ความคิดเห็นที่ 1 จากจุดต่ำสุดของชีวิต สู่จุดสูงสุดของชีวิต ซึ่งเงินทองมหาศาลได้รับมานั้น มีคุณค่ามีความหมายน้อยกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต” เพราะ เงินนั้นไม่ได้สำคัญที่สุดสำหรับทุกคนบนโลกนี้ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในปี 2550...           สำนักข่าว CNN ได้นำเสนอรายงานอันน่าตระหนกจากการวิจัยของ  “สำนักงานเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศและศูนย์เพื่อการศึกษาสื่อมวลชนของอินเดีย”                            ในประเด็นการทุจริตติดสินบนที่เกิดขึ้น                                               ...พบว่า                                           “1 ใน 3 ของครอบครัวชาวอินเดียซึ่งมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่าระดับความยากจน ต้องสูญเสียรายได้ส่วนหนึ่ง ที่หามาได้ด้วยความยากลำบากจากน้ำพักน้ำแรง ไปกับการจ่ายสารพัดค่า “สินบน” ต่างๆ  เพื่อทำให้ครอบครัวสามารถได้รับการบริการภาคสาธารณะได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว!” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ... สินบน...สินบน และ สินบน เกิดขึ้นในสังคมอินเดีย “ประเทศซึ่งติดอยู่ในกลุ่มชาติยากจนที่สุดชาติหนึ่งของโลก” อย่างน่าตระหนก เพราะมันกระจายอยู่ในทุกวงการอาชีพ เช่น จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "วงการที่ต้องอาศัยศีลธรรมและความเสียสละเป็นอย่างสูง"       ได้แก่การจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาและเอาใจใส่มากกว่าระดับปรกติ!                                     .......................................                    "วงการที่ต้องอาศัยความยุติธรรมค้ำชูสังคม"          ได้แก่การจ่ายเงินใต้โต๊ะให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการวิ่งเต้นคดี...จากผลการสำรวจพบว่า “เป็นกลุ่มที่รับเงินสินบนมากที่สุด!” ซึ่งคนยากจนกว่า 2.5 ล้านครอบครัวต้องเผชิญกับ “ความยุติธรรมที่ได้มา-ก็ต้องจ่ายเงิน” นี้ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 " วงการการศึกษา"       คนเป็นพ่อเป็นแม่จำเป็นต้องจ่าย “ค่ากินเปล่า” ให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อลูกหลานจะได้มีที่เรียนดีๆ  โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง รวมถึงธุรกิจการขายข้อสอบ และอัตราครูที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนครูทั้งหมดในอินเดีย    โดยถือเป็นสถิติที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอันเป็นข้อมูลจากรายงานของ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)             ...ไม่เว้นแม่แต่แม้กระทั่งการติดสินบนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เพื่อให้บ้านของตนมีไฟฟ้าใช้ไม่ดับหรือ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ประปาเพื่อมีน้ำใช้ไม่ขาด! สิ่งที่เกิดขึ้นนี่ไล่ไปตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอินเดีย จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เบี้ยใบ้รายทางที่ชาวบ้านตาดำๆ และยากจนต้อง “ รีดเร้น” จากหยาดเหงื่อและคราบน้ำตาของตนเองเพื่อแลกกับการบริการและความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ในปี 2550 นั้นรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 6,930 บาท! จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ...จึงไม่แปลกที่ “จามาล มาริค” หนุ่มวัย 17 ปี ผู้มีกำพืดอันต้อยต่ำ ไร้การศึกษาจาก “จูอูล” สลัมขนาดใหญ่ในเมือง “มุมไบ”ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็น พนักงานเสริฟ์น้ำชา ใน Call Center  เครือข่ายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง จะถูกคนผู้คนจำนวนมากตั้งคำถามว่า จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เด็กสลัมเช่นเขาซึ่งกำลังพิชิตเงิน 20 ล้านรูปี...เขาทำได้อย่างไร? จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ...จากการที่ชายหนุ่มตอบคำถามในรายการ “เกมเศรษฐี(Who Wants to Be a Millionaire?)” เกมโชว์ สุดฮิตที่สร้างความเพ้อฝันถึงความร่ำรวยให้เกิดกับชาวอินเดียเกือบทั้งประเทศ ได้ทุกข้อ! และกำลังจะเข้าสู่รอบแจ๊คพ๊อตที่มีเงิน 20 ล้านรูปีลวงล่อรออยู่ ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้! จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 “จามาลจึงเป็น ความขัดแย้งของคนสองฝั่งในอินเดีย ฝั่งหนึ่งคือ คนอินเดียที่มีฐานะดี และร่ำรวยต่างดูถูกและกังขาการก้าวมาถึงจุดสูงสุดของการแข่งขัน... แต่เขากลับเป็น “ไอ้ลูกหมาสลัมที่กำลังพุ่งทะยานฝัน” ผู้ความเป็นหวังเชิงอุดมคติของชาวอินเดียอีกฝั่งได้แก่คนจนและต่ำต้อยมากมาย” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:21:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ...เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังโดนสอบปากคำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรีบเข้าตระครุบทันทีหลังจากได้ชัยชนะจากการแข่งขันรอบที่แล้วเพียงไม่กี่นาที      ...นั่นสิ...เขาทำได้อย่างไร...เหมือนกับตัวเลือกในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ถามผู้ชมว่า...        A.เขาโกง      B. เขาโชคดี   C. เขาคืออัจฉริยะ   D. มันถูกกำหนดไว้แล้ว                                                                                        ................................. จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 “จะบอกได้หรือยัง ว่านายใช้วิธีไหน... โทรศัพท์มือถือ เพจเจอร์ ฝังไมโครชิพ หรือ คนดูให้สัญญาณ...บอกมาสิว่าวิธีไหนกันที่นายใช้”      คือคำถามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ควบคุมตัว จามาล มาสอบสวน รีดเค้นเอาข้อมูลอีกครั้ง หลังจากที่จามมาล ให้การปฏิเสธ จนถูกซ้อม และถูกทรมานด้วยการใช้ไฟฟ้าจากแบ๊ตเตอรี่รถยนต์ช๊อตจนสลบไปเมื่อก่อนหน้า จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ...เมื่อการทารุณหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนแทบทนไม่ไหว จามาล จึงเอ่ยปากบอกเรื่องราว ทั้งหมดของไอ้ลูกหมาสลัม  “เพราะชีวิตที่เจ็บช้ำ มันคือความทรงจำ ที่ไม่ต้องมีคำถามใดมาตอกย้ำ...มันก็ยังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจที่ร้าวรานเสมอ จนไม่ต้องต้องเรียนหรือ “หาตัวช่วย” ใดมาตอบคำถาม” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ...“เกิดในสลัม” และ“มีชีวิตที่ต่ำต้อย”  ทำให้ จามาล และพี่ชายที่ชื่อ “ซาลิม” คือสองในล้านของเด็กด้อยโอกาสในสังคมอินเดีย...แววฝันและวัยเยาว์ ของหนูน้อยทั้งสองถูกฉาบด้วยความฉ้อโกง การแก่งแย่งแก่งขันด้วยเหลี่ยมเล่ห์ ซึ่งบีบบังคับให้จำต้องเป็น จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 “แต่ถึงแม้ จามาล จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม สกปรก เนื้อตัวดำเปื้อนในทุกๆ วัน แต่ความบริสุทธิ์ของจิตใจยังคงปรากฏผ่านแววตาไร้เดียงสาของ อย่างมิเคยเปลี่ยนแปลง แม้จะพบกับเหตุการณ์เลวร้ายที่แผ้วผ่าน เข้ามาตลอดก็ตาม” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ...เมื่อหนูน้อยทั้งสองต้องสูญเสียคุณแม่อันเป็นที่รัก จากเหตุการณ์ความรุนแรงซึ่งชุมชนชาวมุสลิมถูกไล่ที่โดยชาวฮินดูหัวรุนแรง        ...ภาพของแม่ที่ตะโกนบอกให้ทั้งสองหนีไป ขณะที่ด้ามไม้ขนาดใหญ่ถูกระหน่ำตีลงไปบนร่างของเธอ คือ                                    “ภาพจำอันโหดร้าย”    ปรากฏเป็นรอยแผลในหัวใจของทั้งสองอย่างไม่เคยลบเลือน             ที่สำคัญคือเป็นคำตอบของคำถามข้อหนึ่งในการแข่งขันที่ว่า                                        “ในภาพของพระรามที่ปรากฏอยู่ทั่วไปนั้น...ท่านถืออะไรไว้ในมือขวา?” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ...จามาลนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น และตอบได้ว่า ธนูและคันศร ซึ่งนอกจากจะตอบถูกแล้ว...เขายังอธิบายที่มาของคำตอบไว้ในใจเพียงลำพังว่า         “ถ้าไม่ใช่เพราะพระรามและพระอัลเลาะห์...แม่ผมก็ยังคงอยู่!” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองต้องระหกระเหินเร่ร่อน ไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ โดยมีเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อ “ลาติกา” ซึ่งเป็นเด็กหญิงกำพร้าพ่อแม่ติดตามทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในความคิดของจามาล ลาติกาคือหนึ่งในสามทหารเสือคนสุดท้ายที่เขากำลังเฝ้ารอ จากการที่เมื่อสมัยที่แม่ยังอยู่      และทั้งสองได้เรียนในโรงเรียนเล็กๆ คุณครูมักจะสอนเรื่อง “สามทหารเสือ” ให้ฟังอยู่เสมอ และด้วยความสนิทสนมของทั้งสาม ทำให้จามาลแอบซ่อนความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อ ลาติกาไว้ในใจตลอดมา จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ...และจากนั้นชีวิตเล็กๆ ก็ค่อยๆ เรียนรู้-เติบโต ผ่านเรื่องราวร้ายๆ ของชีวิต แทนที่จะได้รับเรื่องราวดีๆ รวมถึงความรักจากพ่อแม่หรือในครอบครัวที่มีอันจะกิน จนเกิดคำถามว่า        “คนจะดีนั้น...ดีที่ใด...ดีที่ตัวเอง หรือ จะเลวเพราะสภาพสังคมและการใช้ชีวิตบีบบังคับ” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ...ขอบคุณครับ ยังไม่จบนะครับ เนตเคลื่อนไหวได้ช้ามั่กๆ...แล้วจะมาดพสต่อนะครับ ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ มากๆ ครับ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 4 มี.ค. 52 17:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จะรอนะคะ สนุกมากแค่อ่านยังสนุกเลย เข้าฉายที่ไหนบ้างคะ จากคุณ : เดชคุณด้วน - [ 4 มี.ค. 52 17:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แวงไปดูในโรงมาสามรอบละจ่ะ เชียร์ น่าจะเข้าที่ไทย แต่อาจจะไม่มากโรง หามาดูกันเถอะ เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้วเิติมไฟให้ชีวิตได้ดีจริงๆ จากคุณ : สะบะละเฮ่ยแจงแวง - [ 4 มี.ค. 52 18:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ติดตามอ่านนะครับ ปลื้มหนังเรื่องนี้ที่สุดแล้ว สำหรับออสการ์ครั้งที่ผ่านมา จากคุณ : yatiko - [ 4 มี.ค. 52 19:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 วู้ ชอบคุณเอ๋ เล่าเรื่องมากๆ มาเล่าต่อเร็วๆนะ จามาล หมาสลัมทะยานฟ้า ตั้งชื่อได้บู๊ดีมากเลย จากคุณ : ทำไมต้องล็อกอิน - [ 4 มี.ค. 52 20:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แนะนำคุณ จขกท ให้ติดคำว่า "spoile เล็กน้อย" ดีกว่ามั้ยครับ บางจุด ถ้าเปิดเผยไปก่อน มันอาจจะเสียอรรถรสในการชม สำหรับผู้ชมบางท่านนะคับ อย่างเช่น คห.11 เป็นต้น ไม่ว่ากันนะคับ เพราะหนังดีจริงๆ จากคุณ : วาซาบิสดเผ็ดสุดยอดจริงๆเลย - [ 4 มี.ค. 52 20:47:28 A:118.172.17.10 X: TicketID:192528 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โอ๊วขอโทษ อย่างสูง กับคุณ จขกท ครับ ผมตาไม่ดีเอง คุณ จขกท ติดคำว่า สปอย แล้วแต่ผมไม่เห็นเอง ขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษจริงครับ จากคุณ : วาซาบิสดเผ็ดสุดยอดจริงๆเลย - [ 4 มี.ค. 52 20:49:24 A:118.172.17.10 X: TicketID:192528 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห.26 จขกท.เค้าก็เขียนนี่ครับว่าสปอย ที่หัวข้อกระทู้ไง เห็นยังครับ จากคุณ : seven-elephant - [ 4 มี.ค. 52 20:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นแล้วครับ "คุณ คห.28" ผมได้ขอโทษ "คุณ จขกท" ใน "คห. 27" ด้านบน "คห. 28" แล้วครับ ผมเจตนาดีครับ แต่ดันตาไม่ดี เลยผิดพลาดไป จากคุณ : วาซาบิสดเผ็ดสุดยอดจริงๆเลย - [ 4 มี.ค. 52 22:46:51 A:192.168.0.17 X:118.172.90.132 TicketID:192528 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ...ไม่เป็นไรนะครับผม...ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ครับ...กลับมาต่ออีกนิดครับ:) .................................................................................................              เพราะแม้จะผ่านเรื่องราวร้ายๆ ผิดหวัง ปวดร้าว และขมขื่นมามาก แต่จามาล         "ก็ยังเป็นคนมีความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ลมหายใจในทุกๆ วันมีคุณค่า"    ขณะที่ ซาลิม กลับหลงใหลในเงินตรา และเห็นว่า “เงินคืออำนาจ” ที่จะเนรมิตทุกสิ่งให้อยู่ใต้คุณค่า “รูปี” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 การกระทำของ ซาลิม สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ยังเด็กในครั้งที่แม่ยังอยู่ เมื่อ จามาล ไปเข้าส้วมสาธารณะในสลัมซึ่งไม่มีฝาปิดและตั้งยกพื้นสูงเมตรกว่าๆ อยู่กลางแดด โดยข้างล่างจะเป็นพื้นไม้เก่าๆ เจาะเป็นช่องโล่ง สำหรับให้คนแต่ละคนมาขับถ่ายและของเสียทับถมอยู่ตรงนั้น จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โดยไอเดียของฉากนี้ในภาพยนตร์ เกิดจากแรงบันดาลใจ ของ “ไซมอน โบฟอย” ผู้เขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งได้ลงไปสำรวจพื้นที่ใน“สลัม จูฮู” ของมุมไบ เพื่อจัดหาโลเคชั่นในการถ่ายทำ          แต่โฟบอยกลับหลงเข้าไปในตรอกเล็กๆ โดยมีเด็กๆ ชาวสลัมวิ่งไล่ตามพร้อมหัวเราะเยาะชายต่างชาติที่แปลกประหลาดเช่นเขาซึ่งเขา ไว้ในนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่งว่า จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 “ตอนที่ผมวุ่นอยู่กับการหาทางออกนั้น เด็กตัวเล็กๆ สิบคนเดินตามพร้อมๆ หัวเราะเยาะไล่ตามหลังไปด้วย ผมจึงรีบจ้ำอ้าวหนี     ...พวกเด็กๆ ก็วิ่งตามไปแล้วหัวเราะดังกว่าเก่า เพราะข้างหน้าคือ “ส้วมสาธารณะของสลัม”       ...มันเป็นแค่เพิงเล็กๆ เก่าๆ ผุพัง และยกพื้น ที่สำคัญมันมีผนังกั้นแค่สามด้าน ซึ่งด้านที่เปิดโล่งนั้น เผยให้เห็นสนามบินส่วนตัวของพวกคนรวยๆ ภาพที่ผมคิดมันจึงแปลกประหลาดเพราะผมจินตนาการ ว่าทุกๆ เช้าจะมีคนจนที่สุดในโลก มานั่งถ่ายทุกข์ มองคนรวยที่สุดในโลก บินมาทำธุรกิจกัน ” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 และสิ่งที่เกิดขึ้น จึงทำให้ฉากนี้ปรากฏขึ้นในภาพยนตร์ โดยระหว่างที่ จามาล กำลังเข้าส้วมพร้อมกับดูภาพถ่ายของ                                  “อมิตาบห์ บาจันห์”       ซึ่งเป็นดาราที่โด่งดังที่สุดของอินเดียไปพลางๆ เพราะอมิตาบห์ มีกำหนดการจะต้องมาแถวๆ นั้น         ...ปรากฏว่าเฮลิคอปเตอร์ ของอมิตาบห์  บินลงมาจอดใกล้ๆ สลัมของพวกเขา    (อมิตาบห์ โด่งดังมาตราบจนปัจจุบันนี้-ซึ่ง คนไทยเริ่มรู้จัก อมิตาบห์ จากภาพยนตร์เรื่อง “โชเล่ย์” ที่ได้เข้ามาฉายในประเทศไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ...ซาลิมได้โอกาสแกล้ง จามาล ด้วยการขังให้อยู่ในนั้น และวิ่งออกไปหา อมิตาบห์ เพื่อหวังจะได้ “ลายเซ็น” เพื่อที่จะนำมาขายได้ราคางาม! แต่จามาลไม่สามารถออกไปได้ จึงตัดสินใจ   “กระโดดจากช่องว่างของแผ่นไม้ แต่ยกแขนชูรูปของอมิตาบห์ ไว้สูงสุดเพื่อไม่ให้แปดเปื้อน ทั้งๆ ที่ตนเองจมปฏิกูลไปทั้งตัว!”     จากนั้น จามาล ก็เดินไปพร้อมกับรูปภาพ ทั้งๆ ที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยอุจาระ เพื่อแทรกฝูงชน ที่กำลังห้อมล้อม อมิตาบห์ เข้าไปเพื่อขอลายเซ็นอย่างง่ายดาย จนทุกคนต่างตกตะลึง โดยเฉพาะ ซาลิม! จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ...ภาพถ่ายที่ถืออยู่ในมือ ถูกเซ็นด้วยดาราใหญ่ตัวจริงเสียงจริง เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้หนูน้อยเป็นอันมาก...เพียงแต่ว่า ผ่านไปไม่ถึงค่อนคืน ภาพพร้อมลายเซ็นใบนั้นได้ถูก จามาล ขโมยนำไปขาย ได้ราคางาม คือสิ่งสะท้อนว่า ซาลิมนั้น เห็นเงินตราคือสิ่งสำคัญ มากกว่าความรู้สึก           แต่สำหรับ จามาล นั่นคือความสูญเสียสิ่งที่มีคุณค่าทางใจครั้งสำคัญ จนทำให้เขาสามารถตอบคำถามข้อแรกในการแข่งขันที่ว่า             “ใครคือดารานำในภาพยนตร์เรื่อง ซานจี อันสุดโด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน?” จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ...ภาพถ่ายพร้อมลายเซ็น หยดน้ำตาของเด็กเล็ก พี่ชายใจคด ประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตและ “อึ” คือสิ่งที่ทำให้ จามาล ตอบคำถามนี้ได้อย่างง่ายดาย จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับเรื่องราวในอดีตเด็กๆ ทั้งสอง และ ลาติก้า ซึ่งเร่ร่อนติดตามกันมา หลังจากที่แม่ถูกฆ่าตาย ทำให้พวกเขา “กร้านโลก” ขึ้นเรื่อยๆ    ...แล้ววันหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตได้เกิดขึ้นอีกครั้งขณะที่ จามาล และซาลิม นอนพักกลางวันในเพิงเล็กๆ ท่ามกลางภูเขากองขยะที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ส่วนลาติกา เล่นอยู่แถวๆ นั้น    ...ชายคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า “มาแมน” ได้แสดงถึงความโอบอ้อมอารี และรับทั้งสามไปอยู่ด้วยในการดูแลของ “บ้าน” ที่มีแต่เด็กๆ เร่ร่อนอย่างพวกเขามาอยู่รวมกัน แต่แท้จริงแล้วนั่นคือ                            “แกงค์ขอทานขนาดใหญ่ของอินเดีย”   ที่จะฝึกสอน เด็กเหล่านี้ให้ออกไปขอทาน แต่สิ่งเลวร้าย คือการที่ พวกมันจะ “ทำให้เด็กเหล่าๆ นี้ต้องพิการ!” โดยเฉพาะการใช้ยาสลบอุดปากอุกจมูก จากนั้นจึงนำ                             “ช้อนที่ลนไฟร้อนๆ”        มานาบลงไปในลูกตาของเด็กผู้เคาระห์ร้ายพร้อมควักออกมา                !...ด้วยเหตุผลของการกระทำเพียงแค่ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 “หากเด็กพิการออกไปขอทาน ก็จะได้รับความสงสารและได้เงินขอทานเป็นสองเท่า!” ................................................................................................                   ที่จริงว่าจะเอาลงมากกว่านี้ แต่กลัวเพื่อนๆ จะเสียอรรถรสในการชมไปเสียหมด...จึงขออนุญาตลงเพียงเท่านี้นะครับ (หนังดีจริงๆ นะ เป็นหนังในดวงใจเลยแหละครับ)                                      ขอบคุณครับผม :) จากคุณ : เอ๋taxiครับผม - [ 5 มี.ค. 52 15:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เล่าได้ดีมากค่ะ ไปดูมาแล้วสนุกดี หนังเยี่ยมสุดยอดจริง ๆ ... จากคุณ : หลานป้าเม้าท์ - [ 6 มี.ค. 52 19:32:28 ]