ความคิดเห็นที่ 1 อ่านเนื้อความที่เจ้าของกระทู้พิมพ์แล้ว รู้สึกแปลกๆ งงด้วย ขออีกรอบได้มั้ย? จากคุณ : ปรายภพ - [ 2 ก.พ. 52 22:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แพทย์สภา ไม่ได้มีไว้ควบคุมมาตราฐานวิชาชีพ แต่มีไว้สำหรับปกป้องพวกเดียวกันที่ทำผิด ทำละเมิดผู้ป่วย อย่าว่าแต่ตั้งครรภ์เลย แค่เป็นหวัด หมอก็บอกว่าสามารถตายได้ ไม่ใช่ความผิดหมอ  หมอไม่ค่อยจะผิด ถึงผิดก็ไม่ติดคุก หมอจะติดคุก มีอยู่เคสเดียวกคือ ฆ่าเมียตัวเอง หมาย่อมไม่กินเนื้อหมาด้วยกัน จากคุณ : vespa744 - [ 2 ก.พ. 52 22:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าคนท้องมีสิทธิ์ตายอยู่แล้ว แบบนี้คงตายกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วหล่ะ เหอะๆ อีกหน่อยก็ประชาสัมพันธ์ไปเลย ใครตั้งท้องคุณคือคนตายไปแล้วครึ่งนึง จากคุณ : Urban_Park - [ 2 ก.พ. 52 22:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ว้า สงสัยต้องเลิกไปหาหมอซะละ จากคุณ : ชาเขียว - [ 2 ก.พ. 52 22:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^^ ถูกนะครับ สมัยก่อนไม่มีความเจริญทางการแพทย์ คนท้องตายได้ครึ่งต่อครึ่ง พอการแพทย์ดีขึ้น การตายก็น้อยลง แต่ไม่ใช่ว่าจะตายไม่ได้ การแถลงข่าวเบื้องต้น ก็ต้องให้ความเห็นแบบเบื้องต้น ที่เหลือก็รอให้เป็นเรื่องของการชัณสูตรและการสืบหาหลักฐาน ดีกว่ามาออกความเห็นในทางแย่ ๆ ก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลังเหมือนที่สื่อชอบทำ ๆ กัน อย่างคุณค.ห. ๓ ถ้ายกตัวอย่างแบบนี้ ผมก็ยกได้ บอกว่าคนใช้รถใช้ถนนมีสิทธิตายได้ทุกเมื่อเหมือนกัน แล้วถามว่าจริงมั้ย หรือว่าคนใช้รถใช้ถนนห้ามเกิดอุบัติเหตุ แล้วก็ต้องมาถามคุณอีกว่าคุณทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ ค่อยมาว่ากัน จากคุณ : ปุจฉา - [ 2 ก.พ. 52 22:54:03 A:118.173.57.115 X: TicketID:087965 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกหน่อยก็คลอดกันเองที่บ้านเรียกหมอตำแยดีกว่ามั้ยครับ หมอก็คนมีพลาดกันได้ แบบคห.2ก็แรงเกิน ถ้าจะแยกประเด็นเรื่องแพทยสภาพูดปกป้องเกินไปก็อีกเรื่องนะ  แต่เรื่องเห็นหมอแล้วอคติแบบคห.2ก็เกินไป  อย่ามาบอกรอเกิดขึ้นกับตัวนะครับ เพราะจะบอกว่าที่บ้านก็เคยเกิดเหตุแต่ไม่ติดใจหมอหรอกครับ บางทีก็เป็นที่เราต้องระมัดระวังและหาความรู้เองด้วย คอยแต่จะพึ่งและโทษคนอื่นอย่างเดียวก็ไม่ดีหรอก  ตอนนี้หมอเค้าคงหมดกำลังใจกันหมดแล้ว จากคุณ : seven-elephant - [ 2 ก.พ. 52 23:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆไม่ต้องคนท้อง คนทั่วไปอย่างเราก็มีสิทธิตายได้นี่ เดินออกจากบ้านใครจะไปรู้ เกิดมีคนวิ่งมาจี้ ไม่ยอมให้เงินโดนเสียบซะงั้น ก็ตายได้เหมือนกัน หมอก็ตอบไรแปลกๆนะ จากคุณ : dwarfs - [ 2 ก.พ. 52 23:04:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กรณีนี้มันถือว่าหมอประมาทเลินเล่อนี้ครับ สามารถฟ้องร้องเป็นคดีได้นี้ครับมันเคยมีคดีตัวอย่างแล้ว แต่ผมจำเลขฎีกาไม่ได้แล้วครับเพราะไม่ได้แม่นเรื่องพวกนี้ เท่าที่ผมพอจำได้ก็คือหมอถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ เมื่อหมอกระทำการตามหน้าที่และวิชาชีัพโดยประมาทจนเป็นเหตุให้คนไข้ถึงแก่ความตาย ถือว่ามีความผิดนี้ครับ ป.ล.ถ้าความจำผมไม่คลาดเคลื่อนนะเพราะผมถนัดเรื่องคดีครอบครัวมากกว่าครับ-.-" ป.ล.1 มาขอเพิ่มเติมว่าแต่ก็ต้องเป็นกรณีที่พิสูจน์ได้จริงนะครับว่าหมอกระทำการโดยประมาทจริง     มิใช่ว่าใครๆก็จะฟ้องหมอที่รักษาแล้วทำให้ตายนะครับ เพื่อความเข้าใจมากขึ้นขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 52 01:01:48 จากคุณ : Joe_nEverLand - [ 2 ก.พ. 52 23:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หมออย่าง team dragon มีแต่ในหนังจริง ๆด้วยซินะคับ เฮ้อ.......เรียนมาเยอะต้องถอนทุนคืนนี่...... ไม่ต่างจากนักการเมืองเลยนะคับ ((ปล. ผมหมายถึงหมอบางคนคับ...)) แพทย์สภา คุณปกป้องไม่ได้ทุกคนหรอกคับ ผิดจริง หางมันจะโผล่มาเองละคับ จากคุณ : aka shuri - [ 2 ก.พ. 52 23:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาให้เกี่ยวกับเฉลิมไทย... ตาม คคห.9 หมออย่างอาซาดะนั่นแหละค่ะ จะโดนเป็นคนแรกเลย(- -") เคยดูตอนที่อาซาดะฝัง pacemaker กันกลางถนน ไม่ใช้เครื่องมือสเตอร์ไลซ์ นั่นมันในหนังค่ะ...ทำแล้วไม่มีติดเชื้อ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเลย... เป็นเมืองไทย ขืนทำแบบนั้นแล้วคนไข้เสียชีวิตหรือมีภาวะแทรกซ้อน คุณหมอคนนั้น... ติดคุกอีก จากคุณ : Abandoned Star - [ 3 ก.พ. 52 00:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เค้ายังไม่ได้ตัดสินกันเลย ว่าประมาทรึเปล่า อย่างงี้ หมอรักษาคนไข้ ห้ามตายใช่ไหม ถ้าตายถือว่าประมาทหมดรึเปล่า จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 3 ก.พ. 52 00:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #9 ถ้าปฏิบัติแบบหมออาซาดะนี่ถูกฟ้องแน่ๆล่ะ  ทั้งให้พยาบาลผ่า  ทั้งผ่ากลางถนน ไม่มีอะไร 100% ในทางการแพทย์ครับ จากคุณ : Vellyz - [ 3 ก.พ. 52 02:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอาเลยครับ ระบายอารมณ์ให้เต็มที่ ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วครับ สำหรับกรณีนี้ถ้าพิสูจน์แล้วว่าผิดจริงก็ต้องว่ากันตามกระบวนการครับ ทั้งนี้ต้องให้เวลาพิสูจน์ "ตามหลักวิชาการแพทย์ด้วยนะครับ" ไม่ใช่ "ตามเนื้อข่าวในหนังสือพิมพ์/สื่อ" หรือ "ตามกระแสสังคม/ตามแต่จะคิดเอาเอง" เอาง่ายๆ ว่า จขกท. หรือหลายๆ ความเห็นในที่นี้รู้จักเรื่อง มดลูกแตก (Uterine rupture), ภาวะน้ำคร่ำอุดตัน (Amniotic fluid embolism) หรือภาวะแทรกซ้อน (Complication) ของการตั้งครรภ์ มากน้อยแค่ไหนครับ รวมไปถึงวิธีการรักษา พยากรณ์โรค โอกาสเสียชีวิต/พิการด้วยนะครับ หรือเอาแค่เรื่อง "การตั้งครรภ์" (Pregnancy) ก็ได้นะครับ ว่ามีโอกาสเกิดอันตรายจากอะไรได้บ้าง มีความรุนแรงแค่ไหน สามารถเสียชีวิตได้จากอะไรบ้าง ภาวะไหนรักษาได้รักษาไม่ได้ ป้องกันได้ป้องกันไม่ได้ ภาวะไหนถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดได้กับทุกรายแม้ให้การดูแลเต็มที่ ภาวะไหนเกิดแล้วโอกาสรอดน้อยมาก เท่านี้ข้อสงสัยที่ว่าหญิงตั้งครรภ์ทุกรายมีโอกาสเสียชีวิตได้นั้นเป็นความจริงอย่างที่โรงพยาบาลบอกให้ทราบหรือไม่ ก็น่าจะได้คำตอบครับ จะเห็นได้ว่าเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มีอยู่มากมายมหาศาล เช่นเดียวกับเนื้อหาทางการแพทย์ทั่วไปที่เข้าใจได้ยากถ้าไม่ได้อยู่ในวิชาชีพนี้ ซึ่งก็ต้องใช้ "เวลา" ไม่ใช่การ "เตะถ่วง" หรือ "ดองเรื่อง" แต่อย่างใด ในหลายกรณีเมื่อนำผลการพิสูจน์มาอธิบายก็อาจฟังดู"เข้าใจยาก" จนถูกมองว่า "เข้าข้างพวกเดียวกัน" ไป โดยเฉพาะถ้าแพทย์ "ทำถูกหลักวิชาแล้ว" มีโอกาสถูก "กระแสสังคม" ถล่มได้สูงมาก ดังนั้นขอ "เวลา" ที่จะพิสูจน์ตามหลักวิชาด้วยได้ไหมครับ เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง 2-3 วันหรือได้ผลชันสูตรแล้วจะตอบได้หมดทุกคำถามครับ ช่วง 1-2 อาทิตย์ก่อนเคยบอกไว้แล้วว่าหลายคนในวิชาชีพนี้ (ที่มาเล่นพันธุ์ทิพย์ด้วย) ไม่เคย "ปกป้องพวกเดียวกันเอง" ผิดก็ว่าไปตามผิดก็แค่นั้น เป็นธรรมดา แต่ที่กำลังพยายามทำกันอยู่ในตอนนี้ก็คือ "ปกป้องวิชาชีพ" จากการถูกด่าแบบ "เหมารวม" แบบ "เอามันเข้าว่า" โดยมี "อคติ" เป็นที่ตั้ง ครับ แบบที่ "หลายๆ ความเห็น" ในกระทู้นี้กำลังทำอยู่ ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าหลายคนในที่นี้อาจจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับแพทย์หรือบุคลากรในที่นี้มาก่อนหรือไม่ แต่การด่าแบบเหมารวม พูดถึงวิชาชีพในทางเสียๆ หายๆ โดยไม่อยู่บนพื้นฐานของ "ปัจเจกบุคคล" ที่ว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน มีทั้งคนดีและไม่ดี คิดแต่ว่าหมอมันเป็นคนไม่ดีไปเสียหมด ผมว่าแบบนี้นี่มัน "อคติตัวแม่" นะครับ เอาเถอะครับ!!! บางคนพูดไปก็เท่านั้น บัวยังมีหลายระดับนับประสาอะไรกับคนเราครับ ปล.เห็นด้วยอยู่อย่างว่า อ.สมศักดิ์ไม่ควรจะออกมาสัมภาษณ์นะครับ เพราะออกมาทีไร อ. เสียท่าโดนถล่มอยูเรื่อย แถมทำให้เรื่องแย่ลงอีก แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 52 02:50:55 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 52 02:49:43 จากคุณ : ผู้ปิดปากเงียบ - [ 3 ก.พ. 52 02:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ท่าน คห 2 หรือญาติ หรือ คนที่ท่านรักป่วย อย่าไปหาหมอ นะครับ เห็นมานักต่อนักแล้วครับ ว่าปกติ ดุถูก เหลือเกิน ด่าแรง กว่านี้มากมาย แต่พอตัวเอง เจ็บ ป่วย จะเป็นจะตาย เห็น ยกมือไหว้ท่วมหัว ตลอด ถามนิด ครับ ใครอยากใ้คนอื่นตายครับ งานนี้ อาจจะมีความผิดพลาดได้ แพทยสภา ใครว่า ไม่เล่นงาน พวกเดียวกัน เขาเล่นงานครับ โดนไป หลายรายแล้ว บางแห่ง ปิดกิจการ ติดคุก ยึดใบ ประกอบโรคศิลป์   มีมากมายครับ เพียงแต่ไม่เป็นข่าว   แต่การตรวจสอบหลักฐานต้องเป็นไป ตาม ขั้นตอนทางวิชาการ การตรวจสอบอยู่บนพื้นฐานว่า ต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ การให้การรักษาเป็นไปตามกระบวนการหรือไม่ ? เกิดเหตุอะไรถึงได้เกิดเหตุการแบบนี้ ? การแก้ไขปัญหาและการดูแล ทำได้ดีพอหรือไม่ ของพวกนี้มีหลักฐานที่จะตรวจสอบได้ครับ ส่วน คำพูดของ ท่าน คห 14 ที่บอกว่า อีกหน่อยจะไม่มีหมอมารักษา คนพูดไม่ได้ ขู่ ครับ  เป็นจริงๆ ปัจจุบันแพทย์ลาออกมากมาย เพราะงานเยอะมาก จะพักบ้างก็โดนว่าทิ้งคนไข้ ถ้าพลาดมาก็ โดนสอบสวน อาจถึงขั้นติดคุก   ใครทำงานเกี่ยวกับการจัดการบุคลากรทางการแพทย์จะทราบว่า ตอนนี้ ทั้งแพทย์และพยาบาล ขาดแคลนมาก สรุป ขอร้องให้้ ว่าถ้าด่า ด่าเป็นกรณีๆไป อย่าด่ารวม การด่ากราดทำให้แพทย์ ที่ ดีๆ จะหมดกำลังใจ ในการทำงาน ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ถูกหรือผิด รอการสอบสวนครับ ผมอธิิบายอย่างนี้เพราะในด้านอื่น คห 13 อธิบายไปแล้ว ครับ   พรุ่งนี้ ผมจะเข้าประชุมกับพวกแพทย์ จะเอาข่าวนี้เข้าเป็นวาระการประชุมด้วยพอดี จะเข้ามาเก้บข้อมุลเรื่อยๆ ก็แล้วกันครับ จากคุณ : Wastrel - [ 3 ก.พ. 52 08:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ให้ด่าเยอะ ๆ แหละครับดีแล้ว ผมอยากให้บ้านเรามีประกันการฟ้องร้องได้แล้ว และก็กำหนดให้ตรวจคนไข้ไม่เกินวันละกี่คน มีระบบนัดล่วงหน้า แบบบ้านเมืองที่เจริญแล้วบ้าง ค่าใช้จ่ายแพงขึ้น หมอไม่ได้เป็นคนออกโดยตรง มันก็วนไปเก็บจากคนไข้เองนั่นแหละ ไม่รู้คนที่ไม่เห็นด้วยจะเดือดร้อนทำไม ไม่ออกความเห็นเรื่องถูกหรือผิด เพราะไม่ได้ติดตามข่าว แต่คร่าว ๆ ก็อย่างที่ค.ห . 15 ว่ามาแหละ ตอนนี้อาจไม่ถึงกับไม่รักษา แต่ต้องบอกว่า "เลือก" รักษา ถ้าเห็นอันไหนเสี่ยงผมก็ไม่เอาด้วย คนไข้จะไปรักษาที่ไหน มีคนรักษาหรือไม่ รักษาได้ทันหรือไม่ผมไม่สนหรอก เพราะถ้ารักษาแล้วมีปัญหาภายหลังก็ไม่อยากตกเป็นจำเลยสังคม สู้รักษาโรคง่าย ๆ เวลาที่เหลือไปพักผ่อนดีกว่า ทำมาก ผ่ามากก็เงินเดือนเท่าเดิมแถมเสี่ยงติดคุกหรือโดนฟ้องอีก จากคุณ : ปุจฉา - [ 3 ก.พ. 52 08:58:41 A:118.173.57.115 X: TicketID:087965 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ด่าก็ ด่าที่ ตัวเป้น กรณี เหอะครับ บางที่ผิดพลาด มากจริงๆ  อาจารย์ ที่ทำงานที่แพทยสภาในอดีตเป้นอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งยังพูดว่า ช่วงนี้แพทย์โดนฟ้องเยอะเหลือเกิน แต่ท่านเห้น วิชาชีพแพทย์โดนสังคมประนามรวมแบบนี้  ท่านไม่สบายใจ ถ้าจะด่า ให้ด่าท่านว่า ในอดีตที่ผ่านมา ท่านสอนลูกศิษย์ ได้ ไม่ดีพอ ส่วนเรือ่งเลือกการรักษา ตอนนี้ มีแล้วเหมือนกัน เพราะการฟ้องนี่ละครับ แพทย์ใน รพ ขนาด ปฐมภูมิ และ ทุติยภูมิ จะไม่กล้ารักษา กรณีที่เสี่ยงและหนัก จะเลือกส่งต่อไป ยัง รพ. ขนาด ตติยภูมิ (รพ.ของรัฐขนาดใหญ่,รพ.ศูนย์) มากกว่า  ท่านว่า รักษาไป ก็เสี่ยง คนไข้ ตายมาท่านโดนฟ้อง จากคุณ : Wastrel - [ 3 ก.พ. 52 09:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมคิดว่าแพทยสภาไม่เคยแถนะครับ ก็ต้องพูดกลางๆไว้ก่อน พวกคนที่ด่าต่างหาก ทำไมไม่รอผลการสอบสวนก่อนว่าแพทย์ผิดจริงหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าอยู่ดีๆจะให้ออกมายอมรับว่าผิดตลอดก็คงแย่นะครับ คห 16 คงยังเป็นไปไม่ได้ในเร็ววันหรอกครับ ตราบใดที่อัตราการลาออกของแพทย์จบใหม่ยังสูงขนาดนี้ ตามต่างจังหวัดยังตรวจกัน 200+เคสต่อวันมาหลายปีแล้วนะครับ เพราะแพทย์ไม่เพิ่มซะทีจบใหม่ไม่ทันที่ไปเรียนกัน แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 52 09:53:47 จากคุณ : LordOfHell - [ 3 ก.พ. 52 09:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าหมอรักษาตามลำดับขั้นตอนปรกติ ให้ความระมัดระวังตามควร หมอไม่ผิด ถ้าเล่นนอกบท นอกตำรา ก็โดนฟ้อง เท่านั้นเอง จากคุณ : เขมรดำดิน - [ 3 ก.พ. 52 09:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รอศาลตัดสิน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ จากคุณ : PalmIIIc - [ 3 ก.พ. 52 10:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตาม คห 19 นั้นถูกต้องครับ แต่การตรวจอสบตอ้งเป้นไปตามขั้นตอนครับ ว่า การตรวจรักษา เป็นไปตามนั้นหรือไม่ ระหว่างนั้น ก็โดนด่า แบบ คห 2 ไป พลางๆ ใ้ห้หมดกำลังใจเล่น จากคุณ : Wastrel - [ 3 ก.พ. 52 10:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่รู้ใครถูกใครผิด แต่ได้ฟังท่านรองอธิบดีกรมการแพทย์พูดแล้ว รู้สึกหมดที่พึ่งจริง ๆ จากคุณ : Bubbly - [ 3 ก.พ. 52 10:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทีอย่างนี้   ชอบมีคนมาออกรับแทนประจำสำหรับหมอ  อาชีพผู้วิเศษในประเทศไทย เห็นด้วยกับการจะด่าหรือต่อว่า ให้ต่อว่าเป็นรายบุคคลไป แล้วก็ทำกับทุกกรณี ไม่ว่าจะด่าทหาร ตำรวจ หมอ สื่อ หรืออะไรก็ตาม ให้ต่อว่าเป็นรายๆไป  อย่าเหมารวม เพราะส่วนใหญ่เห็นประจำคือเวลาด่าก็ด่าเหมารวมหมด ที่เห็นบ่อยสุดคือ ตำรวจ  กับ สื่อ ของพวกหมอยังไม่เท่าไหร่ เพราะมีคนเกรงใจ และคนออกรับแทนเยอะ แต่สำหรับ 2 อาชีพข้างต้นนั้น  ไม่ค่อยมีใครกล้าออกรับแทน เพราะโดนเยอะจนชิน จากคุณ : ไปยานน้อย - [ 3 ก.พ. 52 10:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไมนะ หมอสมัยก่อนๆ ไมได้รักษาเก่งอย่างหมอสมัยนี้ แต่ไม่เห็นจะมีคดีฟ้องร้องกันมากมายเลย รู้ไหม เพราะอะไร เพราะจรรยาบรรณหนึ่ง เพราะเดี๋ยวนี้การแพทย์กลายเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์หนึ่ง เพราะคนไทย ขาดความเมตตากรุณา ความเห็นอกเห็นใจหนึ่ง เพราะคนไทยคุยกันน้อยลง นี่ก็อีกหนึ่ง ปัญหาไม่ใช่แก้ที่หมอ หรือสมาคมอย่างเดียว มันต้องแก้ทั้งหมด อาจารย์หมอบางท่านก็เลิกสอนเด็กๆ นักเรียนแพทย์ให้คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาซะที เลิกสอนให้ดูถูกคนไข้ซะที หรือคิดว่าคนไข้โง่ซะที เลิกสอนให้กลัวนั่นกลัวนี่ กลัวถูกฟ้อง กลัวถูกด่า ถ้าหมอทำดี เป็นคนดี เพชรยังไงก็ต้องเป็นเพชร ยังไงก็ต้องมีคนรู้คนเห็นว่าเป็นคนดี คนไข้ ญาติๆ ก็เหมือนกัน มีสติกันหน่อย ถามหมอ ถามพยาบาล คุยกันด้วยเหตุและผล อย่าคุยกันด้วยอารมณ์ อย่าเอาแต่ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง ตอนเด็กๆ การเป็นเด็กขี้ฟ้องก็ไม่ดีนะคะ ข้อสำคัญ ว่างๆ ก็หาความรู้บ้าง ศึกษาสักหน่อยว่าโรคหรืออาการของคุณหรือญาติเป็นยังไง จะได้คุยกับหมอรู้เรื่อง ไม่ใช่จะใบ้กิน อะไรๆ ก็แล้วแต่คุณหมอ พอเกิดเรื่องขึ้นเอะอะก็โทษหมออย่างเดียวก็ไม่ได้ (ป.ล. อันนี้ขอบ่น ส่วนตัวไม่ชอบมากๆ เวลาไปหาหมอแล้วเจอหมออวดเก่ง ถามแล้วไม่ตอบ เลยต้องสาดพลังใส่ เราก็ทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเข้าไปหา เพราะเบื่อเหลือทนกับอาการป่วย พอถามหมอว่าโรคเกิดจากอะไร ยังไง หมอไม่ยอมตอบ บอกว่าให้กินยาตามที่จัดให้ ก็พอ  ถามอีกก็ไม่ตอบอีก เลยต้องออกตัว ว่าเราพอจะรู้อะไรมาบ้างเกี่ยวกับอาการของเรา ถึงได้ยอมบอก ไอ้ครั้นจะไม่มาหา ยาบางตัวก็ซื้อเองไม่ได้ เบื่อจริงหมอพวกนี้ คิดว่าคนไข้ต้องไม่รู้เหมือนกันหมดหรือไง) จากคุณ : ชั้นไม่ได้เรียนหมอ (tato_jang) - [ 3 ก.พ. 52 10:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตั้งแต่อ่านทุก คห. มา #24 นี่มีเหตุมีผลสุดแล้ว จากคุณ : จอมดาบกิเลนไฟ - [ 3 ก.พ. 52 11:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาเบื่อหมอเทวดาเหมือนกัน หมอดีๆมีเยอะมากครับ คนรอบตัวผมก็หมอดีๆ แต่หมอเทวดาที่เวลาไปหาแล้วถามไรก็ไม่บอก ตรวจแป๊บๆ แล้วก็บอกให้ทานยานี่ หาครั้งเดียวเลิกเลย จากคุณ : wort - [ 3 ก.พ. 52 11:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คนไข้มีหลายประเภท  ญาติคนไข้ก็มีหลายประเภทมีตั้งเเต่พูดเเบบธรรมดาก็รู้เรื่องจนถึงแปลกประหลาดมากพูดเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง              คนไข้ก็มีตั้งเเต่รู้มากจริงหรือคิดว่าตนรู้มากเเต่ไม่รู้จริง  คิดเองเออเองสารพัด              หมอก็มีเวลางานที่ไม่มีวันจบสิ้น   ไม่ว่าดึกดื่นเที่ยงคืน  ทำงานกี่ชั่วโมงต่อวันเเละทำติดต่อกันนานยิ่งกว่ากรรมกรก็ไม่มีใครรู้   คิดเเต่ว่าหมอขี้เกียจไปทำแต่คลินิก  แต่เวลาเค้าทำงานไม่มีใครรู้ว่าต้องทำหนักและนานเเละอึดแค่ไหน  เสาร์อาทิตย์ต้องมาทำงานฟรีๆให้คนไขมากแค่ไหน  ไม่เคยมีวันหยุด             หมอไม่ไช่พนักงานที่ให้มาทำงานเเบบพนักงานที่ต้องเร่งตรวจคนไข้ให้ได้มากที่สุด  ให้เสร็จเร็ว  ให้คนไข้ได้กลับ้านเร็วๆอย่างที่ใจอยากได้ หมอถ้าบริการให้ถูกใจและสมใจอยากของคนไข้และญาติ  จะตรวจได้เช้าละไม่เกิน 10 คน  แล้วหมอก็จะโดนด่า           หมอถ้าตรวจคนไข้นอกไปซักคนสองคนแล้ววิ่งหายไปเป็นชั่งโมงเเปลว่าหมอถูกตามไปดูคนไข้ใน  ที่หนัก  เช่นช็อก  หัวใจหยุดเต้น  เเต่คนไข้อื่น  ละญาติไม่รู้   หมอถูกด่า   จะทำไงได้หมอน้อง  นางพยาบาลน้อย           ถ้าจะช่วยกันก็ขอให้ปริมาณงานลดลงเถอะ จากคุณ : pchanng - [ 3 ก.พ. 52 12:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หมอที่เราเจอวันนี้อยู่เวรผ่าตัดฉุกเฉินจนถึงตี3ตี4  พอเช้าออกไปตรวจอาการคนไข้ที่นอนอยู่ในตึก  10 โมงเสร็จเข้าห้องผ่าตัดไปผ่าตัดคนไข้ case electiveอีก  จน 4 โมงเย็นคืนนี้อยู่เวรรับฉุกเฉินอีก น่าเกลียดชิบ..เลย  ไม่เคยเห็นหมอบ่นเลยว่ะ จากคุณ : aboil_1 - [ 3 ก.พ. 52 12:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แอบเห็นด้วยกับ คคห 28 นิยามหมอ สำหรับเรา กินเหมือนหมู อยู่เหมือนหมา ทำงานเหมือนควาย ค่ะ (ไม่นับหมออยู่ เอกชนนะคะ อันนั้นสบายหน่อย) จากคุณ : ไม่ได้เป็นหมอ (อยากสวย อยากกิน อยากเที่ยว) - [ 3 ก.พ. 52 12:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านจาก จขกท คือ มดลูกแตกใช่มั้ยคะ แล้วทำไมถึงแตกล่ะค่ะ อ.เคยบอกว่า สมัยนี้เค้าไม่คลอดลูกตายกันแล้ว ปกติอะนะ จากคุณ : Youzen - [ 3 ก.พ. 52 13:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จาก #16 กำหนดให้ตรวจคนไข้ไม่เกินวันละกี่คน มีระบบนัดล่วงหน้า ชอบครับ ทำงานวันละแปดชั่วโมง ตรวจชั่วโมงละสามคน คนละยี่สิบนาที ก็ยี่สิบสี่คน โอ้ สวรรค์ จากคุณ : Fluorine - [ 3 ก.พ. 52 13:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การตั้งครรภ์ ถือได้ว่าเป็น โรคอย่างนึงนะครับ และย่อมมีความเสียงโดยทั้งสิ้นจากการตั้งครรภ์ หนึ่งครั้ง การมีสูติแพทย์ จึงมีเพื่อการดุแล ผุ้ป่วยเหล่า นี้ และเฝ้าระมัดระวัง ให้มีโอกาสเกิด หรือ รักษา ภาวะเหล่านี้อย่างทันท่วงทีที่สุด แต่ จะเกิดอะไรได้บ้างนั้น โดยส่วนใหญ่เป็น ภาวะที่ไม่สามารถคาด การณ์ได้ทั้งสิ้น อยากทราบมั้ยครับว่า คนท้องหนึ่งคน จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ช่วง ครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ 1. การแท้ง ท้องลม  ตกเลือด จน ในที่ สุดชีอค และ เสียชีวิต 2. แท้ง มีการติดเชื้อ รุนแรง เสียชีวิต 3. การตั้งครรภ์ ไข่ปลาอุก เกิด การตกเลือด ช๊อค เสียชีวิต 4. อายุมาก ต้องเจาะน้ำคร่ำ ภายหลังการเจาะ เกิดการแท้ง ติดเชื้อ 5.เด็กเสียชีวิตในครรภ์ ดดยไม่ทราบเหตุ แท้ง ตกเลือด 6. มีโรคประจำตัวใดๆอยู่ การท้องมีผลให้ตัวโรคแย่ลง รุนแรง และเสียชีวิต 7. การตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ ผิดปกติ ทารกเสียชีวิต แท้ง ตกเลือด   อีกมากมาย ..... ครึ่งหลัง รวมถึงระหว่าง 1. ครรภืเป็นพิษ รุนแรง เสียชีวิต 2. เป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ควบคุมโรคไม่ได้ 3. รกเกาะต่ำ ตกเลือด 4. เจ็บครรภ์ คลอดก่อนกำหนด ทารก มีปัญหา แม่ตกเลือด 5. น้ำเดินก่อนกำหนด เกิดการติดเชื้อ 6. คลอดไม่ได้ ติดไหล่ 7. มดลูกแตก 8. ตกเลือดระหว่างคลอด หลังคลอด 9. ติดเชื้อภายหลังคลอด 10. ลิ่มเลือดอุดตัน 11. เศษรก เข้ากระแสเลือด อุดตัน เสียชีวิต ยังมีอีกมากมาย เห้นมั้ยครับว่า คนท้องหนึ่งคน เสี่ยงกับอะไรได้บ้าง ตอนแฟนผมท้อง ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย ก็อาจจะดีใจ แต่โดยตัวผม เฝ้าระวังโดยตลอดครับ แต่อย่างที่บอกข้างต้น หลายๆภาวะ เราไม่สามารถบอกได้หรอกครับว่าใคร คนไหนจะเกิดอะไร เพียงแต่เรา คงต้องอธิบาย และคุย ให้เข้าใจได้มากที่ สุด และ เฝ้าระวัง อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย หรือ เกิดน้อยที่สุด ฝากไว้ครับ ว่า การตั้งครรภื เป็น ความเสียงอย่างนึง ครับ จากคุณ : j_manop (j_manop) - [ 3 ก.พ. 52 13:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คนย่านมีนบุรี รามอินทรา เรียกว่าโรงฆ่าสัตว์ จากคุณ : อะไรกันเนี้ย (BREAKDOWN) - [ 3 ก.พ. 52 14:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต้องประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วยน่ะ แยกฟ้องได้ สองทาง คือ ฟ้องต่อศาลยุติธรรม แล้วก็ฟ้องต่อศาลปกครอง.....แต่อันนี้ต้องฟ้องสาธารณสุข เพราะโรงพยาบลไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ส่วนหมอถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ยกเว้น รพ.บ้านแพ้ว แต่มีกฎกระทรวงออกมาว่ารับผิดสูงสุด แค่สองแสนบาท(กรณีความผิดทางปกครอง)...แตเรื่องหมอรักษาแล้วไม่รอดเนี่ยไม่ใช่การละเมิดทางปกครอง เพราะไม่ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่(ลักษณะงาน) ..................................... แต่  ส่วนเรื่องหมอไม่ผิด หมอปกป้องหมอ เพราะ(เราคิดเองน่ะ)..เขาถือว่าอาชีพมีเกียรติมาก ไม่ใข่จะเป็นกันได้ทุกคน ครอบครัวเองก็มองเป็นเทพ....ต้องรักษาภาพพจน์ (แต่ก็จริงแหละ เราก็ไม่อยากรักษากับหมอที่ดูไม่น่าเชื่อถือ หรือหน้าอ่อนๆไม่มีประสบารณ์) ....แต่เนื่องจากแม่เราทำงานที่โรงพยาบาล หมอเองเขาก้กลัวน่ะ กลัวถูกฟ้องบางทีเลยไม่กล้ารักษา(เป็นซะงั้น) คือให้ยาพื้นๆไป หรือแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์เลย ....แต่เราเชื่อว่า....ไม่มีหมอคนไหนอยากรักษาคนแล้วตายหรอก แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 52 14:36:40 จากคุณ : ... (พะโล้เพ็ด) - [ 3 ก.พ. 52 16:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พวกหมอ  พยาบาล ชอบเห็นอาการเจ็บปวดของคนไข้ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะพวกเค้าเห็นอยู่ตลอด ทุกวัน จนชิน แต่คนไข้ที่นานๆป่วยที   เค้าเจ็บเค้าปวด  พวกคุณไม่ค่อยจะสนใจ ดูแล ถามไถ่เลย   ปล่อยให้ตายทั้งๆที่ถึงมือพวกคุณแล้วแท้ๆ แบบนี้คนไข้จะพึ่งใครล่ะ  ในเมื่อ  โรงพยาบาลเอย หมอเอย  พยาบาลเอย  ชักจะพึ่งไม่ค่อยได้เสียแล้ว จากคุณ : ไปยานน้อย - [ 3 ก.พ. 52 17:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านเจอมาพอดี แพทย์หลายร.พ.ก็ลงความเห็นไว้แล้วนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแท้แต่ คงไม่สามาระเปลี่ยนอคติของคนได้ โดยส่วนตัวแล้ว ชอบให้คนมีอคติเยอะ ๆ อย่างที่บอกไว้ในความเห็นก่อน เพราะอยากให้ถึงวันมีประกันการฟ้องร้อง มีกำหนดปริมาณการตรวจต่อวัน มีระบบนัด (ไม่นัดล่วงหน้าไม่ได้ตรวจ ไม่ฉุกเฉินจริง ๆ ก็รอเข้าคิวไป ซึ่งในต่างประเทศก็ต้องรอไปเลย 2 เดือน หรือ 2 ปีก็ว่ากันไป ลองไปถามคนที่เคยไปเรียนหรือไปทำงานแถบยุโรปหรืออเมริกาดู) สรุปตายทั้งกลมที่รพ.นพรัตน์ฯสุดวิสัย สรุปผลสอบข้อเท็จจริงสาวตายทั้งกลมที่รพ.นพรัตน์ฯเป็นเหตุสุดวิสัย เกินกว่าแพทย์จะตรวจและทราบล่วงหน้าว่ามดลูกจะแตก ญาติยันไม่ฟ้องทั้งแพ่ง-อาญา ตร.คาดรู้ผลสอบคดีสาวตายทั้งกลมใน 7 วัน นพ. เจษฎา โชคดำรงสุข รองอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีคลอดบุตรแล้วเสียชีวิตที่รพ .นพรัตนราชธานี กล่าวว่า มติของคณะกรรมการฯ ได้สรุปว่ากรณีของนางน้ำอ้อย ตุ้มทับ อายุ 22 ปีที่เสียชีวิตระหว่างการคลอดบุตรที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เมื่อวันที่ 1 ก.พ.นั้น เป็นเพียงเหตุสุดวิสัยเกินกว่าที่แพทย์จะตรวจและทราบได้ล่วงหน้าว่ามดลูกจะแตก ทั้งนี้จะรอดูผลการตรวจพิสูจน์มดลูกเพื่อยืนยันว่าเกิดจากปัจจัยใดที่ทำให้มดลูกแตก ส่วนชิ้นเนื้อปอด เพื่อดูว่ามีน้ำคร่ำอยู่ในปอดหรือไม่ หลังจากนั้นจะสรุปอย่างเป็นทางการก่อนนำเสนออธิบดีกรมการแพทย์ นพ. เจษฎา กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การตรวจกระบวนการดูแลรักษาคนไข้ตามขั้นตอนปกติ ด้วยมาตรฐานการรักษาของวิชาชีพ แต่เหตุที่คิดว่าเป็นสาเหตุการตายคือมาจากมดลูกแตก โดยมี 2 สาเหตุคือ 1. แพทย์ช่วยเร่งให้เกิดการคลอด แต่รายนี้ยังไม่ถึงในขั้นตอนดังกล่าว เพราะยังเป็นเพียงระยะแรกในการคลอดเท่านั้น และ2. การ แตกเกิดจากมดลูกผิดปกติ ซึ่งในรายนี้เป็นการแตกอย่างเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ปวดท้องคลอดอย่างทุรนทุราย รวมถึงได้เช็คประวัติการให้ยาก็ไม่พบว่ามีการขอยาแก้ปวดแต่อย่างใด และไม่พบอาการผิดปกติใดมาก่อน แต่เมื่อถึงระดับหนึ่งทำให้เกิดอาการช็อค รักษาไม่ทัน “เหตุที่ทำให้มดลูกอ่อนแอบางกว่าปกติ เมื่อมีการบีบรัดตัวมากๆจะทำให้มดลูกแตกได้ง่ายกว่าปกติ เกิดจากคนไข้มีประวัติในการเป็นรอยโรคที่มดลูกมาก่อน อาทิ เคยผ่าตัดการคลอด เคยเป็นเนื้องอกที่มดลูก หรือการขูดมดลูกมาก่อน แต่รายดังกล่าวแม้ว่าจะมีการคลอดบุตรมาแล้ว รวมถึงการขูดมดลูกด้วย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เพราะอาการคลอดยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งอยู่ในการดูแลของพยาบาลและอายุรแพทย์ในช่วงแรก แต่หลังจากเกิดภาวะช็อคก็อยู่ในการดูแลของสูตินรีแพทย์”นพ.เจษฎา กล่าว ศ. คลีนิค พญ.วิบูลพรรณ ฐิตะดิลก ผู้เชี่ยวชาญสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา สาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า การแตกของมดลูก น.ส.น้ำอ้อย สันนิษฐานว่า มีการแตกของมดลูกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่สามารถสังเกตได้ เพราะไม่มีอาการบ่งชี้ เช่น อาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีการบีบตัวของมดลูกรุนแรง ความดันโลหิตต่ำ และบางรายจะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนโดยหน้าท้องจะเป็นลอนสูงขึ้น แต่บางรายตรวจพบได้ยาก ซึ่งกลุ่มที่ไม่มีแผลที่มดลูก ช่วงที่จะเกิดการแตกของมดลูกได้ส่วนมากมักเกิดขึ้นระยะท้ายของการคลอด หากมีแผลที่มดลูก สามารถแตกได้ทั้งเมื่อเข้าสู่ระยะการคลอดและยังไม่เข้าสู่ระยะคลอด ดังนั้น การที่มดลูกแตกจะต้องหาสาเหตุว่าแตกจากปัจจัยใด จึงต้องนำชิ้นเนื้อปอดและมดลูกชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ศ. คลินิก พญ.วิบูลพรรณ กล่าวว่า จากประวัติพบว่า น.ส.น้ำอ้อย เคยมีประวัติการขูดมดลูกมาก่อน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสริมทำให้เกิดมดลูกแตกขึ้นได้ ซึ่งการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติมดลูกผิดปกติ หรือ มีความเสี่ยง มี อาการบ่งชี้ เช่น มีเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ รกเกาะต่ำกว่าปกติ รกฝังตัวลึก หากมีอาการเช่นนี้แพทย์จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดมดลูกแตกได้ แต่ในรายดังกล่าวรวมถึงหญิงที่ขูดมดลูกแต่ไม่เคยมีอาการผิดปกติบ่งชี้มาก่อน การดูแลจะเหมือนหญิงตั้งครรภ์รายอื่นๆ ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยเสริมว่าจะทำให้เกิดภาวะเสี่ยงได้มากเพียงใด รวม ทั้งการช่วยเหลือ แม้ว่าจะทราบได้รวดเร็วว่าเกิดการแตกของมดลูก ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ป่วย และการเตรียมการผ่าตัด ว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใดด้วย ด้านนางสำรอง ตุ้มทับ อายุ 43 ปี มารดานางน้ำอ้อย กล่าวว่า คงจะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับทางโรงพยาบาลทั้งแพ่งและอาญา เนื่องจากเชื่อว่าหากมีความผิดจริงความจริงก็จะปรากฏต่อสาธารณะชนเอง แต่สิ่งที่สงสัยคือ อยากรู้ว่าทำไมแพทย์ที่ให้การรักษาจึงไม่ทราบว่า มดลูกของบุตรสาวจะแตก และโรงพยาบาลไม่ได้โทรมาหาหลังจากที่ลูกสาวอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว แต่รู้สึกสังหรณ์ใจจึงได้โทรศัพท์สอบถามโรงพยาบาลว่าบุตรสาวมีอาการเช่นไร เพราะตลอดทั้งวันก่อนเข้ารพ.อาเจียนจนรับประทานอาหารไม่ได้ ตร.คาดรู้ผลสอบคดีสาวตายทั้งกลมใน 7 วัน เมื่อเวลา 13.00 น.พ.ต.อ.วิวัฒน์ ศิริสุนทร ผกก.สน.บางชัน เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนกรณีน.ส.น้ำอ้อย ตุ้มทับ อายุ 22 ปี เสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์ระหว่างรอทำคลอดที่โรงพยาบาลนพรัตน์กลางดึกวันที่ 31 ม.ค.ว่า ต้องรอผลสอบของคณะกรรมการกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขที่เข้าไปตรวจสอบภายในโรงพยาบาลวานนี้ (2 ก.พ.)เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คาดว่าน่าจะรู้ผลในเวลา 7 วันว่าการรักษาเป็นไปตามหลักการการรักษาของแพทย์หรือไม่ หรือเป็นเพราะความประมาท ผกก.สน.บางชันระบุว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความประมาทของแพทย์และพยาบาลจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา ในฐานความผิดประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ในส่วนของพนักงานสอบสวนก็จะทยอยเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์เจ้าของไข้ พยาบาลหรือผู้ดูแล มาสอบปากคำอย่างต่อเนื่อง จากนี้คงต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทางด้านญาติของผู้เสียชีวิตก็จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป จากคุณ : ปุจฉา - [ 3 ก.พ. 52 19:53:17 A:192.168.0.17 X:125.24.39.30 TicketID:087965 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอตอบในฐานะพยาบาลนะคะ ที่คุณ คห.35 พูดนั้นถูกค่ะ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเห็นทุกวันจนชิน แต่คนไข้ที่นาน ๆ ป่วยที เราจะรู้หรอคะ ว่าเค้าจะนาน ๆ ป่วย ต้องดูแลถามไถ่ ไม่ว่าคนไข้จะนาน ๆ ป่วย หรือป่วยบ่อย ๆ เราให้การบริการตามอาการค่ะ ถ้าเค้าป่วยบ่อยแต่เป็นหนักกว่า เราก็ต้องให้บริการก่อนสิคะ ไม่ได้ให้บริการตามจำนวนครั้งที่มาแบบมาน้อยให้บริการดีมากก มาบ่อย ๆ ให้บริการน้อย ๆ ละกัน มันไม่ใช่อ่ะค่ะ ส่วนเรื่องสุขภาพที่ว่าจะพึ่งใคร อย่างน้อย ๆ อันดับแรกคงต้องเปลี่ยนทัศนคติล่ะค่ะ ตอนนี้ต้องพึ่งตนเองเป็นอันดับหนึ่งค่ะ เพราะว่าคนไทยยังขาดท้งความรู้และการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันสุขภาพมาก ๆ ค่ะ ทุกคนต้องช่วยกันดูแลตนเองก่อนค่ะ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยมันป้องกันไม่ได้ ไม่ไหวจริง ๆ ก็มาโรงพยาบาล บุคลากรทุกอาชีพเต็มใจช่วยคุณค่ะ แต่ที่มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้เพราะคนป่วยกันมาก ทั้งที่ทำตัวเองเช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า จนเป็นโรค คนจำพวกนี้แหละค่ะ ที่เพิ่มภาระงานให้กับเรา จนกระทั่งบริหารจัดการให้การบริการได้ไม่จบไม่สิ้น แทนที่กำลังคนจะได้ทุ่มไปช่วยคนที่เป็นโรคจริง ๆ ก็ต้องคอยเทมาดูแลส่วนอื่น ๆ ด้วย เพราะฉะนั้น โปรดเห็นใจกันเถอะค่ะ ไม่ใช่ว่าจะมาปกป้องกันหรอกนะคะ ถ้าเกิดมีเคสประมาทเลินเล่ออย่างนี้ คุณก็วิจารณ์เป็นเคส ๆ ไปจะดีกว่า อย่าเหมารวมเลยค่ะ ขอร้อง มันทำให้เราหมดกำลังใจในการทำงานจริง ๆ เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ใครไม่เห็นด้วยก็เชิญด่าได้ค่ะ จากคุณ : lufi_luf - [ 3 ก.พ. 52 20:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เล่าเคสนึงให้ฟังคร่าว ๆ สมัยพี่เราเริ่มเป็นหมอเฉพาะทางใหม่ๆ อาจารย์หมอที่สนิทกันเริ่มแบ่งเคสให้ เพราะตัวเองเริ่มทำไม่ไหว แต่ก็ให้แต่เคสประกันสังคม(เงินน้อยหน่อย)นะ  ส่วนเคสแพงๆเก็บไว้ทำเอง .... มีอยู่คราวนึง อาจารย์หมอคนนี้วิ่งรอกงานมากไป ดูคนไข้ไม่ทัน มีคนไข้คนนึงเป็นอันตรายหรือเสียชีวิตนี่ล่ะ จำไม่ได้แล้ว เพราะนานมาก เพราะเหตุที่อาจารย์คนนี้ประมาท เค้าเลยเพิกถอนใบประกอบโรคศิลป์ แถมโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายชนิดตายกันไปข้าง ... เราว่าเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าหมอจะเข้าข้างหมอนะ ... แค่ว่า เคสที่หมอโดนจริงๆ อาจจะไม่ได้เป็นข่าวเท่านี้ก็ได้ หรือไม่อีกที... มันไม่น่าสนใจเท่าตอนที่ยังน่าสงสัยแบบนี้...หรือเปล่า? แหม... เห็นด่าสื่อกันปาวๆ ข้อมูลมั่วบ้างล่ะ สื่อเสี้ยมบ้างล่ะ บลาบลา ทีแบบนี้ อ่านข่าวที่มีข้อมูลไม่เท่าไหร่ เชื่อสื่อเข้าไปเต็มๆ โดยยังไม่ได้พิจารณาอะไรเลย ....  โดยที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาวะที่ว่ากันมันเกิดจากอะไร ป้องกันได้ไหม ตรวจสอบได้ไหม ... ด่าไว้ก่อน คนที่ด่าๆเนี่ย เหมือนตัวเองรู้ดีจัง....วันหลังเจ็บป่วยอะไรเนี่ยไม่ต้องไปหาหมอนะ เค้ามีงานเยอะอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ไปหา งานเค้าจะได้น้อยๆลง มีเวลาดูแลคนไข้คนอื่นได้ทั่วถึงมากขึ้น จากคุณ : other places - [ 4 ก.พ. 52 10:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 #38  ช่างตอบได้สมกับที่เรียนจบแพทย์มาจริงๆ  (จรรยาบรรณแพทย์สมัยนี้เหลือแค่นี้แล้วหรือเนี่ย) ถึงว่าทำไมสมัยนี้ถึงเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ   ที่เค้าว่ากันไม่ใช่ว่าโทษว่าหมอรักษาไม่ดี รู้อยู่ว่าการรักษามันต้องมีข้อผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่รับไม่ได้นี่คือ พอผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่ออกมาให้ข้อมูลที่จริง อ้างนู่นอ้างนี่ตามภาษาทางการแพทย์ ซึ่งคนทั่วไปบางครั้งก็ไม่เข้าใจ หรือบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดตน พูดง่ายๆ คือ ไม่ยอมรับผิด จากคุณ : dnong - [ 4 ก.พ. 52 17:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คงไม่มีอาจารย์แพทย์สอนให้หมอเป็นเทวดาหรือดูถูกคนไข้หรอกนะครับ มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า อาจารย์แพทย์ที่เสียสละก็มีมาก ที่คอยเป็นเหลือบอาศัยชื่อว่าอาจารย์ก็มีมาก แพทยสภา ก็อยากช่วยหมอที่ไม่ได้ทำความผิด แต่การช่วยของท่านกลับทำให้แย่ เพราะการพูดของอ.สมศักดิ์ขนาดหมอด้วยกันยังส่ายหน้าว่ายิ่งพูดก็ยิ่งแย่ เสนอผ่าน web ไปไม่รู้กี่รอบแล้วว่าให้หมอสวยๆหล่อๆ ที่พูดจารู้เรื่องมาอธิบายหรือมาคุยกับสื่อเถอะครับ จากคุณ : xanyz - [ 4 ก.พ. 52 22:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ....แต่ที่รับไม่ได้นี่คือ พอผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่ออกมาให้ข้อมูลที่จริง อ้างนู่นอ้างนี่ตามภาษาทางการแพทย์ ซึ่งคนทั่วไปบางครั้งก็ไม่เข้าใจ หรือบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดตน พูดง่ายๆ คือ ไม่ยอมรับผิด..... อ่านดูแล้วแปลกดีนะ บอกว่าใช้ภาษาแพทย์ซึ่งคนทั่วไปไม่เข้าใจ บอกว่าไม่เข้าใจแต่สามารถตัดสินได้เลยว่าแพทย์ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เท็จจริง แพทย์บ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดตน หรือไม่ยอมรับผิด ตกลงเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่ถึงเชื่อว่าแพทย์ผิด เอาง่ายๆเลยนะ มีความรู้เล่นเนท เปิด google หาข้อมูลดูเอาก็ได้ ศัพท์แพทย์ไม่รู้ก็มีเวบที่แปลศัพท์แพทย์เยอะแยะ จะได้รู้ว่าที่อาจารย์คนอื่นๆที่มาออกความเห็น (ซึ่งก็ไม่ใช่แพทยสภาด้วย) เขาโกหกหรือเปล่า ไปๆมาๆคืออยากให้แพทย์ผิดให้ได้ว่างั้นเถอะ ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรหรอก ด่าไปเลย แต่อย่าลืมพฤติกรรมตัวเองด้วยเวลาป่วยไข้ จะได้รู้จักพึ่งตัวเอง ไม่ใช่พอถึงเวลาจะตายไปยกมือท่วมหัวพวกที่คุณด่าๆเอาไว้ อย่างนี้ไม่รู้จะเรียกว่าน่าสมเพชได้หรือเปล่า จากคุณ : ปุจฉา - [ 5 ก.พ. 52 00:02:32 A:118.173.54.192 X: TicketID:087965 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ....แต่ที่รับไม่ได้นี่คือ พอผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่ออกมาให้ข้อมูลที่จริง อ้างนู่นอ้างนี่ตามภาษาทางการแพทย์ ซึ่งคนทั่วไปบางครั้งก็ไม่เข้าใจ หรือบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดตน พูดง่ายๆ คือ ไม่ยอมรับผิด..... โอ้... อ่านแล้วเหนื่อย - -'' จากคุณ : ปรายภพ - [ 5 ก.พ. 52 15:35:41 ]