Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ดี๋ ดอกมะดัน" บันดาลโทสะ ตบ "ต้อย แอ็คเนอร์" เต้าข่าว

    เนื้อความ ข่าวจาก นสพ. สยามรัฐ ฉบับวันที่ 3 ต.ค. 2545


    ตลกหนวดงาม "ดี๋ ดอกมะดัน" สุดทนนักข่าวเขียนข่าวนั่งเทียน บันดาลโทสะตบหน้านักข่าวใหญ่ "ต้อย แอ็คเนอร์" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ "มายา ชาแนล" เลือดกลบปาก หน้าผับดังย่านเอกมัย เจ้าตัวเผยมูลเหตุ จากข่าวที่ปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์ของคู่กรณี ฉบับประจำวันที่ 28 ก.ย.-4 ต.ค.พาดหัวข่าว ตลกดังอักษรย่อ "ด" หิ้วนักข่าวสาวเข้าม่านรูด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องโจ๊กที่ล้อกันเล่นมานานถึง 17 ปี

    ดาวตลกรุ่นใหญ่ ดี๋ ดอกมะดัน ฉายาตลกหนวดงามของวงการตลกเมืองไทย สุดทนนักข่าวที่ชอบนั่งเทียนเขียนข่าวจนทำให้ตัวเองเกิดความเสียหาย บันดาลโทสะตบหน้านักข่าวรุ่นใหญ่ "ต้อย แอ็คเนอร์" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์บันเทิง "มายา ชาแนล" กลางดึกคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปนายศุภกรณ์ ศรีสวัสดิ์ หรือรู้จักกันดีในนามของ "ดี๋ ดอกมะดัน" ตลกชื่อดัง โดยดี๋ได้เปิดเผยว่าตนได้ลงมือลงไม้กับนักข่าวคนนั้นจริง โดยเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.คืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาตนได้พบกับ ต้อย แอ๊คเนอร์ ที่หน้าผับ "ลาลูน่า"ในซอยสุขุมวิท 24 และมีการต่อว่า ว่าทำไมถึงเขียนข่าวไปอย่างนั้น

    ตลกหนวดงาม กล่าวต่อว่า เนื้อข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์มายาชาแนล เมื่อวันที่ 28 ก.ย.-4 ต.ค.ที่ผ่านมา เขียนว่า ตลกอักษรย่อ "ด" หิ้วนักข่าวสาวเข้าม่านรูด แล้วไซร้ซอกคอจนนักข่าววิ่งหนี กระเจิง และยังมีรายละเอียดที่บรรยายเหมือนกับตาเห็นอีกมาก ตนยืนยันได้ว่าตนไม่เคยพานักข่าวคนดังกล่าวเข้าโรงแรมและเรื่องนี้เป็น เรื่องที่พูดเล่นกันมานานกว่า 17 ปี ตั้งแต่สมัยนักข่าวคนนี้เข้าทำงานในสายบันเทิงใหม่ๆ โดยทำงานอยู่ที่นิตยสารบันเทิงชื่อดังฉบับหนึ่ง และปัจจุบันนักข่าวสาวที่ถูกเอ่ยถึงทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์รายวันแถวถนน วิภาวดี

    ดี๋ ดอกมะดัน กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา ตนจำได้ว่าไปงานที่โรงแรมบางกอกพาเลซ ตนไปในฐานะนักแสดง และหลังจากเสร็จงานก็ต้องไปเป็นพิธีกรอีกรายการหนึ่ง ตนจำได้ว่าเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม และขณะที่จะขึ้นรถนักข่าวสาวคนดังกล่าวก็จะขอติดรถไปด้วย แล้วก็ขับรถไปถึงช่อง 9 พอเข้าไปทางรายการเขาออนแอร์ไปแล้วตนจึงบอกกับนักข่าวสาวว่าไม่ได้เป็น พิธีกรแล้วเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ก็เลยขับรถไปกินข้าวต้มริมฟุตบาทกันแถวสุขุมวิท จากนั้นก็ขับรถไปส่งที่สะพานควาย

    "ระหว่างที่ขับรถผมพูดแซวน้องเค้าไปตามประสา ยอมรับว่าอาจจะชมน้องไปบ้างว่าสวยน่ารัก แต่ไม่ได้มีการทำอะไรล่วงเกินเด็ดขาดแม้แต่โดนเนื้อต้องตัวก็ไม่มีผมยืนยัน และเรื่องนี้ตอนหลังก็ได้กลายเป็นเรื่องโจ๊กที่นักข่าวคนนั้นมักจะแซวหรือ ล้อ ผมเล่นมาตั้งแต่ครั้งนั้นว่าผมเจ้าชู้และจะจีบเค้า ซึ่งปัจจุบันเวลาเจอกันนักข่าวสาวคนนั้นยังแซวเลยว่าจีบพี่ดี๋เสียตอนนั้นก็ ดีนะแล้วก็หัวเราะครึกครื้น โดยที่นักข่าวและดาราตลกหลายๆ คนก็รู้เรื่องดีเพราะเราไม่มีอะไร ผมรักนักข่าวสาวคนนั้นเหมือนน้อง และเขาก็คุ้นเคยเป็นกันเองกับผมเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ข่าวที่ปรากฏจึงทำให้เราเสียหาย" ดี๋ กล่าว

    ดี๋ กล่าวต่อว่า ตนอยู่วงการนี้มานาน ข่าวที่เขียนว่าตนเจ้าชู้ก็เขียนถึงกันบ่อยๆ แต่ไม่ได้ถือสาเพราะคิดว่าพี่ๆ น้องๆ นักข่าวคงรักเราจึงได้เขียนถึง แต่ตนก็ได้ปรับปรุงตัวไม่อยากให้เกิดข่าวในลักษณะนี้เหมือนกัน จำได้ว่า 3-4ปีมานี้ จะไม่ค่อยมีเรื่องให้นักข่าวได้เขียนในเรื่องผู้หญิงเพราะตนเป็นห่วงความ รู้สึกลูกที่กำลังเรียนปริญญาโทและเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ข่าวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตนถือว่าร้ายแรงที่สุดเพราะนอกจากจะเป็นเรื่องเก่า เมื่อ 17-18 ปีที่แล้วแล้วยังเป็นการเขียนข่าวแบบนั่งเทียนเอาเอง เขียนแบบสนุกมือโดยไม่ได้คิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้อื่น ตนสงสารน้องนักข่าวคนนั้นซึ่งเขาเป็นผู้หญิงถ้าเขามีแฟนมีครอบครัวคงทะเลาะ กันตาย ตนเองก็สงสารภรรยาและลูกที่ต้องนั่งร้องไห้กับข่าวที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่ น้อย เป็นเรื่องที่เสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นเองของนักข่าวทั้งสิ้น ข้อมูลที่เขียนไปนั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการเมคข่าวขึ้น

    "ผมได้พยายามติดต่อกับคุณต้อยหลายครั้งเพื่อได้เจรจากันในเรื่องนี้แต่ เขาก็พยายามหลบหน้าผม จนกระทั่งมาเจอกันที่ลาลูน่าผับ ผมก็เลยเรียกเขาออกมาคุยกันข้างนอกและถามว่าทำไมเขียนอย่างนั้นเขาว่าเขาไม่ ได้เขียนลูกน้องเป็นคนเขียน ผมก็แย้งว่าคุณเป็นบรรณาธิการน่าจะรู้ว่าข่าวจริงเท็จอย่างไร เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คำพูดของเขายิ่งทำให้ผมโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ผมก็เลยตบหน้าเขาไปพร้อมกับ ต่อยและเตะจนเขาล้มลงไปนอนกองอยู่ข้างรถจากนั้น ผมก็ขับรถออกไป" ดี๋ กล่าว

    ทางด้านนักข่าวสาวผู้ที่ตกเป็นข่าว ก็ได้เปิดเผยว่า ได้เผยความรู้สึกในเรื่องนี้ว่าในฐานะที่เป็นนักข่าวเหมือนกันพี่ต้อยไม่ควร ที่จะเขียนข่าวในลักษณะนี้เพราะเป็นการเต้าข่าวนั่งเทียนเขียนเป็นตุเป็นตะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ นั้นทางนักข่าวสาวก็ได้เล่าให้ฟังเหมือนกับที่ดี๋ได้กล่าวมาแต่ต้น





    บังเอิญเจอข่าวเก่า...เลยเอามาย้อนให้ดูสำหรับคนที่ไม่เคยรู้

    เห็นข่าวภรรยาเก่า บอกให้อดีตสามีไปเปลี่ยนนามสกุล  

    แสดงว่า ใช้นามสกุลภรรยา  


    เออ...ผมว่าถ้าจริงก็ทำเหมือน "ผู้หญิง" เลยเนอะ ที่ไปใช้นามสกุลของคู่มรส

    ..0..

    จากคุณ : Sparrow Hawk - [ 20 ม.ค. 52 13:12:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com