ความคิดเห็นที่ 1 อิ  อิ  ผมได้พวกแล้วครับ จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ - [ 27 ก.พ. 52 14:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พวกอะไรเหรอ จากคุณ : อาบะเรนเจอร์ - [ 27 ก.พ. 52 14:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเรื่อนแก้ว...ติการัง  คิดเหมือนผมเลยครับ  ท่านหญิงจะเป็นลูกเจ้าคุณกลาโหมได้ไงหว่างงจริงๆ ถ้าเป้นท่านหญิงก็ต้องมีพระบิดาเป็นพระองค์เจ้าเป็นอย่างน้อย แล้วเรื่องเจ้าติดสระ เรือนไทยที่อยู่ก็ต้องเป็นวังเจ้าต่างกรม  ไม่ใช่พระบรมหาราชวัง ส่วนธิดาของสมเด็จเจ้าพระยา ก็เป็นได้แค่คุณหญิงเรียกแบบยกย่อง  แต่ในเรื่องเรียกท่านหญิงแบบเรียกเจ้านายชั้น หม่อมเจ้า  เลยแปลกๆ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 14:19:14 จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ - [ 27 ก.พ. 52 14:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อมูลแน่นปึ้กเลย อิอิ จากคุณ : Necessary - [ 27 ก.พ. 52 14:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ละเอียดดีมากเลยค่ะ เออ เราก็นึกไม่ถึงเหมือนกันแฮะ น่าคิด จากคุณ : sungko - [ 27 ก.พ. 52 14:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... เอ่อ  คงต้องบอกไปยังทีมงานแล้วหละ ว่าแต่ดูเรื่อย ๆก็ไม่ได้คิดลึกอะไรขนาดนั้นเลย ขอมูลแน่นจริง ๆ . จากคุณ : นิราศสองภพ - [ 27 ก.พ. 52 14:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่บอกไม่รู้จริงๆนะเนี่ย ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย จากคุณ : ไม่หล่อไม่ว่าแต่อย่าเลว - [ 27 ก.พ. 52 14:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดูเอาเพลิน ไม่ได้มองแง่ประวัติศาสตร์เลย จากคุณ : ยาควัน - [ 27 ก.พ. 52 14:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หมีแพดด้าก็เพิ่งเข้ามาเมืองไทยได้ไม่นาน เรื่องนี้ มีผีแพ้นด้าได้ยังไง จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน - [ 27 ก.พ. 52 14:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณหมอพงศกร  เขียนโดยใช้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์รองรับ ทำให้เรื่องสนุกและน่าเชื่อถือ แต่คนเขียนบทต้องการเสริมเนื้อเรื่องให้เข้มข้นและมีที่มาที่ไปของตัวละครมากขึ้น  แต่ก็ลืมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทำให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นมาก จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 27 ก.พ. 52 14:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คิดเหมือนกันเลยค่ะว่าหญิงฉาย หญิงโฉมเป็นลูกเจ้าคุณกลาโหมก็ไม่น่าเป็นเจ้า หรือเค้าชื่อเล่นว่า "หญิงฉาย" กับ "หญิงโฉม"เลียนแบบเจ้า คิดสลับไปสลับมาแบบเนี้ยะ จากคุณ : ไซยาไนต์ (ไซยาไนต์) - [ 27 ก.พ. 52 14:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่มาตั้งครับ เพราะว่าผมเอง ก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน ว่าเรียกว่า ท่านหญิง ได้อย่างไรในเมื่อพ่อเป็นเจ้าคุณกลาโหม หรือก็คือ มีตำแหน่งเป็นที่เจ้าพระยา พระยา หรือให้ที่สมเด็จเจ้าพระยา ก็ตามที แต่ว่า ตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยา เป็นตำแหน่งที่ให้แก่ตัวไม่ตกถึงลูกหลาน หรือต่อให้มีแม่เป็นเจ้า แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่นับสืบทอดทางฝ่ายหญิง เมื่อเป็นเช่นนั้นทั้งสองสาวไม่ว่าจะเป็น โฉม หรือ ฉาย ต้องเป็นที่คนธรรมดาสามัญ ไม่มีความเป็นเจ้าแต่อย่างใด แล้วทำไมเรียกโดยลำลองว่า ท่านหญิง ( มาเป็นตางืดดีแท้ ) ต่อมา ถ้านับกันตามฐานันดรศักดิ์ ( ที่อุปโลกกันตามภาษามนุษย์แบ่งชนชั้น ) เจ้าสีเกด เป็นถึงลูกหลานเจ้าแผ่นดิน ต้องมีฐานันดรที่ พระองค์เจ้าเป็นอย่างน้อย ทั้งสองสาว ฉายกับโฉม น่าจะต้องทำความเคารพมากกว่า เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า การถือเอาการนับฐานันดรไม่ได้นับตามอายุ แต่นับกันตามศักดินา ฐานันดรน้อยไหว้ฐานันดรมากกว่า ( คนแก่ไหว้เด็ก ) จริงๆ มีข้อสงสัยอีกหลายเรื่อง แต่ขอกลับไปดูซ้ำอีกที แล้วจะมาตั้งข้อสงสัยใหม่ จากคุณ : เฟอร์รารี่ดิโน่ - [ 27 ก.พ. 52 15:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยค่ะ คุณซอยสิบ การจะทำละครอะไรซักอย่าง ที่เป็นเรื่องที่ควรคำนึง ถึงอย่างมากๆคือเกี่ยวกับบทสนทนา เครื่องแต่งกาย เพราะดูแค่นี้ก็รู้สึกแล้วว่าด้อย จะมาบอกว่า ไม่เป็นไรดูเอาเพลิน ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก เราสมควรทักท้วง เป็นการติเพื่อก่อค่ะ จากคุณ : ป้าชื่อเห็ดโคน - [ 27 ก.พ. 52 15:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเป็นพวก(ช่างสงสัย)ด้วยคน แต่ไม่ได้จับผิดนะคะ  ...ละครสนุกดี แต่ถกข้อมูล เสริมความรู้ก็สนุกอีกแบบ ^^ จากคุณ : จิตรางคทา - [ 27 ก.พ. 52 15:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถูกต้องเลยค่ะคุณเรือนแก้ว..ติกาหรัง ความเพี้ยนของเรื่องนี้เกิดจากการดัดแปลงบทประพันธ์แต่เก็บรายละเอียดไม่ดีพอค่ะ   ก็เลยเกิดการลักหลั่นตามที่สงสัย วัง ที่หมายถึงนั้นคือที่ประทับของพระประยูรญาติไม่ใช่ พระบรมมหาราชวัง  เจ้านายชั้นสูงที่ประทับก็เรียกว่าวังท่าพระ วังเทเวศร์ วังพญาไท  ฯลฯ  ซึ่งล้วยแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังค่ะ   ที่หญิงโฉมว่าในวังนี้ไม่มีใครใหญ่เกินก็คือหมายถึงบ้านตนเองซึ่งเรียกว่าวังเพราะเป็นที่ประทับของเจ้านาย(ตามบทประพันธ์เดิม) จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 27 ก.พ. 52 15:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เครื่องแต่งกายสตรีชาววังสมัยรัชกาลที่ 5 ในภาพเป็นเจ้าจอมท่านหนึ่ง จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ - [ 27 ก.พ. 52 15:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความจริงในบทพูดของเจ้าสีเกดก็น่าจะคลายข้อสงสัยได้บ้าง ประมาณว่า "ทางเรามีทางเดียวคือ ลุกขึ้นสู้ไม่ให้ใครมาหยามเกียรติได้อีก อันที่จริง ด้วยยศและศักดิ์เราเป็นถึงลูกหลานเจ้าผู้ครองนคร แม้จะเป้นเมืองประเทศราชก็ตาม หญิงโฉมต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายทำ ความเคารพ" แต่เผอิญว่าคนเขียนบทไปปูทางให้หญิงโฉม เป็นระดับหม่อมเจ้าซะงั้น และเที่ยววางอำนาจราวกับ พ่อตรูใหญ่นะเฟ้ยยย ยิ่งย้อนกลับไปในฉากวันจันทร์ ที่หญิงโฉมจะมาเฝ้าเสด็จฯ นางจวง ก็เข้ามาก่อน และบอกผู้หญิงอีกคนนึงว่า ท่านหญิง ขอประทานโทษนะเจ้าค่ะ ขอหลีกทางให้ท่านหญิงโฉมด้วยนะเจ้าคะ แล้วสรุปว่า ท่านหญิงท่านั้น เป็นลูกเจ้าพระยาเหมือนกัน หรือ เป็นชั้นหม่อมเจ้า ถ้าเป็นหม่อมเจ้าและเป็นท่านแต่โดยกำเนิด ก็ไม่สมควรหลีกให้ แต่ถ้าเป็นลูกเจ้าพระยาเหมือนกัน ก็ต้องหลีก เพระเพระพ่อตรูใหญ่นะเฟ้ยยยยยย ไม่ได้จะมานั่งจับผิดนะครับ แต่การใช้คำเรียกที่ไม่ถูกต้อง ของผู้ที่เขียนบท มันทำให้คนที่ศึกษาเกี่ยวกับฝ่ายในพระบรมมหาราชวัง สับสนหรือทำให้อรรถในการชมละครลดลงอะครับ เพราะดูไปก็จะสงสัยว่า ทำไม เอ๊ะ ทำไม ทำไม อะครับ ขอบคุณคร๊าบบบบ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 15:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เฮ้อ... ในที่สุดก็มีคนสังเกตุเหมือนกัน ดีใจที่ไม่ได้คิดอยู่คนเดียวค่ะ เมื่อคืน ได้ส่งหลังไมค์ไปให้เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งที่อาจจะติดต่อทีมงานได้แล้ว กำลังรอการแก้ไขอยู่ค่ะ ท้วงไปว่า ขอโทษที่ติดต่อมาทางนี้นะคะ ไม่แน่ใจว่าคุณ.... สามารถติดต่อหรือพอจะบอกอะไรกับทางทีมงานผู้จัดละคร สาปภูษาได้หรือเปล่า ชอบละครเรื่องนี้และรอดูอยู่จริงๆค่ะ ชอบมาตั้งแต่อ่านหนังสือของคุณหมอแล้ว เข้าใจว่าการสร้างละครต้องมีการเปลี่ยนแปลงบทบ้างตามสมควร เลยเอาใจช่วยสุดใจ อดไม่ได้ที่จะต้องสะกิดเตือนนะคะ สำหรับวันนี้ ส่วนที่เปลี่ยน ข้อมูลผิดพลาดมาก อดเป็นห่วงว่าคนจะจำไปผิดๆไม่ได้ เพราะส่วนตัวนั้นเรียนและจดจำเรื่องราวต่างๆจากจอตู้มามากค่ะ ^_^ 1. การเรียกชื่อผู้หญิงด้วยคำนำหน้าว่า "หญิง" ควรจะต้องมีศักดิ์เป็นเจ้าชั้น มรว. (หรือที่เรียกว่าคุณหญิง ในสมัยต่อมา) การที่หญิงโฉม ประกาศก้องว่าเป็นลูกสาว "เจ้าคุณกลาโหม" ที่มีศักดิ์เป็นเพียงขุนนาง ซ้ำยังอยู่ในวังนั้นขัดหูมาก แถมบอกว่าเป็นใหญ่ในวังด้วย คนเป็นใหญ่ในวังฝ่ายใน จะมีแต่เพียงพระมเหสี หรือ เสด็จทรงกรมที่เป็นเจ้าฟ้า เกิดใต้เศวตฉัตรที่ได้รับการแต่งตั้งจากในหลวงเท่านั้น (แม้ว่าการอยู่ในวังของหญิงโฉม อาจหมายถึงการถวายตัวเป็นนางข้าหลวง แต่การดำเนินเรื่องไม่บ่งบอกคนดูอย่างนั้นเลย) เพิ่มเติมว่า ยิ่งระบุว่าอยู่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๒ แล้วระบุตำแหน่งเจ้าคุณกลาโหมที่มีตัวตนจริง -_-' ... น่าจะมีผลกระทบกับบุคคลจริงโดยตรงนะคะ การเรียกลูกสาวผู้ดีที่เกิดจากเมียแต่ง จะเรียก "คุณ" เช่น "คุณแม้นวาด" ในร่มฉัตร หรือลูกผู้ดีแต่อยู่ลำดับรองลงมาว่า "แม่" อย่างแม่พลอยใน 4 แผ่นดิน 2. หม่อมเจ้าชายทัด ในละคร ได้ยินแนะนำตัวกับปู่ของเจ้าหญิงสีเกดว่า เป็น หม่อมเจ้าชาย หม่อมเจ้าชาย ในสมัยรัชกาลที่ 2 แม้จะยังไม่มีศักดิ์สูงมากเทียบเท่าในรัชกาลหลังที่มีการบัญญัติขั้น และ กำหนดขั้นของเจ้า และ เชื้อพระวงศ์ชั้นต่างๆแน่นอนแล้วก็ตาม หาก ก็คือ มจ. ที่เป็นลูกที่เกิดจากเชื้อพระวงศ์ชั้น พระองค์เจ้า อยู่ดี หาก เป็นเพียง “หม่อมทัด” นั้นอาจจะง่ายต่อการดำเนินเรื่องมากกว่า เพราะการเรียกลูกผู้ดี หรือ ข้าราชการในตำแหน่งสูงบางคนยุคนั้น ใช้คำนำหน้าว่า “หม่อม” เฉยๆได้ค่ะ จำเนื้อเรื่องในนิยายไม่ได้แม่นยำนัก ยังไม่มีเวลาไปเปิดค้น แต่คาดว่า ที่ถูก ควรจะเป็น “หม่อมทัด” มากกว่า 3. พระพุทธเจ้าหลวง มีการเอ่ยถึงว่า หญิงโฉม อาจถูกลงโทษจาก “พระพุทธเจ้าหลวง” ได้ ถ้าเจ้าหญิงสีเกดตายตอนโดนแกล้งผลักตกน้ำ ปรกติ พระพุทธเจ้าหลวง ในสมัยอื่นๆ เช่น กรุงศรีอยุธยา นั้น ใช้เรียกพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลก่อน(ณ ปัจจุบันที่พูดนั้นๆ)ได้ เป็นความหมายทั่วไป ส่วนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น แม้ว่าความหมายจะไม่ได้เปลี่ยน แต่ เป็นที่ทราบกันดีว่า ใช้เมื่อ หมายถึง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เท่านั้น เหมือน “สมเด็จที่บนฯ” ที่ปรกติ ใช้เรียก พระมเหสี หรือเจ้านายฝ่ายในที่เป็นใหญ่ที่สุดในวังฝ่ายใน แต่เป็นที่ทราบกันอีกเช่นกันว่า หมายถึง สมเด็จพระพันปีหลวง หรือ สมเด็จพระนางเจ้าศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 (เสาวภาผ่องศรี เท่านั้น) ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณ....สามารถถ่ายทอด หรือฝากเรียนทักท้วงทางทีมงาน หรือ ให้มีการแพร่หลายไม่ให้เป็นที่เข้าใจผิดจากคนดูได้ จะขอบคุณมากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 15:44:09 จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 15:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณป้าทุยบ้านทุ่ง คร๊าบ ที่บอกว่า "ที่หญิงโฉมว่าในวังนี้ไม่มีใครใหญ่เกินก็คือหมายถึงบ้านตนเองซึ่งเรียกว่าวังเพราะเป็นที่ประทับของเจ้านาย(ตามบทประพันธ์เดิม)" คือผมก็ไม่ได้อ่านบทประพันธ์อะครับ ในเมื่อเป็นบ้านตนเอง แล้วไปอยู่วังเจ้านายได้ไงอ่าครับ สงสัย เข้าให้เจ้าพระยาไปอยู่ได้ด้วยเหรอครับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 15:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ในละคร สมมติให้เป็นรัชสมัยของ รัชกาลที่ ๒ ค่ะ ยุคนั้น ตามเนื้อเรื่อง น่าจะสมมติให้เจ้าสีเกดเป็นเจ้าหญิง มาจากลาว และให้เกิดก่อน กบฎเจ้าอนุวงศ์ ใน ร.ที่ ๓ ช่วงนั้น พระราชวังยังไม่มีการแบ่ง หรือกำหนดกฎเกณฑ์ชัดเจนเท่าในสมัยของพระพุทธเจ้าหลวงค่ะ ยังมีวังหน้า วังหลัง และวังของเจ้านายตัวประกันจากเมืองขึ้นบ้างประปราย คนเขียนบทประพันธ์ สมมติให้เจ้าปู่ของเจ้าสีเกด ได้รับพระราชทานวังต่างหาก (ที่อยู่-ที่ตั้งครัวเรือนได้ในที่จำกัด เนื่องจากมีโทษของเจ้าราชบุตร ที่คิดการใหญ่เป็นชนักติดหลังอยู่ แต่ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ไม่ได้ประหาร ๗ ชั่วโคตร) จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 15:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รู้สึกเหมือนกัน แต่ข้อมูลไม่แน่นเหมือน จขกท. จากคุณ : BZ_plus - [ 27 ก.พ. 52 15:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างที่เจ้าสีเกดว่า อย่างไรเสียนางก็เป็นเจ้า ดังนั้น ผู้เขียนบทจึงไม่ควรให้ธิดาเจ้าคุณกลาโหมกร้างแกร่งได้ขนาดนี้ เพราะถ้าจะอ้างถึงในรัชสมัยพระพุทธเจ้าหลวง(มีไฟฟ้าใช้แล้วตามละคร) มีเจ้าหญิงจากเชียงใหม่มาถวายตัวเป็นพระสนม คือ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ซึ่งในหนังสือพระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี มีข้อความตอนหนึ่งว่า ....ถ้าผู้ใดขึ้นไปเฝ้าที่เมืองเชียงใหม่ ผู้นั้นจะได้เฝ้าเจ้าหญิงผู้เป็นหลักของบ้านเมือง ประทับอยู่ในระหว่างข้าราชการทั้งฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือ เวลาตรัสกับพวกใต้ก็ตรัสภาษาใต้อย่างชัดเจน ถ้าหันไปตรัสทางฝ่ายเหนือก็ชัดเป็นฝ่ายเหนือ ไม่มีแปร่ง ตรัสไต่ถามทุกข์สุขและแนะนำทั้งในทางราชการและส่วนตัว ด้วยความเหมาะสมกับพระเกียรติยศ ทรงชนะใจผู้ที่ได้เฝ้าแล้วได้เกือบหมดไม่เว้นตัว ข้าราชการฝ่ายใต้ถวายความเคารพและใช้คำเพ็ดทูลว่าข้าพระพุทธเจ้า ใต้ฝ่าพระบาท แล พ่ะย่ะค่ะ เช่นเดียวกับทูลเจ้านายฝ่ายใต้ในพระราชวงศ์จักรี แม้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ตรัสสั่งพระธิดาว่า กราบเจ้าป้าลงกับพื้นเถิดลูก เพราะไม่มีสิ่งใดควรจะรังเกียจ แม้กำเนิดท่านก็เกิดมาในเศวตฉัตรเหมือนกัน จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 15:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เท่าที่จำได้จากการอ่านนะคะ หญิงโฉม และ หญิงฉาย เป็นลูกขุนนางผู้ใหญ่ที่มีบารมีและอำนาจมากในยุคนั้น หม่อมทัดจึงเห็นว่าคู่ควร และ มีหน้ามีตาหากจะแต่งงานกันด้วยมากกว่า เจ้าหญิงสีเกดที่เป็นเจ้าหญิงจากเมืองขึ้น ซ้ำมีเจ้าพ่อที่ต้องโทษประหารด้วย ตอนแรกที่หม่อมทัด ยังไม่ได้พบกับหญิงฉายนั้น เป็นเพราะ หญิงฉาย ถวายตัวเป็นคุณข้าหลวงในวัง(ใดวังหนึ่ง ที่เนื้อเรื่องไม่ได้ระบุ) ไม่ได้กลับมาบ้าน จนมีโอกาสได้พบปะกับคนฝ่ายหน้าบ่อยนัก การอยู่ "วัง" ของหญิงฉายจากในนิยาย คือ การถวายตัวเป็นข้าหลวงแน่นอนค่ะ (จำไม่ได้ว่ามีการกล่าวถึงหญิงโฉม หรือไม่) ไม่ใช่ ครอบครัว และ ตัวเองอาศัยอยู่ในวังแบบเป็นบ้านของตัวเอง บทละคร และ บทพูด ในตอนที่ผ่านมา จึง "ผิด" และ "พลาด" ในจุดสำคัญ มาก หลายแห่ง ตามที่คุณ จขกท ท้วงค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 15:52:42 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 15:41:57 จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 15:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรังคะ เหตุการณ์สมมติให้เกิดในรัชสมัยของ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ค่ะ (คคห.ที่ ๒๐ ค่ะ) จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 15:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรียน คุณรอยคำครับ ที่บอกว่า "เหตุการณ์ในละคร สมมติให้เป็นรัชสมัยของ รัชกาลที่ ๒ ค่ะ ยุคนั้น ตามเนื้อเรื่อง น่าจะสมมติให้เจ้าสีเกดเป็นเจ้าหญิง มาจากลาว และให้เกิดก่อน กบฎเจ้าอนุวงศ์ ใน ร.ที่ ๓" แต่ว่าในละคร ทั้งบ้านของเจ้าพระยาเป็นทรงยุโรปอะครับ มีไฟฟ้าใช้แล้ว เครื่องเรือนก็เป็นแบบยุโรป ซึ่งสถานที่ทั้งหมด ทำให้อนุมานได้ว่า เกิดในสมัยรับกาลที่ 5 ครับ แต่ถ้าเกิดในสมัยรัชกาลที่ 2 จริงๆ ผมก็พยายามทำใจนึกว่า สมัยรัชกาลที่ 2 ครับ เด๊ยวจะหาว่าผมดูละครแล้ว คิดมากกกกกกกกก ขอบคุณครับในการคลายข้อสงสัยครับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 15:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แหะๆ..ค่ะ ก็มองๆอยู่ ว่าทรงตึก และ อะไรๆประกอบฉาก มัน "ล้ำ" เกินยุคมาก ยังพอจะหลับตาผ่านๆไปบ้าง แต่.. ส่วนที่คุณ จขกท ท้วงมาในการเรียก และ ลำดับยศ หรือ ความเป็นอยู่ และ ส่วนประกอบต่างๆนั้น ตรงทุกประเด็นค่ะ ต้องท้วง ดีใจจังที่ไม่ได้มองเห็น และ คิดมากอยู่คนเดียว ส่วนรายละเอียดของเวลานั้น เนื้อเรื่อง และ ละครตอนแรก ที่เปิดมาแล้ว เจ้าสาวคนแรกตายจากผ้าตาดทองผืนนี้ ในละคร ระบุไว้เลยค่ะ ว่า รัชกาลที่ ๒ จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 15:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณรอยคำครับ ตอนแรกสุดเป็นฉากเริ่มในรัชกาลที่ 5 ไม่ใช่หรอครับ เท่ากับว่า น้ำผึ้งเกิดและตายมาแต่งงานสามหน คือ ร.5,ร.6,ร.7 ซึ่งดูจากระยะเวลาครองราชย์ของสองรัชกาลหลัง ไม่น่าจะทำให้มีเรื่องได้ถึงสามครั้งเลยอ่ะครับ ถ้าในบทประพันธ์ เจ้าสาวจะตายสมัย ร.2 แล้วมาเกิดใหม่สมัย ร.5 อะไรแบบนี้ยังพอทำเนาอยู่ หรือผมดูแล้วงงไปเองครับ ?? เพราะยังไม่ได้อ่านบทประพันธ์ด้วย แต่ฉากเปิดของละครมันเป็นสมัย ร.5 เลย จากคุณ : ติดละครเรื่องนี้ไปแล้ว - [ 27 ก.พ. 52 16:14:56 A:203.131.208.131 X: TicketID:201532 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ๒ ๕ ๗ ค่ะ จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 16:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ที่เราดูฉากแรกของเรื่อง เริ่มที่สมัย ร.5 ค่ะ ไม่ใช่ ร.2 น่าจะสรุปได้ว่ารัชสมัยในหนังสือกับละครนี่ต่างกัน ตามที่ จขกท ถามในข้อ 1 ค่ะ ยืนยันตาม คห.7 ค่ะ เรื่องราวเริ่มจากสมัย ร.5 ไป ร.6 แบะ ร.7 ค่ะ ปล. แอบเห็นช่อง 3 ขึ้นชื่อละครผิดด้วย เป็น บริษัทบำบัดแค้น ฉากที่ไหมพิมพ์เอาปริญญาไปอวดป้าน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:25:56 จากคุณ : jerry forever - [ 27 ก.พ. 52 16:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อิ อิ อิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาอีกซักเรื่องละกันครับ สิ่งที่ทำให้อนุมานได้ว่าเกิดในรัชกาลที่ 5 ตามเหตุและผลที่กันมาในลำดับต้นเนื่องจาก การแต่งกายสมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์  รัชกาลที่ 1-3 พ.ศ. 2325 – 2394 ระยะ 69 ปี หญิง ผม ไว้ผมปีกประบ่ากันไรผมวงหน้าโค้ง ส่วนบนกระหม่อมกันไรผมเป็นหย่อมวงกลม แบ่งผมออกดูคล้ายปีกนก จึงเรียกผมปีก แต่ไม่ยาวเท่าสมัยอยุธยา ปล่อยจอน ข้างหูยาวแล้วยกขึน้ ทัดไว้ที่หู เรียกว่า “จอนหู” การแต่งกาย นุ่งผ้าจีบ ห่มสไบเฉียง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมัยอยุธยา ชาวบ้านนุ่งผ้าถุง หรือโจงกระเบน สวมเสือ้ รัดรูปแขนกระบอก ห่มตะเบงมาน หรือผ้าแถบคาดรัดอก และห่มสไบเฉียงทับ ชาย ผม ยังคงไว้แบบเดียวกับสมัยอยุธยา คือ ทรงมหาดไทย ชาวบ้านเรียกว่า “ทรงหลักแจว” การแต่งกาย นุ่งผ้าม่วง โจงกระเบน สวมเสือ้ เป็นแบบเสือ้นอกคอเปิด ผ่าอก แขนยาว กระดุม 5 เม็ด ในสาปภูษา ของหม่อมทัดเป็นแบบนั้นครับ แต่ของหญิงฉาย ทรงผมใช่ ชุดไม่ใช่ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:33:28 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆด้วยค่ะ แหะๆ เข้าไปดูใน youtube เลย... ตายแหล่วววววววววว ไหงจาก นิยาย เลยกลับกลายไปได้ไกลขนาดนี้.. หมดกัน พอเปลี่ยน รัชกาลปั๊ป เรื่องเลยยิ่งไม่สมเหตุผลหนักเข้าไปใหญ่เลยนะคะนี่ ลูกสาว เจ้าคุณกลาโหม?? รัชกาลที่ ๕ เอางั้นเลยฤๅ สกุล บุนนาค จะว่าอย่างไรฤๅเจ้าคะนี่? คนเขียนบท รบกวนดูด่วนเลยค่ะ ขอบคุณ คุณ jerry forever  มากค่ะ ขอโทษ จขกท และทุกท่านด้วยนะคะ ที่ยึดหนังสือจนงงไปกับละครหมดเลย -_-' พา กท.เค้าเข้ารกเข้าพงอีกต่างหาก เง้อ คุณหมอ พงศกร จะปล่อยผ่านได้ไงคะเนี่ย อุตส่าห์ค้นตั้งนานกว่าจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ยังอีกเรื่อง ที่ไปเกดที่หลวงพระบางอีก ถ้ามีคนเอามาสร้าง ต้องระวังบทหน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:54:30 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:35:20 จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 16:32:03 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณเรือนแก้ว .. ติกาหรัง ต้องขออภัยที่ให้รายละเอียดไม่ระบุให้ชัดเจน บทละครเรื่องนี้มีการดัดแปลงห้วงเวลาไม่ตรงกันกับนวนิยายค่ะ  ที่แน่ ๆ คือต้นเรื่องไม่ได้เกิดในรัชกาลที่ 5  อย่างแน่นอน  และบทย้อนยุคในละครก็มีความไม่สมจริงอยู่ค่อนข้างมาก ดัดแปลงที่ 2 ก็คือยศของตัวละครเอกหญิงชายเจ้าที่เกี่ยวพันกัน   เจ้าสีเกดเป็นหลานปู่ของเจ้าติสสะ (พระอนุชาของอุปราชเวียงจันทน์)  ส่วนของสองนางนั้นจำได้เพียงคลับคล้ายคลับคลาว่า หญิงโฉม และ หญิงฉาย มีศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าหญิง   ส่วนคุณทัดนั้นในนวนิยายก็เรียกว่าหม่อมทัด  แต่จำไม่ได้ว่าสายวงศ์เป็นมาอย่างไร   ขออภัยที่คลับคล้ายคลับคลาจนระบุไม่ได้แน่ชัดนะคะ   ขอเวลาไปตามหาข้อมูลก่อนแล้วจะรีบมาคลายความสงสัยให้ แก้ไขพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:37:38 จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 27 ก.พ. 52 16:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2394 – 2411 ระยะ 17 ปี หญิง ผม หญิงไว้ผมสัน้ ที่เรียกว่า “ผมปี ก” แต่ไม่ยาวประบ่า ด้านหลังตัดสัน้ บางคนก็โกนผมขึน้ มาเหมือนผมมหาดไทยของผู้ชาย มีการถอนไรผมให้มีรอยเป็นเส้น วงรอบผมปีกไว้ ชาย ผมตกที่ริมหูทัง้ สองข้างเรียก “ผมทัด” การแต่งกาย นุ่งผ้าลายโจงกระเบน นุ่งผ้าจีบ ใส่เสือ้ ผ่าอก คอตัง้ เตีย้ ๆ ปลายแขน แคบยาวถึงข้อมือ เสือ้ พอดีตัวยาวเพียงเอว เรียกว่า เสือ้ กระบอกแล้วห่มแพรสไบจีบเฉียงบนเสือ้อีกที ชาย ผม ไว้ผมทรงมหาดไทย ส่วนรัชกาลที่ 4 จะไม่ทรงไว้ทรงมหาดไทย การแต่งกาย นุ่งผ้าม่วงแพรโจงกระเบน สวมเสือ้ นอกเหมือนพวกบ้าบ๋า  สวมเสือ้ เปิดอกคอเปิด หรือเป็นเสือ้ กระบอก คือตัดเป็นรูปกระบอก แขนยาว แบบที่หม่อมทัดใส่น่าจะเป็นแบบรัชกาลที่ 4 นะครับ ขอบคุณภาพจากคุณรพินทร์ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:51:10 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนที่หญิงฉายใส่ก็น่าจะเป็นแบบรัชกาลที่ 4 เช่นกันครับ จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เนื่อเรื่องในหนังสือ มีการเขียนถึง "กรมพระตำรวจ" ที่พระเอก (หม่อมทัด สังกัด และเป็นใหญ่ในเวลาต่อมาด้วย) กรมพระตำรวจ ใน รัชกาลที่ ๕ ไม่มีแล้วค่ะ -_-' คือ ถึงจะมี "ตำรวจ" แต่เป็นเพียงหน่วยงานเล็กๆ มีหน้าที่และ ตำแหน่งตามสมควร ไม่มีอำนาจหน้าที่ใหญ่โต จนถึงกับต้องไปตรวจตรา "องค์ประกัน" อย่างเจ้าติสสะ แบบในเนื้อเรื่อง อำนาจทางกองกำลัง ตกแก่ ทาง"เจ้าคุณใหญ่" ต้นสกุล บุนนาค เสียมากกว่า มีการบรรยายถึง ชายผ้าสีน้ำเงินปัก ที่บอก "ยศ" ของข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะใน รัตนโกสินทร์ตอนต้น นี่คนเขียนบทจะเปลี่ยนใหเพี้ยนไปทำไมคะเนี่ย? เพราะในรัชกาลที่ ๕ นั้น ลาวไม่ได้เป็นเมืองขึ้น / ประเทศราชของสยามแล้ว จะมาเบี่ยงเบนให้เป็นเจ้าทางเหนือก็ไม่ได้ (เหนือไหนฤๅ ล้านนา หรือ หริภุญไชย--ลำปาง? แต่ในยุคนั้น หริภุญไชยถูกรวบเข้าเป็นหนึ่งกับล้านนาแล้ว) เพราะมีตัวจริง เหตุการณ์จริง ของ เจ้าดารารัศมีอยู่ ว่าถวายพระเกียรติและความซื่อสัตย์ต่อพระพุทธเจ้าหลวงกันอย่างไร? .... เซ็งตัวเองอย่างรุนแรงที่มาแย้ง คุณ เรือนแก้ว...ติกาหรัง นึกว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินแบบหนังสือ -_-' เข้ามาเพิ่มเติมว่า คำว่า หม่อม นั้น ยังเป็นที่นิยมและใช้ใน ต้น รศ. ค่ะ ใช้เรียกเพื่อยกย่องบุคคลนั้น เช่น หม่อมไกรสร ที่ เป็นพระเจ้าลูกเธอที่ถูกตัดสินว่ากบฎ ถูกถอดยศและ ประหาร เรียกแทนว่า "หม่อมไกรสร" หรือ จะเห็นได้จากวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน ที่ นางพิม เรียกสามี (ขุนแผน) ว่า "หม่อม" ล่วงมาถึง รัชกาลที่ ๕ ..ไม่นิยมใช้ รวมถึงไม่มีที่ใช้แล้ว เพราะมีการกำหนด ลำดับชั้นของเชื้อพระวงศ์ค่อนข้างชัดเจน และ ใกล้เคียงยุคปัจจุบันที่สุด "หม่อม" จึงหมายถึง มล. ลูกที่เกิดจาด เชื้อพระวงศ์ ชั้น มรว. แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:54:01 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:51:03 จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 16:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กลางสมัยรัชกาลที่ 5 หญิง ไว้ผมยาวเสมอต้นคอ เครื่องประดับ สร้อยสังวาลย์ เข็มขัดทองหัวลงยาประดับเพชรพลอย การแต่งกาย นุ่งผ้าจีบไว้ชายพก เมื่อมีพิธียังให้นุ่งโจงกระเบนอยู่ นิยมเสือ้ แบบตะวันตก คอตัง้ แขนยาวต้นแขนพองแบบหมูแฮม มีผ้าห่มหรือแพร สไบเฉียงตามโอกาสห่มทับตัวเสือ้ อีกที สตรีชาววังจะสะพายแพรชมพูปักดิน้ ลวดลายตามยศที่ได้รับพระราชทาน สวมรองเท้าบูตและ ถุงเท้าตลอดน่อง ชาย แต่งเหมือนสมัยต้นรัชกาล ฝ่ ายพลเรือนมีเครื่องแบบแต่เต็มยศ เป็นเสือ้ แพรสีกรมท่า ปักทองที่คอและข้อมือ เวลาปกติใช้เสือ้ คอปิด ผูกผ้าผูกคออย่างฝรั่ง นุ่งผ้าไหมสีนำ้ เงิน แก่ ถุงเท้าขาว รองเท้าหนังดำ หมวกเฮลเม็ท (Helmet) แพรขนสีดำ 30 ในสาปภูษา หญิงโฉมแต่งแบบรัชกาลที่ 5 ขอบคุณภาพจากคุณรพินทร์ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 17:25:19 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:51:56 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สองสาววันเดียวแต่งไม่เหมือนกัน ขอบคุณภาพจากคุณรพินทร์ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 16:52:23 จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แต่ทั้งหมดที่ตั้งข้อสังเกตว่าสมัยไหนแต่งอย่างไร ใครแต่งอย่างไร แต่บังเอิญว่า ทุกคนที่กล่าวถึงดำเนินเรื่องในสมัยเดียวกัน วาระเดียวกัน ช่วงเดียวกัน ก็เลยทำให้สงสัย และสับสนในเรื่องเครื่องแต่งกายอะครับ คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย "ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ ความทุกข์ ความเจ็บแค้นใด ที่พวกมันทำไว้กับข้า ขอจงฝังอยู่ในผ้าห่มไหมปักทองผืนนี้ พวกมันจะต้องเจ็บ และทรมานมากกว่าที่ข้าเคยเจ็บ นับสิบ นับร้อยเท่า ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ ข้าขอสาปแช่งพวกมัน ผู้ใดที่ห่มผ้าผืนนี้ จะต้องชดใช้สิ่งที่มันได้ทำไว้จนสาสม ข้าขอสาปแช่งพวกมัน ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ให้พวกมันวิบัติ พินาศ อย่าได้พบกับความสุขใดอีกเลยยยยยยย ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ ข้าขอสาปแช่งพวกมัน ผู้ใดที่ห่มผ้าผื่นนี้ จะต้องชดใช้สิ่งที่มันได้ทำไว้จนสาสม " จากคุณ : เรือนแก้ว...ติกาหรัง - [ 27 ก.พ. 52 16:49:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเรือนแก้ว ..ติกาหรัง   เครียดเลยค่ะต้องไปตามหาข้อความมาแสดงถึงความไม่หลงลืมของตัวเอง   เสิร์ชได้มาจากอากู๋ เครดิตบล๊อกนี้ค่ะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bookofpear&month=01-2008&date=13&group=5&gblog=5 ========================================== มล.รณียายของปรีชญาได้พาไหมพิมไปหาจิตแพทย์ตามคำแนะนำของหลายๆ คน จิตแพทย์บอกว่าไหมพิมเป็นโรคบุคลิกภาพแปลกแยก หรือ Multi – Personality Disorder แต่แทนไทผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับอาถรรพ์ลี้ลับจากสิ่งของโบราณที่ตกทอดมากลับไม่คิดเช่นนั้น และผู้ไขปริศนานี้ได้มีเพียง มล.รตา ยายของมณีกัญญาที่เคยเป็นนางข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิงน้อยผู้เคยครอบครองผ้าผืนทรงสะพักนี้เท่านั้น... ตอนแรกที่หยิบเรื่องนี้มามี 2 เหตุผล ประการแรกคือติดใจหนังสือของคุณหมอพงศกรตั้งแต่กลิ่นการเวกแล้ว และประการต่อมาคือชอบเรื่องแนวลึกลับ อย่างเรื่องนี้ตอนแรกคิดว่าจะคล้ายกับ “ผ้าทอง” ของแก้วเก้า แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ มีแค่ผ้าเข้ามาเกี่ยวเหมือนกัน เพราะผ้าทองเป็นผ้าปักใหม่ เจ้าของผ้าไม่ได้บรรจุความแค้นลงไปในด้ายทุกฝีเข็ม แต่อาจจะเป็นอุบัติเหตุ ที่ทำให้ผู้สวมใส่ผ้าทองทุกคนต้องมีอันเป็นไปในลักษณาการที่แตกต่างกัน แต่เรื่องนี้เป็นผ้าโบราณในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ และผู้ปักผ้าตั้งใจจะให้คนที่สวมใส่ต้องประสบกับหายนะ และทุกคนต่างมีอันเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ซึ่งตรงจุดนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ฉันมองว่าค่อนข้างแปลก เพราะคนที่ได้รับผ้ามาแต่ละคนทั้ง มจ.จันทร์ฯ และมล.อารีย์ ซึ่งได้รับตกทอดมาจากเสด็จพระองค์หญิงน้อย ทั้งสองต่างก็รู้ประวัติผ้ามาอยู่เป็นอย่างดีแล้ว แต่ทำไมยังกล้าหยิบมาสวมใส่ อีกเรื่องนึงที่ค่อนข้างติดใจ คือเรื่องของเจ้านางสีเกด เจ้านางจากฝั่งลาวหลานของเจ้าอนุวงศ์ โดยเธออพยพมาอยู่ในไทยในฐานะเกือบๆ จะเป็นเชลย และได้ถวายตัวเป็นข้าหลวงในตำหนักเสด็จพระองค์หญิงพระองค์หนึ่ง (จขบ. จำไม่ได้ว่าพระนามว่าอะไร) มีความรู้สึกว่าเธอน่าสงสาร ไหนจะต้องพลัดบ้านพลัดเมืองมา ไหนจะมาถูกดูถูก แถมยังมาถูกหลอกฟันแล้วทิ้งอีก นับว่าชีวิตของเธอที่สมควรจะสมบูรณ์พูนสุขในฐานะเจ้าหญิงองค์หนึ่ง กลับต้องมาถูกย่ำยีบีฑาจนหัวใจแหลกสลาย เกียรติยศของเธอถูกทำลายจนย่อยยับ ก็สมควรอยู่ที่เธอจะแค้น แต่ประเด็นที่ติดใจก็คือ เหมือนเธอแก้แค้นผิดคนยังไงก็ไม่รู้ เพราะท่านหญิงฉายคู่หมั้นของท่านชายทัดแทบไม่เคยทำอะไรให้เธอเลย นอกจากพูดถึงในทางไม่ดีกับเจ้าสีเกดอยู่แค่ครั้งเดียว แต่ก็เป็นเพราะนางผิวพี่เลี้ยงของเจ้าสีเกดไปพูดเป็นเชิงไม่ดีกับท่านหญิงฉายก่อน และครั้งนั้นสีเกดไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย =========================================== จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 27 ก.พ. 52 17:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เปลี่ยนเป็น แม่หญิงโฉม กะ แม่หญิงฉาย แทนเรียกว่าท่านหญิง ได้ป่าวคะถ้างั้น จากคุณ : เจ้าเหมียวอ้วนตุ้บ - [ 27 ก.พ. 52 17:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อยากให้กิฟท์ จขกท. และคุณรอยคำ มากค่ะ แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากกิฟท์หมดไปแล้วค่ะ   มอบหัวใจแดงแรงฤทธิ์เป็นอภินันทนาการแทนไปก่อน  สัปดาห์หน้าตกเบิกกิฟท์ใหม่มาถึง  จะรีบมาส่งให้แทนความเคารพในเนื้อหาเป็นอย่างสูง ชอบคำนี้ของคุณรอยคำค่ะ "คนเขียนบทจะเปลี่ยนให้เพี้ยนไปทำไมคะเนี่ย?"   ..   จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 27 ก.พ. 52 17:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดูละเอียดกันจังค่ะ ชื่นชมจากใจจริง เห็นด้วยว่าคนเขียนบทควรใส่ใจในรายละเอียดมากกว่านี้ แล้วคนที่ดูละครเรื่องนี้แต่ไม่ได้อ่านกระทู้นี้ก็คงเข้าใจผิดๆไปได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่นักเพราะบางทีอาจจะดูผ่านๆเพื่อความบันเทิง ดูแล้วก็แล้วกันไป จากคุณ : ehja - [ 27 ก.พ. 52 17:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สุดยอดเลยค่ะจขกท ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยอ่ะค่ะ ดูอย่างเดียวจริงๆ รู้แต่ว่าเจ้าสีเกดน่าสงสาร จากคุณ : 55dada55 - [ 27 ก.พ. 52 18:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สนับสนุนความคิดเห็นที่ 43 คะ ว่าพวกคุณ สุดยอดจริงๆ คนดูละครสมัยนี้ไม่ธรรมดานะคะ คนทำละครจะมาไก่กาหลอกพวกเราคนดูไม่ได้นะ จากคุณ : โมเลกุล - [ 27 ก.พ. 52 18:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สรุปว่า .. เริ่มจาก ละครเปลี่ยนบทประพันธ์จากสมัย ร.2 - ร.5 - ร. 7   เป็น ร.5 - 6 - 7   อาจเพราะคิดว่าฉาก , พร็อบ , เสื้อผ้ายุค ร.5 หาง่ายกว่า ร.2 ....แต่ไม่ได้ศึกษาว่า ตำแหน่ง ยศศักดิ์ คำเรียกขาน รวมถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องต้องเปลี่ยนไปด้วย เลยออกมาลักลั่นเยี่ยงนี้ ว่าแต่.. กระทู้นี้เยี่ยมเลยค่ะ สนุกๆ พอๆ กับดูละครเลย อยากให้กิ๊ฟด้วย  รอตกเบิกเดือนใหม่เหมือนกัน ..พักนี้ใช้กิ๊ฟ เหมือนใช้เงิน เดือนชนเดือน เลยแฮะเรา ^^ จากคุณ : จิตรางคทา - [ 27 ก.พ. 52 19:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 งงอยู่เหมือนกันค่ะ  เพราะว่าเคยตามอ่านเรื่องนี้ในสกุลไทย ชอบนวนิยายเรื่องนี้มาก  เพราะรู้สึกว่าทุกตัวละครมีเหตุผล และมีความรู้สึกที่จะต้องอะไรลงไปสักอย่าง   พอมาเจอละครเรียงลำดับยุคสมัยแทบหงายหลัง  มันเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ  ถ้าจะให้เริ่มสมัย ร.5  ก็ยังพอทำใจว่าสมัยท่านยาวนานอาจเกิดช่วงต้นๆ  พอเลยต่อมาถึงสมัย  ร.6  ต่อด้วย  ร.7  เลย  แอบงง  เพราะรัชสมัยของทั้งสองพระองค์สั้นเหลือเกิน  จะมาเกิดเหตุการณ์ต่อกันขนาดนั้นได้เลยเหรอ แล้วที่เรื่องคำนำหน้าก็เช่นกัน  ฟังประหลาดๆ เนอะ  แต่ไม่มีความรู้เรื่องนี้  ประกอบกับจำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว   เพราะอ่านนานแล้ว  เลยไม่ได้อะไรมาก ขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาให้ความกระจ่าง  ช่วยวิเคราะห์และท้วงติงคนเขียนบทค่ะ   คนเขียนบทพลาดไปเยอะมากๆ เลยจริงๆ  เพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  หากอยากจะปรับเปลี่ยนอะไรต้องข้อมูลแน่นจริงๆ  ไม่เช่นนั้น  ก็ไม่ควรจะไปปรับเปลี่ยนตัวเนื้อเรื่องนะคะ  และมันจะยากขึ้นมากี่มากน้อยเชียว  ที่จะหาเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้ากับยุคสมัยตามบทประพันธ์จริงๆ น่ะ  ถ้าคิดจะทำ  เห็นละครหลายเรื่องเค้าก็ทำได้  คิดว่ากองละครชุดนี้ก็เช่นกัน  เชื่ออ่ะ  ว่าทำได้  จริงๆ นะ สงสัยค่ะ  ว่าถ้าเค้าอยากแก้ไขจริงๆ จะทำได้ยังไงอ่ะค่ะ  เพราะละครก็ออกอากาศไปแล้ว  - -?  (ไม่รู้จริงๆ นะ) ปล.  แต่ก็ขอขอบคุณทางกองละครและผู้จัด  ที่เลือกนำนวนิยายดีๆ มาสร้างเป็นละครให้ได้รับชมกันค่ะ  ดีกว่ารีเมคละครเก่าๆ ไปเรื่อยๆ  เพราะหากินกับของเก่าบ่อยๆ  คนดูก็เอียนนะ ปล.2  มีนวนิยายดีๆ อีกเยอะค่ะ  ที่รอการนำมาสร้างเป็นละคร  เอาใจช่วยค่ะ  ไม่ใช่ว่าจะมีแต่นวนิยายเก่าๆ ที่เคยถูกนำมาเป็นละครแล้วหรอกนะคะ  ที่จะดีและเรียกเรตติ้งได้มากๆ น่ะ จากคุณ : Queen_Devil - [ 27 ก.พ. 52 21:39:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบกระทู้ดีดีแบบนี้มากเลยค่ะ ขอบคุณ จขกท. และทุกๆท่านที่เข้ามาให้ความรู้นะคะ เห็นด้วยกับทุกท่านว่า ละครอิงประวัติศาสตร์นั้น ทีมงาน โดยเฉพาะคนเขียนบทต้องทำการบ้านให้ดี เพราะข้อมูลยิบย่อยต่างๆ มันละเอียดและเกี่ยวโยงกันอยู่ ถ้าไม่ระวังในการปรับหรือเปลี่ยนบทประพันธ์ ก็จะเกิดความผิดผลาดเช่นนี้เอง ส่วนตัวชอบดูละครอิงประวัติศาสตร์มากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นของไทย หรือ เกาหลี ยิ่งหลายปีมานี้กระแสละครเกาหลีดีและแรงเหลือเกิน ในขณะที่ของไทยเรา นานๆจะมีผลงานดีๆออกมาให้ได้ติดตามกัน แต่พอมีออกมาซักที ก็มีข้อผิดพลาดแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆค่ะ แอบหนักใจแทนทีมงานว่าจะดำเนินการแก้ไขยังไงดีกับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าละครถ่ายทำไปถึงไหนแล้ว หรือถ้าจะแก้บท แล้วที่ผ่านมาจะทำยังไง หรือจะปล่อยไปแบบนี้จนจบ เฮ้อ.. แต่ยังไงก็ยังจะติดตามละครเรื่องนี้ และเป็นกำลังใจให้ทีมงาน รวมถึงผู้ที่พยายามติเพื่อก่อทุกท่านต่อไปค่ะ ปล. กดส่งกระทู้แล้วถึงได้มาเห็นกระทู้ข้างบนค่ะ ว่าความเห็นค่อนข้างคล้ายกันเลย เรื่องที่เป็นห่วงทีมงานจะแก้ไขยังไง แหะๆ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 22:19:15 จากคุณ : อุดอิด - [ 27 ก.พ. 52 22:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 48 -_-' ก้มหน้าก้มตาเข้ามารับผิด ..(ไม่มีชอบ เพราะความชอบตกแก่คุณ จขกท ที่กล้าท้วง แถมยังดูละครละเอียดกว่า ที่มองเห็นว่าเริ่มที่ รัชกาลที่ ๕ ค่ะ) รีบโกยแน่บกลับบ้านมาคุ้ยหนังสืออ่านอีกรอบ แหะๆ สรุปว่า ๑. เจ้าสีเกด เกิดในสมัย รัชกาลที่ ๒ แต่เรื่องราวที่ต่อเนื่องดำเนินมา เพราะ เกิดจาก กบฎเจ้าอนุวงศ์ จริงๆ จึงมีการกวาดต้อน เจ้านายจากเวียงจันทร์มาเป็นเชลยที่กรุงเทพฯ และ ได้รับพระราชทานวังบางยี่ขัน สำหรับเจ้านายฝั่งลาวให้อยู่ (เจ้าติสสะ เป็น เจ้าอุปราช ของเวียงจันทร์ จึงได้รับพระราชทานพระยศ และ วังตามสมควรแก่ฐานะ) ๒. หม่อมเจ้าชายทัด ตามเรื่อง เป็น มจ. จริง ไม่ใช่แค่ "หม่อมทัด" ตามที่ แอบตั้งข้อสังเกตุ หม่อมเจ้าหญิงทั้ง โฉม และ ฉาย ก็เป็น มจ. จริงตามเนื้อเรื่องค่ะ เพราะว่า ผู้ประพันธ์ ท่านคงค้นคว้าและ ทราบดีแล้วว่า หากมีการอ้างอิงขึ้นมา การเขียน นิยายในยุคนั้นจะง่ายกว่า รัชกาลที่ ๕ แน่นอน เพราะ ยังมีวังเล็ก วังน้อย พร้อมทั้ง วังหน้า วังหลัง มีเจ้านายชั้น พระองค์เจ้า (พ่อ ของ หม่อมเจ้า) มากมายหลายพระองค์ ที่เกิดจากทั้งสายวังหลวง วังหน้า และ วังหลัง และไม่มีผล ต่อ คนในยุคปัจจุบันจริงๆ ตัวละคร จึงมีศักดิ์ เป็นเชื้อพระวงศ์ สามารถอยู่วังได้ แต่---- บทโทรทัศน์----มาพลาดตรงที่ หญิงโฉม ประกาศปาวๆว่า เป็นลูกสาวเจ้าคุณกลาโหม... ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะสามารถสาวไปถึงตัวตนจริง และ ราชสกุลในปัจจุบันได้ (แถมยังบอกว่าเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ....!!!) เรื่องการอ้าง "วัง" เลยกลายเป็นปัญหาไป เพราะในรัชสมัยของ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ นั้น ได้ทรงกำหนดระเบียบ แบบแผนแล้วว่า ฝ่ายใน ที่ถวายตัวรับราชการ และมีตำแหน่งเรียกกันว่าคุณข้าหลวง หรือ นางในจะต้องอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ที่เรารู้จักกันดีเท่านั้น ฝ่ายใน ของวังนอกของเจ้าฟ้าทรงกรมฯอื่นๆไม่นิยมเรียกกัน แม้จะมีการแบ่งตามแบบพระราชนิยม เช่นในวังหลวงก็ตาม พอหญิงโฉม มีทั้งพ่อเป็นเป็น พระองค์เจ้า มีทั้งวัง แต่กลับวางอำนาจบอกว่า เป็นใหญ่ในวัง ....-_-' เลยเป็นการ "ลามปาม" อย่างยิ่ง ๓. ผ้าห่มสะพักทอง เป็นผ้าที่ใช้ใน การแต่งกายยุคกรุงศรีอยุธยา ต่อ ต้น รัตนโกสินทร์ การที่บทโทรทัศน์มาเปลี่ยนแปลงยุคตรงนี้ "พลาด" อย่างเพี้ยนขนาดหนัก เพราะ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ไม่นิยมใช้แล้ว แบ่งเป็น สองช่วง คือ ก่อนเสด็จประพาสยุโรป และหลัง -- คือหลังการเสด็จประพาสยุโรปแล้ว มีพระราชนิยม เสื้อแขนหมูแฮม และ ผู้หญิงไว้ผมยาวแทน ๔. หม่อมเจ้าหญิง จันทร์จรัสเลขา (เจ้าสาวคนที่สอง) เนื้อเรื่องระบุว่า อยู่ในสายสกุลเดียวกับ หม่อมเจ้าหญิงฉาย เหตุการณ์เกิดใน ช่วงประมาณ รัชกาลที่ ๔ ปลาย ต่อ ต้น รัชกาลที่ ๕ (คือยังไม่นิยมเสื้อแขนหมูแฮม) ๕. มล. อารีย์ (เจ้าสาวคนที่สาม) เหตุน่าจะเกิดประมาณ รัชกาลที่ ๗ เพราะเรื่องกล่าวว่าเป็นสมัยเดียวกับ มล. รณีที่เป็นยายของนางเอก (ปั๋ม) สรุปแล้ว...สงสัยว่า แก้ไขบททำไมคะ? งงจริงๆ ไม่เห็นมีอะไรยากเลยนะคะ เพราะไม่ได้เน้นเรื่องประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แค่เล่าไปตามเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนค้นคว้ามาแล้วอย่างดีก็พอ จะไปเปลี่ยนรัชกาลทำไมเนี่ย ส่วนตัวเลยคิดว่ายิ่งยากกว่าเดิมอีกน่ะค่ะ ...งึมงัม.. แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 22:26:37 จากคุณ : รอยคำ - [ 27 ก.พ. 52 22:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โหวตค่า...ความรู้เพียบเลยกระทู้นี้ ตอนเราดูแค่สงสัยว่า เป็นท่านหญิงแล้วมีพ่อเป็นเจ้าคุณกลาโหมได้ยังไง แล้วก็ติดใจตอนที่เสด็จประทานบ้านให้เจ้าติสสะ ตอนที่เจ้านายคุยกันทำไมบ่าวไพร่ถึงได้พูดแทรกขึ้นมากลางวงสนทนาของเจ้านายกันได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่ใช่หนเดียวหลังจากนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จที่เจอกับหญิงฉายครั้งแรก เสด็จรับสั่งกับเจ้าหญิงสีเกดอยู่ดีๆ บ่าวของเจ้าหญิงก็พูดแทรกขึ้นมากับเสด็จซะอย่างงั้น เอ่อ...กับเจ้ากับนายนึกอยากจะพูดก็พูดขึ้นมาอย่างงี้เลยเหรอ จากคุณ : sweety sweets - [ 27 ก.พ. 52 23:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ที่ีสีเกดแก้แค้นหญิงฉายแทนที่จะเป็นหญิงโฉม เพราะว่าหญิงฉายได้แต่งงานกับท่านชายทัดซึ่งเป็นคนรักของสีเกดมั้งคะ และได้ใช้ผ้าปักที่สีเกดสาปไว้ เลยเป็นเรื่อง เดาเอานะ จากคุณ : กาก้า ^_^ - [ 28 ก.พ. 52 04:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คิดเหมือนกันเลยค่ะคิดตั้งแต่ดูตอนแรกเลยแต่พยายามมองข้ามไป กลัวดูไปเครียดไปอะ จากคุณ : พันนาม - [ 28 ก.พ. 52 07:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แอบคิดเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะเห็นว่าเป็นบทละคร ทีมงาน...ปรับปรุงในรายละเอียดด้วยจ้า จากคุณ : ผ่านมาเท่านั้น - [ 28 ก.พ. 52 08:06:04 A:192.168.0.126 X:117.121.216.22, 117.121.223.18 TicketID:188199 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เดาว่า การปรับบท  น่าจะมาจากการระมัดระวังในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศค่ะ   กรณีเจ้าอนุวงศ์นั้นเป็นกรณีอ่อนไหวมากถือเป็นจุดเปลี่ยนการปกครองของประเทศลาว บทบาทของเจ้าสีเกดนั้นในภายหลังจะมีเรื่องราวที่ค่อนข้างแรงขึ้น  ซึ่งอาจเกิดกรณีกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  จึงต้องหลบเลี่ยงไม่ให้เป็นไปตามบทประพันธ์เดิมเสีย   รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงการระบุลงไปให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องราวที่มาจากที่ใด   ซึ่งก็เป็นที่มาของคำถามที่ จขกท. ถามนั่นเอง จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง - [ 28 ก.พ. 52 09:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 บทโทรทัศน์เรื่องนี้ทำอย่างกะยี่เก เคยได้ยินมาบ้าง อย่างเรื่องอะไรนะที่ไชยา มิตรไชยเล่นน่ะ เอามาทำเป็นละครจักรๆวงศ์ด้วยนี่ จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 28 ก.พ. 52 10:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมว่าบทพูด ฟังแปลกๆ จะเจ้าคะ เพคะ หรือ ไรกันแน่ จากคุณ : นายชินจัง - [ 28 ก.พ. 52 15:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมได้ดูละครเรื่องนี้เหมือนกัน แต่อาจจะไม้ได้ดูทุกตอน เลยไม่แน่ใจว่ามีการระบุชัดเจนหรือเปล่าว่าเหตุการณ์ที่สมมติขึ้นนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ถ้าเกิดจากการตีความเมื่อตอนที่เจ้าสีเกดพูดถึง "พระพุทธเจ้าหลวง"แล้ว ประเด็นนี้อาจเป็นที่เข้าใจผิดได้ครับ คำว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" ตามความเข้าใจของคนในยุคปัจจุบัน ย่อมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพราะเป็นคำที่ใช้กล่าวเรียกพระองค์ที่ค่อนข้างคุ้นหู แต่ในความเป็นจริงแล้วคำว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" ใช้เรียกพระมหากษัตริย์ในรัชกาลก่อนๆ ซึ่งได้เสด็จสวรรคตไปแล้ว เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 2 ก็จะเรียกรัชกาลที่ 1 ว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" เป็นต้น และที่สำคัญในรัชกาลที่ 5 ก็มิได้มีการออกพระนามพระองค์ว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" แต่อย่างใด คำว่า "พระพุทธเจ้าหลวง" เพิ่งจะมาใช้ออกพระนามเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตไปแล้วในสมัยรัชกาลที่ 6 และ 7 และด้วยความที่ทั้งสองรัชกาลนั้นต่างก็เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 และบรรดาพระมเหสีเทวี เจ้าจอมพระสนม ตลอดจนพระราชโอรสธิดาก็ยังมีพระชนม์อยู่มาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน คำเรียกพระพุทธเจ้าหลวงก็ถูกใช้เรื่อยมาจนเป็นที่ติดหู ส่วนรัชกาลที่ 6 เมื่อเสด็จสวรรคตนั้น เพื่อไห้การออกพระนามซ้ำกับพระราชบิดา ก็เลยมีการคิดกันให้ใช้คำว่า "ล้นเกล้าฯ" แทน (ขุนนางคนหนึ่งเป็นผู้คิดแต่จำชื่อไม่ได้ครับ) ส่วนในประเด็นอื่นๆ เห็นด้วยครับว่าเป็นการสมมติเหตุการณ์และตัวละครที่ไม่มีหลักการ หรืออยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใด จากคุณ : รอยใบลาน - [ 28 ก.พ. 52 15:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 28 ก.พ. 52 21:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผู้จัดละครควรเข้ามาอ่านอย่างยิ่ง จากคุณ : ตามนั้น - [ 1 มี.ค. 52 22:20:32 A:58.9.200.97 X: TicketID:070913 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อืมมมม สนุกมากครับ ก็ชอบน่ะคัรบ ที่ไม่ได้ดูกันอย่างเดียวมีการทวงติง ทำให้รู้สึกว่า มันน่าจะถูกกว่านี้ มันผิดพลาดเยอะเกินไป แต่พอได้อ่านของ ป้าทุยบ้านทุ่ง ก็ทำให้เกิดความคิดในอีกรูปแบบนึง ที่ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อืมมม นานาจิตตังครับ จากคุณ : Arsenal_Buen - [ 3 มี.ค. 52 04:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ในละครช่วงที่เจ้าสีเกดมีชีวิตอยู่นั้น เปลี่ยนแปลงช่วงเวลาไปเป็นสมัยรัชกาลที่ ๕ แน่นอนค่ะ เพราะเห็นฉากที่พูดถึงเรื่องการเลิกทาส เพราะฉะนั้นจึงขัดกันอย่างรุนแรงกับกรณีที่เจ้าสีเกดถูกดูถูกเหยียดหยามอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นลูกหลานของกบฎ รัชกาลที่ ๕ แล้วไม่มีเหตุกบฎอันเกิดจากหัวเมืองประเทศราชแล้วกระมังคะ พอเข้าใจเรื่องความละเอียดอ่อนทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนะคะ แต่พอปรับช่วงเวลาแล้วหลายอย่างขาดความสมจริงไปค่ะ จากคุณ : ลูกแม่เอง - [ 8 มี.ค. 52 02:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 61 พึ่งมาอ่านเจอ กระทู้นี้ความรู้เพียบ แต่ถ้าปรับบทเพื่อความละเอียดอ่อนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อันนี้ก็เข้าใจและเป็นเหตุผลที่พอรับได้ ถึงจะทำให้ขาดความสมจริง แต่ไอ้การที่ให้ตัวละครมาประกาศปาวๆว่าเป็นลูกเจ้าคุณกลาโหมในสมัยรัชกาลที่ 5 อันนี้ผู้เขียนบทไม่กลัวกระทบคนในตระกูลนั้นๆที่มีตัวตนอยู่จริงในสังคมไทยบ้างหรือคะ ลูกหลานว่านเครือที่สืบตระกูลมาก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ไปเขียนบทถึงบรรพบุรุษเค้าแบบนี้ มันจะดีหรือคะ (ไม่ใช่สายตรง แต่มีญาติผู้ใหญ่นามสกุลนี้เหมือนกัน) จากคุณ : NAJ - [ 9 มี.ค. 52 06:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นอกประเด็น  ^^ ชอบ ติกาหรัง ในเรื่อง เรือนแก้วเหมือนกัน เมื่อไรจะได้เป็นละครน๊า จากคุณ : นารุเสะ - [ 25 มี.ค. 52 10:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านกระทู้นี้สนุกพอๆกับดูละครเลยค่ะ....... นับถือทุกท่านที่มาให้ความรู้.......... เก่งกันจังเลยค่ะ......... จากคุณ : จิ้มจุ่ม - [ 25 มี.ค. 52 18:55:12 ]