ความคิดเห็นที่ 1 เอ้า ... หัวกระทู้ผิดซะงั้น - -'' จากคุณ : kimurafreek - [ 17 ก.พ. 52 11:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กำลังนึกถึง Nodame รู้สึกว่าจะทำให้กระแสเพลงคลาสสิคบูมมากขึ้น ดูเป็นดนตรีที่อยู่ใกล้ตัวคนหลายๆวัยมากขึ้น ไม่จำกัดว่าเป็นดนตรีที่ฟังยาก เฉพาะทางมากไปเหมือนเมื่อก่อน จากคุณ : tor_toey (molecularkitten) - [ 17 ก.พ. 52 12:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับผมนะ ผมว่าละครก็สามารถสะท้อนให้เห็นว่าสังคมนั้นๆ เป็นอย่างไร เท่าที่ผมได้ดูซี่รี่ย์ญี่ปุ่นมาบ้างนะครับ ผมรู้สึกว่าซีรี่ย์ของเขาไม่เน้นว่าจะต้อง มีตัวดีแล้วต้องมีตัวร้ายด้วย คือในเรื่องทุกคนอาจเป็นคนดีหมด แต่ก็มีส่วน ไม่ดีภายในจิตใจอยู่บ้าง แต่ก็พอรับได้ ซึ่งสังคมญี่ปุ่นจริงๆเองก็ค่อนข้างเป็น อย่างนั้น เท่าที่ทราบมาอัตราการก่ออาชญากรรมของญี่ปุ่น ต่ำมาก ไม่ว่าจะ เป็น คดีข่มขืน,ขโมย,ปล้นจี้,ฆาตรกรรมฯลฯ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยกล้าทำกัน อะไรประมาณนี้แหละครับ จากคุณ : คนพันธุ์ร็อค - [ 17 ก.พ. 52 12:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 LAST FRIENDS ทำให้สาวๆถวิลหาผู้ชาย dv มากขึ้น 555 ไม่ใช่.... ทำให้สังคมหันมามองความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น ในแง่นี้คล้ายๆกับ LIFE ที่มีการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ซึ่งเป็นปัญหาสังคมมานาน 2เรื่องนี้แนวสะท้อนปัญหาสังคมผ่านซีรีย์ เมื่อไม่นานมานี้อ่านข่าวพบว่า ทิศทางการจ้างงานของแรงงานจะเป็นแบบลูกจ้างชั่วคราวมากขึ้น เลยนึกถึง Haken no Hinkaku สำหรับซีรีย์ที่สร้างกระแสในสังคม Nodame ด้วยคน เพราะเพื่อนเราดูจบไปเพลงคลาสิคมานั่งฟัง Nobuta wo produce เห็นหลายคนไปหาตุ๊กตาหมูมาห้อยเล่น MyBoss Myhero/queen of lunch 2 เรื่องนี้ทำให้ พุดดิ้งและข้าวห่อไข่ยอดพุ่งกระฉูด จากคุณ : เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย - [ 17 ก.พ. 52 12:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จิ๊กแว่นของโอซามุมาให้ดูค่ะ จากคุณ : kimurafreek - [ 17 ก.พ. 52 14:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ละครไทยยังเน้นบาปบุญคุณโทษ  ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วอยู่ ก็เลยมีการแบ่งฝ่ายตัวละครดีชั่วค่อนข้างชัด   ไม่ใช่ทุกเรื่องนะคะแต่โดยมากยังอยู่บนพื้นฐานนี้อยู่ ของญี่ปุ่นจะล้ำไปถึงการตั้งคำถามว่าอะไรกันแน่คือดีหรือชั่ว เราใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งดีหรือชั่วกันแน่  มันฝึกฝนให้คนเขาได้คิดเชิงอุดมการณ์ เพราะในชีวิตคนเรามีโอกาสเจออะไรที่ซับซ้อนกว่าแค่ดีหรือชั่ว ขาวหรือดำ การดูละครที่ฉุกคิดหรือให้ตั้งคำถามเหมือนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนหัดใช้วิจารณญาณได้ เหมือนอย่าง Change ที่สามารถเล่าไปถึงเรื่องเชิงอุดมการณ์และสร้างสังคมอุดมคติขึ้นได้ หรือ Galileo ยังมีตอนที่ชิงโงมาก็ตั้งคำถามให้เห็นถึงการใช้ความรู้ว่า ใครๆก็มีความรู้ได้แต่จะใช้ความรู้ไปทำอะไรนั่นสำคัญกว่า ส่วนละครไทยยังไม่มี ดังนั้นไม่แปลกที่นอกจากจะไม่เห็นนักการเมืองไทย สละเอาชาไปดื่มที่ทำงานอย่างใน Change แต่แค่จะจ่ายภาษีตามหน้าที่ของตัวเองก็ยังหลบเลี่ยงกันตลอด และคนก็ยังยอมให้ทำได้อย่างไม่คิดอะไร ดังนั้นถ้าเทียบแล้วเทรนด์ของไทยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้แค่เปลือก จึงเป็นแค่แฟชั่นแบบ สุภาพบุรุษลูกผู้ชายเคยทำให้เด็กไทยหัวทองตามเติ้ลกันเป็นแถวอยู่พักหนึ่ง หรือไม่ก็ทำตามดาราหญิงในเรื่องของแฟชั่น ทำบ็อบเท ลิ้นแดง มัดผมเป๋ หรืออย่างมากก็ทำให้เกิดเทรนด์ในการสร้างละครเรื่องต่อๆไปสืบสานความสำเร็จเรื่องก่อนหน้าตามๆกันแค่นั้น ยากที่จะทำให้เกิดการปลูกฝังความคิด จากคุณ : Stay alivE - [ 17 ก.พ. 52 14:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ถูกใจ คห.6 คุณ Stay alivE  วิเคราะห์ได้โดนใจ ขอมอบใจให้อีกดวงต่างหาก จากคุณ : Mad Bull - [ 17 ก.พ. 52 15:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จริง ๆ ถ้าคิดให้ดี ละคร หรือ ซีรีย์ก็สามารถเป็นกลไกหนึ่งของภาครัฐที่ใช้พัฒนาชี้นำสังคมให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้นะคะ หากทำให้ถูกวิธี แต่คิมุก็ไม่ทราบได้ว่าทางภาครัฐกับภาคเอกชนที่โน่นเขาร่วมมือกันส่งเสริมอะไรตรงนี้รึเปล่า หรือว่าเป็นเฉพาะแนวคิดของสถานีโทรทัศน์(ซึ่งก็น่าจะเป็นเอกชนอย่างเดียว) การที่ซีรีย์ของทางญี่ปุ่นเป็นไปดังแนวทางที่คุณ Stay alivE ว่า อาจทำให้ซีรีย์ญี่ปุ่นออกจะเข้าใจยาก(บางเรื่อง) เพราะ ดูแล้วต้องใช้ความคิดอยู่บ้าง อาจจะบอกได้ว่าญี่ปุ่นไม่ค่อยขายของนะ ไม่ได้ผลิตละครออกมาเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม ขอพาดพิงถึงเกาหลีนิดนึงนะคะ ส่วนตัวแล้วเห็นว่าเกาหลีพัฒนาซีรีย์เป็นสินค้าส่งออกทางด้านวัฒนธรรมมากกว่าใช้เป็นเครื่องมือชี้นำสังคมนะคะ จากคุณ : kimurafreek - [ 17 ก.พ. 52 15:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างน้อยตอนที่แสลมป์ดังค์กำลังดัง ก็เคยมีไอ้เด็กบ้าคนนึงไปตัดสกรีนเฮด ย้อมผมแดงแปร๊ดมาแล้ว ฮุฮุฮุฮุฮุ  =_______=" จากคุณ : Baritoreca - [ 17 ก.พ. 52 15:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้ดีๆแบบนี้ต้องเก็บเข้าคลังกระทู้ ^^~ จากคุณ : Akaba - [ 17 ก.พ. 52 16:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราขอมองเหรียญอีกด้านนึงแล้วกันนะคะ อ่านตอบไม่ค่อยตรงคำถามกับเจ้าของกระทู้นัก แต่พอดูอ่านหลายๆ comment ก็เลยอยาก share ความเห็นอีกด้านนึง เราว่าละครของชาติไหนๆเนี่ยก็มักจะสอดแทรกค่านิยมหรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆอยู่อะค่ะ แล้วก็เป้าหมายหลักก็คือต้องการนำเสนอละครให้ถูกใจคนส่วนใหญ่ของประเทศ จากการดูซีรีส์ญี่ปุ่นเนี่ย ทำให้เรารู้สึกว่าสังคมเมืองของญี่ปุ่นเนี่ย น่าจะอยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่มีใครสนใจใคร ผู้ชายญี่ปุ่นน่าจะไม่ค่อยกล้าแสดงความรู้สึกตัวเอง ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ปัญหาเด็กวัยรุ่น หรือ คนฆ่าตัวตายค่อนข้างเยอะ ทำให้ซีรีส์ส่วนใหญ่ออกมาในแนว อบอุ่นให้กำลังใจ บอกว่าชีวิตยังมีคุณค่า ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้ อย่าเพิ่งยอมแพ้ มีเรื่องของผู้ชายรักอ้ำอึ่้งที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเยอะ มีเรื่องค่านิยมการอยู่ก่อนแต่ง หรือผู้หญิงไปค้างบ้านผู้ชายเป็นเรื่องปกติ แต่ข้อดีทีเห็นได้ชัดก็คือ คนญี่ปุ่นจะมีความมุ่งมั่นสูง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำอะไรทำจริง จะเห็นว่ามีซีรีส์แนวตามหาฝัน หรือ ต่อสู้เพื่อการทำงานเยอะมาก ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเจริญถึงทุกวันนี้อะค่ะ ส่วนประเทศไทยเราเนี่ยเป็นเมืองพุทธค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเนี่ยจะถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก เป็นผู้หญิงต้องอยู่ในกรอบประเพณีรักนวลสงวนตัว ค่านิยมมองคนที่เปลือกก็เยอะ ยกย่องคนรวย ค่านิยมมีเมียน้อย ละครก็เลยแทบทุกเรื่องเลยมักมีบทสรุปเสมอว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ผู้สร้างอาจจะคิดเยอะไปหน่อยว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดไม่เป็นก็เลยทำออกมาให้มันชัดไปเลยว่าอันไหนชั่วอันไหนดี นางเอกก็ต้องเรียบร้อย อยู่ในกรอบ นางร้ายก็ร้ายให้มันชัดๆครบสูตรไปเลย พระเอกก็มักจะเป็นลูกคนรวยแต่งานการไม่ทำเอาแต่ตามจีบนางเอก (อันนี้สะท้อนสังคมลูกไฮโซเมืองไทยที่ชอบมีข่าวกับดารารึป่าวไม่รู้แฮะ) เรื่องเมียหลวงเมียน้อยเป็นปมที่ใช้บ่อยๆ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีกับฉากพวกตบตีกันแย่งแฟน หรือ ละครแนวข่มขืนแล้วรักกัน ตบจูบ อันนี้มันสะท้อนผู้จัดหรือคนดูไม่รู้แฮะ 55 อ๋อ อีกแนวละครไทยก็คือ แนวแก้แค้นค่ะ ส่วนใหญ่ชอบแก้แค้นแนวทำให้หลงรัก โดยการไปแต่งงานกับเค้าซะ ??? แล้วมันแก้แค้นตรงไหนฟะเนี่ย ไม่เข้าใจ อาจเพราะคนไทยชอบดูเรื่องรักๆเลยต้องแต่งเรื่องมาแบบนี้มั้ง เหรออออ สุดท้ายก็แอบบ่นละครไทยจนได้แฮะเรา จากคุณ : peaceplease (peaceplease) - [ 17 ก.พ. 52 18:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่า .... ตอนนี้เราถกกันอยู่ 2 ประเด็นสินะคะ 1. trend ที่เกิดขึ้นจากละคร (ประเด็นเดียวกันกับเรื่องอิทธิพลของละครต่อสังคม) 2. เนื้อหาของละครที่สะท้อนธรรมชาติของสังคมนั้น ๆ ----------------------------------------------------------------------------- อยากจะเพิ่มเติมว่า trend ทางสังคมที่เกิดจากละครญี่ปุ่นอีกอย่างคือ การกระตุ้นให้คนคิดค่ะ ไม่ว่าจะฮาบ้าบอขนาดไหนก็ยังทิ้งประเด็นให้คนคิด และ วินิจฉัยในสิ่งถูกผิด(เอาเอง) เปิดโอกาสให้คนได้ลองพินิจพิเคราะห์ในพื้นที่สีขาว สีเทา สีดำ และ ชี้ให้เห็นผลที่ตามมา ----------------------------------------------------------------------------- ในประเด็นที่สองมีเรื่องที่อยากจะพูดถึง และ วิเคราะห์ให้เห็นชัด โดยยกตัวอย่างละครเรื่อง queen's classroom แต่ขอเวลารวบรวมข้อมูลซักหน่อยค่ะ เกริ่นไว้ก่อนว่า ห้องเรียนของคุณครูมายะนั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องเหนือจริงอยู่บ้าง แต่เป็นละครที่ชี้ให้เห็นปรัชญาการศึกษา(ธรรมชาติในสังคม)ของประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีค่ะ จากคุณ : kimurafreek (kimurafreek) - [ 17 ก.พ. 52 20:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ที่ คห.11 บอกมันก็จริง ละครสะท้อนสังคมแต่ละท้องที่ แต่ว่าจะดีแค่ไหนคะ? ถ้าละครจะชี้นำสังคมได้ ละครญี่ปุ่นสะท้อนสังคมก็จริง แต่ก็สอดแทรกเนื้อหา เพื่อจะชี้นำสังคม และเติมเต็มส่วนที่สังคมขาดด้วย ฟังรายการฟังหูไว้หูทางคลื่นอีเอฟเอ็ม จิตแพทย์ท่านหนึ่ง บอกไว้ว่า ละคร(ไทย)สะท้อนมาจากชีวิตจริงก็จริง แต่จำเป็นเหรอที่จะต้องนำแต่เรื่องเลวๆมาสะท้อน เรื่องดีๆล่ะ เรื่องดีๆ ในสังคมไทยมันไม่มีให้สะท้อนเลยรึไง จะให้ละครชี้นำสังคม แทนที่สังคมจะชี้นำละครไม่ได้เหรอ? นายแพทย์ท่านนั้นยังบอกอีกว่า ถึงแม้ว่าในละครไทย จะมีบทสรุปด้วยคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่คนไทยมักจะจำมาแต่ที่ชั่วๆเท่านั้น (อันนี้เราต่อเอง) เห็นได้จากสภาพสังคมทุกวันนี้ ทั้งความรุนแรง เรื่องชิงรักหักสวาท ลงหน้า 1 ได้แทบทุกวัน บางคนว่าคนดูแยกแยะได้ โดยเฉพาะกับนักแสดง ที่มักจะมีประโยคเห็นแก่ตัวพวกนี้มาเสมอ ถ้าแยกแยะได้ ทำไมนักแสดงเหล่านั้น ถึงมาเล่ากันอย่างเมามันส์ว่ามีคนอินจัดส่งข้อความมาด่างู้นงี้ อย่าลืมว่าไม่ทุกคนหรอกที่แยกแยะได้ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่ไร้ผู้ใหญ่แนะนำ หรือบางที่ผู้ใหญ่ที่ไม่มีใครแนะนำได้ กระทู้แนะนำห้องรวมวันก่อนก็เพิ่งมีไป เกี่ยวกับเด็กหญิง ที่โทรไปป่วน call center ทำสุ่มเสียงอย่างกับนางร้ายในละคร แถมนั้นไม่ใช่กรณีเดียวด้วย ยังมี call center คนอื่นๆ มาบอกเล่าเรื่องราวของเด็กน้อยพวกนี้อีกมากมาย กระทู้นั้นแหละ เป็นตัวสะท้อนละครไทยได้ดีเลยล่ะ ว่าแค่ ตอนจบบทสรุปสั้นๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันแทบไม่ได้เข้าไปในความนึกคิดของคนดูเลย มีแต่ภาพความรุนแรง เน้นเอามันส์ตลอดเรื่องมากกว่า ที่เข้าไปอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของคนดูมากกว่า ปล.ขออภัย จขกท.ด้วยค่ะ ที่นอกเรื่องพากระทู้ออกอ่าวไทยซะงั้น ^^" แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 23:00:45 จากคุณ : น้ำพริกกินกะปลาทู - [ 17 ก.พ. 52 20:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เป็นไรค่ะ ตราบใดที่ยังไม่ทะเลาะกันซะก่อนน่ะนะ ถือว่าเป็นการพูดคุยระดมความคิดก็แล้วกันค่ะ อย่าเพิ่งหลุดประเด็นนะคะ ตอนนี้ไม่ได้พูดถึงความชอบไม่ชอบนะคะ พูดถึงอิทธิพลของละครต่อสังคมเป็นหลักค่ะ ^ ^ จากคุณ : kimurafreek - [ 17 ก.พ. 52 20:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ญี่ปุ่นเอง ก็มี "ละครตบ-จูบ" เพียงแต่จำนวนเรื่อง และเวลาที่ฉาย ไม่เอื้อให้โกยเรทติ้งได้มากมาย จึงถูกมองว่า ไม่ค่อยเป็นที่นิยม แต่ก็มีต่อเนื่องยาวนานมาหลายสิบปีแล้ว "ละครดัง ๆ ซักเรื่อง ที่ทำให้เกิดผลอะไรในสังคมได้บ้างรึเปล่าคะ" คิดว่า มีผลแน่นอนค่ะ เมื่อคนชอบดูทีวี ชอบดูละคร ดูมากๆ ก็เกิดความคล้อยตาม ซึมซับ หรือ การเลียนแบบ อันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์   อยู่ที่ว่า "ละครดังๆ" ที่ว่า มีเนื้อหา เน้นไปทางไหน เช่น กีฬา อาหาร อาชีพการงาน การทำตามความฝัน การทำความดี และอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมกันเป็นช่วงๆ ตามกระแส เข้ามาแล้วก็จากไป แต่กลิ่นไอของความประทับใจบางอย่าง อาจจะยังอยู่ในใจได้นานกว่า ยังไงก็ตาม "รีโมท" อยู่ในมือเรา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา ที่เลือกที่จะดู หรือ ทำตาม มากกว่า ค่ะ ^^ จากคุณ : ก้มลงกราบ - [ 17 ก.พ. 52 22:08:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่านค่ะ ตัวเราเองไม่เคยรู้ข้อมูลพวกนี้ ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ รู้สึกเป็นละครของป๋ายะทั้งนั้นเลย ปลื้มจริงๆ ละครไทยที่พูดว่าสะท้อนสังคม มันเป็นการแก้ตัวโดยพูดปัดของผู้จัดค่ะ ในใจคิดเอาแต่ได้ ละครดีๆ เทรนดีๆไม่เคยเกิดสักที มีแต่จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี จากคุณ : สิงห์คะนองเดชจิวยี่ - [ 19 ก.พ. 52 16:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พอดีกำลังดู Nana 2 อยู่ค่ะ เลยนึกได้ ช่วง NANA 1 ฉายที่ญี่ปุ่น แก้วลาย strawberry ขายดีมากก จนขาดตลาดค่ะ เราก็อยากได้มั่กๆ แต่หาซื้อไม่ได้ง่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้ดู NANA แก้วลาย strawberry เนี่ยเป็นสัญลักษณ์ความผูกพันของ nana ทั้งสองคนค่ะ จากคุณ : peaceplease (peaceplease) - [ 20 ก.พ. 52 00:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มารอฟังบทวิเคราะห์ queen's classroom ของคุณ kimurafreek นะคะ จากคุณ : peaceplease (peaceplease) - [ 20 ก.พ. 52 00:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น่าจะไปตั้งห้องรวมน่ะ จากคุณ : 4 - [ 20 ก.พ. 52 12:10:43 A:192.168.0.17 X:117.47.238.60 TicketID:165031 ]