Before Valentine ก่อนรักหมุนรอบตัวเรา
เรื่องย่อ : หนังพูดถึงคน 3 คู่ คู่แรกพูดถึงเพื่อนสนิทร่วมชั้นม.ปลาย ที่ฝ่ายชายกลายเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ คู่ต่อมาพูดถึงคู่แฟน ที่ดูเหมือนเข้ากันไม่ค่อยได้ และกำลังจะตัดสินใจ คู่สุดท้าย คู่สามีภรรยาที่แต่งกันมานาน จนความรักเริ่มจืดจาง จนฝ่ายชายดันไปติดใจสาวสวยหุ่นดี มีคู่แล้วซะงั้น! และที่สำคัญคือเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์
อย่างที่ผู้กำกับได้กล่าวไว้ว่า ถึงแม้จะแบ่งให้ผู้กำกับแต่ละคนไปทำคนละคู่ก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องเดียวกัน เป็นก้อนเนื้อเดียวกัน ไม่ใช่หนังสั้น 3 เรื่องต่อกัน หนังจึงออกมาในแนวทางคล้ายๆ ปิดเทอมใหญ่ฯ คือ หนังรักหลายคู่ที่ดำเนินเนื้อเรื่องโดยใช้วิธีเล่าตัดสลับไปมา ไม่ใช่แบบ ฝันหวานอายจูบ หรือ สี่แพร่ง ที่ทางใครทางมัน
เพียงแค่หนังเริ่มต้นมา ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เรากำลังบรรจงแกะลูกอมรสสตรอเบอรี่แบบหวาน(แถมไม่อมเปรี้ยวซะด้วย!!)ในห่อสวยงามเพื่อเอามาอม ตั้งแต่เทคนิคที่ใช้ในการบอกรายนามผู้แสดง ผู้จัดทำ ที่เหมือนสีห่อลูกอมที่หวานแหววและมีลวดลายสีสันมาก (เลยกลายเป็นชอบมากกว่าฉากเปิดตัวของบอดี้ ศพ 19 ไปแล้ว สำหรับหนังไทย) หลังจากนั้นเมื่อเราแกะลูกอมแล้วมาอม ก็พบความหวานจ๋อย หวานเจี๊ยบ อย่างสม่ำเสมอ และคงที่จนเกือบถึงท้ายสุด
ขอเล่าถึงที่ละคู่ตั้งแต่คู่ โจ๊ก จิ๊บ ที่หนังแสดงให้เห็นถึงรักแบบเด็กวัยมัธยม เพื่อนรักแอบรักเพื่อน ซึ่งผมว่าถ้าคุณไม่ใช่เด็กเรียนขั้นหนักใส่แว่นหนา หรือว่าจิตเบี่ยงเบนตั้งแต่เยาว์ คุณคงจับต้องความรู้สึกของคู่นี้ได้โดยง่ายแน่ๆ นี่จึงเป็นข้อดี และข้อง่าย ที่ทำให้หนังส่วนนี้ เดินบนทางที่ปลอดภัย ไปเรื่อยๆ ถึงจะเอื่อยเฉื่อย ไม่หวือหวามาก แต่เราก็ยังตามต่อไปได้
คู่ต่อมา สุธี กับ ชิดชนก ที่ขยับวัยขึ้นมาหน่อยเป็นวัยเริ่มทำงาน วัยที่ความเป็นตัวของตัวเองในการใช้ชีวิตเด่นชัดมาก จนทำให้เกิดการขัดแย้งกันบ่อยๆ จนทำให้ทั้งคู่ถึงช่วงตัดสินใจ หนังส่วนนี้จัดเป็นส่วนที่ดำเนินเรื่องโดยใช้ความเสี่ยงสูง ด้วยการใส่เทคนิคการนำเสนอแบบแปลกๆ ที่ผมขอเรียกว่า ของเล่น เข้าไปเยอะ (จริงๆก็มีของเล่นกันทุกคู่นะ แต่คู่นี้ใส่หนักมากกกก) มีการผสมผสานระหว่างจินตนาการ กับ ความจริง และเลือกใส่ความขำขัน แปลก เฮฮา ที่อาจลดทอนอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครขณะรักหรือเลิกลง เพื่อให้คนจดจำฉากนั้น คำพูดนั้น หรือ การดำเนินไปของเรื่องราวตอนนั้นมากขึ้นแทน
อีกคู่คือ เฮีย กับ เจ๊ ที่แต่งงานกันหลายปี แล้วความสัมพันธ์เริ่มจืดจางลง การทะเลาะเบาะแว้งเริ่มมากขึ้นๆ จนกระทั่งวันก่อนวันแห่งความรัก แหม่ม สาวสวยหุ่นดีที่วิ่งเข้ามาหาเฮีย เพราะมีปัญหากับ แจ๊ค พอดี แล้วจากนั้นก็กลายเป็นการลุ้นกันว่าเฮียจะนอกใจหรือไม่ แล้วชีวิตคู่ยาวนานจะดำเนินต่อไปยังไง หนังส่วนนี้เป็นหนังส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ จริงจัง และแข็งแรงที่สุด สีสันทั้งหลายเกิดขึ้นด้วยฝีมือของตัวละครหลักอย่างพี่รงค์และพี่แจงล้วนๆ ที่สามารถพยุงบทที่ระหว่างทางไม่มีอะไรเลยนอกจากพ่อก็แง่แม่ก็งอน ให้เข้าถึงได้ง่าย และติดตามต่อจนจบ
หากพูดถึงเรื่องบท บทแต่ละส่วนย่อยนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดใน 1 วัน ฉะนั้นเรื่องราวจึงมีแต่ก้าวไปข้างหน้า ตามเข็มนาฬิกา จึงอาจดูเหมือนไม่มีอะไรมากนัก นอกจากลุ้นปลายทางของแต่ละคู่ไปเรื่อยๆ มีอยู่ช่วงนึงอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัด หรือง่วงนอนได้บ้าง และบทบางจุดก็ทำได้ไม่ถึงจุดที่ควรจะไป อาจเพราะความพยายามที่จะทำออกมาเป็นสีชมพูตามโปสเตอร์หนัง คือให้ดูสดใส ผ่อนคลาย เบาสมอง จึงทำให้จุดที่ควรจะเศร้า ก็ไม่เศร้าเท่าที่ควร เหมือนกับทีเล่นทีจริง แล้วทำให้เนื้อเรื่องต่อไปมันก็ไม่สุดเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะมัวเล่นกับของเล่นมากไป
แต่ของเล่น หรือ เทคนิคในการนำเสนอที่แปลกๆ ที่แทรกเข้ามานั้น หลายช่วงก็ถือว่าทำได้ดี และทำให้ผมชอบ เช่น ฉากเปิด และที่ชอบมากคือ การขับเคลื่อนบทของตัวละครสุธีกับชิดชนก โดยใช้มุข จินตนาการ ผสม เรื่องจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ตัวบทที่เล่าเรื่องแค่วันเดียว เล่นได้เยอะ แล้วเดินต่อไปได้อย่างเรียบลื่นมากๆ แต่บางอันกลับใช้ไม่ถูกจุด แล้วกลายเป็นเราไม่อินไป เช่นฉากโจ๊กกับจิ๊บตรงม้านั่ง ฉากเฮียเจ๊ปาข้าวของ หรือ สุธีกับชิดชนกในห้องน้ำ เป็นต้น จึงทำให้ผมไม่ค่อยอินกับตรงนั้น และเนื้อเรื่องถัดไปสักเท่าไร เพราะตัวหนังเลือกที่จะใส่ความรู้สึก ใส่ความคิด ให้กับตัวละครน้อยเกินกว่าใส่ลีลาใส่มุขนั่นเอง
แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องหันกลับมามองทั้งเรื่องใหม่จากหลังมือเป็นหน้ามือ คือ จุดคลี่คลายทุกอย่าง รวมถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่เนียนมากๆ ทำให้คนดูอิ่มเอมกับหนังเรื่องขึ้นมาได้ แม้จะบ่นในความสะเปะสะปะของกลางทางก็ตาม เหมือนกับลูกอมที่ผมพูดถึงตอนแรกมันกลับซ่อนน้ำเชื่อมสตรอเบอรี่แบบหวานอมเปรี้ยวไว้ข้างใน ทำให้ลูกอมเม็ดนี้อร่อยมากขึ้นกว่าเดิม
และสิ่งที่น่าพูดถึง และชื่นชม นอกจากจุดคลี่คลายสุดเนียน ก็คือ นักแสดงหลัก ที่ผมชื่นชมมากสุด คือ จาตุรงค์ มกจ๊ก ที่บทจะตลก ก็ตลกด้วยการแสดงท่าทาง โดยไม่ต้องมีมุขตลกเป็นคำพูด บทจะเศร้าจะซึ้งก็ทำได้ดีมากๆ ส่วนพี่แจง ที่เล่นคู่กัน ก็จัดเป็นระดับฝีมืออยู่แล้ว รับส่งอารมณ์กันได้ดี ทำให้เราเชื่อว่าเป็นคู่กันมานานจริงๆ และส่วนหนึ่งของการที่ทั้งคู่เล่นได้ดีมาก เลยทำให้บทรองของเปรม และองุ่น ดูด้อยกว่า และน้อยเกินการจดจำ โดยเฉพาะเปรม ที่ออกน้อยไม่พอ แถมทุกฉากที่ออกมาก็ไม่สามารถสลัดคราบ เปรม บุษราคัมวงษ์ ออกไปได้เลย แถมยังเล่นแข็งอีกต่างหาก ต่างจากจีน เกล้าแก้ว ที่เล่นเป็นเรื่องแรกเหมือนกัน แต่ทำได้ดีกว่ามากๆ ส่วนอาร์ตี้ที่เล่นคู่กันก็ทำได้ดี หลุดจากภาพหนุ่มบุญโชคออกมาในระดับหนึ่ง สำหรับว่านในบทสุธี กับ ได๋ในบทชิดชนก ทั้งสองคนเหมือนได้รับบทที่เข้ากับตัวเอง จึงทำให้แสดงได้ไม่ติดขัด
สิ่งที่ได้รับกลับมา หลังจากผมได้มองย้อนดูทั้งเรื่องอีกครั้ง ก็คือ มุมมองของความรักในแต่ละช่วงชีวิต แต่ละคน แต่ละสังคม มันมีอะไรที่แตกต่างกันไป
ตัวตนหรือสังคมอาจเปลี่ยนความรักไม่ได้
ในทางเดียวกันความรักก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนตัวตนหรือสังคมของใครได้เสมอไป
แต่ความเข้าใจซึ่งกันและกันต่างหากที่จะทำให้ความรักปรับเข้าหาตัวตนของแต่ละคน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้มีข้อดีและข้อเสียหลายอย่างปนๆกันไป อาจจะยืดเยื้อจนหลายคนเบื่อ หรือไม่ค่อยอินมากนัก แต่ถ้าทนดูโดยไม่กะพริบตา หนังได้ทิ้งอะไรไว้หลายอย่าง ทั้งความน่ารักสดใส ความคิดในเรื่องความรักที่จะทำให้เราอิ่มเอมใจเมื่อก้าวออกจากโรง เหมือนกับเราลูกอมสตรอเบอรี่สอดใส้แยมข้างใน ที่อมไปตอนแรกอาจรู้สึกหวาน กลางๆอาจหวานจ๋อย แต่พอถึงตอนท้ายก็อร่อยถูกใจ จนอยากอมอีกเม็ด
แต่อย่าลืมแปรงฟันก่อนนอนล่ะ!!!
ตัดแต้ม เต็ม 5 ดาวให้
เนื้อหา - บท : 3/5
การแสดง : 4/5
การนำเสนอภาพ ลำดับภาพ : 3.5/5
อื่นๆ (เพลงประกอบ ฉากสถานที่ ความสมจริงโดยรวม) : 3/5
รวม 13.5/20
ให้ 3 ดาวกว่าๆครับ
แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 52 03:59:22
แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 52 03:56:43