Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องขลิบ อาจารย์สมสักดิ์และคุณสรยุทธ

    หลังจากดูคุณหมอสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์คุณสรยุทธเรื่องขลิบเมื่อเย็นแล้ว
    ฟังแล้วขนาดผมเป็นหมอเองยังรู้สึกว่าอาจารย์ตอบได้ไม่ดีเลยครับ
    ตอบไม่ตรงคำถามและพาเข้ารกเข้าพงอีกต่างหาก
    แถมทำให้คนดูทางบ้านยิ่งมองภาพพจน์หมอตกลงไปอีก
    จริง ๆ เรื่องนี้มันเหตุสุดวิสัยตามที่ทุกคนรู้เหมือนอาจารย์รู้
    แต่แค่คำขอโทษคำเดียว อาจารย์กลับไม่พูดแต่ตอบไปเกือบสิบนาทีโดยไม่หลุดคำนี้มาเลย  ทั้งที่หมอเจ้าของคลีนิคเค้าก็พร้อมรับผิดชอบ
    เลยทำให้หลาย ๆ คนดูแล้วยิ่งเครียดนะครับ

    รู้ว่าโพสเสร็จ  ต้องโดนถล่มแน่ ๆ แต่ก็ยอมครับ
    แต่อยากให้หลาย ๆ คนใจเย็น ๆ ก่อน เพราะต้องแยกเป็นเรื่อง ๆ นะครับ  


    1. ในรายนี้ ปัญหาเกิดที่การสื่อสารจริง ๆ คือหมอเขียนอย่าง พยาบาลอ่านไปอีกอย่าง สุดท้ายน้องก็เลยเจ็บตัวไปและไม่หายปากเจ็บ  ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่สามารถฟ้องร้องคนทำได้นะครับ  ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายแม้จะไม่เจตนาก็ถือว่าเป็นคดีอาญาครับ แต่ถ้ามีเวชระเบียนที่ยืนยันว่าหมอเขียน excision จริง ๆ งานนี้คนที่โดนคือพยาบาลครับ เพราะหมอตามหลักการก็ถือว่าสั่งการรักษาถูกต้อง แต่คนรับคำสั่งแปลความหมายผิด (จากที่คุณหมอเองก็บอกตั้งแต่วันแรกแล้วว่าง่วงนอน แต่คุณแม่เด็กอยากให้รักษา คุณหมอเลยเขียนคำสั่งการรักษาไปให้เจ้าหน้าที่ทำให้ แต่คนอ่านดันเข้าใจไปอีกทาง)

    2. หลายคนบอกว่าหมอก็ผิดที่ปล่อยให้พยาบาลทำ  พยาบาลจะมาผ่าตัดได้อย่างไร  อันนี้ต้องเข้าใจก่อนนะครับ ว่าพยาบาลที่ผ่านการอบรมมาแล้วอีกขั้นนึงหรือที่เรียกว่าพยาบาลเวชปฏิบัติ สามารถทำการผ่าตัดได้นะครับ เย็บแผล ฉีดยาได้หมด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะตามปกติโรงพยาบาลที่ตองเปิดตลอด 24 ชั่วโมง และมีหมอไม่พอที่จะอยุ่เวรทั้งวันทั้งคืนได้ ก็อาศัยพี่ ๆ พวกนี้แหละครับ ช่วยทำการรักษาในคนไข้ที่ดูแล้วว่าไม่รุนแรง

    3. หลายคนก็คงถามอีก ว่าแล้วการขลิบนี่นะ เป้นการผ่าตัดเล็กที่พยาบาลทำได้  อันนี้ต้องไปดูตามต่างจังหวัดเลยนะครับ ว่าเวลาที่มีการทำสุหนัดหมู่ของอิสลามตามมัสยิดนี่ ก็อาศัยพี่ ๆ พยาบาลที่ได้รับการฝึกนี่แหละครับ เป็นคนทำให้ โดยถือว่าเป็นเรื่องปกติเลยครับเวลาได้รับการติดต่อจากพวกกรรมการอิสลาม เพราะเด็ก 70 กว่าคน หมอมี 3 คน ยังไงก็ทำไม่ทันในหนึ่งวัน ก็ต้องอาศัยพี่ ๆ พวกนี้แหละครับ และบางคนยังทำเก่งกว่าหมอด้วยซ้ำ เพราะหมอบางท่านเพิ่งจบใหม่ นาน ๆ เย็บแผลที กับพี่พยาบาลที่เย็บแผลคนไข้มา 10 กว่าปี ประสบการณ์เชี่ยวชาญกว่าเยอะครับ  อีกอย่างในรายนี้พอพยาบาลอ่านปุ๊บ ก็ทำให้ปั๊บ ก้แสดงว่าต้องเคยทำการผ่าตัดแบบนี้มาก่อน ถึงกล้าทำ เหมือนคนทั่วไปถ้าขับรถไม่เป็น แล้วมีคนโยนกุญแจให้ คุณจะกล้าขับหรือครับ

    4.หลายคนออกมาบอกว่า คำว่า excision ที่แปลว่าตัด กับ circumcision ที่แปลว่าขลิบ ต่างกันตั้งเยอะ จะทำผิดได้อย่างไร คำตั้ง 3 กับ 4 พยางค์แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่าเวลาเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ นี่คล้ายมากนะครับ ยิ่งถ้าใครเคยเห็นใบสั่งยาหมอนี่จะรู้เลยว่าลายมือหวัดแค่ไหน ซึ่งพบได้มากตามโรงพยาบาลต่างจังหวัดที่คนไข้เยอะ ๆ หมอก็รีบ ๆ ตรวจ ก็เลยติดเขียนหวัดเป็นนิสัย บางทียิ่งย่อยิ่งสั้น ยิ่งในคนไข้รายนี้ผมว่าหลังจากพยาบาลเห็น order แล้ว พออ่านเป็น circumcision ที่แปลว่าขลิบ และพอให้เด็กถอดกางเกงก็คงพบว่ามีหนังหุ้มอยู่ ก็เข้ากันได้กับคำสั่งการรักษา ก็เลยขลิบให้เด็กซะ เลยเป้นปัญหาอย่างคดีนี้ครับ

    5.หรือเป็นการโยนความผิดให้พยาบาลหรือไม่  อันนี้ถ้าตามดูข่าวตั้งแต่วันแรก(ลองค้นดูนะครับ) ไม่มีใครบอกว่าหมอเจ้าของคลีนิคเป้นคนขลิบนะครับ เพราะแม่เด็กก็บอกว่าพอให้เด็กตรวจเสร็จ หมอก็สั่งการรักษา แม่ก็มารอด้านนอก จากนั้นเด็กก็ร้อง แม่ก็มาเจอ ก็ไปแจ้งความ หมอเจ้าของคลีนิคทราบเรื่องก็รีบไปพบตำรวจเพื่อขอรบผิดชอบ โดยบอกชื่อจริง นามสกุลจริงเรียบร้อย แต่ไม่ได้แจ้งชื่อผู้ที่ทำการผ่าตัด พร้อมยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง ดังนั้นคนที่ทำการผ่าตัดไม่ใช่หมอแน่ครับ  

    6.แล้วงานนี้แพทยสภาออกมาปกป้องหมอกันเองหรือไม่ ก็ถ้าพูดตามสิ่งที่เกิดจริง ๆ จะให้ลงโทษหมอตามข้อไหนครับ วินิจฉัยผิดก้ไม่ใช่เพราะก็บอกว่าเป็นฝีที่ปาก  สั่งการรักษาผิดก็ไม่ใช่เพราะถ้าสั่งให้ excision ฝีที่ปากมันก็ถูกตามตำราการรักษา  ใช้คนผิดก็ไม่ใช่เพราะพยาบาลก็ทำการผ่าตัดได้  แล้วถ้าพยาบาลอ่านผิดนี่หมอต้องติดคุกหรือครับ  ซึ่งก้ไม่ make sense นะครับ แต่ถามว่าหมอต้องรับผิดชอบไหม อันนี้สิครับถึงจะถูก หมอต้องรับผิดชอบแน่นอนครับเพราะเหตุเกิดในคลีนิค หมอต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว และตามข่าวหมอก็เข้าคุยกับคุณแม่ของน้องตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ ก็ขอโทษและพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นในคลีนิคทุกอย่าง  แต่พอมาบอกสังคมกลับกลายเป็นแพทยสภาปกป้องกันเอง  ก็อย่างที่เล่าครับว่าความผิดพลาดในการสื่อสาร คนส่งกับคนรับเข้าใจไม่ตรงกัน จะต้องให้แพทยสภาทำอย่างไรครับ บอกว่าผิดมหันต์ จำคุกตลอดชีวิตให้สะใจหรือ ถึงจะว่าแพทยสภาเข้าข้างประชาชน

    7.สื่อสารมวลชนบ้านเราหรือเปล่าครับที่เป็นปัญหา  เช่นไทยรัฐพาดหัวหมอชุ่ย ทั้งที่ไม่รู้ว่าหมอทำหรือเปล่า  อีกฉบับบอกขริบชุ่ย ทั้งที่เนื้อข่าวก็ไม่ได้บอกว่าแผลมีปัญหาเพียงแต่ทำผิดวัตถุประสงค์ หรือบอกว่ากลัวเด็กมีปมด้อย แต่ทั้งพวกเล่าข่าวนี่คุยกันเป็นเรื่องตลก ช่องสามก็คุณสรยุทธถามย้ำอยู่สามรอบ ช่องเก้าคุณกนกก็เฮฮาในคนเล่าข่าวทั้งสีหน้าและน้ำเสียง แถมย้ำแล้วย้ำอีก เด็กเค้าจะได้เกิดเข้าวงการก็เพราะคุณ ๆ พวกนี้ไม่ใช่หรือครับ  นี่หรือคือการเสนอแบบสร้างสรรและปกป้องเด็ก


    ผมบอกเสมอว่าถ้าความผิดที่เกิด ถ้าเกิดจากประมาทจริง เช่น ลืมเครื่องมือไว้ในท้อง หรือถ้าจะผ่าแขนซ้ายกลายมาผ่าแขนขวา ผมยินดีที่ต้องฟ้องหมอครับ และจะเป็นพยานให้ด้วยว่าหมอชุ่ยจริงให้เอาหนัก ๆ ไม่เข้าข้างกันเองแน่นอนครับ
    จรรยาบรรณหมอและพยาบาลต้องมีครับ หมอแย่ ๆ ก็เยอะ อันนี้ต้องเล่นให้หนักครับ พวกรับทำแท้ง หรือเลี้ยงไข้ อันนี้ต้องช่วยกันตรวจสอบครับ

    แต่ที่ผมพูด เพียงแค่อยากอธิบายว่าหลาย ๆ ครั้ง
    เราตัดสินหมอจากสื่อมากเกินไป
    จากประสบการณ์ตรง (ตอนนี้ผมเป็นหมออยู่รพ.อำเภอ)
    และเรียบเรียงใหม่เป็นเหตุการณืในประเทศสารขัณท์
    บางคนแพทย์ถามแพ้ยาไหม คนไข้ตอบจำไม่ได้ หมอ...เอ่อ..
    แล้วเคยกินยาแล้วคันไหม คนไข้ตอบเคย แต่นานแล้ว ไม่ได้จำ หมอ..เอ่อ..
    แล้วคุณป้ามีโรคประจำตัวไหมครับ ป้าตอบ...ไม่รู้สิ ป้าไม่เคยตรวจ คงไม่มีมั๊ง หมอ...เอ่อ...
    แล้วตอนนี้ป้ามีอาการอย่างไรบ้างครับ ป้าตอบ..มันเจ็บตรงนี้ ตรงนี้ก็เจ็บ มันแปร๊บ ๆ นะ เอ๊ะไม่สิบางทีก็ชา ไม่รู้อะหมอ ลองดูเองละกัน หมอ...เอ่อ...
    แล้วป้าจะเอายาอะไรมั่งครับ ป้าตอบ...ยาอะไรก็ได้แล้วแต่หมอ เอามาเยอะ ๆ ละกัน ป้าอยู่ไกล ขี้เกียจมา

    จากข้อมูลที่ได้รับ เราก็ต้องมาประมวล แล้วนึกถึงโรคที่ควรจะเป็นมากที่สุด พบถึงบ่อยที่สุด แล้วก็ให้ยาไป
    ข้อมูลที่ได้ก็ไม่พอ ถ้าหายขึ้นมาก็ถือเป็นหน้าที่หมอ แต่ถ้าพลาดหละ
    ...หมอชุ่ย จ่ายยายังไงให้ยาที่คนไข้แพ้มา หมอจะรับผิดชอบอย่างไร บลา ๆๆๆ...
    วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์หัวเขียวก็ช่วยลงข่าวสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน
    "หมอสะเพร่า จ่ายยาคนไข้แพ้ทั้งตัว ญาติฟ้อง 5 ล้าน กระทรวงดูดาย"
    ส่วนสังคมส่วนใหญ่ก็พร้อมจะเห็นใจคุณป้าอย่างเต็มที่ และพูดเหมือนสคริปว่าหมอก็ชั่วแบบนี้แหละ ตรวจแบบชุ่ย ๆ
    อ้าว ซะงั้น
    หลังจากนั้นมีการตั้งกรรมการสอบ โดยผู้รู้ แพทย์ผู้เกี่ยวข้อง องค์การเภสัช ตัวแทนจากผู้ป่วย ผลออกมาสรุปผู้ป่วยแพ้ยา และจากข้อมูลทางการแพทย์ทั่วโลกการแพ้ยาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและเป็นเรื่องสุดวิสัย
    ยกเว้นในเมืองไทยครับ ห้ามเกิด


    หันกลับมามองสื่อหัวเขียวหลังจากผลสอบสวนออกมาแล้วว่าไม่ผิด ด้วยคิดว่าจะลงแก้ข่าวให้ ผลปรากฎว่า
    หันมาเล่นข่าวดาราคลิปหลุดซะแล้ว

    อ้าว แล้วข่าวที่พาดหัวว่าหมอชุ่ยคราวก่อนหละ หายไปแล้ว สรุปคือหมอเน่าไปฟรี ๆ ในสังคม พร้อมกับสิ่งที่ค้างในความรู้สึกประชาชนว่าเรื่องเงียบไปแล้ว สงสัยหมอใช้เงินยัดคนไข้...เป็นซะงั้น

    เพียงแต่อยากให้ใจเย็น ๆ และมองหมอแบบคนธรรมดาครับ
    อย่ามีอคติ แล้วฟันธงไปก่อนเพียงเพราะข่าวลง
    หาข้อมูลก่อนครับ

    มาเจอกระทู้หมอชุ่ย หมอสะเพร่า
    แล้วก็ช่วยกันออกความเห็นใส่กันอย่างสุดฤทธ์ทั้งที่ไม่เห็นเหตุการณ์

    พูดไม่ออกครับ

    ปล.อยากบอกอาจารย์สมศักดิ์หลายครั้งแล้ว ว่าอาจารย์อย่าให้สัมภาษณ์มาก หลายอย่างที่อาจารย์พูดมันถูก แต่ทั้งน้ำเสียง ทั้งลีลา มันทำให้หลาย ๆ อย่างแย่ลง อีกทั้งอาจารย์มักโดนพวกเทพ ๆ อย่างสรยุทธต้อนซ้าย ยั่วขวา จนอาจารย์คุมอารมณ์ไม่อยู่ สุดท้ายพาเอาภาพพจน์วงการหมอกลายเป็นผู้ร้ายโดยปริยายนะครับ

    จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 24 ม.ค. 52 01:19:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com