ผ่านไปสิบวัน... T T
เปิดดูหนังอีกรอบ และกลับมาีรีวิวตามสัญญาค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
The Village Album [2006]
บันทึกไว้ในหัวใจ
ฺBEST FILM / BEST ACTOR SHANGHAI INTERNATIONAL FILM FESTIVAL
"ฮานาตานิ" เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบท อยู่บนภูเขาที่เงียบสงบ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ไม่มีที่ท่องเที่ยวสำคัญที่จะดึงดูดผู้คน
มีเพียงสายน้ำใสๆ ต้นไม้เขียวๆ ใหญ่น้อย และวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ดำเนินไปวันแล้ววันเล่าเท่านั้น แต่วันนี้โครงการสร้างเขื่อนกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่
คณะกรรมการหมู่บ้านจึงอยากจัดทำสมุดภาพบันทึกความทรงจำของหมู่บ้านเอาไว้ ก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนั้นจะเกิดขึ้น
"เคนอิจิ" ...ช่างภาพอาวุโส เจ้าของร้านถ่ายภาพเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน เข้ามารับงานนี้ และ "ทาคาชิ" ลูกชายของเขาที่ทำงานอยู่ในโตเกียวก็ได้รับการติดต่อ
จากคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วยช่างภาพ "ทาคาชิ" ไม่อยากรับงานนี้ แต่เพราะโทรศัพท์จากน้องสาว เขาจึงตัดสินใจกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง
คนในครอบครัวและในหมู่บ้านต่างคิดว่า "ทาคาชิ" ทำงานเป็นช่างภาพอยู่ในโตเกียว การต้อนรับการกลับมาสร้างความอึดอัดให้เขาโดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับ "พ่อ"
ในวันแรกที่เริ่มงาน หน้าที่ของเขาก็คือ สะพายถุงอุปกรณ์ และต้องเดินตามช่างภาพหัวดื้อที่ปฏิเสธการนั่งรถยนต์
แต่กลับออกเดินเท้าไปยังจุดหมายที่ห่างไกลบนภูเขาสูงชัน สร้างความหงุดหงิดใจให้กับลูกชายที่จำใจเดินตามไปห่างๆ
พ่อ...ในความคิดของลูกชายเป็นเพียงเจ้าของร้านถ่ายรูปเก่าๆ ที่วันนี้แทบไม่มีลูกค้า
พ่อ...เป็นช่างภาพเชยๆ ที่ยังใช้กล้องฟิล์มถ่ายภาพ ในขณะที่ช่างภาพรุ่นใหม่อย่างเขาหันมาใช้กล้องดิจิตอล
ระหว่างทางมีนักท่องเที่ยววานให้พ่อถ่ายรูปให้ แต่พ่อซึ่งเป็นช่างภาพประจำหมู่บ้าน แต่กลับใช้กล้องดิจิตอลไม่เป็น
พ่อ...จึงไม่ใช่ช่างภาพประเภทที่ลูกชายภูมิใจ หรือหวังจะยึดเป็นต้นแบบได้เลย
ลูกชาย..ได้แต่คิดว่าการออกเดินเท้าเพื่อไปถ่ายภาพสักภาพของพ่อนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ไม่มี "ประสิทธิภาพ" และดู "เสแสร้ง" เต็มที
ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ทำให้พ่อกับลูกชายที่ดื้อดึงพอๆ กัน เกิดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
ด้วยบรรยากาศของการเดินเท้าไปในหมู่บ้านที่เป็นภูเขาสูงชัน และการถ่ายภาพแต่ละบ้านที่แตกต่างผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ทำให้ทาคาชิเริ่มคุ้นเคยกับหมู่บ้านทีละน้อย และระยะห่างของเขากับพ่อ ก็เริ่มใกล้กันมากขึ้น
ทาคาชิเริ่มมองเห็นความไม่ธรรมดาของหมู่บ้านเล็กๆ ผ่านมุมมองของคนหลายคน
...คนเมืองบางคนมาจากโตเกียวมาปักหลักที่นี่...บอกว่าไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหน แต่ที่แบบไหนต่างหาก ที่จะมีแรงผลักดันให้สร้างงานดีๆ ออกมาได้
...คนหนุ่มบางคนปักหลักอยู่ที่หมู่บ้าน และบอกว่าที่นี่คือทุกอย่างของเขา และไม่เคยคิดจะไปอยู่เมืองใหญ่อย่างโตเกียว...
...คนชราบางคนยอมอยู่คนเดียวในบ้านหลังเดิมบนเขาสูงห่างไกลผู้คน เพราะกลัวว่าหากย้ายไป ลูกชายของเธอที่ออกไปรบในวัยหนุ่ม...อาจจะกลับมาในวันใดวันหนึ่ง แล้วหาเธอไม่เจอ
.
.
>>แจ้งเืตือนสปอยล์<<
รีวิวส่วนข้างล่างนี้อาจจะสปอยล์ไปบ้างสำหรับบางคน
แต่สำหรับเรื่องนี้ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีจุดเปลี่ยนอะไรมากมาย
ที่จะทำให้อ่านรีวิวแล้ว จะทำให้อยากดูน้อยลง
แต่ถ้าไม่ชอบสปอยล์ ก็ลากเม้าส์ข้ามไปอ่านส่วนท้าย (หลังจากแถบจุดๆๆๆๆ )ได้เลยค่ะ ^^
>>เริ่มพื้นที่(อาจจะ)สปอยล์<<
v
v
v
v
งานถ่ายภาพของหมู่บ้านใกล้สำเร็จลงเหลือเพียงภาพสุดท้ายเท่านั้น แต่แล้ว...เคนอิจิก็กลับล้มป่วยและงานสมุดภาพก็หยุดชะงักไป
เคนอิจิขอร้องคณะกรรมการหมู่บ้านให้ลูกชายของเขาทำหน้าที่แทน เขาบอกกับลูกชายว่า...เวลาถ่ายภาพให้มองไปที่ตาของคนคนนั้น ...แล้วก็กดชัตเตอร์
นั่นเป็นครั้งแรกที่พ่ออนุญาตให้เขาใช้ห้องมืดของร้าน ในห้องนั้นทาคาชิ ได้เห็นบรรดาผลงานของพ่อที่ถ่ายไว้เป็นครั้งแรก และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน เขาก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า...
ภาพถ่ายของพ่อทุกภาพมีชีวิตชีวาจนแทบจะได้ยินเสียงคนดังออกมาจากภาพ เขาไม่มีทางถ่ายภาพได้แบบนั้น
เพื่อนของพ่อบอกว่า...ที่พ่อเขามาปักหลักที่หมู่บ้านนี้ ก็เพราะว่าแม่ของเขาที่สุขภาพอ่อนแอ ไม่สามารถอยู่ในเมืองใหญ่ได้ และเขาได้รับรู้ว่า
พ่อ...ที่เขาเคยคิดว่ายอมให้เขาไปโตเกียว โดยไม่เคยรั้งไว้ ก็เพราะไม่ได้ใส่ใจอะไรเขา
พ่อ...ที่เขาเคยคิดว่า คอยขัดขวางพี่สาวที่รักกับหนุ่มจากโตเกียว จนพี่ต้องหนีไปและไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้าน ก็เพราะพ่อไม่ชอบโตเกียว
แท้จริงแล้ว...พ่อเขากลับเป็นอดีตช่างภาพฝีมือดีของหนังสือพิมพ์ในโตเกียว ที่ยอมทิ้งความฝันไว้ที่นั่น มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อผู้หญิงที่เขารัก
และพ่อต่างหาก...ที่เป็นคนผลักดันให้เขารับหน้าที่ผู้ช่วยช่างภาพ ไม่ใช่คณะกรรมการหมู่บ้าน
พ่อ...ที่เป็นครูคนแรกที่สอนให้เขาถ่ายภาพตอนยังเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ใช่ช่างภาพฝรั่งชื่อดังที่เขายึดเป็นต้นแบบในวันนี้
พ่อ...คนที่ดูเย็นชาแต่ยามกินเหล้าเมามาย ก็รำพึงรำพันว่า ภูมิใจเหลือเกินที่ลูกชายได้ทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ นั่นคือ การเป็นช่างภาพในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว...
คาทาชิ สารภาพกับพ่อว่า ...เขาไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อคาดหวัง ในวันนี้เขาไม่เคยเป็นแม้กระทั่งผู้ช่วยช่างภาพด้วยซ้ำ
พ่อมองเขาและบอกว่า..ไม่เป็นไร ต่อไปไม่ว่าลูกจะไปทำงานที่ไหน ขอให้จำไว้ว่า ถึงแม้งานนี้จะยากลำบากไปบ้าง แต่สมุดภาพของหมู่บ้านนี้ ก็คือผลงานแรกของลูก
สมุดภาพบันทึกความทรงจำของหมู่บ้านแห่งนี้ จะสำเร็จลงไหม... ภาพสุดท้ายที่พ่อและลูกชายต้องเดินทางไปถ่ายภาพร่วมกันอีกครั้งมีความสำคัญอย่างไร
ทำไมเขาจึงเลือกภาพนี้ เป็นภาพสุดท้ายของหมู่บ้าน ? เป็นภาพสุดท้ายในความทรงจำของเขา ?
.
.
.
>>สิ้นสุดเขต(อาจจะ)สปอยล์ <<
อ่านต่อได้แล้วค่ะ
.....................
.....................
.....................
.....................
.....................
.....................
.....................
ที่นี่...
หมู่บ้านเล็กๆ ที่นักลงทุนประเมินว่าไม่มีที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ
หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเพียงต้นไม้และสายน้ำเล็กๆ ที่เด็กๆ เคยได้ตกปลา เล่นน้ำ
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุกห้าโมงเย็นจะเปิดเพลงบอกเวลา ดังก้องไปทั่วภูเขา หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีผู้คนธรรมดาๆ วิถีชีวิตเรียบง่ายแห่งหนึ่ง กำลังจะหายไปในไม่ช้า
เคนอิจิบอกกับลูกชายเขาว่า...ต้นไม้ที่พ่อเคยปลูกที่ป่าไม้นั้น มันจะโตและอยู่ไปอีก สองร้อย สามร้อยปี
ภาพถ่ายและความทรงจำดีๆ ก็จะเหมือนต้นไม้พวกนั้นเช่นกัน...
...
หนังเรื่องนี้บอกกับเราว่า ...สิ่งรอบตัวเรา ธรรมชาติ ผู้คน เสียงเพลง สายลม มีความงาม และสร้างความทรงจำที่ดีให้กับเราได้เสมอ เพียงแค่เรารู้จักหันไปมองและชื่นชมความงามของมัน
หนังเรื่องนี้บอกกับเราว่า...เพียงแต่เราเคลื่อนที่ช้าลง เราก็จะมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น...การเดินเท้าแม้จะถึงจุดหมายอย่างช้าๆ แต่คุณค่าระหว่างการเดินทางก็คุ้มค่ากับเวลาที่จะเสียไป
หนังเรื่องนี้บอกกับเราว่า...ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เมืองเล็ก หรือ ป่าใหญ่ ขอเพียงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก็จะพบความสำเร็จที่ตั้งใจได้เสมอ...
+++++++++++++++++++++
นอกจากจะแอบกรี๊ดให้กับ "เคนอิจิ" คุณลุงช่างภาพที่เท่เหลือหลายอยู่เงียบๆ แล้ว
ตอนดูในโรงที่ลิโด้ ก็ยังแอบน้ำตาซึมไปยิ้มไปอยู่หลายตอน
มาเปิดดูอีกครั้ง ก็ยังน้ำตาซึมไป ยิ้มไป ที่จังหวะเดิมๆ
มีหนังไม่กี่เรื่อง ที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ได้...กระชากใจในจังหวะเดิม ประทับใจในจังหวะเดิม
และมีความสุขทุกครั้ง ที่ได้หยิบขึ้นมาดู
+++++++++++++++++++++
แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 52 21:00:58
แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 52 20:52:53
แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 52 00:22:40
แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 52 00:09:47
แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 52 22:07:53