บทเรียนชีวิตที่มีค่านั้นเราเรียนรู้ได้จากคนรอบตัวจริงๆครับ ผมเป็นคนญาติเยอะ(แม้จะไม่ใช่ยุ้ย) เฉพาะลุงป้าน้าอาแท้ๆก็ปาเข้าไป 17 คน ถ้านับลูกพี่ลูกน้องก็คงเป็นร้อย มีบทเรียนเยอะเลยครับ แต่แยกเป็นหมวดหมู่ก็คงไม่กี่เรื่องหรอกครับ เรื่องหลักๆที่ได้เรียนรู้และรับรู้คือการวางแผนอนาคตให้มั่นคงครับ เพราะไม่งั้นผลของมัน...น่ากลัวโค่ด...
และนี่คือ 1 เรื่องที่เพิ่งรับรู้มา
เช้าวันนี้ แม่สุดสวยวัย 78 ของผมเดินทอดน่องเหี่ยวๆไปรับโทรศัพท์ ผมนั่งซดกาแฟและได้ยินบทสนทนา(ข้างเดียว)ดังนี้...
"ว่าไงจ๊ะ"
"เหรอ...อ้าว"
"เท่าไหร่ แล้วเธอไม่มีเหรอ แล้วตาอ้น(น้องแม่)เขาไม่ช่วยเหรอ"
"อ๋อ..อ้นเขาให้เดือนละ 3000 เหรอ"
"อืม เอาเหอะ พี่น้องกัน บอกเบอร์บัญชีเธอมา"
"เธอใช้เงินเดือนเท่าไหร่ อืม..อืม..ฉันช่วยเธอได้เดือนละ 3 พัน"
"เอาน่า...พี่น้องกัน...จ้าเดี๋ยวออกไปโอนให้นะ.."
เดาซิคร๊าบบบบ เรื่องอะไร
แม่ผมมีพี่สาวที่รักกันมากอยู่หนึ่งคน ขอเรียกว่าป้ายุแล้วกันครับ ป้ายุเป็นพี่คนที่ติดกับแม่ ป้าแกเป็นสาวโสด ทำงานเป็นเลขาสำนักงานทนายความมาตั้งแต่สาวจนแก่ ปัจจุบันอายุ 81 ขวบ(กำลังเอ๊าะเลยครับ) ตั้งแต่เด็กๆผมจะชอบป้ายุมากครับ เพราะป้าเป็นคนสวย แต่งตัวเก๋ แม้จนอายุมากก็ยังสวยพริ้ง แต่ผมเคยได้ยินแม่บอกป้าบ่อยๆว่าให้ประหยัดบ้างเพราะตัวคนเดียว บ้านก็ไม่มีอาศัยอยู่กับคุณยาย ที่จริงลูกคุณยายทุกคน(10คน)มีที่ดินที่คุณตา-คุณยายให้ไว้ แม้มันจะไม่ใหญ่(120 ตรว)แต่ก็อยู่กลางเมือง แต่ป้ายุขายที่ของตัวเองให้น้าอ้นไปตั้งแต่ปี 33 ได้เงินมา 1 ล้านก็เอาไปซื้อรถและใช้ไปจนหมด ต่อมาปี 40 ก่อนฟองสบู่แตก คุณยายตาย และลูกๆก็ขายที่ของตัวเองซึ่งรวมอยู่ในที่ผืนใหญ่ แม่ผมซึ่งยังมีที่อยู่และขนาดเท่าของป้ายุที่ขายไปแล้ว แม่ได้ส่วนแบ่งมา 18 ล้าน ส่วนป้ายุไม่ได้เพราะขายให้น้าอ้นไปแล้ว...(ไม่น่าเชื่อขายที่ห่างกันแค่ 7-8 ปี ราคาต่างกันยังกับฟ้ากับเหว 1 ล้าน กับ 18 ล้าน เฮ้อ)
เล่าอย่างย่อก็คือป้ายุ ไปอาศัยอยู่กับน้าอ้นซึ่งขายที่ของตัวเอง+แปลงที่ซื้อจากป้ายุ น้าอ้นได้เงินไป 45 ล้าน ส่วนแม่ผมแม้จะสวยหน้าโหด(อย่างที่ลูกๆชอบเรียก)หลังจากเสียภาษีแล้วเหลือเงิน 15 ล้าน แจกเงินพี่ๆที่อยู่ในสภาพเดียวกับป้ายุไปคนละ 5 แสน รวม 6 คน (ขายที่กันไปหมดนานแล้ว) แต่ป้าๆลุงๆพวกนี้ถึงจะไม่รวยก็มีลูกหลานครับไม่ลำบากเท่าไหร่
การเวลาผ่านไป....เงินเก็บป้ายุรวมทั้ง 5 แสนที่แม่ให้ก็หมดลง ป้ายุคนเก๋ของผมกลายเป็นหญิงชราที่ต้องอาศัยน้องชายอยู่ และอึดอัดกับน้าสะใภ้ที่คอยกระทบกระเทียบ จนต้องโทรมาร้องไห้กับแม่บ่อยๆ แต่ที่น้าสะใภ้ต้องยอมให้อยู่เพราะป้ายุเลี้ยงหลานๆมาให้ตอนที่หลานๆลูกน้าอ้นมาเรียนกรุงเทพและอยู่ที่บ้านคุณยาย....ก็เลยมีบุญคุณกัน แต่บุญคุณก็เจือจางตามกาลเวลาครับ...
เมื่อเช้าเงินป้ายุคงหมดเกลี้ยง ถึงได้มาเอ่ยปากกับแม่ แม่ผมบอกผมว่าที่จริงกันเงินไว้ให้ป้ายุตอนเจ็บป่วยในอนาคตไว้ก้อนหนึ่งแล้ว แต่ก็คงเอาส่วนนี้แหละมาแบ่งให้ป้ายุใช้ไปเรื่อยๆ..
บทเรียนจากเรื่องนี้ สำหรับคนโสด และทุกๆคนครับ
1. ต้องมีบ้านเป็นของตนเอง จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ
2.ต้องมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต ในรูปแบบของเงินเก็บ หรือ ค่าเช่า
3.ควรตายก่อนเงินหมด อันนี้สำคัญมาก 555 ++
4.ถ้าต้องขายที่ดิน ควรนำเงินไปทำให้งอกเงย ไม่ใช่ใช้จนหมด
5.ควรเป็นคนแก่ที่มีทรัพย์ ไม่งั้น โดนรังเกียจ
6.ควรหาอาชีพเสริมครับ ป้า(ข้างพ่อ)ผมทำน้ำพริกส่งขายตามร้าน ได้เดือนละ 3 หมื่นกว่าหลังหักต้นทุน ป้าคนนี้ไม่ต้องใช้เงินเก็บเลยครับ ทั้งที่อายุ 80 กว่าแล้ว เมื่อก่อนป้าแกทำงานยูเนสโก้
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์หรือเปล่านะครับ แต่สำหรับผมมันเป็นบทเรียนชีวิต...ที่ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เองครับ....
ผมว่าจะให้ตังค์ป้ายุมั่ง แต่ขอไปตรวจสอบสถานะตัวเองก่อนนะครับ
เมื่อตอนเด็กๆป้ายุคนสวยใจดีชอบขับรถเอาขนมมาให้หลานๆบ้านนี้ เพราะป้ายุทำงานแถวดุสิตธานี เลยมักเอาเค๊กจากร้านในโรงแรมมาฝาก ภาพความทรงจำตอนนั้นมันยังไม่นานเลยนะ....เฮ้อ
แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 17:39:42
แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 17:34:24