ความคิดเห็นที่ 1 ต่อ...            เมื่อพิจารณา จะพบว่า หนังแบ่งเรื่องราวออกเป็นสองส่วน            ส่วนแรก คือ การบอกเล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่หล่อหลอมขึ้นมาเป็นตัวตนของ Benjamin Button            หนังเริ่มด้วยการเล่าประวัติของ Benjamin Button (Brad Pitt) ผ่านไดอารี่ ของเขาเอง ที่ Caroline (Julia Ormond) อ่านให้ Daisy (Cate Blanchett) แม่ของเธอ ที่กำลังนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลฟัง            ทันทีที่คลอด แม่ของ Benjamin ก็ตายทันที พ่อของเขาจึงเอาไปทิ้งไว้ที่บ้านพักคนชรา            Benjamin จึงเติบโตขึ้นมาในบ้านที่มีแต่คนแก่ โดยมี Queenie (Taraji P. Henson) ผู้ดูแลบ้านพักคนชรา รับหน้าที่แม่            ที่นี่เองที่ Benjamin ได้รู้จักความตาย ตั้งแต่เด็ก การตายของเหล่าคนแก่ในบ้านพัก ที่เปรียบเหมือนคนในครอบครัวของเขา ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และเข้าใจความไม่ยั่งยืนของชีวิต ซึ่งกลายเป็นมุมมองที่ติดตัวเขาไปตลอด            จากนั้น Benjamin ก็ได้ออกไปเผชิญโลกกว้าง เขาไปทำงานเป็นลูกเรือในเรือลากของ กัปตัน Mike (Jared Harris) ผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อ และ พี่ชาย ที่เขาไม่เคยมีในเวลาเดียวกัน            และเมื่อเขาประจำการที่ Russia เขาก็ได้พบกับ Elizabeth Abbott (Tilda Swinton) ที่ถือว่าเป็นรักครั้งแรกของเขา            นอกจากนี้ Benjamin ยังได้สัมผัสกับ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คร่าชีวิตเพื่อนร่วมงานของเขาไปหลายคน            ส่วนแรกของหนัง ถือว่าประสบความสำเร็จ กับการสร้างความผูกพันระหว่างคนดู กับ เหล่า คาแรคเตอร์หลัก โดยเฉพาะ ตัว Benjamin จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมทึ่งที่เค้าทำแบรดพิทให้แก่ได้อย่างน่าใจหาย และทำให้เป็นหนุ่มหล่อหน้าตึงได้แบบสุดๆ และสงสัยว่าเค้าทำให้เบนจามินตัวเตี้ยอย่างนั้นได้ยังไง(เทคนิคคล้ายๆLord of the ringรึเปล่า) ส่วนเนื้อเรื่องก็ดีครับ จากคุณ : PirenZe - [ 24 ก.พ. 52 16:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อ...            ส่วนที่สอง เป็นเรื่องราวความรักของ Benjamin กับ Daisy            ในส่วนนี้หนังมีความเป็น หนังดราม่าความสัมพันธ์อยู่สูง            ซึ่งส่วนนี้ เป็นส่วนที่ความเป็นดราม่าต้องหนักมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่ากลัวหนังจะหนักเกินไปหรือย่างไร ก็ไม่ทราบ เพราะว่าในส่วนนี้กลับไม่เข้มข้นเท่าที่ควร ทำให้หนังดูเอื่อยๆ เนือยๆ            อย่างไรก็ตาม พอช่วงท้ายของหนังมาถึง ก็ยังพอทำให้เราได้สะเทือนใจกับเรื่องราวได้บ้าง แต่ก็ยังไปไม่สุดอยู่ดีนั่นแหล่ะ เพราะดูเหมือนหนังจะรวบรัดไปหน่อย            พูดถึงงานเทคนิค            หนังทำได้ยอดเยี่ยมมาก กับงาน make-up ที่สร้างตัวละคร Benjamin Button และ Daisy ในวัยแก่ได้อย่างสมจริง            การกำกับภาพที่เน้นโทนทึมๆ และดูงดงามเหนือจริงเล็กน้อย ในช่วงแรกของหนัง ช่วงส่งเสริมอารมณ์ของการจากลา วัยเด็กที่ดูมืดมน และความเหนือจริง ของเรื่องราวชีวิตของ Benjamin ได้อย่างดี            ก่อนที่จะดูสว่างขึ้น ดูจริงขึ้น และสัมผัสได้ ซึ่งช่วยเสริมความหนักแน่นจริงจังของเรื่องราว ในส่วนที่เป็นความรักระหว่าง Benjamin กับ Daisy            ส่วนงาน Visual Effect ที่โดดเด่นที่สุด ก็คงเป็นฉากรบในทะเล ที่สร้างทั้งความน่ากลัว และน่าตื่นเต้น ไปพร้อมๆกัน จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อ...            ไม่ปฏิเสธว่า Brad Pitt ในบท Benjamin Button ทำหน้าที่ได้ดีในการรับบทเป็นตัวละครที่ต้องขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากนัก            ในส่วนแรกของหนัง ซึ่งเป็นพัฒนาการของตัวละคร Benjamin เรื่องราวในส่วนนี้มีอะไรให้ Pitt ได้แสดงความสามารถ กับการเล่นเป็นเด็กในร่างชายแก่อยู่บ้าง            ผู้ชมคงจะไม่รู้สึกว่า ชายคนนี้คือ Brad Pitt ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นส่วนที่ Pitt ทำได้ดี แต่คงต้องยกความดีความชอบครึ่งหนึ่งไปที่งาน make-up ด้วย            เรื่องราวในส่วนถัดมา เมื่อ Benjamin ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ตัวละครนี้ก็แทบไม่มีพัฒนาการอะไรต่อไปอีก            แถมด้วยลักษณะนิสัยของตัวละครที่ดูนิ่งๆ เป็นคนที่ปล่อยวางกับชีวิตได้แล้ว ทำให้ตัวละครนี้ดูจืดชืดลงไปมากทีเดียว            เรื่องราวในส่วนนี้เลยไม่มีอะไรให้ Pitt ได้แสดงมากนัก ความหล่อ และดูดีในแบบของเขา จึงโดดเด่นขึ้นมาแทน จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อ...            บท Daisy ของ Cate Blanchett เป็นบทที่มีอะไรให้เล่นเยอะ และหลากหลายอารมณ์ ถือว่ามีมิติของตัวละคร และ พัฒนาการมากที่สุดในเรื่องแล้ว            ซึ่ง Blanchette ก็ถ่ายทอดอารมณ์ในแต่ละฉาก แต่ละช่วงอายุของ Daisy ออกมาได้ดี และเป็นธรรมชาติ            ทั้งในช่วง วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน วัยกลางคนที่ต้องรับมือกับการเป็นแม่ และ ความเปลี่ยนแปลงของคนรัก แม้กระทั่งใน วัยชรา ที่ต้องนอนนิ่งบนเตียงภายใต้ make-up Blanchett ก็ยังทำหน้าที่ได้ดี            Tilda Swinton กับบท Elizabeth Abbott ที่แม้จะออกมาน้อย แต่เรียกได้ว่า ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่มากที่สุด กับการเป็น รักครั้งแรก ของ Benjamin            ซึ่ง “ปฏิกิริยาเคมี” ของ Pitt และ Swinton ในส่วนนี้ ดูเข้ากันมากกว่า ความรักระหว่าง Benjamin กับ Daisy เสียอีก            ส่วนบท Queenie คุณแม่ ที่เลี้ยงดู Benjamin ของ Taraji P. Henson            เป็นบทที่ต้องได้รับความเห็นใจจากผู้ชมอยู่แล้ว ซึ่ง Henson ก็รับผิดชอบได้ดีในระดับหนึ่ง            ซึ่งการที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในหลายๆสถาบัน คงเป็นเพราะตัวบทมากกว่า ที่ส่งให้เธอเด่นขึ้น จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อ...            สมมติว่า ถ้าลองตัด เรื่องของการเติบโตที่สวนทางของ Benjamin ออกไป            ก็จะพบว่า ชีวิตของเขา ก็ไม่ต่างจากชีวิตคนปกติทั่วๆไป (ที่อาจจะมีสีสันกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อย)            ซึ่ง Fincher กับ Roth ก็ทำให้เรื่องราวชีวิตของ Benjamin ดูสมจริง สัมผัสได้ ซึ่งให้ความรู้สึกว่า เกิดขึ้นได้จริงๆ ไม่โม้จนเกินไป            จะว่าไปแล้ว ส่วนที่เหนือจริงในหนัง ก็มีเพียงส่วนเดียว นั่นคือ การเติบโตแบบย้อนกลับของ Benjamin ที่มีขึ้นก็เพื่อรับใช้ Theme หลักของเรื่อง เท่านั้น            (ถ้าเทียบกับ Forrest Gump ที่เล่าเรื่องราวที่น่าจะจริงจังมากกว่า แต่กลับมีความเป็นแฟนตาซีสูงกว่าหลายเท่า)            The Curious Case of Benjamin Button เต็มไปด้วยข้อคิด ที่เป็นเหมือนคำสอน หรือ คำแนะในนำในการดำเนินชีวิต ที่ถือได้ว่า สละสลวย และคมคายไม่น้อย เลยทีเดียว            แต่ในบางทีมันก็กลับทำให้รู้สึกขัด และ ถูกยัดเยียดได้เหมือนกัน เมื่อคำพูดเหล่านั้น ถูกยัดเข้าปากตัวละครแบบดื้อๆ โดยไร้ที่มาที่ไป หรือไม่ก็ สร้างเหตุการณ์แบบปุบปับ เพื่อหาช่องทางนำเสนอข้อคิดเหล่านั้น            หนังใช้สัญลักษณ์ที่ชัดเจน ทั้ง นกฮัมมิ่ง, ดวงอาทิตย์ขึ้น หรือ นาฬิกา            ซึ่งอาจทำให้ดูขาดชั้นเชิงในการนำเสนอไปหน่อย แต่มันก็ทำให้ผู้ชม เข้าใจเรื่องราว และ สิ่งที่ต้องการนำเสนอได้ง่ายขึ้น จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องเทคนิคมันไม่ซับซ้อนอะไร ใช้หน้ากากยางสวมที่หัว+เมคอัพ  แบรทตอนหน้าใสก็ใช้เทคนิคการเมคอัพ  เรื่องนีั้เด่นด้านภาพจริงๆ แต่แบรทพิทก็ยังแสดงเป็นแบรทพิทน่ะ  แค่เคทสิ แสดงได้สุดยอดเลย นี่ถ้าได้ทอมแฮงค์ตอนรุ่งๆหรือนักแสดงเชี่ยวๆกว่านี้มาแสดงบทของแบรทล่ะก็จะสุดยอดมากเรื่องนี้ จากคุณ : ปลายเทียน - [ 24 ก.พ. 52 16:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อ...            ที่ผิดหวังเล็กน้อย คือ การที่หนังใช้ประโยชน์จากการเติบโตแบบย้อนกลับของ Benjamin Button ได้อย่างไม่คุ้มค่า            เพราะหนังน่าจะใช้เหตุการณ์ประหลาดนี้ เป็นเครื่องมือในการ สำรวจ หรือ เปิดมุมมองอื่นๆ ที่น่าสนใจได้อีกมากมาย            (ขอพูดถึงเรื่องสั้นนิดหนึ่ง  ถึงแม้เรื่องสั้นจะไม่ได้ลงลึกในประเด็นต่างๆมากนัก แต่มันก็ตั้งคำถามอย่างแนบเนียน ถึงหลายๆประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งด้านการศึกษา สังคม ครอบครัว หรือเรื่องอื่นๆ)            แต่อย่างน้อย หนังก็ให้ข้อสรุปที่ชัดเจน กับคำถามหลักที่หนังตั้งไว้กับคนดูว่า                        "มันจะแตกต่างอย่างไร ถ้าเราเติบโตย้อนกลับจากแก่ไปหนุ่ม"            ซึ่งหนังก็ให้คำตอบด้วย            เรื่องราวคู่ขนาน ของนาฬิกาที่ถูกสร้างในสมัยสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เดินย้อนกลับหลัง            ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ต้องหยุดเดินเหมือนนาฬิกาปกติทั่วไป เช่นกัน            ส่วนเรื่อง “ความไม่แน่นอนในชีวิต” และ “การรู้จักปล่อยวาง” ที่หนังหยิบมาเล่นนั้น ก็เป็นประเด็นที่สามารถพบได้ในเรื่องราวอื่นๆทั่วไป (จะว่าไปมันคือสัจธรรม ที่ใช้ได้กับทุกเหตุการณ์ก็ว่าได้) ซึ่งหนังหลายเรื่องก็เคยหยิบยกเอามาเล่าอยู่แล้ว            ส่วนตัวเลยรู้สึกเสียดายกับ "แนวความคิดเรื่องการเติบโตแบบย้อนกลับ"            ที่น่าจะเล่นกับอะไรหลายๆอย่างได้มากกว่านี้ จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อ...            The Curious Case of Benjamin Button เป็น หนังที่มีไอเดียที่น่าสนใจ และเรื่องราวก็มีความยิ่งใหญ่ภายในตัวเอง แถมยังมาพร้อมการสร้างที่ถึงฟอร์ม และ งานเทคนิคที่อยู่ในระดับสุดยอด            แต่อย่างไรก็ตาม ไอเดียที่น่าสนใจของหนัง กลับไม่ได้เปิดมุมมอง หรือ ต่อยอดความคิดใหม่ๆให้กับผู้ชมมากนัก หนังทำได้เพียง เสนอข้อคิดดีๆ แบบเดิมๆ ที่เคยเห็นกันมาหลายครั้งแล้วนั่นเอง            The Curious Case of Benjamin Button จึงไม่ได้สุดยอดอย่างที่ควรจะเป็น จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คิกเหมือนกันเลยครับ ... ผมดูผมก็ชอบช่วงแรกของเรื่องมากๆๆ ช่วงที่เบนจามินได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตตอนอยู่บ้าน และได้เผชิญโลกภายนอกจากกัปตันเรือ ... ช่วงนี้ประทับใจอ่ะ มันลึกซึ้งดี แต่ช่วงหลังที่เน้นความรักกับเดซี่ผมว่ามันดูเบาๆไปหน่อย จะมาหนักอีกทีตอนที่เดซี่แก่แล้วต้องดูแลเบนจามินที่เป็นเด็ก ... ตอนนี้โคดเศร้าเลย สงสารทั้งคู่ คิดว่าเดซี่จะเศร้าขนาดไหนนะ ชอบบทควีนนี่ด้วยครับ ... เล่นได้เป็นแม่มากๆ จากคุณ : don_custom - [ 24 ก.พ. 52 16:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ใครดูแล้วมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ (555+ โดนปาดกระจาย เครื่อง Net ช้า) อ่านบท วิจารณ์  พร้อมภาพประกอบ และ ตัวอักษรแบบ มีสีสัน เน้นคำอ่านง่าย สบายตา ได้ใน Blog เลยครับ (ขอโปรโมตนิดนะครับ ^_^) *** The Curious Case of Benjamin Button *** เกิด – แก่ – เด็ก – ตาย http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=02-2009&date=24&group=2&gblog=39 อ่อ ใน Blog มีการให้คะแนนของผมด้วยนะครับ ^_^ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและร่วมแสดงความคิดเห็นครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 16:38:20 จากคุณ : navagan - [ 24 ก.พ. 52 16:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมชอบหน้งเรื่องนี้มากครับมันโดน แล้วก็เอาหัวใจผมไปเลย จากคุณ : เอ็มเด็กปลอดสารพิษ - [ 24 ก.พ. 52 16:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบตอน เต้นเปียนโนอ่ะ ฝ่ายหญิง want แต่ฝ่ายชายจิ้น เลยไม่เสร็จ 55++ จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ - [ 24 ก.พ. 52 17:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จิ้นที่ไหนกัน เค้าขึ้นครูตั้งแต่แปดสิบกว่าแล้วนะ จากคุณ : azurite - [ 24 ก.พ. 52 17:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับบางส่วนที่บอก น่าจะดราม่าหนักกว่านี้ได้อีก จากคุณ : tOYBox - [ 24 ก.พ. 52 21:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 13 ไม่จิ้นค่ะไม่จิ้น เสร็จสาวไปตั้งแต่ยังแก่แล้ว เบนจามินอ่ะ คริคริ จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 24 ก.พ. 52 23:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยที่ว่า หนังใช้ประโยชน์ในช่วงการย้อนกลับของวัย น้อยเกินไป ถ้ามีบทช่วงชีวิตวัยรุ่นไปจนถึงช่วงเด็กมากกว่านี้ เช่นการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป (แบบมันส์ๆ) ก็จะเพิ่มสีสันให้หนังมากขึ้น และการใช้ชีวิตในช่วงเด็กที่ต้องระหกระเหิรแบบไร้ทิศทาง ก็จะทำให้หนังสามารถกลับอารมณ์คนดู ให้รู้สึกรันทด อาจทำให้ถึงขั้นหลั่งน้ำตาให้เลยก็ว่าได้ครับ จากคุณ : LamoonMan - [ 26 ก.พ. 52 02:09:43 ]