ่นๆ นั่นเป็นสาเหตุที่ตั้งแต่ขยับ 40-45 ซื้อเฉพาะเรื่องที่ค้างสะสม จากคุณ : MoonClock~* - [ 16 ม.ค. 52 11:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คห.8  เคยกินข้าวราดแกง ที่ใช้ข้าวหอมมะลิ มาหุงให้ลูกค้าหรือ ครับ ? ผมเคยเกินแต่ข้าวเสาไห้ เดนๆ เก่าๆ ค้างปี โลละ 18 บาท มาหุงขายน่ะครับ.....ไอ้พวก หอมมะลิโลละ 35 ไม่มีใครเอามาหุงขายหรอกครับ น้ำมัน ก็ซื้อน้ำมัน ปาล์มแบบชั่งกิโลขาย (ลิตรละ 30 บาท) ผัก ก็เป็นผักช้ำๆ ราคาถูกๆ น้ำตาล ซีอิ้ว น้ำปลา ก็เอาของถูกสุดๆมาขาย...... ผมก็เห็นว่า ร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ก็ลดต้นทุนสุดๆ เหมือนกัน แต่ เราเป็นคนกิน เราไม่รู้หรอกว่า มันใช้วัตถุดิบ ราคาเท่าไหร่ มาทำให้เรากิน..... ถ้าใช้ของ คุณภาพ จริงๆ มาทำกับข้าวขาย คงจะข้าวจานละ 60 แล้วล่ะครับ.....ที่บางร้านมันยังขายได้จานละ 25 - 30 เพราะ ต้นทุนต่ำสุดๆ แล้ว รู้หรือเปล่าว่า อาหารตามสั่ง กำไรวันเท่าไหร่ ? พวกที่ขาดทุน มีแต่พวก ที่นั่งตบยุงเท่านั้น ถ้ายังมีคนเดินเข้าๆออกๆ ก็แปลว่ายังอยู่ได้......... ตอนนี้ ไก่โลละ90 บาท เจียดเศษเนื้อไก่มาทำกระเพราไก่ให้เรา ไม่ถึง 50 กรัม ด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกร้านอาหาร ก็นิยมซื้อของ ห้าง ดิสเคาท์สโตร์ กันมาก น้ำปลา น้ำตาล น้ำมัน ราคาถูกกว่าของ มียี่ห้อ 30 - 40 % แล้วครับ แต่ขายราคาเดิม..... อย่าให้พูดเลย ว่า พวกร้านค้า ไม่ต้องเอา ราคา ข้าวสาร น้ำปลา เกลือ มาอ้าง ......เพราะ สินค้าที่เขาซื้อมาใช้ กับ คนตามบ้านซื้อมาใช้ มันคนละเกรด คนละราคากัน..... คนตามบ้านกิน ข้าวหอมมะลิ โลละ 35 - 40 บาท ร้านอาหาร เอาข้าวเสาไห้ โลละ 25 - 29 บาท มาขาย...........คิดว่ากำไรหรือขาดทุน ? การ์ตูนก็เหมือนกัน ......ถ้าบอกว่า ขาดทุน กำไรน้อย แล้วไปซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนห่วยๆมาพิมพ์ขายทำไม ? การ์ตูนบางเรื่อง ห่วยเหลือหลาย ก็ยังซื้อมาพิมพ์ขาย...? กระดาษ A4 รีมละ 80 บาท ที่้แมคโคร ยังจะดีกว่ากระดาษพิมพ์ หนังสือเล่มละ 50 บาทเสียอีก..... กระดาษพิมพ์ การ์ตูน เป็นกระดาษห่วยมาก......เก็บไว้นานๆ จะเหลืองกรอบ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 16 ม.ค. 52 11:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กำลังจะเอาการ์ตูนไปขายพอดีครับ ฮ่า : ) เลิกอ่าน จากคุณ : คนผิดชื่อก้อง - [ 16 ม.ค. 52 11:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องในกระทู้ช่างเหอะ แต่เห็นหัวกระทู้แล้วแอบขัดจิตนิดนึง ขออนุญาตเบรกด้วยรายการภาษาไทยวันละ(หลาย)คำ สลึง [สะหฺลึง] น. มาตราเงินตามวิธีประเพณี ๒๕ สตางค์ เท่ากับ ๑ สลึง, เขียนตามวิธีโบราณดังนี้ (รูปภาพ) หมายความว่า ๒ สลึง; ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณี สําหรับกําหนดนํ้าหนัก เท่ากับเงินหนัก ๑ ใน ๔ บาท หรือ ๓.๗๕ กรัม. สตางค์ [สะตาง] น. เหรียญกระษาปณ์ปลีกย่อย ๑๐๐ สตางค์ เป็น ๑ บาท, อักษรย่อว่า สต., โดยปริยายหมายถึงเงินที่ใช้สอย เช่น วันนี้ไม่มีสตางค์ติดตัวมาเลย เขาเป็นคนมีสตางค์; ชื่อ มาตราชั่งตามวิธีประเพณีสําหรับกําหนดนํ้าหนักเท่ากับเงิน หนัก ๐.๑๕ กรัม; (โบ) มาตราวัดน้ำฝนเท่ากับ ๑ ใน ๑๐ ของทศางค์. ลึงค์ น. อวัยวะเพศชาย, อวัยวะเพศ; ประเภทคําในไวยากรณ์ที่บอก ให้รู้ว่าคํานั้นเป็นเพศอะไร เช่น ปุลลึงค์ คือ เพศชาย สตรีลึงค์ คือ เพศหญิง; ลิงค์ ก็ว่า. (ป., ส. ลิงฺค). http://rirs3.royin.go.th/dictionary.asp แถม สำหรับคนที่ชอบสะกด link ว่า"ลิงค์" ลิงค์  น. เครื่องหมายเพศ; ประเภทคําในไวยากรณ์ที่บอกให้รู้ว่า คํานั้นเป็นเพศอะไร เช่น ปุงลิงค์ คือ เพศชาย อิตถีลิงค์ คือ เพศหญิง; ลึงค์ ก็ว่า. (ป., ส.). ต้องสะกด link ว่า ลิงก์ นะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 11:47:56 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 11:47:23 จากคุณ : Ponyo - [ 16 ม.ค. 52 11:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ข้าวแกงหน้าปากซอยบ้านผม ใช้ข้าวหอมมะลิ ครับ จานละ 25 สองอย่าง 30 ผมละเบื่อจริงๆ ไม่ชอบข้าวหอมมะลิเลย จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 - [ 16 ม.ค. 52 11:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พูดตรงๆ การ์ตูนเล่มละครึ่งร้อย ถ้าจะซื้อก็คิดหนัก ถ้าไม่อยากเก็บจริงๆ คงไม่ซื้อ ยอมรับเลยว่าทุกวันนี้อาศัยสูบตามเน็ทกับร้านเช่า ถ้าอ่านแล้วโดนจริง ๆ จะซื้อเก็บไว้ (นานะ เป็นต้น) "ประเทศที่ประชาชนหันมาซื้องานศิลป์ ประเทศนั้นคือประเทศที่เจริญทางเศรษฐกิจแล้ว"   คำกล่าวของใครไม่รู้ แต่โดน จากคุณ : ป้าตัวกลม - [ 16 ม.ค. 52 12:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 -.- ไม่เกี่ยวกับหอมมะลินิครับ ผมยกตัวอย่างเพราะผมซื้อมาใช้ ผมจำได้ว่า ช่วงก่อนข้าวแพง มันถุงล่ะ 100 ครับ 105 -110 บาท อันนี้ที่ผมซื้อใช้เองเลย มาวันนี้มันถุงล่ะ 160 บาท ผมดูราคาข้าวอื่นแล้วก็ขึ้นเหมือนกัน เสาไห้ ข้าว 5% ข้าวท่อน ข้าวเหนียวอะไรก็ขึ้นหมดล่ะครับช่วงก่อนนี้  ไอ่ที่ผมเคยซื้อ 105 มันขึ้นไปถึง 180 ด้วยซ้ำ แล้วเสาไห้ไม่ขึ้นรึ ?? หมู ก่อนน้ำมันแพง ราคาโล 80 น้ำมันแพงโลล่ะ 100 ตอนนี้ น้ำมันถูกแล้ว ก็โลละ 100 แถมจ้องจะขยับเรื่อยๆ ถามว่าถ้าใช้ 50 กรัมเท่าเดิม ต้นทุนขึ้นมั๊ยครับ ? น้ำมัน ปาล์มเลย ตอนนี้ลิตรล่ะ 30 ต้นๆ  ตอนน้ำมันแพง ลิตรล่ะ 36 - 40 บาทก่อนนี้ จำได้ว่า 20 ปลายๆ เมื่อราวๆปีเศษๆ ก่อนนี้ gas ถัง 15 kg ก่อนนี้ ถังล่ะ 280 (เมื่อปีก่อนนี่ล่ะ) ตอนนี้ 310 พึ่งซื้อเมื่อ อาทิตย์ก่อน ไม่รู้สินะ ผมชี้ให้เห็นว่าต้นทุนมันเพิ่มนะ แม้น้ำมันจะลง แต่ต้นทุนจริงๆของสินค้าไม่ได้ลงไปด้วย ประเด็นมันเพี้ยนไปหมดล่ะ เอาง่ายๆ ต้นทุนกระดาษมันขึ้นรึเปล่า ?? หรือค่าพิมพ์มันขึ้น ?? หรือค่าลิขสิทธิ์มันขึ้น ??~ ค่าจ้างคนมันขึ้น ?? ทำไมขึ้นราคาตอนนี้ ถ้าขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ก็สมควรโดนด่า จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 16 ม.ค. 52 12:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จขทก เอาแต่ได้จังครับ อยากได้ราคาถูกๆ... เชื่อเลยว่า จขทก เวลาทำงานคงอยากได้เงินเดือนเยอะๆ แล้วทำไมต้องมาบอกให้ นสพ ขายถูกๆด้วย ในเมื่อใครๆก็อยากได้เงินเยอะๆทั้งนั้น อีกอย่างเรื่องลิขสิทธิ์ ถึงจะผูกขาดการพิมพิ์เรื่องลิขสิทธิ์ แต่ก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์นะครับ และ บางที นสพ ก็จะโดนทาง ญี่ปุ่นมันมือชกด้วยการ ขายลิขสิทธิ์แบบเป็นแพ็ค แบบเอานักเขียนดังกะไม่ดังมารวมกัน ถ้าคุณซื้อคนนี้ ก็ต้องซื้อคนนี้ด้วยไม่งั้นไม่ขาย จากคุณ : PreviousMorning - [ 16 ม.ค. 52 12:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 42 BERSERK ราคามัน +5 บาทมานานแล้วครับ  สมัยเล่มอื่น 35 berserk 40   เพราะมันหนากว่ารวมเล่มทั่วไปประมาณ 20%  (และเปลืองหมึกกว่า 200%  :D  )   เอาความหนามาเป็นตัวแปรในการคิดราคาด้วยสิ  ไม่งั้นซักวัน สนพ. มันคงทำให้หนาแค่ 100 หน้าขาย 35 บาท  เพราะมีคนคิดว่าขายถูกลง   สนพ.ก็กำไรมากขึ้น  คนซื้อที่มองแค่ราคาก็ happy  (ทังๆ ที่จ่ายรวมๆ แพงขึ้น) จากคุณ : AccBLue - [ 16 ม.ค. 52 12:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เช่าสถานเดียว!!! จากคุณ : รู้รึเปล่าว่าเค้าคือแมว - [ 16 ม.ค. 52 12:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปกติซื้อเต็มราคาเลยค่ะ แอบคิดไปเองว่าร้านที่ขายถูกกว่า 2-3 บาทเป็นหนังสือที่มีตำหนิ กระดาษติดกัน หน้าไม่ชัด อะไรแบบนั้น ไม่รู้หมือนกันว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เจอทุกทีเลยค่ะ จากคุณ : CrispyShrimpTempura - [ 16 ม.ค. 52 12:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ก็มีคำถามแบบนี้ทุกเดือนแหละนะ ไม่อยากจะตอบแล้วครับเบื่อ ใครที่คิดว่าการ์ตูนกำไรงามขายโขกก็ลองมา "ทำ" ดูครับ พยายามเข้านะครับ ผมเชียร์จากใจจริง ผมก็อยากอ่านครับ การ์ตูนคุณภาพดีราคาถูกๆ เนี่ย ปล.มาตอบบางประเด็นให้สำหรับคำถามที่ไม่เคยตอบ ทำไมการ์ตูนรีปรินท์ทำปกใหม่ขายแพงขึ้น การ์ตูนเก่าก็มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นครับ ถ้าใครทำ สนพ.จะรู้จักต้นทุนจัดการ "สต็อค" คำนี้ง่ายๆ แต่เคยทำให้ สนพ.ล้มละลายกันมานักต่อนักแล้ว ต้นทุนตัวนี้แหละที่ทำร้ายคนทำหนังสืออย่างหนัก เงินก็ไม่ได้แต่ดันต้องจ่ายค่า "เก็บ" เอาไว้เฉยๆ จากคุณ : Aha301 - [ 16 ม.ค. 52 12:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 หลายคห. ก็ตอบปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ราคาสูงขึ้นไปแล้ว ขอเพิ่มสาเหตุที่จะทำให้การ์ตูนแพงขึ้นอีกสักข้อ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มสูงขึ้น ต้นปี 2008 จนถึงปลายปี 2008 ค่าเงินสูงขึ้นพอตัว และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก ถึงไม่ใช่ปัจจัยใหญ่ แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่น่าจะไปพิจารณาค่าหนังสือ เพราะอนาคตถ้าจะซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนเพิ่ม หรือต่อลิขสิทธิ์การ์ตูนบางเรื่อง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมากขึ้นครับ จากคุณ : Vortex - [ 16 ม.ค. 52 13:24:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อืม ผมก็อยากให้ จขกท ไปทำธุรกิจหลายๆอย่างเหมือนกันแฮะ ไม่ใช่ให้ไปขาดทุนนะ แต่ผมก็อยากได้ของดีๆ ปริมาณมากๆ ราคา"โคตร"ถูก จาก จขกท เหมือนกัน เอาตามตัวอย่าง จขกท ก็แล้วกัน berserk ของ จขกท ผมขอแค่กระดาษถนอมสายตา หน้าสีทุกหน้า ขอราคาเล่มละ 15 บาทก็แล้วกันครับ ผมเชื่อว่าขายทั่วประเทศ 60 ล้านเล่ม ยังไม่กำไรเลยครับ -*- หรือแม้แต่ โลงศพ ถ้าลูกค้าต้องการไม้สักทอง แต่อยากได้ราคา 2000 บาท งี้ก็..นะ ปล.ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ พอเพียงครับ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น จากคุณ : Hatred - [ 16 ม.ค. 52 13:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อวานหยิบเบอร์เซิกร์มากก็อึ้งเหมือนกัน แต่นึกได้ว่าอีกร้านขายถูกกว่าเลยไปซื้อ ปรากฏว่าซื้อได้เล่มละ 45หมือนตอนที่มันไม่ลดเล่มเก่าเลย อัตราแลกเปลี่ยนก้น่าจะมีส่วนนะครับเพราะเวลาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ คงเป้นเงินเยนไม่ก็ usd จากคุณ : Desolation Angel - [ 16 ม.ค. 52 13:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอน30-35บาทผมก็ชอบเรื่องไหนซื้อเลย(เว้นบางเรื่องเล่มพิเศษแบบโชบิท) ตอนนี้45-50บาท รอให้มันนานๆจนมีลดราคาแล้วค่อยไปสอยกวาดทีเดียวก็ได้ จากคุณ : Evamania - [ 16 ม.ค. 52 13:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ง่ะ มันอาจจะมาจากต้นทุนอย่างอื่นก็ได้นะครับ แบบค่าเช่าตึกโดนขึ้นราคา ค่าน้ำค่าไฟแพง ค่าขนส่งแพง คนจ้างพนักงานแพง ค่าซีลห่อแพง ฯลฯ การ์ตูนมันไม่ทำจากน้ำมันกับกระดาษอย่างเดียวนี่คัรบ จากคุณ : Disorder - [ 16 ม.ค. 52 13:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ทำหนังสือพวกนี้ไม่รวยหรอกครับ การ์ตูนนี่ยอดขายมาจากการขายเล่มอย่างเดียว ไม่มี ad มาช่วยแชร์ cost เหมือนนิตยสาร เลยจะให้ถูกแล้วกระดาษดีแบบนิตยสารคงไม่ได้ พิมพ์หนังสือเล่มนึงออกขายเล่มละ 50 บาทนี่ หนักๆ เลยมันหมดไปกับค่าจัดจำหน่ายไม่รู้เท่าไหร่ นี่ยังไม่นับต้นทุนกระดาษ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าแปล และอื่นๆอีก หน้าร้านขายหนังสือก็กิน % ไปได้เงินแค่ไม่กี่บาท (ร้านเล็กๆ ตามข้างทางนะ) สมัยสี่ปีก่อนขายหนังสือพิมพ์เล่มนึง ร้านได้เล่มละบาทเองครับ เหมือนที่ข้างบนบอก เงินจมมากมายครับธุรกิจนี้ จากคุณ : eCon1 - [ 16 ม.ค. 52 14:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมงงบางความเห็นที่ไปว่า จขกท. เค้ามากกว่านะครับ เค้ามองจากสายตาผู้บริโภคนะครับ เห็นบ่นว่าของแพงทีไรต้องมีซุปเปอร์ฮีโร่ของผู้ประกอบการมาออกรับแทนทุกที ผมว่านะครับ ที่จขกท. เค้าสงสัยก็คือ ทำไมไอ้ที่บ่นว่าต้นทุนแพงนักแพงหนา แล้วตามร้านมันถึงมาลดราคาได้ล่ะ บางร้านลดตั้ง 20% เลยสงสัยว่า อย่างนี้สำนักพิมพ์ลดลงมาให้เลยไม่ไดหรือ แล้วไอ้ประโยคประเภทที่ว่า "ไม่พอใจก็ทำเอง" "ไม่พอใจก็เลิกอ่านไปสิ" เนี่ย เลิกใช้เถอะครับ มันดูไร้สาระ และความคิดแคบนะครับ จากคุณ : เย็นตาโฟหวาน - [ 16 ม.ค. 52 14:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 การ์ตูนแพง  --> คนเช่าอ่าน (ไม่ซื้อ) --> ยอดขายตก --> รายได้ สนพ. ลด --> ต้นทุนเพิ่ม --> กำไรน้อย หรือ ขาดทุน --> ขึ้นราคา --> การ์ตูนแพง จากคุณ : Nymph~* - [ 16 ม.ค. 52 14:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ความเห็น 47 ประชดได้ปญอ.มากครับ ใครเค้ามาเรียกร้องให้คุณภาพสูงเต็มที่แล้วขาย 15 บาท เค้าต้องการคุณภาพสมราคาครับ ถ้า 35 เหมือนเก่า คุณภาพเหมือนเก่าก็จะไม่บ่น แต่นี่ ขึ้นมา 50 คุณภาพเท่าเดิมเด๊ะ ๆ ไอ้ห่วยก็ห่วยเหมือนเดิม มันก็จะเข้าไอ้ลูปของคห. 53 อีกล่ะ จากคุณ : Lost Seraph - [ 16 ม.ค. 52 14:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คำว่าต้นทุนไม่ได้รวมแค่ค่าพิมพ์อย่างเดียวนะ ต้องรวมทั้ง ค่าพิมพ์ ค่าส่ง ค่าพนักงาน ค่าบำรุงรักษาเครื่อง ค่าไฟ ค่าน้ำ นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงการหมุนของหนังสืออีก ค่าส่งให้นายหน้า เงินได้มาเท่าไร ต้องรับคืนหนังสือมาต้องคืนเท่าไร ค่ารักษาสภาพหนังสือ ค่าโกดัง ต่างๆพวกนี้ก็ต้องคิด ยังต้องคิดถึงเงินหมุนเวียนในระบบอีก อย่าคิดว่าลงทุนมีแค่ค่าพิมพ์ กระดาษ หมึก น้ำมันซิ แต่คุณภาพก็ให้มันได้ตามราคาด้วยซิว้อย จากคุณ : ขาจร - [ 16 ม.ค. 52 15:06:57 A:192.168.0.17 X:140.130.208.46 TicketID:180973 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จากที่สังเกตมาถ้าหน้าเกิน 192 หน้า จะขึ้นราคานะครับ แต่ 50บาทนี่แพงจริงๆ คุณภาพก็ห่วยเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้จะซื้อทีต้องดูชื่อคนเขียนก่อน ไม่ก็กระแสในเน็ท ไม่งั้นเสียดายตังค์ จากคุณ : harunachanism - [ 16 ม.ค. 52 15:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เบอเซริก ออกปีนึงไม่เกิน 2 เล่ม ผมไม่เสียดายกับเงินที่เสียไปกับเรื่องที่ผมชื่นชอบ ต่อให้เล่มละ 100 ผมก็ซื้อ ถ้ามันจะให้ความสุขกับผม เวลาคุยโทรศัทพ์แบบไร้สาระ เคยเสียดายค่าโทร เหมือนแบบนี้บ้างไหม หรือเอาเงินไปโหวตเรียลลิตี้โชว์ วิเคราะห์กันแบบนี้ไหม ทางออกมาหลายแบบเค้าไม่ได้บังคับให้คุณจ่ายเงิน จากคุณ : OngSky - [ 16 ม.ค. 52 15:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คือ โดยส่วนตัวไม่ทราบกับต้นทุนต่างๆของทางสำนักพิมพ์นะคะ แต่เราตั้งแต่การ์ตูนต่างๆขึ้นราคาเป็น 40 บาท ตามภาษาคนพอมีพอกิน ตรงส่วนของหนังสือการ์ตูน เป็นสินค้า ที่โดยส่วนตัวถือได้ว่าฟุ่มเฟือย ซื้อมาอ่านครั้งเดียว หรืออาจจะหยิบมาอ่านซ้ำแล้วแต่ความชอบ อาจจะปีละครั้ง สองครั้ง หรือชอบมากก็ 3-4 ครั้งต่อปี ในปัจจุบันนี้ เศษรฐกิจแบบนี้ นานๆครั้งบางทีก็ต้องถ่อสังขารไปสะพานควาย ซื้อหนังสือการ์ตูนมือสอง เล่มละ 10-20 บาท ซื้อหลายๆเล่มต่อครั้งก็คุ้มพอสมควร สำหรับเราที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่อยากจะอ่านการ์ตูน วิธีนี้คงจะคุ้มที่สุด แต่หากเราอยากจะอ่านหนังสือใหม่ ก็เดินไปที่ร้านเช่าหนังสือแถวๆบ้านเอา เดี๋ยวนี้ก็คิดเล่มละ 4-5 บาท แต่ถ้าเทียบกับการซื้ออ่านครั้งสองครั้ง ก็ถือว่าคุ้มกว่ากันพอสมควรค่ะ แต่ถ้าพูดในเรื่องลิขสิทธิ์ ก็คงต้องบอกว่าสำนักพิมพ์รับภาระหนักในส่วนนี้ เพราะหนังสือการ์ตูนบางเล่มที่ได้ลิขสิทธิ์มา มีแฟนแค่เฉพาะบางกลุ่ม คนอ่านมีแต่อยู่ตัว ไปจนถึงลดลง ไม่มีมากขึ้น เป็นกำลังใจสำนักพิมพ์ให้ในจุดนี้ค่ะ .. จากคุณ : NERVOUS BREAKDOWN - [ 16 ม.ค. 52 15:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 พูดตรงๆ ผมก็ไม่ชอบครับคำว่าปล่อยให้มาทำเองเนี่ย ฉะนั้นที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดจะใช้คำนี้และพยายามอธิบายไม่รู้กี่กระทู้และผมก็เข้าใจว่าอธิบายไปก็ "ไม่เข้าใจ" บางทีผมอาจจะอธิบายได้ห่วยเกินไป หรือคนอ่านไม่ได้อยากจะเข้าใจผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทางลัดที่สุดที่จะเข้าใจคุณต้องมาเห็นเองทั้งระบบ เพราะมันละเอียดมากๆ เกินกว่าจะมาสาธยายให้ฟังกันได้ อยากได้คุณภาพสมราคาเหรอครับ ผมตอบแบบผมจริงๆ จังๆ เลยนะ เชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ผมจะตอบว่าการ์ตูนญี่ปุ่นลิขสิทธิ์ในบ้านเราคุณภาพ "เกิน" ราคาอยู่ครับ เพราะถ้าคุณภาพสมราคาอยู่คุณจะได้เห็นผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันกันในตลาดนี้อีกมาก เหมือนตลาดนิยาย ตลาดมือถือ ตลาดหมูกระทะ ตลาดร้านเช่า และตลาดอื่นๆๆๆๆๆๆ แต่เพราะการทำการ์ตูนมัน "กำไร" ต่ำจนไม่มีใครอยากมาทำหรอกครับ ถ้าไม่อยู่กับมันมานานหรือมีใจรักในวงการนี้จริงๆ จังๆ แต่อธิบายไปผมก็ไม่เห็นจะมีใครเชื่อซักกะทีก็ช่างมันเหอะ ไม่ต้องมาทำก็ได้ครับ ลองเขียนแผนธุรกิจดูก็รู้ครับ ใครเขียนแล้วได้กำไรจริงๆ จังๆ E-Mail มาคุยกับผมเลยครับเผื่อมีโอกาสลงทุนให้หรือขอทุนให้เลยครับ ปล.คนก็บ่นแบบนี้กับวงการ DVD เหมือนกัน คนไทยไม่เคยพอใจกับผลงานคนไทยทำด้วยกัน แต่รู้ใหมญี่ปุ่นไม่อยากขายลิขสิทธิ์อนิเมมาในบ้านเราเร็วนัก เพราะดันมีคนญี่ปุ่นซื้อ DVD อนิเมในบ้านเราไปขายในญี่ปุ่นแล้วคนญี่ปุ่นก็มาแห่ซื้อเพราะคุณภาพดีราคาถูก ***แต่คนไทยด่ากันเองทุกวัน*** จากคุณ : Aha301 - [ 16 ม.ค. 52 16:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แหม มาว่าประชดแบบ ปญอ แล้วที่เค้าถามมามันสมเหตุสมผลมากนี่ ผมก็แค่พูดให้เห็นภาพ ถ้าตามสเป็กที่ผมว่ามา สนพ คงขึ้นเป็นเล่มละ 500 แน่ๆ การ์ตูนในประเทศไทยถูกที่สุดในโลกแล้วมั้งครับ เพียงแต่ว่าถ้าเทียบกับสมัยก่อนมันเลยดูแพง อย่างน้อยถ้าคุณภาพเท่าญี่ปุ่น ราคาตามญี่ปุ่นก็เล่มละ 100 กว่าบาท ถามว่าแค่ 50 ยังบ่นกันขนาดนี้ ถ้า 100+ คนส่วนใหญ่จะซื้อไม๊ครับ ถ้าคุณภาพเพิ่มแล้วทำให้ราคาเพิ่ม จนทำให้เหลือลูกค้าแค่หยิบมือเดียว สนพ คงไม่ทำหรอกครับ ผมว่าตอนนี้มันก็อยู่ในสภาพพอถูๆไถ่ๆไปทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ ที่ผมเปรียบเทียบไปขนาดนั้นเพราะรู้นิสัยคนไทยดีครับ ชอบของดี ราคาถูกจนฟรีได้ก็ยิ่งดี แต่ไม่เคยคิดถึงอีกฝ่ายว่าจะต้องลำบากหรือไม่ คำพูดที่หลายๆคนชอบใช้ "ลองไปทำดูเอง" ถึงมันจะใช้บ่อยจนน่าเบื่อ แต่มันคือการ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" นั่นแหละ จากคุณ : Hatred - [ 16 ม.ค. 52 16:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านจากหลายๆความเห็น ผมพอจะสรุปได้ดังนี้ครับ หลายความเห็น รวมทั้ง จขกท. ไม่เคยทำงานในส่วนที่เป็นผู้ผลิตสินค้า จึงมองไม่ออกว่าราคาที่เหมาะสมจริงๆอยู่ที่เท่าไหร่ เมื่อมองจากมุมมองของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ก็จะคิดว่า "สินค้าที่ได้ยังไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายไป" ซึ่งเป็นมุมมองส่วนใหญ่ของคนซื้อของ อันนี้ไม่เถียง ผมอยากให้คนที่มองในมุมนั้น ลองเข้ามาทำงานในส่วนที่เป็นผู้ผลิตสินค้าดูซักครั้ง แล้วกลับมามองดูเรื่องราคาใหม่ อาจจะได้คำตอบที่เปลี่ยนไปนะครับ ผมเคยมองในมุมผู้บริโภคครับ แล้วก็ได้มีโอกาสผลิตหนังสือออกขายมาแล้วด้วย(และเจ๊งมาแล้วด้วย) ขอตอบด้วยความเห็นส่วนตัวนะครับว่า "การ์ตูนไทยที่ราคา 35-50 นั้นเหมาะกับคุณภาพแล้วครับ" และ "การ์ตูนไทยเราคุณภาพยังไม่มาตรฐานครับ" และ "การ์ตูนไทยราคาไม่แพงครับ" ก่อนจากอยากฝากไว้นิดนึงครับ "สินค้าฟุ่มเฟือยจะแพงเมื่อซื้อเกินความจำเป็น" ครับ ฝากไปคิดดูละกันครับ จากคุณ : omega. - [ 16 ม.ค. 52 16:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่ค่อยซีเรียสกับราคา แต่ซีเรียสกับกระดาษอ่ะค่ะ เก็บแล้วเหลือง เราเซ็งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้ามีการ์ตูนรุ่นพรีเมียม แพงหน่อย แต่กระดาษเหมือน pocket book จะซื้อสะสมเลยล่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 16 ม.ค. 52 16:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อยากให้มองมุมนี้เผื่อจะได้คำตอบเป็นอย่างอื่นบ้างนะครับ ผู้บริโภคมักจะมอง "ราคาต่อหน่วยสินค้า" แล้วคิดเอาเองว่าผู้ผลิตได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ แต่ในความเป็นจริง กำไรของผู้ผลิต = ยอดขายทั้งหมด - (ต้นทุนการผลิตทั้งหมด + ค่าสายส่ง + ต้นทุนการสต๊อกสินค้าที่ขายไม่หมด + ภาษี) แต่ว่า ยอดขายทั้งหมด ไม่เท่ากับ จำนวนที่ผลิตคูณด้วยราคาหน้าปก นะครับ หมายความว่าสินค้าที่ผลิตมันไม่ได้ขายหมดทุกชิ้นทุกเล่มทุกเรื่องนะครับ คนซื้ออย่างคุณอย่างผมมองแค่ราคาต่อเล่มก็จบ แต่คนผลิตต้องคิดหนักว่ามันจะขายได้ซักกี่เล่ม แล้วจะเหลือกี่เล่ม แล้วสุดท้ายมันจะเป็นกำไรหรือขาดทุน มันไม่ใช่ว่าทุกปกจะกำไรนะครับ มีปกที่ขายดี และขายไม่ออกด้วย ถ้าถามว่า ธุรกิจที่กำไรน้อยขนาดนี้ แล้วจะทำไปทำไม อันนี้ผมว่าคำตอบมันอยู่ในใจแต่ละคน ผมคงตอบแทนไม่ได้หรอก จากคุณ : omega. - [ 16 ม.ค. 52 17:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 64 กระทู้คนอ่าน VS คนทำสิ่งพิมพ์ จบลงที่ คนอ่านที่มาบ่น จะไม่อ่านเหตุผลคนทำ แล้วก็รอการ์ตูนขึ้นราคาค่อยตั้งกระทู้ด่าอีกรอบ "เงินน้อย ซื้อน้อย" จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t - [ 16 ม.ค. 52 17:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่ได้ตามซื้อแบบแต่ก่อนมาหลายเดือนแล้ว รอไปซื้อตามงานที่ลดราคา หรือไปซื้อทีเดียวที่เจซีย์สาน เอา แล้วก็เลือกเรื่องที่คิดว่าชอบจริงๆ ซื้อเก็บ นอกนั้นเช่าอ่าน จากคุณ : มังคุด (mongkud) - [ 16 ม.ค. 52 17:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 66 52 ครับ "ผมว่านะครับ ที่จขกท. เค้าสงสัยก็คือ ทำไมไอ้ที่บ่นว่าต้นทุนแพงนักแพงหนา แล้วตามร้านมันถึงมาลดราคาได้ล่ะ บางร้านลดตั้ง 20% เลยสงสัยว่า อย่างนี้สำนักพิมพ์ลดลงมาให้เลยไม่ไดหรือ" คือ ร้านขายน่ะครับได้กำไรจากราคาปก 30% ครับ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เค้าเลยลดได้ แต่ก็ว่า หลายความเห็นไม่ได้หรอกครับ เพราะสมัยก่อนผมก็เคยมองแบบนั้น มองแบบคนซื้อ ซื้ออย่างเดียว เราก็อยากได้ดีที่สุดในราคาถูกที่สุด แต่พอได้ลองมาเป็นผู้ผลิตบ้าง ความคิดก็เปลี่ยนไป ต้นทุนสินค้าชิ้นนึงๆมันไม่ได้มีแต่ค่าวัตถุดิบ บางทีเรามองว่า อะไรวะ ของแค่นี้ วัตถุดิบแค่นี้ ทำไมขายแพง แต่จริงๆแล้วมันมีค่าใช้จ่าย แฝงมากมาย อย่างที่ผมบอก เรื่องนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ต้นทุนตัวไหนมันขึ้นอีกหรือไง ทำให้ราคามันขึ้นอีก 5 บาท จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 16 ม.ค. 52 17:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 67 มันก็ขึ้นทุกปีนี่ครับ เราๆทำงานยังอยากได้ขึ้นเงินเดือนทุกปีเลย พนัีกงานทุกคนในสำนักพิมพ์ก็คงเป็นคนเหมือนเราๆ ที่ควรจะได้รายรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้้นทุกปีมั้งครับ 5บาทของการตูนเล่มนึงสำหรับคนๆนึงอาจจะดูไม่มีค่า อาจจะเป็นแค่ความหงุดหงิดใจที่ต้องจ่าย เพิ่ม ทั้งๆที่ก็ได้กระดาษเเหมือนเดิม แต่5บาทของการตูนหลายหมื่นเล่ม ก็คงจะกลายไปเป็นเงิน ให้พนักงาน และครอบครัว รวมทั้งเป็น ทุนการศึกษาให้ลูกๆของพวกเขา(ชักเวอร) เืพื่อรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกปีมั้งครับ :P ช่วยๆกันไปครับ ผมว่า จากคุณ : garun studio - [ 16 ม.ค. 52 18:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดเรื่องส่วนลด ร้านที่ลดราคาได้โดยมากก็จะเป็นร้านใหญ่ๆที่ขายการ์ตูนเป็นหลัก หรือต้องการลูกค้าประจำจริงๆ(พวกร้านเช่า) เพราะถ้าร้านได้ค่าขาย 30% คือกำไรเล่มละ 15 บาท(จาก 50 บาท)ถ้าขายไม่ออกก็ตีกลับ ถ้าเขาลด 10% คือยอมได้กำไรเหลือเล่มละ 10 บาทแต่ได้ลูกค้าประจำ+ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆมาได้เยอะมันก็คุ้ม แต่ส่วนที่ร้านต้องให้กับสำนักพิมพ์ก็น่าจะเท่าเดิม(หรืออาจจะมีสัญญาพิเศษอันนี้ไม่ทราบ) สรุปแล้วที่ได้ส่วนลดเท่านั้นเท่านี้มันเป็นโปรโมชั่นของร้านไม่เกี่ยวกับสำนักพิมพ์ จากคุณ : bigcy - [ 16 ม.ค. 52 18:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 69 งานพวกนี้ไม่ได้มีแค่กระดาษกับหมึกนะครับต้องใช้ทีมงานคนอีก ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการอ่านการ์ตูนในเน็ตกับพวกร้านเช่าการ์ตูน ถ้ามีงบไม่มากเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่เราสนใจก็ได้ครับ เดือนๆหนึ่ง พวกรีวิวการ์ตูนก็มีถ้าสนใจก็ลองอ่านเรื่องย่อดูรูปแบบเล่ม วัดดวงไปอีกแบบ ยิ่งการ์ตูนไทยก็ถูกใจเรื่องไหนก็ช่วยๆซื้ออุดหนุนนักเขียนหน่อยครับ จากคุณ : เถ้ากุหลาบ - [ 16 ม.ค. 52 19:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 70 กระทู้ที่ เก้าหมื่น....  แต่ก็ดีใจครับที่มีคนมาให้ความกระจ่างท่าน จขกท ราคาการ์ตูนที่เหมาะสมจริงๆตอนนี้น่าจะอยู่ที่ราวๆ 60-65 ครับ ถ้าทำได้จะมีคนมาลงทุนในธุรกิจนี้ และจะบูมขึ้น+มีตัวเลือกอีกเยอะเลย แล้วคุณภาพ/กระดาษ/ความเร็วในการจำหน่าย+โปรโมทต่างๆจะดีขึ้นหลาย (แต่ผมก็ไม่อยากให้ขึ้นหรอก..ใครจะอยากจ่ายตังเพิ่ม) แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 19:51:09 จากคุณ : Kross_ISC - [ 16 ม.ค. 52 19:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คห. 35 แม่ผมขายข้าวแกงที่ตจว. ขายราคาจานละ 25 บาท พิเศษ 30 ไก่ก็ใช้อกไก่อย่างดี ส่วนข้าวก็ใช้ข้าวมะลิมาหุงขาย ผมไม่ทราบว่าคุณเปิดร้านขายอาหารด้วยรึเปล่าถึงออกมาพูดเหมารวมหมดอย่างนี้ ..ตอนที่ของทุกอย่างขึ้นมากๆ เมื่อประมาณไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ตอนนั้นแม่ผมยังมาบ่นกับผมเลยว่าสงสารคนทำงานกินเงินเดือน เพราะเงินเดือนไม่ขึ้นแต่ของขึ้นทุกอย่าง เราคนขายเวลาต้นทุนสูงขึ้นเราก็ขึ้นราคาได้ แต่คนทำงานประจำขึ้นเงินเดือนเองไม่ได้ เวลามีลูกค้ามากินที่ร้าน ถ้าเป็นลูกค้าประจำเราก็เพิ่มของให้เป็นพิเศษ บางทีไม่เอาเงินด้วยซ้ำถ้าหากว่าใกล้จะปิดร้านแล้ว ..ผมแค่เข้ามาให้ความเห็นว่าร้านที่นำของดีมาทำขายนั้นมีอยู่อย่ามาเหมารวมหมดครับ เห็นแล้วขัดใจขึ้นมาตะหงิดๆ ถ้าเคยทานแต่ของแย่ๆ อย่างที่บอกมาก็มาทานที่ร้านที่บ้านผมได้ครับ เดี๋ยวผมทำของอร่อยๆ ให้ทานเอง แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 52 20:10:19 จากคุณ : WhiteHayabusa - [ 16 ม.ค. 52 19:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อืม น้ำแพงของทุกอย่างขึ้นตามเพราะบอกว่าทุกอย่างมันต้องใช้น้ำมันขนส่ง พอน้ำมันลดทุกอย่างไม่ลดเพราะบอกว่ามันไม่ได้ใช้น้ำมันซักหน่อย อืม...น่าคิดๆ จากคุณ : ลูกเด็ก - [ 16 ม.ค. 52 21:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ยาวดีจัง ส่วนตัวผมคิดว่าราคาการ์ตูนยังแพงเกินกว่าเหตุอยู่ดีครับ ผมว่าต้นทุนกระดาษเล่มหนึ่งไม่รวมปก ไม่น่าจะเกิน5บาท แล้วถ้าปรับไปใช้กระดาษที่ดีขึ้นก็ไม่เกิน5บาทอีกอยู่ดี แล้วก็ไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับพ็อคเกตบุ๊คทั้งหลาย เพราะหนังสือพวกนั้นมันโคตรแพงอยู่แล้ว จากคุณ : Atmosphere - [ 16 ม.ค. 52 22:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผมว่าต้นทุนกระดาษเล่มหนึ่งไม่รวมปก ไม่น่าจะเกิน5บาท ^ ^ ^ rep73  งั้นคุณก็เดินไปร้านเครื่องเขียน แล้วดูนิดนึงครับว่า5 บาทซื้ออะไรได้มั่ง แล้วจะไม่ให้มีค่าแปล ค่าพิมพ์ ค่าlc ค่าบก อะไรเลยรึ พิมพฺ์ขั้นต่ำก็ตั้งหลักครึ่งหมื่นแล้ว  แถม% ขายจะขายได้หมดรึเปล่ายังไม่รู้เลย จากคุณ : Kross_ISC - [ 17 ม.ค. 52 01:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ู^ ^ ผมพูดเฉพาะค่ากระดาษครับ ผมยกตัวอย่างให้นะครับ   กระดาษถ่ายเอกสาร1รีม 70 แกรม แบบขาวสะดอาดประมาณ 70 บาท มี 500แผ่น ตัดเป็น2ส่วน ก็จะได้ทั้งหมด1000แผ่น หรือ 2000หน้า ถ้าทำเป็นการ์ตูน1เล่น190หน้า จะตกต้นทุนประมาณ 6.72 บาท ถ้าซื้อเป็นล็อตใหญ่กระดาษก็จะยิ่งถูกมากกว่านี้อีก แล้วกระดาษที่ใช้กับการ์ตูน มันห่วยกว่ากระดาษถ่ายเอกสารเยอะนะครับ เพราะฉะนั้นสมมติฐานของผมไม่น่าจะผิดความจริงมากเกินไป ที่สำคัญผมพูดถึงเฉพาะค่า"กระดาษ"เท่านั้น ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าต้นทุนทั้งหมดประมาณ5บาท จากคุณ : Atmosphere - [ 17 ม.ค. 52 02:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 #73 เคยทำธุรกิจเองมั๊ยครับ ผมไม่เคยทำงานที่ไหนเลย เคยแต่เปิดบริษัทเองอย่างเดียว ขอบอกง่ายๆว่าผู้ผลิตมันเจ็บ...มาก ราคากระดาษที่คุณบอกมาน่ะ มันไม่มีหรอกครับ นอกจากกระดาษทิชชู่ที่เด็กมาเดินขายตามร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ 5 บาท ยังมีปกนอกอาบมันอีก ปกในอีก เล่มนึงกระดาษอย่างเดียวก็ปาไปสิบบาทแล้ว ป.ล. ตอนนี้ก็เปิดบริษัทใหม่อยู่ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 02:57:26 จากคุณ : PreviousMorning - [ 17 ม.ค. 52 02:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เพิ่มเติมให้อีกนิดนะครับ ที่ผ่านมาเวลาทางหนังสือจะขึ้นราคาไม่ว่าจะการ์ตูนหรือนิตยสาร ปกติเอาอะไรมาอ้างครับ . . . . ใช่ครับ ต้นทุนกระดาษครับ กี่เจ้ากี่เจ้าก็อ้างแต่กระดาษ เพราะฉะนั้นผมจึงอ้างเอาเองอีกว่ากระดาษ"น่าจะ"เป็นต้นทุนหลักในการผลิตหนังสือครับ คิดแบบมีเหตุผลจะมีกว่านะครับ การใช้ราคาปลีกที่ร้านขายเครื่องเขียนกับต้นทุนที่ได้มาราคาส่งจำนวนมาก "มันคนละเรื่อง"กันครับ เอามาเปรียบกันไม่ได้ จากคุณ : Atmosphere - [ 17 ม.ค. 52 03:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ความเห็นที่76 ผมว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัท ผมล่ะห่วงบริษัทคุณจริงๆ (ไปหาประสบการณ์ลูกจ้างก่อนดีรึเปล่าครับ) แค่่ประโยคที่ผมเขียนไว้ง่ายๆคุณยังไม่เข้าใจเลยครับ ผมจะสรุปให้อีกทีนะครับ 1. ผมพูดถึงเฉพาะค่ากระดาษด้านในไม่รวมปกอาบมันทั้งหลายและต้นทุนอื่นๆ 2. ผมใช้คำว่าประมาณ 3. ผมมองต้นทุนในฐานะผู้ผลิตเอง "ไม่ได้ไปจ้างให้คนอื่นผลิตให้" ผมไม่คิดว่าบริษัทอย่างเนชั่นหรือสยามสปอร์ตจะไม่ได้ผลิตเอง ซึ่งต้นทุนผลิตเองกับจ้างผลิตจำนวนมากมันต่างกันเยอะครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจคงเข้าใจกับคำว่าต้นน้ำและปลายน้ำนะครับ 4. อย่างที่บอกผมประเมินราคากระดาษขายปลีกไว้ที่เล่นละ6.72บาท ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะกว่า5บาทจนหน้าเกลียด กระดาษที่ใช้ก็ดีกว่า ถ้าคุณมีราคากระดาษที่แท้จริงก็นำมาอ้างได้เลยครับว่าจริงๆแล้วราคาเท่าไร ส่วนผมไม่มีครับ ก็เลยใช้สมมติฐานโดยมีราคาเข้ามาเปรียนเทียบกันครับ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 03:18:08 จากคุณ : Atmosphere - [ 17 ม.ค. 52 03:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผมกลับคิดว่าราคาการ์ตูนในปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว เพราะว่าเวลาพิมพ์ออกมาถ้ามันขายได้ทุกเรื่อง 100% ราคานี้ก็แพงเกินไปแต่มันก็ต้องเผื่อขายไม่ออก ค้างสต๊อค ต้องจ่ายสารพัดจะค่าเพื่อเก็บในส่วนที่มันขายไม่ออก ซึ่งผมคิดว่ามันคงมากพอดู เอาง่ายๆถ้าเรามีการ์ตูนเยอะๆจะเก็บยังไงให้พ้นรากับปลวกยังยากเลย ผมไม่เห็นด้วยที่หลายๆคนจะแอนตี้ร้านเช่า ต้องบอกว่าสำนักพิมพ์ต้องขอบคุณร้านเช่าเสียด้วยซ้ำเพราะพวกร้านเช่านี่แหละลูกค้าประจำตัวจริง การ์ตูนจะห่วย จะออกทะเล จะเซ็นโง่ จะลอยแพ จะปาหมอน ยังไงก็ต้องซื้อ แถมคนทั่วไปก็มีสิทธิได้ลองอ่านก่อนถ้าสนุกค่อยซื้อเก็บก็ยังได้ ถ้าไม่มีร้านเช่าขอโทษเถอะผมว่าการ์ตูนหลายเรื่องมากๆเลยใครมันจะไปซื้อเก็บเพราะคนทั่วๆไปก็ต้องคิดเรื่องที่เก็บหนังสือเหมือนกัน ยกตัวอย่าง เซียวฮื่อยี้ งี้ผมว่าหลายๆคนถอดใจเลิกซื้อไปตั้งแต่เล่มที่ 50 กว่าๆแล้ว ที่ยังตามซื้อมาเป็นร้อยเล่มนี่ไม่ใช่พวกร้านเช่าหรอกเหรอ ยังไม่นับพวกที่อ่านแค่ 5 นาทีจบ อย่างบากิ 45 บาทอ่านได้ 5 นาทีแพงพอๆกะพวก 1900 1900 เลย จากคุณ : bigcy - [ 17 ม.ค. 52 03:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 80 มันเป็นปัญหาโลกแตกครับ... คนกลุ่มที่คิดว่าแพง กับที่คิด่าเหมาะสม เถียงกันไปก็ไม่มีวันเข้าใจ นอกจากแจกแจงรายละเอียดเป็นบาทๆไปเลย ว่ามีค่าอะไร กี่บาท หารเล่มตกเท่าไหร่ แต่ทำไม่ได้ ไม่สามารถเปิดเผยราละเอียดการค้าได้ มันก็เลยเถียงไม่รู้จบ... จากคุณ : นายขนมหวาน - [ 17 ม.ค. 52 05:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ดูกราฟข้างล่างให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยบ่นต่อละกันนะ ที่มาของรูป http://enthusiasm.cozy.org/wp-content/uploads/2008/07/supply_and_demand.gif แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 07:46:08 จากคุณ : คาเมะจัง - [ 17 ม.ค. 52 07:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าจขกท. และคุณ Atmosphere เข้าใจว่าวงการหนังสือการ์ตูนมีกำไรมาก ขอให้ทั้งสอง ลงมาทำธุรกิจนี้ หากว่าไม่มีเงินให้เขียนแผนธุรกิจไปขอกู้ธ.เอสเอ็มอีได้ เพราะจากที่อ่านๆ ว่า คุณคิดราวกับว่า สนพ.มีกำไรมาก ( ก็ขนาดร้านส่งยังลดได้มากกว่า 20 % ร้านย่อยมากกว่า 10 % แสดงว่าสนพ.ต้องได้มากกว่า (ตามสมมุติฐานของคุณนะ) ซึ่งถ้าเขียนแผนไปดีดี คุณได้อนุมัติเงินกู้แน่ๆ เพราะผมตอบแทนมันมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เห็นๆๆ) จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 10:06:41 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 83 กลับเข้าเรื่อง ไหนคุณพี่ Atmosphere ท้าทายเรื่องราคา "ต้นุทน" กระดาษ ผมก็ขออนุญาตแจงต้นทุนทั้งหมดให้ดูเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ สมมุติการ์ตูนเล่มหนึ่ง หนา 192 หน้า (190หน้าไม่ได้ เพราะ หาร 16 ไม่ลงตัว ทำไมต้องหาร 16 กรุณาไปหาความรู้เองนะครับ) จำนวนพิมพ์ 3พันเล่ม (ของจริงจะมากกว่านี้หรือเปล่า ไม่รู้ กรุณาสืบเสาะเอาเอง) ดังนั้นการ์ตูนเล่มนี้ จะมี 192/16 = 12 กรอบ บวกกรอบปก 1 กรอบ (ขาวดำ ปกใน) บวกกรอบสีปกนอกหุ้ม 1 กรอบ ต้นทุนหนังสือ 1 เล่ม แบ่งได้เป็น 1.ค่าเพลท ซึ่งจะคงที่ ถ้าพิมพ์ไม่เกิน 2 หมื่นเล่ม (ถ้าเกินต้องทำเพลทใหม่ เพลทจะเสียก่อน) ตามจำนวนกรอบ แบ่งเป็นกรอบขาวดำ และกรอบสีอื่นๆ เช่น จากตุ๊กตาข้างต้น 12 กรอบขาวดำ+ กรอบปกในอีก 1 ราคากรอบละ 800 บาท = 10800 บาท กรอบ สี 1 กรอบ = 2400 บาท รวมค่าเพลท เท่ากับ 13200บาท 2.ค่าพิมพ์ คิดตามจำนวนกรอบคูณ จำนวนพิมพ์ คูณจำนวนสีที่ใช้ โดยมาตรฐานจะคิดค่าพิมพ์ทุกๆ 3 พันเล่ม 5 พันเล่ม และ 1 หมื่นเล่ม เช่น พิมพ์สีเดียว สามพันเล่ม คิดกรอบละ 800 บาท ถ้าพิมพ์ 5 พันจะคิด 1 พันบาทต่อกรอบ กรอบสี 3พันเล่มคิดกรอบละ 2000 บาท 5พันเล่ม คิด 3 พันบาท จากตุ๊กตา พิมพ์ สีเดียว 3 พันเล่ม 13 กรอบ เท่ากับ 800*13 = 10800 พิมพ์ 4 สี 1 กรอบ 3 พันเล่ม = 2000 บาท รวมค่าพิมพ์เป็น 12800 บาท 3.ค่ากระดาษ 1 เล่มมี เนื้อใน 12 กรอบ เท่ากับใช้ 12 แผ่น พิมพ์ 3 พันเล่มใช้ 36000 แผ่น หรือ 72 รีม ราคากระดาษบรูฟ 60 แกรม รีมละ 550 บาท ค่ากระดาษเนื้อในเท่ากับ 39600 บาท ปกใน 1 กรอบ พิมพ์ 3 พันเล่ม ใช้กระดาษ 400 แผ่น (1 แผ่นพิมพ์ได้ 8 ปก) ราคากระดาษปก รีมละ 700 บาท(อันนี้ไม่รู้เพราะไม่ได้ใช้กระดาษตัวนี้มาก่อน) = 4/5* 700 = 560 บาท ปกนอก ใช้กระดาษ 400 แผ่น (เท่าปกใน) ราคากระดาษปกนอก รีมละ 1100 บาท = 4/5*1100 = 880 บาท รวมค่ากระดาษ 39600+560+880 = 41040 4.เคลือบปกนอก + เข้าเล่มไสกาว+ใส่ถุงพลาสติกคิดแบบเหมา ราคา 8000บาท (เคลือบ 5 พัน เข้าเล่มเล่มละบาท+ค่าถุง+ค่าเย็บถุง) รวมค่าการผลิตทั้งหมด = 41040+8000+12800+13200 = 75040 5.ค่าลิขสิทธิ์+ค่าแปล (คิดจากตุ๊กตาของเคสพ๊อกเก๊คบุ้คทั่วๆ ไป) คิดที่ 10 % ของปก คูณ จำนวนพิมพ์ = 5*3000 = 15000 บาท สรุป ค่าใช้จ่าย ไม่รวมค่าใช้จ่ายพนักงานอื่นๆ ในบริษัท เช่นค่าอาร์ต ค่าโน้นค่านี้) = 75040+15000 = 90,040 เฉลี่ยเล่มละ 30.31 บาท รายรับ สนพ.ขายส่งให้สายส่ง ต้องให้ส่วนลดสายส่ง 40 % เท่ากับ 50 * 40 % = 20 บาท ดังนั้นสนพ. จะได้เงิน 30 ยาท ต่อเล่ม คำถาม ทำไม ราคาขายต่ำกว่าต้นทุน หล่ะ คำตอบ พิมพ์น้อยไป ต้องพิมพ์ให้มากกว่านี้ โดยทำให้ต้นทุนคงที่ละลายไปให้มากกว่านี้ โดยข้อเท็จจริง จะต้องมีการพิมพ์มากกว่า 3 พันเล่มแน่ๆ ในเคสนี้ หรือไม่ก็ ทำสายส่งมันจะเองจะได้ไม่ต้องแบ่ง 40 % ให้คนอื่น ในกรณีทำสายส่งเอง พวกเอเยนต์ (เช่นเจซีสาส์น) จะได้ส่วนลดที่ 25 -30 % เท่ากับว่า ทางสนพ.จะลดให้หน้าร้านที่ 12.50-15 บาท (สนพ.จะได้ 37.5 - 35 บาท) ซึ่งดูจะมีกำไรมากกว่าต้นทุนเฉลี่ย ซึ่งสนพ.การ์ตูนส่วนใหญ่จะทำแบบนี้อยู่ ถ้าจขกท.+Atmosphere คิดว่ามันมีกำรไมกกว่านี้ โปรดชี้แจง จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 10:33:40 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 84 โทษที ขอแก้ไขเรื่องกระดาษ 3.ค่ากระดาษ 1 เล่มมี เนื้อใน 12 กรอบ เท่ากับใช้ 6 แผ่น พิมพ์ 3 พันเล่มใช้ 18000 แผ่น หรือ 36 รีม ราคากระดาษบรูฟ 60 แกรม รีมละ 550 บาท ค่ากระดาษเนื้อในเท่ากับ 19800 บาท ปกใน 1 กรอบ พิมพ์ 3 พันเล่ม ใช้กระดาษ 400 แผ่น (1 แผ่นพิมพ์ได้ 8 ปก) ราคากระดาษปก รีมละ 700 บาท(อันนี้ไม่รู้เพราะไม่ได้ใช้กระดาษตัวนี้มาก่อน) = 4/5* 700 = 560 บาท ปกนอก ใช้กระดาษ 400 แผ่น (เท่าปกใน) ราคากระดาษปกนอก รีมละ 1100 บาท = 4/5*1100 = 880 บาท รวมค่ากระดาษ 19800+560+880 = 21240 ดังนั้น รวมค่าการผลิตทั้งหมด = 21240+8000+12800+13200 = 55240 รวมค่าลิขสืทธิ์ 15000 เป็น 15000+55240 = 70240 หรือ 23.41 บาท ต่อเล่ม ไม่รับค่าอื่นเช่นค่าอาร์ต + ค่าพนักงานอื่นๆ ซึ่งมันหารเฉลี่ยต่อเล่มยาก เพราะ เขาจ่ายเป็นเงินเดือน (จะสมมุติว่ามีพนักงาน 1 คน ทำ 1 เล่มต่อเดือน เงินเดือน 9 พันบาท ก็คิดเป็นต้นทุน 3 บาท ต่อเล่ม แต่คิดแบบนี้ในโลกความเป็นจริงไม่ได้กระมัง) จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 10:45:01 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 85 บัตรผ่าน #83  เยี่ยมมาก  มี login ให้ gift ไปแล้ว เพิ่มเติม ตรงค่าแปล + ลิขสิทธิ์นิดนึง   ค่าลิขสิทธิ์ บางเรื่องคิด advance มากกว่ายอดพิมพ์  สมมุติคุณพิมพ์ได้แค่ 3 พันเล่ม พิมพ์มากกว่านี้ขายไม่ออก แต่ จข.ลิขสิทธิ์เค้าเรียก advance 5000 เล่ม  ก็ต้องจ่ายในราคา 5 พันเล่มไปก่อน  ทำให้ต้นทุนตรงนั้นยังแพงกว่านี้  และค่าแปล น่าจะเป็นค่าคงที่ๆ เพิ่มมาจากค่าลิขสิทธิ์ต่างหาก จริงๆ แล้ว ปัจจัยราคามันขึ้นกับ demand-supply เนื่องจากธุรกิจหนังสือ ต้นทุนคงที่มันสูง  ถ้ายอดขายไปได้ไม่ถึงจุดคุ้มทุน ยังไงก็ไม่กำไร  การตั้งราคาสูง ก็แสดงว่า เรื่องนั้นมันขายน้อย จึงต้องดึงจำนวนยอดคุ้มทุนให้ต่ำลงมาด้วยราคา ชอบ ประโยคนึงของ คคห.นึงด้านบนๆ ที่ว่า    หนังสือการ์ตูนเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย จะแพงเมื่อคุณซื้อมากกว่าที่ควร   (ขอเสริมให้ว่า แต่ไม่ได้เป็นข้ออ้างในการละเมิดสิทธิ์คนอื่น) แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 12:20:04 จากคุณ : AccBLue - [ 17 ม.ค. 52 12:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ครับ ค่าลิขสิทธิ์มันเป็นยังไง ผมไม่รู้หรอกครับ รู้แต่ในวงการพ๊อกเก้ตบุ้คเขาคิดกันที่ 10 % ของราคาหน้าปก คูณยอดพิมพ์ ถ้าในเคสหนังสือแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไปก่อน แล้วที่เหลือค่อยให้คนแปล โดยรวมแล้วไม่เกิน 10 % (ค่าลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่จะราวๆ 5- 7% ที่เหลือเป็นของคนแปล) จะเห็นว่ามีต้นุทนบางตัวที่วิ่งตามยอดพิมพ์ (ค่ากระดาษ ค่าลิขสิทธิ์ และบางส่วนของค่าพิมพ์) แต่ค่าใช้จ่ายบางตัวจะคงที่ พิมพ์เยอะ มันก็จะช่วยหารออกไป (ค่าเพลท ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าแปล) ในกรณ๊นี้จะเห็นว่าต้นทุนที่วิ่งตามยอดพิมพ์แบบค่ากระดาษและค่าลิขสิทธิ์นั้นค่อนข้างเป็นตัวเลขต้นทุนที่สูงสุดในวงจรธุรกิจนี้ นี่ผมพูดเฉพาะส่วน product นะ ไม่รวม พวกค่าส่ง หรือค่าใช้จ่ายส่วนลดที่ให้ร้านค้า หรือค่าใช้จ่ายด้านการตลาดอื่นๆ ทีนี้มาถึงคำถามคลาสสิกที่เจอบ่อยๆ ค่าน้ำมันลดแล้ว ต้นทุนส่วนไหนจะลดลงได้บ้าง หันกลับไปดูค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้ว (ทั้งในส่วน product และ post - product) เพื่อนๆ ลองคิดสิว่า ถ้าค่าน้ำมันลด มันจะไปกระทบตัวไหนทำให้ต้นทุนลดได้บ้าง ?? จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 13:22:36 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 87 การ์ตูนของคู่กับเด็กซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้บางทีราคาเกินกว่าเด็กวัยเรียนไม่มีรายได้จะซื้อไหว แต่ก็เข้าใจค่ะ พออ่านของคุณ บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน ที่ชี้แจงมา ก็เหมือนเมื่อก่อนที่ก๋วยเตี๋ยวชามละบาท ตอนนี้ล่อไปยี่สิบห้าอย่างถูก ค่าของเงินมันก็ขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนแปลง อีกหน่อยคงไม่มีเหรียญห้าเหรียญสิบใช้ ทำใจค่ะ... จากคุณ : หลายวันเดียวกัน - [ 17 ม.ค. 52 17:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ต้นทุนมัีนเกี่ยวพันกันหลายๆอย่าง ค่าครองชีพที่สูง ดัชนีผู้บริโภคเพิ่ม เงิืนเฟ้อ ทุกอย่างล่วนมีส่วนทำให้ต้นทุนจริงๆมันขึ้น ราคาน้ำมันก็แค่ส่วนหนึ่งที่เป็น trigger ตอนนั้นเท่านั้น แม้ตอนนี้น้ำมันจะลง แต่ต้นทุนเกี่ยวพันอื่นๆมันไม่ได้ลงตาม(ถ้าให้ไล่ด่า คงต้องด่ากระทั่งมนุึษย์เงิืนเดือนที่ดันเงินเดือนขึ้นทุกปีด้วยซ้ำ) ส่วนราคา/คุณภาพ ถ้าเปรียบเทียบกับหนังสือชนิดอื่นๆในตลาด โดยเฉพาะนิยายวัยรุ่นที่ลอกจากเนทมาขาย ผมมองว่าหนังสือการ์ตูนให้คุณภาพคุ้มค่า่เพียงพอกับราคาแล้วล่ะครับ ผมก็ยังยืนยันเหมือนคนอื่นๆว่า หนังสือการ์ตูนและ DVD anime บ้านเราถูกที่สุดในโลกแล้วล่ะครับ เมื่อเทียบทั้งคุณภาพและต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ จากคุณ : ....4จุด - [ 17 ม.ค. 52 18:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คุณบัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน ชัดเจนสุดแล้วครับ ตัวจริงเสียงจริงมาเอง บางร้านที่ลดราคาได้ 20% ขึ้นส่วนมากจะเป็นร้านตัวแทนสำนักพิมพ์เอง เพราะมันก็คือค่าสายส่งที่เขาไม่ต้องเสีย เพียงแต่มันจะมีร้านแบบนี้ไม่มาก เพราะการเปิดร้านก็เป็นความเสี่ยงแลพเพิ่มต้นทุนอย่างนึงเหมือนกัน อีกอย่าง ผมว่าคุณบัตรผ่าน. นี่คิดต้นทุนให้อย่างปราณีแล้วนะ เพราะเงินเดือนพนักงานนี่ก็ต้องขึ้นทุกปี ให้เขาเอาตัวรอดในสังคมได้ จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ คือพิมพ์มาแล้วมันต้องเลี้ยงคนทำได้ด้วย แล้วต้นทุนทั้งหมดที่คุณบัตรผ่าน. เขียนมานี่คือเป็นเงินที่ต้องจ่ายไปทันทีเมื่อพิมพ์ แล้วถ้ามันขายไม่หมดล่ะ? กี่เดือน กี่ปีจะขายหมด กว่าเงินจะกลับเข้ามา เหลือค้างต้องเช่า stock อีก เก่าเก็บไปทำไงดี.. ชั่งกิโลขายเหรอ เงินทั้งนั้นแหล่ะครับ ธุรกิจนี้ไม่ลองไม่รู้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 19:14:00 จากคุณ : eCon1 - [ 17 ม.ค. 52 19:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 1.ผมไม่ได้อยู่วงการหนังสือการ์ตูน แต่อยู่วงการสิ่งพิมพ์นี่แหละ คงไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริงของวงการการ์ตูน 2. ร้านที่ลด 20 % ได้ต้องเป็นร้านที่เป็นเอเยนต์ขายส่งด้วย คือรับหนังสือครั้งหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 พันเล่มต่อปก (หรือ 25 มัด การ์ตูนมัดนึงมี 40 เล่ม (เคสปก 40-50 บาท ถ้าหนากว่านี้ จะมี 15 เล่มต่อมัด เช่น ทัช มิยูกิ)) แต่เงื่อนไขนี้ยืดหยุ่น ตามการเจรจา 3.โดยปกติ เครดิตในวงการนี้จะเป็น 3 เดือน (หมายถึงระหว่างสนพ.กับร้นขายส่ง) คือสนพ.เอาหนังสือไปให้ขายก่อน แล้วตามมาเก็บเงินอีก 3 เดือนให้หลัง ยกเว้น VBK ต้องจ่ายเงินสดก่อน หรือถ้าสายสัมพันธ์ดีมากแบบเก่าแก่ อาจจะยืดได้ 1 สัปดาห์ ส่วนร้านปลีก ส่วนใหญ่จะได้เครดิต ไม่เกิน 15 วัน ดังนั้นร้านที่ขายลดมากๆ ก็อาจเป็นเพราะต้องการกระแสเงินสดไปหมุนเอาของใหม่ๆ ออกมา มันอาจจะไม่ใช่เรื่องได้กำไรมากก็ได้ (เรื่องนี้ขอแนะนำให้หาเอกสาร FN201 หลักการเงินทั่วไป มาอ่านก่อน) 4.ในระยะหลังเช่น VBk จะให้เอเยนต์ส่งยอดก่อนว่าต้องการหนังสือเท่าไหร่ ทั้งนี้ผมเข้าใจเอาเองว่าเป็นการเซฟค่าพิมพ์ คือพิมพ์เท่าที่มียอด (ยกเว้นเรื่องแรงๆ ) ดังนั้นปัญหาสต๊อกบวมจะมีไม่มากตอนที่หนังสือออกใหม่ๆ แต่จะกลับมาเยอะ เมื่อตอน 4.1 เปลี่ยนราคาปก 4.2 เก็บเงินจากเอเยนต์ แต่เขาก็มีวิธีเซฟโดย รับคืนตามตามโควต้า พูดจริงๆ ผมว่า โมเดลการผลิต การขายที่ดูเชยๆ แบบ VBk ดูจะเป็นโมเดลที่เวิร์คสุดๆ ในสถานการณ์ทุกวันนี้นะ ไม่หวือหวา ไม่ง้อเอเยนต์ ไม่มีเซลล์ของลดราคาด้วย แต่บางครั้งหนังสือดันขาดตลาดก็มี ดังนั้น หากใครคิดว่าวงการนี้มี "กำไร" มหาศาล ผมจึงแนะให้ท่านเขียนแผนการตลาดไปเสนอแบงก์ขอกู้เลย (แบงก์จะได้ตาลุกวาว ตามที่ท่านคิด ) จะได้มีตัวเลือก อื่นๆ เพิ่มมากขึ้นในตลาด จะได้ลบเสียงครหาว่าผูกขาด (ถ้าไม่กล้าส่งแบงก์ ส่งไปให้คุณพี่ aha301 ก็ได้ พี่คนนี้ก็ "กว้างขวาง" อยู่ในวงการการ์ตูนระดับหนึ่งแล้ว ฮี่ๆ ขออภัยที่พาดพิง พอดีผมพึ่งมารู้ความจริง จริงๆ เรื่องนี้พี่น่าจะเป็นคนแจงรายละเอียดมากกว่าผมนะเนี่ย เพราะ ผมไม่ได้อยู่วงการการ์ตูนแบบพี่เลย (อยู่สิ่งพิมพ์เหมือนกัน แต่คนละสาย) เอ๊ะ หรือว่าเป็นความลับทางธุรกิจ ? อิ อิ ผมล้อเล่นครับพี่ ) หรือไม่มีแผนจริง ก็เอาแค่เป็นร้านขายส่งก็ได้ ถ้ายังคิดว่าร้านที่ลด 20 % แล้วยังได้กำไรมหาศาล ก็ต้องลองเข้ามาในตลาดดู จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 19:43:09 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อืม จะพูดยังไงดีล่ะ ที่คุณบัตรผ่านพูดมาก็มีเหตุผลนะครับ คือว่า ผมว่าคนที่เข้ามานี่พูดกันคนละมุมมองนะครับ อันนี้ต้องแยกให้ชัดเจน ประเด็นของเจ้าของกระทู้คือ การ์ตูนมันราคาแพงเกินกว่าเหตุ และทำไมราคาถึงขึ้นเอาๆ ทั้งที่คุณภาพแย่ คนที่มาตอบก็จะมี2มุมมองคือ 1. มุมมองของผู้บริโภค 2. มุมมองของผู้ผลิต แล้วคุณคิดว่าผมมองในมุมมองของใครครับ ผมก็ต้องมองในมุมมองของผู้บริโภคถูกรึเปล่าครับ ซึ่งมุมมองของผู้บริโภคจำเป็นต้องเห็นใจผู้ผลิตรึเปล่าล่ะครับ โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย ผมจะชี้แจงเป็นข้อๆนะครับ ค่อยๆทำความเข้าใจให้ดีนะครับ อย่าเบี่ยงเบนประเด็นในสิ่งที่ผมพูดไว้ในความเห็นแรกๆ 1.คุณพูดในฐานะผู้ผลิตถูกมั้ยครับ ผมก็พูดในฐานะผู้บริโภค"ที่ไม่เข้าใจ" เพราะฉะนั้นผมจึงมีสมมติฐานเกิดขึ้น ผมไม่ได้บอกว่า"ผมเป็นผู้รู้ที่แท้จริง" ผมบ่นในฐานะผู้บริโภค เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ายัด เยียดว่าผมรู้จริง เพราะผมไม่ได้รู้จริงและผมไม่ได้บอกตรงไหนว่าผมรู้ข้อมูลที่แท้จริง แต่ผม"เดา"บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ครับ 2.ผมพูดถึงเรื่องต้นทุนกระดาษครับ เพราะทางสำนักพิมพ์จะอ้างแต่ "ต้นทุนกระดาษ"อย่างเดียวเป็นหลัก ไม่ได้อ้างอิงถึงต้นทุนอื่นๆ ผมจึงเขียนไว้ในทำนองว่า "ถ้าเปลี่ยนไปใช้กระดาษที่ดีขึ้นต้นทุนก็น่าจะขึ้นไม่ถึง5บาท" ซึ่งประเด็นพวกนี้คือสิ่งที่ผมสงสัยและคุณก็ไม่ได้ตอบคำถามผมเลย คุณพยายามชักจูงต้นทุนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยที่ผมพูดถึงเฉพาะกระดาษด้านในเท่านั้น 3.การขอกู้ธ.SMEไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดนะครับ ไม่มีใครให้เงินคุณเพียงเพราะแผนคุณดีนะครับ แล้วเงื่อนไขการขอกู้ธ.SMEมันมีเงื่อนไขหยุมหยิมอื่นเยอะแยะนะครับ 4.สิ่งที่คุณบอกราคาต้นทุนกระดาษด้านใน(ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมพูดถึง)19800บาท ต่อ 3000เล่ม ซึ่งจะตกเล่มละ6.6บาท ซึ่งมองแล้วมันใกล้เคียงกับกระดาษถ่ายเอกสารที่ผมบอกไว้คือ6.72บาท ที่นี้มันก็จะมีคำถามต่อมาในฐานะผู้บริโภค (อย่าลืมนะครับว่าผมคือผู้บริโภคเพราะฉะนั้นผมต้องสงสัยในสิ่งที่ผมจะต้องเสียเงินในสิ่งที่ตนเองรู้สึกว่าไม่สมควร ) ทำไมราคากระดาษ(ห่วยๆ)ถึงแพงจัง เปลี่ยนมา ใช้กระดาษแบบถ่ายเอกสารดีมั้ย เพิ่มแค่0.12บาทเอง อันนี้แหละคือคำถามที่ผมสงสัย (ยังไม่นับว่าตัวเลขที่คุณให้มาถูกต้องแค่ไหนมีตัวอย่างอ้างอิงมั้ยครับ) เข้าใจรึยังครับ ผมในฐานะผู้บริโภคสงสัยว่าเงินที่ผมเสียเพิ่มขึ้น ผมได้อะไรคืนกลับมาบ้าง เงินที่เสียเพิ่มขึ้น"สมเหตุสมผลหรือไม่" 5.เมื่อความรู้สึกว่า"มันไม่สมเหตุผล"เกิดขึ้น มันก็เลยมีบางคนมาตั้งกระทู้ในลักษณะนี้ ซึ่งในฐานะผู้บริโภค ผิดหรือครับที่ผู้บริโภคไม่เข้าใจต้นทุนของบริษัท ผิดเหรอครับที่ออกมาตั้งกระทู้ถาม แต่คุณกำลังมองว่าการที่เจ้าของกระทู้(หรือว่าผม)ว่าทำการเสนอความเห็นแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด! ผู้บริโภคไม่มีสิทธิสงสัยเลยเหรอครับ?? 6.การที่คุณออกมาชี้แจงในฐานะผู้ผลิตก็ไม่ผิดครับ แต่คุณชี้แจงในฐานะผู้ผลิตข้อมูลถูกต้องมั้ยครับ แต่ผมขอเน้นอีกครั้งว่าผมเป็นผู้บริโภคนะครับท่าน 7.ตัวเลขที่คุณให้มาผมคงให้ความเห็นไม่ได้ว่าถูกต้องหรือไม่เพราะผม"ไม่ทราบ" และผมสงสัยตรงส่วนของค่าลิขสิทธิ์นั้นมันเป็นต้นทุนผันแปรเหรอครับ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ควรนำมารวม ซึ่ง ถ้าคุณรู้อยู่ว่าเป็นต้นทุนคงที่แล้วคุณยังนำมารวม ก็แสดงให้เห็นว่าคุณกำลังบิดเบือนต้นทุน(ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะคุณคือผู้ผลิตคือพ่อค้า ซึ่งคุณมีหน้าที่ให้ข้อมูลที่ผิดกับผู้บริโภค)(แต่ในความเป็นจริงลิขสิทธิ์ บางอย่างก็ผันแปรได้เหมือนกัน) แต่ความเห็นด้านล่างคุณบอกว่าคุณไม่ทราบลิขสิทธิ์ แสดงว่าตัวเลขที่คุณยกมาอ้างเป็นตัวเลขของพ็อคเก็ตบุ๊คเหรอครับ ผมว่ามันต่างนะครับ โดยเฉพาะถ้ามองว่าบริษัทอย่างสยามมัลฯหรือเนชั่นเป็นผู้พิมพ์เองต้นทุน มันน่าจะถูกกว่าที่คุณยกมาอ้างนะครับ ว่าแต่ต้นทุนที่คุณพูดเป็นต้นทุนอะไรครับ จ้างผลิตหรือผลิตเอง ถ้าเป็นตัวเลขที่ผลิตเองแสดงว่าคุณน่าจะได้ดูข้อมูลลึกเลยนะครับนั่น เพราะปกติมันเป็นเรื่องซับซ้อนมากสำหรับ บริษัทใหญ่ๆ แต่ในขณะเดียวกันถ้าจ้างผลิตคุณจะทราบข้อมูลต่อเล่มได้ง่าย 8.การที่คุณบอกว่าสนพ.จะได้ 35.00-37.50บาทต่อเล่ม คุณรู้มั้ยว่านั่นนะในความรู้สึกผมเป็นกำไรขั้นต้นที่สูงมากนะครับ37.50-23.41=14.09บาท แสดงว่ามีมาร์จิ้นขั้นต้นประมาณถึง 60%!! น้อยเหรอนั่น เท่าที่ผมทราบธุรกิจหนังสือต้นทุนส่วนใหญ่มันมาจากต้นทุนผันแปรมิใช่หรือ แล้วFixed costที่เกิดขึ้นแต่ละเดือนมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอพี่ท่านถึงทำให้ขาดทุน!!!  ปีหนึ่ง คุณคงไม่ได้ผลิตหนังสือแค่3พันเล่นแน่แต่เป็นล้านเล่ม ยิ่งพิมพ์มากต้นทุนเฉลี่ยก็ยิ่งน้อย 9."ถ้าคิดว่ามันมีกำไรมากกว่านี้โปรดชี้แจง" ก๋า... ผมไม่เคยบอกเลยนะครับว่าธุรกิจนี้มันมีกำไรมหาศาลแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมพูดคือผมสงสัยในฐานะผู้บริโภค มองในฐานะราคาที่ต้องจ่ายกับค่าครองชีพ มองแทนเด็กที่เป็นกำลังซื้อจำนวนมาก มองว่า"มันสมเหตุสมผลแค่ไหน" เข้าใจอะยางคร๊าาาบ  เพราะฉนั้นผมไม่สนใจหรอกครับว่ามันขาดทุน ตราบใดที่ผม(ฐานะผู้บริโภค)ยังรู้สึกว่ามันแพงไม่สมเหตุผล  แต่คุณก็ทำถูกที่มาช่วยชี้แจงข้อมูลเพิ่มขึ้น เพียงแต่มันฟังดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือหรือน่าเห็นใจสักเท่าไรครับ ok? ok? (อย่ายึดอมยิ้มผมนะคร๊าบบไม่ได้แอบโฆษณานะ) ประเด็นความเห็นอื่นๆ 1. ผมรู้สึกไม่ดีกับความคิดที่ว่า "บ้านเราถูกที่สุดในโลก" หรืออะไรประมาณนี้ ผมอยากให้มองประเด็นด้านอื่นอย่างเช่นพวกค่าครองชีพเข้าไปด้วยนะครับ (ฟังอย่างนี้แล้วเหมือนฟังพวกเจ้าของโรงหนัง มาบอกว่าค่าตั๋วบ้านเราถูกที่สุดในโลก เออ..ถูกจริงแต่กว่าจะได้เงินดูแต่ละเรื่องทำงานจนหลังอานเลย) 2."เงินเดือนพนักงานปรับขึ้นทุกปี" ไอ้หยา..คิดหยั่งงั้นได้ไงอ่า ไม่ทราบเหรอครับทุกครั้งที่สินค้าขึ้นราคา มันขึ้นเกินต้นทุนที่ขึ้นไปล่วงหน้าแล้ววววว 3."แล้วพวกหนังสือที่ขายไม่หมดล่ะ" อ่าวไหงพูดข้างเดียวล่ะครับ คนตั้งราคาก็ต้องบวกความเสี่ยงตรงนี้เข้าไปอยู่แล้วครับ ทำไมไม่พูดถึงการ์ตูนที่ขายดีเกินขาด พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกบ้างล่ะครับ  อันนี้เป็นการให้ข้อมูลไม่ครอบคลุมนะครับ คนที่อ่านอย่าคล้อยตามง่ายๆนะครับ เพราะคนเป็นพ่อค้าก็สารพัดอ้างครับ 4."ถ้าธุรกิจนี้ดีมีกำไรสูง ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมาก" เออ..มันไม่จำเป็นเสมอไปนะครับ มันมีปัจจัยอื่นหลายอย่างไม่ใช่ว่ามีกำไรอย่างเดียวแล้วคนจะแห่กันเข้ามา ถ้างั้นคนคงแห่ไปทำปตท .2กันหมดแล้วครับ มีใครไม่อยากแชร์กำไรแสนล้านบ้าง 5."ทำธุรกิจนี้ด้วยใจรักถึงแม้ว่าจะขาดทุน" (โทษนะครับ)มีไอ้บ้าที่ไหนจะทำธุรกิจที่ยอมขาดทุนเป็นสิบปี โดยเฉพาะบริษัทมหาชน ถ้าคนทำมองไม่เห็นกำไรก็ไม่มีใครทำหรอกครับ สรุปก็คือธุรกิจการ์ตูนใน สายตาพวกเขายังมีอนาคตอยู่(ถ้าต้นทุนขึ้นบริหารผิดพลาด ก็โขกสับโดยการขึ้นราคานั่นแหละ) เฮ้อ...สรุปแล้วตรูมานั่งพิมพ์อะไรยืดยาวฟะเนี่ยยยย..... แต่เอาเหอะวันนี้วันพักผ่อน ถือว่ามาแชร์ไอเดียละกันนะครับ ส่วนคุณบัตรผ่านผมขอสรุปอีกทีนะครับว่า ผมเป็นผู้บริโภคคคค....ที่รู้สึกไม่ดีกับราคาการ์ตูนณ.ปัจจุบันเข้าใจมั้ยยยยย แล้วสิ่งที่คุณชี้แจงมาก็ไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเลยอ่ะ (ยังไม่มีน้ำหนักพอ) ส่วนผู้บริโภคคนอื่นๆก็ทำใจและบ่นต่อไปครับอันไหนสู้ได้ก็สู้ ยังไงก็ประหยัดๆนะครับ เล่มไหนอดได้อดซะ ไม่งั้นคงต้องมานั่งบ่นกันต่อไป... จากคุณ : ล็อคอิน พี่ล็อคอิน(น่ารักด้วย) (Atmosphere) - [ 17 ม.ค. 52 21:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คุณAtmosphere ใจเย็นๆ ผมว่าไม่มีใครต้องการด่าผู้บริโภคหรอกครับ ในความคิดผม ผู้บริโภคมองในมุมนั้นแล้วคิดแบบนั้น ไม่ผิดหรอกครับ ไม่มีวันผิดด้วย เพราะในความคิดของผู้บริโภคคือ ต้องได้สินค้าที่พึงพอใจในราคาที่สามารถจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน แต่ "ความพึงพอใจของผู้บริโภค" มักจะตั้งไว้สูงเสมอ และ "ราคาที่สามารถจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน" ก็มักจะน้อยกว่าที่ผู้ผลิตคาดไว้ มันจึงเป็นปัญหาโลกแตกไงครับ ที่หลายความเห็นของผู้ผลิตพยายามชี้แจง ไม่ได้จะบอกว่าผู้บริโภคคิดผิด แต่อยากให้ลองมองในมุมของผู้ผลิตบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็ด่าว่าเอาแต่กำไร หรือทำแต่ของไม่มีคุณภาพนะครับ ผมคิดว่าผู้ผลิตเขาพร้อมรับคำวิจารณ์นะครับ แต่ต้องเป็นคำวิจารณ์ที่มีเหตุผลด้วย การที่เขาออกมาชี้แจงเพราะอยากให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้เห็นใจนะครับ ถ้าเข้าใจก็ดี ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็เปลี่ยนความคิดผู้บริโภคทุกคนไม่ได้อยู่แล้ว จนกว่าผู้บริโภคคนนั้นจะได้เข้ามาลองเป็นผู้ผลิตเองนั่นแหละครับ จากคุณ : omega. - [ 17 ม.ค. 52 22:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตอบทีละข้อ 2. ใช่ผมเห็นด้วย ถ้าเปลี่ยนกระดาษ เป็นปอนด์ 70 แกรม ราคาเฉพาะเนื้อใน จะขึ้นไม่ถึง 5 บาท เฉพาะเนื้อในนะครับ 3.การขอกู้ เอสเอ็มอี ถ้าเขียนแผนการตลาดดีดี + กำไรอย่างที่เข้าใจ 60 กว่า % นั่น รับรองผ่าน ไม่มีการลงทุนอะไรที่ได้กำไร 60กว่า% แบบที่คุณเข้าใจหรอก 4.ราคากระดาษถ่ายเอกสารที่ว่ามายี่ห้ออะไร ครับ ซื้อที่ไหน เพราะผมทอนราคากลับไปเป็นแผ่นใหญ่ อันเป็น format ที่โรงพิมพ์ใช้แล้ว มันไม่ใช่ราคานั้นครับ แต่ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ใช่กระดาษซีร๊อกซ์พิมพ์ไปเลย ตอบได้เลยว่ามันคนละ format ถ้าจะถามว่าราคาต่างกันได้ไหน ผมถึงได้ถามไงว่ากระดาษยี่ห้ออะไร ใช่พวกตระกูลห่อรูปหมาๆ หรือเปล่า (ถ้าใช่ จบ เพราะมันเป็ฯกระดาษคนละแบบ) ดูราคากระดาษได้ที่ http://www.cas-group.com/paper/product/ponpaper/plistpon.htm ไซส์ 70 แกรม ตามกระดาษซีร๊อกซ์ มันตกรีมละ 795 บาท ซึ่งถ้าตัดออกมาเป็นกระดาษซีร๊อกซืจะได้ 4 พันแผ่น หรือ 8 รีม = 99 บาท ในขณะที่ราคาของคุณ รีมละ 70 บาท (เต็ม 500แผ่นหรือเปล่า ?) ถ้าคุณสมบัติเหมือนกัน ประเภทกระดาษเหมือนกัน ราคาต่างกัน อันนี้คุณต้องไปไฟท์ที่โรงงานกระดาษแล้ว ปกติความหนาที่พิมพ์หนังสืออยู่ที่ 80 แกรม ครับ เผื่อคุณไม่รู้ 5-6 ไม่มีความเห็น 7. ผมว่าคุณควรกลับไปศึกษาคอนเส็ปต์ของคำว่าต้นทุนนะครับ ต้นทุนแปรผัน ต้นทุนคงที่ ทำไมคุณถึงคิดว่าไม่ควรนำต้นทุนนั้น ต้นทุนนี้มารวม คิดบนพื้นฐานอะไรครับ ? ตัวเลขที่ผมนำมาแสดงไม่ใช่ตัวเลขซับซ้อนอะไร เพียงคุณยกหูไปที่โรงพิมพ์อะไรสักแห่ง แล้วบอกเขาว่า "ขอราคาหนังสือขนาดการ์ตูน (16หน้ายก) หนา 192 หน้า เนื้อในบรู๊ฟ 60 แกรม ปกกระดาษแข็ง 230 แกรมพิมพ์ สีเดียว ไสกาว ปกนอกหุ้ม 4 สี เนื้ออาร์ต 120 อาบยูวี ใส่ถุง เย็บปากถุง พิมพ์ 3 พันเล่ม เฮียช่วยแยกราคาเป็น ค่าเพลท ค่าพิมพ์ ค่ากระดาษให้ด้วย ขอด่วนเฮีย fax กลับมาด้วย" แค่นี้ ตัวเลขของผมก็ได้มาจากวิธีนี้ แถมอีกนิดเพื่อข้องใจ ปกติค่าลิขสิทธิ์จะอยู่ 10 % ของราคาปกคูณจำนวนพิมพ์ ในเคสหนังสือแปล มันจะมีต้นทุนส่วนหนึ่งที่ต้องจ่ายให้เจ้าของก่อนเลย และอีกส่วนที่จ่ายตามจำนวนพิมพ์ นอกจากนี้จะต้องมีค่าแปลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในการทำธุรกิจของพ๊อกเก้ตบุ้ค เขาจะคุมตัวเลขส่วนนี้ไม่ให้เกิน 10 % ของราคาปกคูณจำนวนเล่ม ดังนั้นทางอกจึงออกมาได้ 3 ทางคือ 1.ราคาปกแพง 2.จำนวนพิมพ์ในระดับดุลพภาพ ขอใช้คำนี้ เพราะบางกรณีพิมพ์น้อยจะคุ้ม บางครั้งพิมพ์มากจะคุ้ม อยู่ที่เงื่อนไขของค่าลิขสิทธิ์ว่าจ่ายก้อนแรกเยอะ หรือน้อย อันนี้ต้องคำนวณละเอียด (ดังนั้นผมถึงได้งงไงว่า ไม่ให้รวม ๐ค่าลิขสิทธิ์" ลงไปในต้นทุน แล้วจะเอาค่าลิขสิทธิ์ไปคิดตรงไหน ตรงกระเป๋าส่วนตัวของผู้บริหารเรอะ หรือไปไล่ฟ้องเอาค่าลิขสิทธิ์กับพวกสปอยล์ ? ) 3.กดราคาแปล ให้อยู่ในงบ ยกตัวอย่าง เคสตุ๊กตาข้างต้น ถ้าปกราคา 50 บาท คูณจำนวนพิมพ์ 3 พัน นั่นคือผมควรจะมีเงินงบประมาณจ่ายส่วนนี้ไม่เกิน 15000 บาท ถ้าเกิดเจ้าของลิขสิทธิ์เรียกเงินลิขสิทธิ์ทั้งหมดมาไม่เกิน 10000 เราก็จะเหลือเงินให้คนแปล 5 พัน ถ้าเรียกมามากกว่านั้น ก็ต้องดูว่า ถ้าพิมพ์เพิ่มอีก 1-3 พันเล่ม เราต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ ต้นทุนการผลิตเพิ่มมีอีกเท่าไหร่ ถ้าคุ้มก็พิมพ์เพิ่ม ถ้าไม่คุ้มก็ต้องไปกดค่าแปลลง หรือถ้าไม่ได้อีก ก็ต้องขึ้นราคาหน้าปก แน่นอน การขึ้นราคาหน้าปกมีผลให้ต้องคิดค่าลิขสิทธิ์ส่วนที่แปรผันตามราคาเพิ่มอีก แต่มันก็จะวนมาจนกว่าจะหาดุลยภาพได้ หรือถ้าไม่ได้เลย ก็ไม่ต้องซื้อ ให้คนอื่นไปทำดีกว่า 8. คุณคิดมาร์จิ้นจากอะไรครับ ? คำว่ามาร์จิ้นของคุณคืออะไร? คิดเฉพาะ product ใช่ไหมครับ (แถมยังจะให้เอาค่ลิขสิทธิ์ออกไปอีก) อันนี้ ผมไม่ตอบ ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะตอบไม่ได้ แต่ผมคิดว่า หากคุณยังไม่เข้าใจคำว่า "ต้นทุนคงที่" ต้นทุนแปรผัน กำไรขั้นต้น (หรือมาร์จิ้นขั้นต้นของคุณนั่นแหละ) รายรับ อัตราหมุนเวียนของสินค้า พวกนี้ ผมคิดว่า มันไม่ประโยชน์อะไรจะแลกเปลี่ยนกับคุณด้วยในประเด็นนี้ เอาง่ายๆ เปรียบเปรยเหมือนขายข้าวแกง คุณก็จะเอาเฉพาะต้นทุนตัวข้าวสารอย่างเดียว (โลละ200บาท) มาหักจากราคาขาย (จานนึง 40 บาท มีไม่ถึง 1 ขีด งั้น 1 กิโลได้ 400 บาท) แล้วบอกว่าเป็นมาร์จิ้นขั้นต้น (400-200 = 100 %) มันนี้ผมเห็นว่ามันไม่เมคเซ้นต์อะไรเลย อีกอย่าง ไม่มีการ์ตูนเล่มไหนในบ้านเราพิมพ์ได้ถึง 1 ล้านเล่มต่อปกแน่ๆ เพราะขนาดหนังสือยอดนิยมอย่างพ่อมดพ๊อตเตอร์ ยังได้แค่ระดับ 1-2 แสนเท่านั้น 9. "ก๋า... ผมไม่เคยบอกเลยนะครับว่าธุรกิจนี้มันมีกำไรมหาศาลแค่ไหน" คุณกำลังบอกอยู่ที่ข้อแปดที่ผ่านมา ส่วนความเห็นอื่นๆ ขอตอบเฉพาะบางข้อ ข้อ 3 อันนี้ขออนุญาตให้คุณไปอ่านพวกกเรื่องอัตราส่วนการหมุนเวียน จะเข้าใจเรื่องนี้เอง 4.ผมคิดว่าไปเปรียบเทียบกับปตท. คงไม่ถูกต้องนัก เพราะลักษณะของตลาดมันไม่เหมือนกัน อนึ่งคำว่า "ตลาด" หมายถึง market ในคอนเส็ปต์ทางเศรษฐศาสตร์นะ พูดง่ายๆ ใครๆ ก็อยากเข้าไปแชร์กไรแสนล้านของปตท. เพียงแต่ว่าลักษณะของตลาดมันไม่เอื้ออำนวย ประการแรกที่มันกำไรแสนกว่าล้านี่ มันต้องมี ecomony of scale จำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้าคิดว่าสามารถแสวงหาตรงนี้ได้ เขาก็เข้าไปทำกันแล้ว ในเคสการ์ตูน หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มันไม่ได้มีข้อจำกัดในการเข้าสู่วงการขนาดนั้น เรียกง่ายๆ ว่าคุณกำเงินหลักล้าน (ไม่ต้องถึงสี่ล้าน)ก็เข้าสู่วงการได้ไม่ยากแล้ว ทีนี้ยิ่งคุณคิดว่ามีกำไรมาร์จิ้นมโหฬาร 60 % ผมคิดว่าคุณควรรีบเข้ามาธุรกิจนี้โดยเร็วเสีย เพราะไม่มีทางไปลงทุนอะไรแล้วได้มาร์จิ้นถึง 60 % แน่ๆ ในตอนนี้ 5.ผมมีเพื่อนในวงการสิ่งพิมพ์มากกว่า 5 คนที่ทำหนังสือขาดทุนมาเกือบ 10 ปีแล้ว ทุกวันนี้เขายังอยู่ได้ ไม่ได้ขยายใหญ่เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นหนี้เพิ่ม (ยกเว้นหนี้สายส่ง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นหนี้สายส่ง รอคุณเข้ามาในวงการก่อนจะเล่าให้ฟัง แต่เอ๊ะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง พอคุณเข้ามาก็จะรู้เอง) เงินที่ลงไปก้อนแรก ป่านนี้ยังไม่ได้คืน ทุกวันนี้ยังมีหนังสือออกอยู่ประปราย งานปนังสือก็ยังเอาของเก่าไปเลทิ้งหาเงินมาทำเล่มใหม่อยู่ (แถมออก 2 บูธในเพลนารีฮอลล์อีก) ถ้าเป็นบริษัทมหาชน ผมไม่รู้นโยบายของเขา ถ้าอยากรู้ต้องไปถามในวันประชุมผู้ถือหุ้น ทีนี้ผมขอพูดในฐานะผู้บริโภคด้วย จริงอยู่ผมมี 2 ขา ฝั่งหนึ่งผมก็อยู่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ อีกฝั่งหนึ่งผมก็อยู่ฝั่งคนซื้อด้วย ในแง่คนทำ ผมก็ชี้แจงต้นทุนทั้งหมดไปหมดแล้ว ในแง่คนซื้อ ผมคิดว่าราคาหนังสือในบ้านเราค่อนข้างสมเหตุสมผลแล้ว แต่มีบ้างที่บางเมแพงเกินไป และบางเล่มราคาก็ถูกไป ผมจำได้ว่าเคยบ่นๆ เรื่องสนพ.แห่งหนึ่งพิมพ์นิยายจีนด้วยกระดาษปอนด์ 70 แกรม แต่ขายในราคาเท่ากับปอนด์ 80 แกรมมาแล้ว (แถมพี่แกยังมีหน้ามาบอกว่าปอนด์ 70 แกรมของแกคุณภาพดีกว่า นิยายจีนกระดาษกรีนรีดของอีกเจ้าหนึ่ง แต่ตอนหลังพี่แกกลับมาพิมพ์นิยายจีนด้วยกรีนรีดเหมือนเขา แถมไม่พูดเรื่องกระดาษปอนด์ 70 แกรม คุณภาพ+ราคาเท่ากับกรีนรีด 75 แกรมด้วย) ซึ่งในตอนนั้น ผมก็ใช้นโยบายไม่ซื้อ ถึงพี่จะลด 50 %ในงานผมก็ไม่ซื้อ กระทั่งวันหนึ่ง ผมเห็นว่าพี่เขาต่อสู้เรื่องลิขสิทธิ์นิยายแปลเก่าๆ ที่เจอปัญหาลิขสิทธิ์จนถึงชั้นศาลฎีกา (แล้วชนะด้วย ) ผมก็เลยหันกลับมาซื้อของพี่แก เพราะถือว่าซื้อของพี่แก "แพง" สักหน่อย แต่เงินก็กลับไปช่วยทำให้วงการหนังสือแปลโดยรวมดีขึ้น ที่บ่นๆ มานี่ไม่ได้มีอะไรแค่จะบอกว่า ในแง่ผู้บริโภค เรามีสิทธิที่จะคิดอะไรไปร้อยแปดว่าสนพ.เอาเปรียบ แต่ถ้าคุณลองหาข้อมูลดู จะพบว่าไอ้ที่เราคิดๆ ไป บางที มันอาจไม่เป็นจริง หรือไม่ก็เราเข้าใจคอนเส็ปต์อะไรบางอย่างผิดไปก้ได้ ในแง่คนทำ ผมไม่มีเหตุผลที่จะปิดบังต้นทุนอะไร สรรพากรเคยมาตรวจที่นี่ (เพราะเรายื่นแบบขาดทุนมา 5 ปีติดต่อกัน) เราก็แสดงหลักฐานทั้งหมดให้เขาดูแล้ว ให้หาเอกสารเพิ่ม เราก็มีแสดงทุกชิ้น ทุกอย่าง เขาไม่ติดใจอะไร ธุรกิจสิ่งพิมพ์เป็นธุรกิจที่ไม่เสียภาษี vat นะครับ แต่ทุกอย่างที่ซื้อเข้ามามี vat ทั้งสิ้น แต่เราไม่สามารถบวกเข้าไปในราคาขายได้ ต้องแบกไว้ในต้นทุนการผลิตทั้งหมด (เคส vat นี้คุณคิดว่าเป็นต้นทุนอะไร ต้นทุนคงที่หรือต้นทุนแปรผัน มันควรจะไปรวมอยู่ตรงไหน หรือไม่ควรรวม เอาไปแปะกับกระเป๋ษเจ้าของธุรกิจไปเลย ?) จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 17 ม.ค. 52 23:09:23 A:58.9.110.216 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 94 โอเคคร๊าบบๆ เอาเป็นว่าผมผ่านละกัน เพราะส่วนใหญ่คุณยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าผมหมายความว่าอะไร คงเป็นเพราะผมอธิบายไม่ดีเองล่ะกัน(อันนี้พูดจริงๆ เพราะพิมพ์ยาวบางทีมันมึน ลองอ่านดูแล้วก็เป็นที่ทำให้คุณเข้าใจผิดได้) แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณผิดนะครับ และผมก็เชื่อในสิ่งที่คุณพูดหลายๆอย่างครับ จากคุณ : Atmosphere - [ 18 ม.ค. 52 00:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ตามอ่านกระทู้นี้มา 2 วันแล้ว วันนี้มาเจอคำตอบของคุณ "บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน" ให้ข้อมูลได้ละเอียดมาก ถือเป็นการประดับความรู้ (แต่บางทีตัวเลขเยอะจัด ก็ขี้เกียจบวกลบคูณหาร 555) ผมเข้าใจความรู้สึกของ จขกท. หรือบางคนนะ เพราะผมเองในฐานะผู้บริโภค เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า "การ์ตูนมันแพงจริงๆ" ยิ่งถ้าเทียบกับยุคไพเรทนี่ แพงขึ้นมา 2-3 เท่าตัว แล้วจำได้สมัยก่อน (สัก 16-17 ปีก่อน) บางเจ้าพิมพ์การ์ตูนด้วยกระดาษอาร์ตสีขาวยังขายได้ในราคาเล่มละไม่เกิน 20-30 บาทเลย แต่ทีนี้ผมว่าเราผู้บริโภคก็ต้องเปิดใจรับฟังข้อมูลจากผู้ผลิตด้วยล่ะครับ ที่บ้านผมเองก็เคยคลุกคลีกับวงการพิมพ์มาบ้าง (พ่อเคยเป็นเจ้าของโรงพิมพ์เล็กๆ บ้านเพื่อนก็ทำโรงพิมพ์) ธุรกิจพวกสื่อสิ่งพิมพ์นี่ทำกำไรยากครับ แล้วกระดาษบ้านเรามันก็แพง ยอดซื้อ-ขายหนังสือบ้านเราก็ยังถือว่าต่ำมาก อย่างประเด็นหนึ่งที่ผมเห็นบางท่านโต้เถียงกับคุณ "บัตรผ่านพี่ฯ" ในประเด็นที่ว่า "สนพ.ไม่ได้พิมพ์แค่ 3 พันเล่ม ปีหนึ่งสนพ.พิมพ์เป็นล้านเล่ม...." คือผมก็อยากให้แยกเป็นเคสๆเป็นเรื่องๆไปครับ เพราะในการพิมพ์มันนับรวมทั้งหมดไม่ได้นะครับ ไม่ใช่ว่ามันเอามานับทำกำไรได้หมด มันเข้าข่ายหักกลบลบหนี้เสียมากกว่า (เช่นได้กำไรจากเรื่องนี้ ก็ต้องเอาไปโปะอีกเรื่องหนึ่งที่ขาดทุน ฯลฯ)   เอาง่ายๆ หลักพื้นฐานในการพิมพ์เลยนะครับ อย่างเวลาพิมพ์หนังสือเรื่องหนึ่ง ก็ต้องใช้เพลทชุดหนึ่ง / แต่ถ้าพิมพ์หนังสืออีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องใช้เพลทอีกชุดหนึ่งเลยครับ (ยังไม่รวมอีกจิปาถะ) ก็แค่นี้ล่ะครับ ขี้เกียจ....... ผมให้คำแนะนำได้แค่ "เราก็บริโภคตามกำลังทรัพย์ของตัวเอง" ล่ะครับ จากคุณ : เบอท (albertpotjes) - [ 18 ม.ค. 52 00:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คือจริงๆ ผมก็เคยพยายามเขียนอธิบายนะ แต่ยอมรับครับสุดท้ายก็ต้องถอดใจในบางมุม เพราะถึงเขียนอธิบายไปมากๆ ก็จะต้องไปชนตอในส่วนที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง(ไม่ว่าจะเป็นการพาดพิงบ้างหรือความลับทางธุรกิจบ้าง) ที่ผมพูดว่าธุรกิจการ์ตูนมีคนเข้ามาทำน้อยผมมีข้อเปรียบเทียบให้ง่ายๆ ครับ อย่ายกไปเปรียบกับ ปตท. เลยครับเดี๋ยวมีคนถามต่อว่าไม่งั้นไม่ไปทำนาซ่าล่ะหรือแช่งกับไมโครซอฟท์ไปเลย ธุรกิจ สนพ. เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างง่ายมีผู้เข้ามาและออกไปต่อปีอยู่ที่ 300-400 สนพ.ต่อปี(หมายถึงคนที่เข้ามาทำธุรกิจนี้และคนที่เจ๊งในการทำธุรกิจนี้ต่อปี) อันนี้เป็นข้อมูลจาก Se-ed การสัมนา"ที่สุดธุรกิจสิ่งพิมพ์" ประมาณช่วงปี 49-50 นะครับ ปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างนิดหน่อย (เอกสารลองไปดาวน์โหลดที่ Se-ed นะครับพอดีผมไม่แน่ใจว่าให้ดาวน์โหลดได้ทุกคนรึเปล่า) เพราะธุรกิจ สนพ.ใช้เงินลงทุนต่ำในการตั้งต้นและมีโอกาสสำเร็จไม่ยากนัก(จริงๆ ยาก ยากมากด้วยแต่มันดูไม่ยาก) แต่ 300-400 นี้กลับแทบไม่มี สนพ.การ์ตูนอยู่ในจำนวนนั้นเลย!!! โดนเฉพาะ สนพ.การ์ตูนแบบการ์ตูนลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้เข้ามาทำธุรกิจนี้อยู่ไม่ถึง 10 สนพ. (ทั้งที่ สนพ.อื่นๆ หมุนเวียนไป 3000-4000 สนพ.ไปแล้ว) มันมีเหตุผลอะไรหนอ? บอกก่อนนะครับ สนพ.ทุก สนพ.ที่หมุนเวียนเข้ามานั้นมีศักยภาพในการผลิตการ์ตูนทั้งสิ้น เพราะการ์ตูนทำไม่ยาก หรือเรียกว่ายากไม่ต่างไปจากทำหนังสือเล่มอื่นๆ เลย แต่ไม่มีใครเข้ามาทำเลย ผมรู้จักนะครับ สนพ. ที่กำไรหูบานแต่เสียงด่าน้อยกว่า สนพ. ลิขสิทธิ์ตรึม นั่นก็คือเถื่อนๆ ไพเรทประเภท ***ได หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง สนพ.ที่ไม่รับผิดชอบลูกค้า, ปล้นงานไปขาย, ตีหัวเข้าบ้าน, การแปลแบบว่าด้นสด อะไรทำนองนั้นๆ แต่ตลกดีครับ สนพ.นี้ขายดีมากและถูกด่าน้อยสุดๆ ถ้าเทียบเฉพาะในพันทิพย์ ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะคนที่นี่รู้ว่าเขาด่าไปก็ไม่เปลี่ยนแปลงก็เลยเลิกด่า ส่วน สนพ.ลิขสิทธิ์ที่มักแคร์ความรู้สึกคนอ่านและเข้ามารับฟังความคิดเห็นในที่นี่ก็เลยนั่งรับคำด่าไปจนหูชา.... ก็อยากอธิบายกันบ้างแหละครับ ผมก็รู้นะครับธุรกิจที่ฟันกำไรจากคนซื้อแหลกราญแบบไม่สนใจอะไรก็มีเยอะ แต่ผมก็อยากบอกล่ะครับ สนพ.การ์ตูนส่วนมากไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ วันนี้เขากำไรจริงครับ แต่ไม่มากไม่น้อยไปกว่าความยากลำบากของพวกเขาหรอกครับ และก็ไม่ได้ขูดเลือดนักอ่านแน่นอน ผมศรัทธาจนอึ้งเลยครับตอนที่ผมเคยคุยกับ บก. ในวงการพิมพ์การ์ตูนแล้วเขาก็รู้ว่ากำไรมันไม่มากนักแต่เขาก็ไม่อยากปรับราคากันถ้ามันไม่ถึงที่สุดจริงๆ แถมเหตุผลยังซื่อๆ แค่ว่า "ราคานี้เด็กก็ลำบากจะซื้ออยู่แล้ว ธุรกิจนี้มันเป็นธุรกิจความฝันเราก็อยากให้ฝันมันลงไปถึงพวกเขา ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากขึ้นราคา" คือมันก็เป็นคำพูดหลายปีมาแล้วล่ะนะตั้งแต่ฃ่วง 35-40 นั่นแหละ แต่ผมก็ชอบจริงๆ นะ จากคุณ : Aha301 - [ 18 ม.ค. 52 01:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 97 จริงๆแล้ว ผมน่ะไม่ได้เป็นแฟนคลับการ์ตูนอะไรหรอกครับ ปีที่แล้วซื้อการ์ตูนน่าจะประมาณแค่10กว่าเล่ม ซื้อจากงานหนังสือที่ลดครึ่งราคาซะ6-7เล่ม --" ซึ่งน้อยมากๆ แต่ก็ยังเช่าอ่านอยู่บ้าง พอดีเจ้าของกระทู้ว่าเปิดประเด็น ก็เลยแสดงความคิดเห็นไปอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจจริงๆว่าต้นทุนกระดาษมันจะต้อง5บาท มันเป็นความรู้สึกค้างใจมานานซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าทำไมขึ้นราคาบ่อยเหลือเกิน แต่เท่าที่ผมเข้าใจก็คือคนอ่านส่วนมากคิดว่าค่ากระดาษมันแพงมาก มันก็เหมือนจุดประัเด็นความอยากรู้อยากเห็นว่าจริงๆแล้วค่ากระดาษมันเท่าไรกันแน่ ผมก็เลยแสดงความเห็นแบบกวนทรีน  แบบว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนเข้ามาบอกแน่ว่าเฮ้ยการ์ตูนบ้านเ..เดะต้นทุน5บาท รู้รึเปล่าว่า......................... อันที่จริงผมก็มีความคิดอยู่ในใจนานแล้วครับว่าการ์ตูนเล่มหนึ่งค่ากระดาษมันไม่ถึง10บาท ผมเชื่อว่าหลายๆคนยังคิดอยู่เลยว่าการ์ตูนเล่มหนึ่งต้นทุนค่ากระดาษมันมากกว่า10บาทมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วว.. หลายๆคนที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการผลิตหนังสือออกมาสักฉบับนี่ไม่ใช่ผมไม่เชื่อนะครับ แต่ว่าความรู้สึกของผมมันอยู่ที่ต้นทุนของการ์ตูนของบริษัทใหญ่เช่นเนชั่น สยามสปอร์ต วิบูลย์กิจ ซึ่งผมมองว่าปีหนึ่งมันน่าจะพิมพ์เกินล้านเล่ม ดังนั้นที่คุณเบอท (albertpotjes)บอกนั้น ผมหมายถึงทุกเล่มจริงๆครับ เพราะในฐานะถ้าผมเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากๆ ความตั้งใจที่จะเลือกเรื่องที่มาตีพิมพ์จะลดลง ซึ่งผู้บริหารบางท่าน อาจจะมองว่าเป็นการเปิดโอกาส เปิดตลาด ที่จะทำกำไร(ในอนาคต) รวมถึงคำพูดสวยหรูอย่างเช่น "ทำเพื่อนักอ่าน" ซึ่งการพิมพ์เป็นจำนวนมากและบริษัทก็เป็นคนพิมพ์เองต้นทุนมันน่าจะต่างกันมาก ที่นี้มาถึงเรื่องความเซ็งในการขึ้นราคา ผมในฐานะคนไม่มีอันจะกินจะซื้อการ์ตูนเล่มหนึ่งก็ต้องคิดก่อน ส่วนคนที่ขอเงินพ่อแม่ซื้อการ์ตูนเยอะๆตั้งแต่เด็กคงไม่เกิดความรู้สึกนี้สักเท่าไร "ขึ้นราคาอีกแล้ว"   "แ๙งขึ้นตั้ง5บาท ไม่เห็นมีเ...อะไรเปลี่ยนเลย" "ทำไมสนพ....ไม่เห็นขึ้นเลย" (เกิดการเปรียบเทียบแล้ว ตกลงต้นทุนมันเท่าไร) "โฮ..แ-งเห็นเขาขึ้นก็ขึ้นตามเขา ซวยตรูอีก" มันเป็นสิ่งปกติที่คนต้องคาดหวังอ่ะครับ แต่สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นคือนิสัยคนไทยที่สนใจแต่กำไรแต่ไม่ค่อยสนใจคุณภาพ แต่ก่อนการ์ตูนมันจะมีหน้าสีสอดอยู่ในหน้าแรกของเล่ม ผมสงสัยว่าตอนนี้มันหายไปไหน ผมเดาว่าต้นทุนมันขึ้นแล้วไม่อยากแบกรับภาระแต่ก็ไม่อยากขึ้นราคาให้โดนด่า ก็เลยต้องทำแบบนี้ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ดี แล้วหน้าสีที่มีทำไมไม่กลับมา(ฟะ) ไอ้1หน้าสีที่หายไปมันมีต้นทุนเท่าไรล่ะ ... 50ตังค์ หรือ1บาท ถ้าเป็นคนอ่านคุณจะยอมเสียเงินเพิ่มรึเปล่าครับ ถ้าะเป็นผมยอมนะมันทำให้ผมรู้สึกว่าหนังสือมันดูดีขึ้น แต่ปัญหามันอยู่ที่ "ต้องขึ้นทีละ5บาท" แ๕งใครสั่งสอนมา(ฟะ) วันหนึ่งแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ มองไปที่ชามลูกชิ้นหายไปไหนลูกฟะ จาก3ลูกเหลือ2ลูก ต้นทุน10กว่าบาทขาย30บาท กินข้างถนนอีก ทุกวันนี้ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารอื่นๆที่ซื้อกิน ถ้ากินบ่อยๆคงหนีไม่พ้นเป็นโรคขาดสารอาหารเป็นแน่ วันหนึ่งที่ผมก้าวสู่วัยทำงานหลังเรียนจบ สิ่งที่ผมรู้สิ่งหนึ่งคืออะไรรู้มั้ยครับ ความเน่าเฟะของผู้บริหารบริษัทที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเลขเพื่อผลงานตนเอง ยอมพลาญเงินมหาศาลเพื่อสิ่งเหล่านี้ ลองนึกถึงวิกฤตเศรษฐกิจสมัย40ดูนะครับ สินเชื่อที่ปล่อยไปไม่ใช่ผู้บริหารไม่รู้นะครับว่าเสี่ยง แต่ว่าทำเพื่อตนเองกันทั้งนั้นครับ ไม่ต่างกับนักการเมืองเลยครับวิธีคิด ผมเคยทำงานอยู่ในแบงค์ต่างชาติแห่งหนึ่ง พวกผู้บริหารล้วนแต่มีแท็คติดในการสร้างผลงานตัวเองจนไม่อยากเชื่อสายตา ทราบมั้ยครับว่าแท็คติดที่ว่ามันมีมูลค่าความเสียหายเท่าไรที่ผู้บริหารแลกกับตัวเลขที่ไว้อวดผลงานของตน 7หลักเหรอครับ  8เหรอก็ไม่ใช่   แต่เป็น"9หลัก"ที่ไม่ใช่9หลักต้นๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกสินเชื่อธุรกิจ ถ้าเป็นไปได้อยากจะเจียดสักร้อยล้านมาช่วยผู้ยากไร้จริงๆ แล้วจะไม่ให้ผมคิดได้อย่างไรละครับว่า ต้นทุนที่ว่ามันมีต้นทุนไร้สาระอยู่กี่บาท (อันนี้ผมไม่ได้เอาบริษัทเดียวที่ผมเคยทำงานอยู่มาเป็นเกณฑ์นะครับ แต่ขี้เกียจพูดถึงบริษัทอื่น) ผู้บริหารเคยออกมาชี้แจงแบบละเอียดจริงๆรึเปล่าครับว่ามีความจำเป็นแค่ไหนในการขึ้นราคาและลดคุณภาพ จะให้ผมเห็นใจบริษัทใหญ่ๆแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งที่สินค้าคุณมันแพงขึ้นแต่คุณภาพห่วยลง คนแปลอ่านการ์ตูนบ้างมั้ยคนเดียวกันรึเปล่า ท่าไม้ตายท่าเดิมแ-รงเปลี่ยนชื่อทุกฉบับเลย --" ผมว่าคนซื้อคงยอมรับได้บ้างครับถ้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และมีเหตุผลยอมรับได้ แต่ว่าปัญหาบริษัทชี้แจงเป็นอย่างเดียว"ค่ากระดาษขึ้น" จริงๆผมก็ไม่ได้เดือนร้อนอะไรมากหรอก แต่พอมองว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็นเด็กมาก่อน(ตอนนี้ก็ยังเด็ก555) ก็อดคิดแทนไม่ได้  (อ่านการ์ตูนก็มีสาระนะคร๊าาาบผู้ปกครอง) เขียนซีเรียสไปหน่อยแต่ไม่ต้องซีเรียสตามนะครับ เพิ่มเติมนิดนึงถึงคุณAha301 ที่ผมบอกปตท.อันนั้น ผมอ้างแบบกวนๆเองครับเพราะเห็นภาพชัดดี แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 03:57:40 จากคุณ : Atmosphere - [ 18 ม.ค. 52 03:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เรียนคห 95 ประโยตที่ว่า "อย่างประเด็นหนึ่งที่ผมเห็นบางท่านโต้เถียงกับคุณ "บัตรผ่านพี่ฯ" ในประเด็นที่ว่า "สนพ.ไม่ได้พิมพ์แค่ 3 พันเล่ม ปีหนึ่งสนพ.พิมพ์เป็นล้านเล่ม...." คือผมก็อยากให้แยกเป็นเคสๆเป็นเรื่องๆไปครับ เพราะในการพิมพ์มันนับรวมทั้งหมดไม่ได้นะครับ ไม่ใช่ว่ามันเอามานับทำกำไรได้หมด มันเข้าข่ายหักกลบลบหนี้เสียมากกว่า (เช่นได้กำไรจากเรื่องนี้ ก็ต้องเอาไปโปะอีกเรื่องหนึ่งที่ขาดทุน ฯลฯ) เอาง่ายๆ หลักพื้นฐานในการพิมพ์เลยนะครับ อย่างเวลาพิมพ์หนังสือเรื่องหนึ่ง ก็ต้องใช้เพลทชุดหนึ่ง / แต่ถ้าพิมพ์หนังสืออีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องใช้เพลทอีกชุดหนึ่งเลยครับ (ยังไม่รวมอีกจิปาถะ" ผมไม่ได้บอกครับว่า "สนพ.ไม่ได้พิมพ์แค่ 3 พันเล่ม ปีหนึ่งสนพ.พิมพ์เป็นล้านเล่ม...." คนอื่นที่มาเถียงผมนั่นแหละเป็นคนยกประเด็นล้านเล่มขึ้นมา กลับไปอ่านได้ครับ โดยส่วนตัว ผมเชื่อเหมือนกับคุณ จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 18 ม.ค. 52 11:21:23 A:58.9.110.244 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อ่ะ คุณ "บัตรผ่านพี่ฯ" คือที่จริงถ้าคุณกลับไปอ่านดีๆ ผมเห็นด้วยกับคุณและช่วยแย้งให้นะครับ (ผมยกมาจาก คห.91 หรือคุณ Atmosphere ล่ะครับ) คือคุณ  "บัตรผ่านพี่ฯ" ผมว่าตอนนี้คุณอ่านตัวหนังสือมากๆจนเกิดอาการเบลอร์แล้วมั้งครับ อิอิ ที่ผมช่วยโต้แย้งเรื่องนี้ (ซึ่งคุณ Atmosphere แย้งมาอีกทีใน คห.97) เพราะผมว่าการ์ตูนที่ขายได้เกินล้านเล่มจริงๆอย่างของเนชั่น ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะมีแค่ "ดราก้อนบอล" หรือ "โดราเอมอน" เท่านั้นล่ะครับ (2 เบอร์นี้กินยาวๆได้) ส่วนเรื่องอื่นๆทั่วไปนี่ผมว่ายอดขายมันคงไปไม่ถึงหลักแสนหรอกครับ   หรืออย่างพวกหนังสือเบสต์เซลเลอร์ที่ขายดีจริงๆในเมืองไทย ส่วนใหญ่มียอดขายที่หลักแสนครับ ไม่ถึงล้านหรอก พวกยอดขายล้านเล่มนี่นับเรื่องได้ครับ (ผมว่าถ้าคุณ Atmosphere ติดใจ ลองไปหาข้อมูลเชิงลึกจากคนรู้จักที่ทำงานสนพ. คุณน่าจะเชื่อใจได้มากกว่าคนในนี้ครับ)   ผมคนหนึ่งเลยเมื่อก่อนเคยซื้อการ์ตูน เดี๋ยวนี้เช่าการ์ตูนเอาอย่างเดียว ยกเว้นว่ามีเล่มไหนที่อยากได้จริงๆ เดี๋ยวนี้ค่าครองชีพมันแพง อะไรประหยัดได้ก็ต้องเจียดไว้ก่อนครับ (และก็เพราะอายุมากขึ้นด้วย มันก็ไม่ค่อยอ่านเยอะเหมือนตอนเด็กๆแล้วล่ะครับ) สำหรับทั้ง 2 ท่านผมเข้าใจนะครับ (เพราะเคยเป็นมาก่อน) เหมือนคุณ "บัตรผ่านพี่ฯ" ก็พยายามหาเหตุผลของฝ่ายตนมาแสดง ส่วนคุณ "Atmosphere" ก็พยายามหาเหตุผลในมุมของตนมาแสดงเช่นกัน ซึ่งบางเรื่องมันก็ไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ บางประเด็นผมก็เห็นด้วยกับคุณ Atmosphere นะครับ เพราะในฐานะคนทำงานหาเงินเลี้ยงชีพมาเกือบ 10 ปี บางทีก็เห็นผู้ประกอบการ, เซลส์, ฯลฯ นี่ล่ะ ทำยังไงก็ได้ครับให้ได้กำไรสูงสุด แล้วก็ไปกดเอากับต้นทุนหรือค่าแรงลูกจ้าง ตอนสมัยแรกๆผมไฟแรงก็ต่อต้านเรื่องนี้มากๆ พอเดี๋ยวนี้มันเหมือนกับปลง คือส่วนหนึ่งเราก็ต้องยอมรับสภาพความจริง, ปรับตัว และอยู่กับมันน่ะครับ ถ้าจะไฟต์ก็บางโอกาสที่เห็นว่าเขาเอาเปรียบเราแบบจะแจ้งทนไม่ได้จริงๆ ผมว่าทั้งคุณ "บัตรผ่านพี่ฯ" และ คุณ "Atmosphere" หรือท่านอื่นๆลองพักใจสักนิดนะครับ ไปหาหนังดูสักเรื่อง, ไปเที่ยวห้าง, ฯลฯ เว้นช่วงจากกระทู้นี้สักพัก แล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่ตอนที่สบายใจแล้ว แล้วอะไรจะดีขึ้นแน่นอนครับ (ขออภัยด้วยนะครับที่ถือวิสาสะแนะนำ เพราะเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนผมก็ตกอยู่ในกรณีปัญหาแบบนี้ล่ะครับ คือมีข้อโต้แย้งกับท่านอื่นในกระทู้ เรียกว่า "เถียงเอาถ้วย" เลย พอหลายวันผ่านไปใจเย็นๆแล้ว ก็มานั่งนึกว่า "เออ เราตกเป็นทาสของอารมณ์ได้ไงนี่?") แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 12:21:06 จากคุณ : เบอท (albertpotjes) - [ 18 ม.ค. 52 12:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 100 แค่ผ่านมาเอา # 100 ไม่รู้จะได้หรือเปล่า จากคุณ : คนไร้สาระ - [ 19 ม.ค. 52 09:51:04 A:99.175.133.142 X: TicketID:026393 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เบื่อไอ้พวกฮีโร่ ที่อ้างนู้น อ้างนี่ว่าราคาเหมาะสม หาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาว่าที่ทำนู้นทำนี่หลายบาททำไมไม่บ่น คือทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ถ้าของมันถูกใจ ใช่เลย ก็ไม่มีใครมาบ่นกันหรอก แต่นิ 50 บาท ถามหน่อยว่าคุณภาพมันเหมาะสมหรือป่าว  - เนื้อกระดาษ  - สันกาว  - หมึก ถ้าซื้อหนังสือมา 50 บาทแล้วมันเก็บได้แล้วดี ไม่มีใครบ่นหรอก ไอ้พวกหน้าม้าฮีโร่บางความคิดเห็นอะ แทนที่จะอ่านและรับไปปรับปรุง ดีแต่มาเถียงข้าง ๆ คู ๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรอันใดไม่ทราบ จากคุณ : karasu_cs - [ 19 ม.ค. 52 13:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อันนี้คงเป็น คคห. สุดท้ายของผมสำหรับกระทู้นี้แล้วล่ะครับ อยากได้ข้อมูลผมก็จะให้อยากให้เปรียบเทียบก็จะเปรียบให้ สำหรับคุณ karasu_cs มันเหมือนคุณบอกร้านขายข้าวซักแห่งว่าขาย 30 บาททำไมไม่ใช้หมูไฮเจนนิค ผักปลอดสารพิษกับน้ำแร่มาเสิร์ฟในร้านแหละครับ ความเหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับต้นทุน และที่คุณบอกมาทั้ง 3 ข้อผมก็บอกว่านั่นแหละทำให้เขาขายได้ที่ 45-50 บาท คนส่วนมาก(มั้ง)บอกว่ามันไม่เหมาะสมทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดาษขายกันราคาเท่าไหร่, หมึกขายกันราคาเท่าไหร่รวมไปถึงสันกาวด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ไม่ทราบ จริงๆ ผมเคยให้อัตรานี้ไปแล้วสำหรับหลายคนที่อยากรู้ การ์ตูนลิขสิทธิ์เข้ามาในบ้านเราเมื่อราวๆ 16 ปีก่อนด้วยราคาปก 25 บาทปัจจุบัน ราคาปกอยู่ที่ 45-50 บาท เรียกว่าขึ้นราคาไป 200% แล้ว เรามาดูกันว่าราคาต้นทุนเปลี่ยนแปลงไปจาก 16 ปีก่อนอย่างไรบ้าง กระดาษ-ซึ่งต้นทุนพิมพ์การ์ตูนตกอยู่กับกระดาษประมาณ 60% จาก 16 ปีก่อนเทียบกับปัจจุบันราคาแพงขึ้นไป 400%+ ถ้าจะไม่เชื่อถามใครที่ทำงานสิ่งพิมพ์มาเกิน 10 ปีก็ได้ครับ ถามโรงงานกระดาษหรือ "ใครก็ได้" ที่อยู่ในวงการนี้ได้เลยครับ ค่าเพลทพิมพ์-ส่วนนี้ซักประมาณ 5-10% ของการพิมพ์การ์ตูนต้นทุนขึ้นไปอยู่ประมาณ 180-200% ค่าพนักงาน(เงินเดือน)ส่วนนี้ซัก 5-10% ของการพิมพ์การ์ตูน เป็นส่วนที่น่าสงสารที่สุด ต้นทุนขึ้นไปอยู่ที่ 120~150% เท่านั้นเอง ขนส่งซึ่งใช้ "น้ำมัน" อย่างที่คนอื่นๆ ชอบบอกกันขึ้นมาจาก 16 ปีก่อนประมาณ 250-300% ซึ่งส่วนนี้เป็นต้นทุนของการพิมพ์การ์ตูนไม่เกิน 5% (จริงอยากบอกว่าไม่ถึง 2% ด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวคนอื่นคงไม่เชื่อ) อื่นๆ แล้วแต่ปัจจัยของ สนพ.ประมาณ 10-15% ก็ขึ้นไปบ้างแต่ไม่ต้องอธิบายมากมายไปกว่านี้หรอก ให้บอกเฉลี่ยว่าต้นทุนของการ์ตูนเพิ่มขึ้นจาก 16 ปีก่อนเท่าไหร่ ผมบอกให้เลยครับว่าราวๆ 300% ว่ากันที่ราคาจริงๆ ที่ควรขายจะอยู่ที่ 70-80 บาทครับ ถ้านับจากปัจจัยการขึ้นของต้นทุน แต่จริงๆ แล้วทำไมขายที่ 50 บาทได้ ความจริงข้อดีที่อยู่ในเคราะห์มีอยู่มากโดยเฉพาะเรื่องของ "การเติบโตทางค่าครองชีพ" ของไทยนั้นต่ำ(จะเห็นว่าเงินเดือนเป็นสิ่งที่เติบโตน้อยที่สุดในช่วง 16 ปี) ทำให้ สนพ. ไม่จำเป็นต้องพัฒนาอัตราการเติบโตของ สนพ.ไปมากมายนัก เราจะเห็นได้ว่ารูปแบบการทำของ สนพ ในเจ้าใหญ่ทั้งหมดผ่านมา 16 ปี มีความแตกต่างหรือพัฒนารูปแบบไปน้อยมากๆ ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่มีอัตรากำไรมากเพียงพอจะมาปรับเปลี่ยนการบริหารหรือการสร้างอะไรใหม่ ประมาณว่าอยากจะจัดงานการ์ตูนดีๆ ซักทีก็ไม่มีกำไรเหลือพอมาทำแบบนั้น แต่เขาก็เลือกทางที่จะเปลี่ยนแปลงให้น้อยเพราะเขาอยากทำราคาให้ "ต่ำ" ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้นัก เพราะทำให้เราไม่สามารถพัฒนาธุรกิจการ์ตูนในประเทศไทยได้จริงๆ จังๆ นัก หากเรา "หลบ" ต้นทุนที่แท้จริง เราก็พัฒนาไปข้างหน้าไม่ได้อย่างแท้จริง แต่ผมเข้าใจในแนวความคิดและนับถือในจิตใจของพวกเขาครับ แต่คนส่วนมากคิดว่าแพงเพราะผมตอบให้แล้วครับว่าอัตราเติบโตทางค่าครองชีพของเราต่ำมากๆๆๆๆๆๆๆ ทำให้มันไม่ทันต่อต้นทุนของราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ถ้าของขึ้นราคาแต่เงินเดือนเราขึ้นตามจนสามารถคงอัตราการซื้อไว้ได้เท่าเดิมเราก็คงไม่รู้สึกว่ามันแพงอะไรนัก แต่เพราะเรารู้สึกว่าเงินเราเท่าเดิมแต่ของแพงขึ้นจนเราซื้อได้ "น้อยลง" นั่นแหละครับ สาเหตุของความรู้สึก "แพง" ที่นักอ่านทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ปล.ความจริงในที่ผมพิมพ์บอกนั่นมันมีรายละเอียดเยอะมากๆ ผมก็พอเอาเท่าที่จะอธิบายแบบไม่ยาวเกินไปนะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 14:47:45 จากคุณ : Aha301 - [ 19 ม.ค. 52 14:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อ้อ....ให้ข้อมูลแทรกนิดครับเรื่องยอดพิมพ์หนังสือในบ้านเราที่ขายดีที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคือ การ์ตูนพระมหาชนก(อมรินทร์)-1,200,000 เล่ม การ์ตูนทองแดง(อมรินทร์)-700,000 เล่ม แฮรี่พอตเตอร์เล่ม 1 (นานมี)-600,000 เล่ม (นอกนั้นจำไม่ค่อยได้แต่จำได้ว่าทิ้งขาดแบบคนละระดับไปเลย) ข้อมูลในช่วงปี 49-50 นะครับ จากคุณ : Aha301 - [ 19 ม.ค. 52 14:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อ้างอ้ง Aha301 คุณอย่ามาอ้างเหตุผลที่มันฟังแล้วตลกเลย ตามที่คุณกล่าว "ณบอกร้านขายข้าวซักแห่งว่าขาย 30 บาททำไมไม่ใช้หมูไฮเจนนิค ผักปลอดสารพิษกับน้ำแร่มาเสิร์ฟในร้านแหละครับ" คุณเคยเก็บการ์ตูนปะถามหน่อยดิ พอเก่า แล้วกระดาษมันกรอบ เหลือง กาวหลุด แต่กับบางสำนักเช่น Nation ผมว่าหนังสือเขาดีนะ คือเก็บแล้วไม่เน่ามาก ซึ่งถ้าเทียบแล้ว Nation หนังสือบางกว่าแต่คนก็ไม่บ่นเท่าไรเพราะได้คุณภาพ คุณอย่าไปเทียบกับการ์ตูน ญี่ปุ่นเลย ของคุณภาพดีกว่าน่าเก็บสะสมกว่าเยอะ ผมยังเคยซื้อมาตอนเด็กๆๆ เลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่เหลือง ไม่หลุด หมึกก็ไม่ติดมือและแพงกว่าเราแค่ 1-1.5 เท่าตัวเอง เทียบกับ ค่าข้าว (3-4 เท่า) ค่าครองชีพ (อันนี้ไม่รู้ฐานเงินเดือนเขา) เขามากกว่าเราหลายเท่าเลย ปล. ก่อนที่คุณจะเป็นหนังสือรวมเล่ม มันก็มี ตีพิมพ์ในรายสัปดาห์ ซึ่งก็หารายได้มาส่วนหนึ่งแล้ว และทำไมรายสัปดาห์ไม่เพิ่มรายได้ทางอื่นและครับ เช่นหาโฆษณามาลง , join กับพวกจำหน่ายของเล่น model ซึ่งมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไปด้วยกันอยู่แล้ว คุณน่าจะ Add value , Add รายได้เองมากกว่าที่แค่ว่า safe cost ต่างๆ นาๆ และมายัดเยียดให้กับผู้บริโภคเจ้าเดียว โดยอ้างเหตุผลที่ว่าถูกอยู่แล้ว และในรวมเล่มผมว่าก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากถ้าคุณจะโฆษณาแต่ model ของเล่น ของสะสมเกี่ยวกับการ์ตูนนั้นๆ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 17:49:56 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 17:38:09 จากคุณ : karasu_cs - [ 19 ม.ค. 52 17:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อื้อหือ มาจนได้ครับการ์ตูนกับค่าครองชีพ......แหมกะว่าจะไม่ต่อแล้วนะเนี่ย ผมถามคุณ karasu_cs จริงๆ ข้อเดียวเลยนะครับ อยากให้ผมอธิบายแล้วอยากฟังจริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ใชประเภทมาโพสท์กวนแล้วหาเรื่อง แต่อยากได้ข้อมูลจริงๆ จะอธิบายให้ฟังครับ แต่ถ้าแค่อยากมากวนผ่านๆ ก็จบแค่นี้ดีกว่า ถ้าคุณอ่านจากข้อมูลที่ผมให้ทั้งหมดแล้วตั้งสมมุติฐานว่าผมไม่สะสมการ์ตูนผมก็แทบไม่อยากคุยกันต่อล่ะครับ แต่ผมจะตั้งสมมุติฐานให้ว่าคุณไม่รู้ อัตราการขายหรือกำไรส่วนได้ส่วนต่างของ แมกกาซีนในบ้านเราอย่างจริงๆ จังๆ และที่สำคัญคุณไม่เคยติดต่อขอโฆษณากับบริษัทของเล่นเช่น Dream Toys, TOMY ในบ้านเรา คุณแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการลงโฆษณาเอยหรืออัตราราคา AD นั้นคิดอย่างไร (พูดได้ง่ายๆ ดีมากเลยครับว่าทำไมไม่ลงโฆษณาในรวมเล่ม คิดว่าไม่มีใครเคยคิดเหรอครับ? เมืองไทยพิมพ์นิยายพิมพ์หนังสือการ์ตูนกันมาเป็นพันล้านเล่ม ทำไมแทบจะไม่เคยมีโฆษณาลงใน "หนังสือฉบับรวมเล่ม" ไอเดียนี้เป็นไอเดียใหม่ปิ๊งที่คุณพึ่งคิดออก? เจอแค่นี้ผมก็รู้แล้วครับว่าคุณเข้าใจเกี่ยวกับวงการสิ่งพิมพ์ขนาดไหน) ปล.ถามอีกครั้งครับ อยากจะคุยจริงจังหรือผ่านมากวนความคิดเห็นเฉยๆ ต้องขออภัยที่อารมณ์อาจจะรุนแรงไปนิด จากคุณ : Aha301 - [ 19 ม.ค. 52 18:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 106 การ์ตูนพระมหาชนกนั่น นับรวม 2 edition คือขาวดำและสี (ชัย ราชวัตร วาด) ทองแดงเคยเป็นการ์ตูนหรือ ผมจำไม่ได้ จำได้แต่เป็นเล่มที่เป็นพระราชนิพนธ์ปกแข็ง ส่วนพ๊อตเตอร์ที่ทำยอดขายในการพิมพ์ครั้งเดียวมากสุดคือเล่ม 4 แต่ถ้านับรวมยอดพิมพ์ทุกๆ ครั้ง เล่ม 1 กินขาด ผมถามคุณ karasu_cs ข้อเดียวเหมือนกัน จริงอยู่ที่การทำรายสัปดาห์ทำให้มี "รายรับ" เข้าสนพ.เพิ่ม แล้วด้านรายจ่ายหล่ะครับ เขาไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ไม่ต้องจ่ายพิมพ์หนังสือ ฯลฯ หรือ ยิ่งรายกว่านั้นพวกรายสัปดาห์ พอเล่มใหม่ออก เล่มเก่ามันยังจะขายได้เรอะ ต้องขนกลับมาเป็นเศษขยะอีก ที่เซฟได้ก็เห็นจะมีแต่ค่าแปล ค่าแต่งภาพ พวกๆ นั้นเท่านั้นนะ ใช่ว่าพิมพ์รายสัปดาห์ แล้วขายไม่หมด จะฉีกเล่มมาเข้าเล่มใหม่เป็นรวมเล่มใหม่ได้ซะเมื่อไหร่ (มีแต่ร้านเช่าทำได้) จากนั้นลองเรา รายรับมาลบรายจ่ายดูนะครับ ว่ามันจะเหลือ "รายได้" หรือ "กำไร" เท่าไหร่ ถ้าจะพูดเรื่องค่าครองชีพ เปรียบเทียบประเทศนั้นประเทศนี้ ผมรบกวนให้ทำความเข้าใจในคอนเส็ปต์หลายๆ อย่างก่อนนะครับ เช่น อะไรที่เรียกว่า "ค่าครองชีพ" มันคิดมาจากอะไร การเปรียบเทียบข้ามพรมแดน (ในกรณีการ์ตูน) ต้องใช้ตัวเลขอะไรบ้าง ? จำนวนประชากร ? จำนวนพิมพ์ ? อัตราการอ่านหนังสือ ? รายได้เฉลี่ยต่อหัวของผู้ที่ซื้อการ์ตูน ยิ่งถ้าคุณจะเปรียบเทียบกับในอดีต ก็ควรเข้าใจคอนเส็ปต์ของคำว่า "เงินเฟ้อ" "มูลค่าปัจจุบัน" ของค่าเงิน อัตราภาษีที่เปลี่ยนไป ฯลฯ เรื่องแบบนี้ แสดงความเห็นกันง่ายๆ ครับ แต่ถ้าลงรายละเอียด คุณก็อาจพูดอะไรไม่ออก (ที่ห้องสมุดคณะเศรษฐศาสตร์จุฬา ธรรมศาสตร์ และหอการค้า (อาจจะมีมากกว่า 3 มหาลัยนี้ แต่บังเอิญเข้าไปใช้ได้แค่ 3 มหาลัย) มีวิทยานิพนธ์ที่ศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่ ทั้งระดับปริญญาโท (ไทย) และปริญญาโท (อังกฤษ) เยอะครับ อาจช่วยคุณได้ (แต่ถ้าไปจุฬา อาจได้ถึงวพ. ปริญญาเอกด้วยซ้ำ) ) จากคุณ : บัตรผ่านพี่ บัตรผ่าน - [ 19 ม.ค. 52 18:51:53 A:58.9.111.253 X: TicketID:034605 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ต้องทำใจครับ คนที่ไม่ได้หาเงินเอง ก็ไม่มีวันเข้าใจเรื่องของต้นทุนในการทำธุรกิจหรอก เฮ้อ ป.ล. ร้านข้าวแกงหลายที่ผมว่าเอาเปรียบมากๆเลยครับ กลับไม่มีใครโวยวาย เพราะหลอกตัวเองหรือไม่รู้ต้นทุนจริงๆเพราะไม่้เคยทำอาหารเอง ก็เลยคิดว่าคุ้มแล้ว ผมพอรู้เพราะที่บ้านเคยทำร้านอาหาร และก็ทำอาหารเอง เปรียบเทียบได้ ร้านไหนเอาเปรียบมากๆก็จะไม่กินเลย ยกเว้นว่ากินเพราะจำเป็น หาที่อื่นไม่ได้ แต่เพราะของกินมันจำเป็นต้องกินก็เลยไม่ค่อยมีคนบ่นเหมือนการ์ตูนที่เป็นของฟุ่มเฟือยน่ะครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 21 ม.ค. 52 21:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมว่ากระทู้นี้จบๆๆไปเหอะ ไม่พอใจก็ไม่ซื้อและ ในเน็ตมีให้อ่านเยอะแยะ ปล. สงสารธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทำอาชีพเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ สื่อ แต่คุณกลับไม่ใช้ประโยชน์จากมันในการชี้แจง ในทางที่ดี กลับใช้คำพูด ดูถูก กล่าวหา ว่าผู้บริโภคผมก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร ปล2. ผู้บริโภคก็เลือกได้เลือกที่จะไม่ไม่ซื้อและหยุดการซื้อ จากคุณ : karasu_cs - [ 23 ม.ค. 52 13:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 109 มาแจก Gift ครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากจริงๆ จากคุณ : Oakyman - [ 27 ม.ค. 52 18:39:23 ]